สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอดการมีสภาพบุคคลทางกฎหมายทำให้บุคคลนั้นย่อมได้รับสิทธิและมีหน้าที่ต่อรัฐ การที่บุคคลบางคนด้อยความสามารถ รัฐจำเป็นต้องจำกัดความสามารถของบุคคล ก็เพื่อประโยชน์ของบุคคลเหล่านั้น Show
สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่มีความสำคัญมาก กฎหมายครอบครัวและมรดกมีส่วนในการช่วยให้นิติกรรมและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในครอบครัวมีผลทางกฎหมาย การที่บุคคลมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว จะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในสถาบันครอบครัวเป็นไปได้อย่างราบรื่น ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ตัวชี้วัด ส 2.1 ม.2/1 อธิบายและปฏิบัติตนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ครอบครัว ชุมชนและประเทศ จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ 1. ผู้เรียนสามารถอธิบายถึงสภาพบุคคลได้อย่างถูกต้อง 2. ผู้เรียนสามารถระบุความแตกต่างและระบุเกณฑ์การแบ่งบุคคลธรรมดากับนิติบุคคลได้อย่างถูกต้อง 3. นักเรียนสามารถอธิบายสาระสำคัญของกฎหมายการหมั้น การสมรส การหย่าและมรดกได้อย่างถูกต้อง 4. นักเรียนสามารถอธิบายหลักการสำคัญของกฎหมายมรดก และการรับบุตรบุญธรรมได้อย่างถูกต้อง ด้านทักษะและกระบวนการ 1. จากใบงานที่กำหนดให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของกลุ่มคำที่เกี่ยวข้องกับความสามารถของบุคคลได้อย่างถูกต้อง 2. จากสถานการณ์ที่กำหนดให้ผู้เรียนสามารถจำแนกสินสมรสกับสินส่วนตัวได้อย่างถูกต้อง 3. จากสถานการณ์ที่กำหนดให้ผู้เรียนสามารถระบุผู้รับมรดกได้อย่างถูกต้อง ด้านคุณลักษณะ 1. ผู้เรียนสามารถบอกประโยชน์ของการจำกัดความสามารถของบุคคลได้อย่างสมเหตุสมผล 2. บอกประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวได้อย่างเหมาะสม การวัดผลและประเมินผล- คำถามสำคัญ - กิจกรรมในชั้นเรียน - ใบงานเรื่อง “บุคคลและความสามารถของบุคคล” กฎหมายทั่วไป : "แจ้งเกิด แจ้งตาย ย้ายที่อยู่ รัฐจะอยากรู้ไปทำไม?" ความเป็นและความตายของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติที่เราต้องพบเจอกันอยู่ทุกวันแต่สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงก็คือ การเกิดการตายการมีสภาพบุคคลแต่ถ้าเด็กทารกนั้นคลอดและอยู่รอดเป็นทารกแล้วล่ะก็ เด็กก็จะมีสิทธิได้รับมรดกของพ่อตัวเองในฐานะที่เป็นผู้สืบสันดานนั่นเอง ซึ่งสิทธิที่จะได้รับมรดกนั้นจะเกิดทันทีที่เด็กคลอดพ้นออกจากครรภ์มารดาและหายใจแม้เพียง 3 นาที การสิ้นสภาพบุคคลในทางกฎหมายถือว่าเป็นการสิ้นสภาพบุคคลซึ่งอาจเกิดได้ 2 ลักษณะ คือ 2. ตายโดยผลของกฎหมายคือ เป็นบุคคลสาบสูญ (หายไปจากบ้านโดยไม่มีผู้ใดพบตัวเลยติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี ในกรณีปกติ หรือ 2 ปี ในกรณีพิเศษ เช่น ไปทำสงคราม หรือ เกิดภัยพิบัติขึ้น) การแจ้งย้ายที่อยู่การแจ้งย้ายที่อยู่นั้นสามารถทำได้โดยแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ อาจเป็นเทศบาลหรืออำเภอก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าสถานที่ที่ย้ายออกนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานราชการใด โดยต้องทำภายใน 15 วันนับตั้งแต่ย้ายออกจากพื้นที่เดิม การหมั้น - การสมรส : ความสัมพันธ์แบบไทยที่ชัดเจนในสายตาของกฎหมาย?ความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่เราตั้งคำถามกันอยู่เสมอ ซึ่งคำตอบนั้นอาจชัดเจนในความรู้สึก แต่ไม่แต่ไม่ชัดเจนในสายตาของกฏหมาย ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนว่ากฎหมายไทยรับรองเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเท่านั้น ก็หวังว่าในอนาคต รัฐไทยจะรับรองความสัมพันธ์ให้กับทุกเพศอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อชายหญิงได้คบหากันมาระยะหนึ่ง และได้ตัดสินใจที่จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นขึ้น ในทางกฎหมายบุคคลอาจทำได้ 2 วิธีคือ การหมั้น หรือ การสมรส การหมั้นการบอกเลิกสัญญาหมั้นต้องไปดูว่ามีเหตุเลิกสัญญาหมั้นหรือไม่ ซึ่งก็เอาง่ายๆ ว่าถ้าฝ่ายไหนผิดสัญญาฝ่ายนั้นก็มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับอีกฝ่าย เช่น ถ้าฝ่ายชายเปลี่ยนใจไม่อยากทำตามสัญญาหมั้นต่อไปแล้ว ฝ่ายชายต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ฝ่ายหญิง ส่วนของหมั้นนั้น เนื่องจากฝ่ายหญิงไม่ได้เป็นฝ่ายผิดก็ไม่จำเป็นต้องคืนให้กับชาย ในทางกลับกัน ถ้าฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายชายมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาหมั้นและเรียกของหมั้นคืน พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายคืนจากฝ่ายหญิงได้ อย่างไรก็ดี แม้เราอยากแต่งงานกับเขาตามสัญญาหมั้นที่มีต่อกัน แต่สัญญาหมั้นที่มีก็ไม่อาจใช้ร้องต่อศาลเพื่อบังคับให้เขาแต่งงานกับเราได้ (เรื่องหัวใจนี่มันบังคับกันไม่ได้จริง ๆ) การสมรสเหตุที่ต้องได้รับความยินยอมก็เพราะว่า กฎหมายต้องการให้ผู้แทนโดยชอบธรรมเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกคู่ครองผู้เยาว์นั่นเอง โดยการให้ความยินยอมนี้อาจทำเป็นหนังสือหรือทำด้วยวาจาก็ได้ เมื่อผู้เยาว์ได้ทำการสมรสกับผู้เยาว์ ก็จะกลายเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะไปโดยปริยาย โดยถือหลักที่ว่าบรรลุแล้วบรรลุเลย แม้สมรสกันเพียง 3 วัน แล้วไปจดทะเบียนหย่า บุคคลนั้นก็จะไม่กลับมาเป็นผู้เยาว์อีก บุคคลที่ไม่อาจสมรสได้ทุกกรณี ก็ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้1. คนวิกลจริต อาจไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูตนเองอยู่แล้ว และเมื่อจะมีครอบครัวก็อาจไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะดูแลได้ ตามกฎหมายอยากให้ชีวิตครอบครัวสงบสุข หากแต่งงานกับคนจิตไม่ปกติแล้ว ชีวิตครอบครัวอาจมีปัญหาได้ 2. คนที่เป็นญาติสืบสายโลหิตหรือพี่น้องกัน เช่น พ่อแต่งกับลูก อาแต่งกับหลาน ในทางการแพทย์ หากมีสายเลือดเดียวกันและแต่งงานกัน ทายาทรุ่นต่อไปจะรับเอาส่วนที่ไม่ดีของทั้งสองฝ่ายมา นอกจากนี้ประเพณีของสังคมไทยทั่วไปยังไม่ยอมรับการแต่งงานแบบนี้ด้วย 3. การสมรสระหว่างบุตรบุญธรรมกับผู้รับบุตรบุญธรรม ที่กฎหมายห้ามก็เพราะว่าจะได้ไม่สับสนในสถานะระหว่างบุคคลทั้งสองว่าจะเป็นสามีภรรยากัน หรือ เป็นบุตรบุญธรรมกับผู้รับบุตรบุญธรรมนั่นเอง อย่างไรก็ดีถ้ามองให้ลึกลงไป บุคคลทั้งสองจะแต่งงานกันก็ย่อมทำได้ เพียงแค่ต้องไปเลิกรับการเป็นบุตรบุญธรรมออกไป กล่าวคือ ต้องลบสถานะหนึ่งออกไปก่อนแล้วค่อยสร้างสถานะใหม่ขึ้นมา 4. กฎหมายห้ามชายหญิงที่สมรสกับผู้อื่นอยู่แล้วมาทำการสมรสอีก หรือที่เรียกว่า สมรสซ้อน ก็เพราะว่าไม่ต้องการให้เกิดปัญหาภายในครอบครัว นอกจากนี้กฎหมายไทยในปัจจุบันยังรองรับเพียงแค่ความสัมพันธ์แบบผัวเดียวเมียเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ต้องจำไว้เสมอว่า การสมรสนั้นเป็นเรื่องของความยินยอมของบุคคลทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าเขาอยากแต่ง แต่เราไม่อยากแต่ง แล้วเราดันลงชื่อในทะเบียนสมรสไป การสิ้นสุดการสมรส : อยากยุติความสัมพันธ์ต้องทำยังไง แล้วเรามีสิทธิ์จะได้อะไรบ้าง?การสิ้นสุดการสมรสเมื่อความสัมพันธ์มาถึงจุดที่ต้องเลิกรากัน ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย กฎหมายก็ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่วันยังค่ำ ทีนี้สิ่งที่เราต้องพิจารณาอันดับแรกคือ มีเหตุหย่าตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเหตุหย่าตามกฎหมายที่ให้อำนาจอีกฝ่ายฟ้องหย่าได้ มีดังต่อไปนี้ ผลของการหย่า
ผลของการหย่า มี 2 แบบ ดังนี้ 1. ผลของการหย่าโดยความยินยอมของทั้งฝ่ายโดยการหย่าเช่นนี้ ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมลงชื่อพยานอย่างน้อย 2 คน ซึ่งหากต้องการตกลงกันเรื่องทรัพย์สิน หรืออำนาจในการปกครองบุตรก็สามารถตกลงกันได้เองในชั้นนี้ และเจ้าหน้าที่ผุ้มีอำนาจก็จะทำการบันทึกข้อตกลงดังกล่าวไว้ในบันทึกข้อตกลงแนบท้ายทะเบียนการหย่าไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ในกรณีที่อีกฝ่ายไม่ทำตามสิ่งที่ตกลงกันไว้ตอนที่ตกลงจะหย่ากัน ก็สามารถนำหนังสือแนบท้ายนี้ไปร้องขอต่อศาลให้ศาลบังคับให้อีกฝ่ายทำตามหน้าที่ที่ฝ่ายนั้นมีได้
2. ผลของการหย่าโดยคำพิพากษาของศาลการหย่าวิธีนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อ ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้หย่าได้ ดังนั้นแม้จะยังไม่ได้ไปจดทะเบียนหย่ากัน ก็ถือว่าการสมรสสิ้นสุดลงแล้ว
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัวมีกฎหมายอะไรบ้าง พร้อมกับยกตัวอย่างมา 2 เรื่อง *กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว ได้แก่ กฎหมายเกี่ยวกับความสามารถของผู้เยาว์ซึ่งกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ กฎหมายเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งเป็นเอกสารที่คนไทยต้องมีเพื่อใช้แสดงตน นอกจากนี้ยังมีกฎหมายเกี่ยวกับครอบครัวที่กำหนดเรื่องของการหมั้น การสมรส และการรับรองบุตรไว้
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตัวเองมีอะไรบ้างกฎหมายเกี่ยวกับตนเอง. หลักเกณฑ์ของผู้ที่จะต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน 1.1 ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย ... . การขอมีบัตรประตัวประชาน บุคคลผู้ใดเมื่อมีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ให้ไปติดต่อที่อำเภอ ที่ฝ่ายทะเบียน ... . ความผิดและอัตราโทษของผู้ฝ่าฝืน ... . บุคคลผู้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน. กฎหมายคืออะไร ม.2กฎหมาย คือข้อบังคับ กติกาของรัฐหรือของชาติ กำหนดขึ้นมาเพื่อใช้บังคับ ควบคุม ความประพฤติของบุคคลในสังคม ให้ปฏิบัติตาม หากมีการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดและได้รับโทษตามที่กำหนดไว้
ความสําคัญของกฎหมาย มีอะไรบ้างกฎหมายทาให้เกิดความสงบและความเป็นระเบียบขึ้นในสังคม เพราะหลักกฎหมายเป็นลักษณะของ ข้อห้ามมีบทลงโทษสาหรับผู้ควรทาผิดที่ชัดเจน ดังนั้นกฎหมายจึงท าให้ประชาชนทุกคนมีความยาเกรงเพราะการฝ่าฝืนกฎหมายจะได้รับการลงโทษ อย่างเฉียบขาด เป็นเครื่องมือสาคัญที่ทาให้เกิดความสงบสุขของประเทศชาติ
|