ประกันคุ้มครองสินเชื่อคืออะไร? ทำไมต้องทำ? Show ประกันคุ้มครองสินเชื่อ หรือประกันชีวิตแบบคุ้มครองสินเชื่อ ซึ่งก็มีความหมายตรงตัวคือ เป็นการประกันความเสี่ยงในการชำระหนี้ ซึ่งประกันนี้จะให้ความคุ้มครองแก่ผู้กู้ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับผู้กู้ก่อนสัญญาสินเชื่อจะสิ้นสุด พูดง่ายๆก็คือหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับผู้กู้ ในระหว่างที่ยังคงมีหนี้ค้างชำระ บริษัทประกันก็จะรับภาระชำระเงินกู้ส่วนที่เหลืออยู่แทนผู้กู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่อยู่ข้างหลังผู้กู้ ไม่ต้องมารับภาระแทนผู้กู้ และจะสร้างความสบายใจให้แก่ผู้กู้ได้เช่นกัน แล้วความคุ้มครองเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่แล้ว ประกันคุ้มครองสินเชื่อจะให้จำนวนเงินเอาประกันภัยไม่น้อยกว่าจำนวนวงเงินของการทำสินเชื่อ และระยะเวลาคุ้มครองจะไม่น้อยกว่าระยะเวลาในการผ่อนชำระสินเชื่อ ซึ่งจะให้ความคุ้มครองจากการทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร หรือ เสียชีวิต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ที่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท ฉะนั้นจึงควรอ่านและทำความเข้าใจในเงื่อนไขของประกันโดยเฉพาะสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ฯ การรับผลประโยชน์ ประกันคุ้มครองสินเชื่อมักจะกำหนดในสัญญาให้บริษัทผู้ให้บริการสินเชื่อเป็นผู้รับผลประโยชน์หลัก ซึ่งผู้รับผลประโยชน์หลักจะได้รับเงินผลประโยชน์ไม่เกินจำนวนหนี้ที่ผู้เอาประกันค้างชำระอยู่ และส่วนเงินผลประโยชน์ที่เกินจากจำนวนหนี้ที่ค้างชำระอยู่จะตกเป็นของผู้เอาประกันในกรณีที่ผู้เอาประกันเกิดการทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือจะตกเป็นของผู้รับผลประโยชน์รองตามที่ผู้เอาประกันระบุไว้ในหนังสือสัญญาในกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท รูปแบบเงินเอาประกัน ในแผนประกันคุ้มครองสินเชื่อนั้นอาจจะเสนอเงินเอาประกันภัยเป็น 2 รูปแบบ นั้นก็คือ 1. จำนวนเงินเอาประกันที่ลดลง จำนวนเงินเอาประกันที่ลดลง หมายถึง แผนประกันสินเชื่อที่จำนวนเงินเอาประกันที่ปรับลดลงตามระยะเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนหนี้สินที่ค้างชำระที่จะลดลงเรื่อยๆตามระยะเวลาผ่อนชำระ หรือพูดง่ายๆก็คือ หากผู้เอาประกันเกิดเหตุไม่คาดฝันในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งตามความคุ้มครองของประกันก็จะสามารถเอาเงินประกันจากบริษัทประกันตามที่ระบุไว้ในตารางแสดงจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ลดลงตามช่วงเวลานั้นๆจำนวนเงินเอาประกันภัยคงที่ 2. แผนประกันภัยแบบเอาเงินประกันคงที่ คือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่อยู่ในความคุ้มครองของประกันในช่วงเวลาใดตามตลอดระยะเวลาคุ้มครองก็จะได้เงินเต็มจำนวนเงินเอาประกันที่ระบุไว้ โดยที่ไม่มีผลต่อช่วงเวลาในการเกิดเหตุการณ์ และในหลายบริษัทประกันฯ อาจมีรูปแบบการจ่ายเงินเอาประกันแบบผสมกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไข แล้วข้อเสนอของบริษัทนั้นๆด้วย ฉะนั้น ผู้ทำประกันคุ้มครองสินเชื่อจึงควรอ่านและทำความเข้าใจในเงื่อนไขของประกันโดยเฉพาะสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ฯ เพื่อจะได้ทราบของผลประโยชน์ที่จะได้รับแก่ตัวผู้ทำประกันเองค่ะ อาจเกิดคำถามเมื่อมีหลักทรัพย์ในการทำสินเชื่อแล้ว ทำไมยังต้องทำประกันคุ้มครองสินเชื่ออีก? ก็เพราะลูกค้าที่มาขอสินเชื่อก็ไม่ได้มีต้องการจะให้ยึดหลักทรัพย์จากการทำสินเชื่ออยู่แล้วใช่ไหมคะ เพราะไม่อย่างนั้นคงเอาหลักทรัพย์ไปจำหน่ายน่าจะตรงจุดประสงค์มากกว่า ฉะนั้นการทำประกันคุ้มครองสินเชื่อ จะเป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรกับผู้ขอสินเชื่อ ก็จะมีประกันคุ้มครองสินเชื่อมาชำระหนี้แทนได้และทำให้หลักทรัพย์ของผู้ขอสินเชื่อยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขอสินเชื่อ หรือครอบครัวผู้ขอสินเชื่อต่อไป แล้วการทำประกันคุ้มครองสินเชื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ให้บริการสินเชื่อฝ่ายเดียวหรือไม่? การที่ลูกค้าถือกรมธรรม์คุ้มครองสินเชื่อย่อมเป็นประโยชน์แก่ลูกค้าสินเชื่อโดยตรงอยู่แล้วค่ะ เพราะบริษัทประกันจะชำระหนี้ส่วนที่เหลือให้ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นลูกค้าทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้อีกต่อไป เพราะถ้าหากลูกค้าไม่มีประกันคุ้มครองสินเชื่อ แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้มีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ หน้าที่รับผิดชอบก็ยังคงติดตัวเป็นพันธะของผู้กู้อยู่ดี ซึ่งสุดท้ายอาจทำให้เสียหลักทรัพย์ค้ำประกันไปหรืออาจจะต้องสืบทรัพย์สินส่วนอื่นเพิ่มเติมเพื่อมาใช้ชำระหนี้ จนกลายเป็นภาระคนข้างหลังได้ และหากว่าเงินเอาประกันสูงกว่าจำนวนหนี้ที่ค้างชำระ ผู้ถือกรมธรรม์ หรือผู้รับผลประโยชน์รองก็จะได้รับเงินส่วนต่างที่เกินจากหนี้ค้างชำระด้วย แม้ว่าสินเชื่อจะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยต่อชีวิต ต่อโอกาสให้แก่ผู้กู้ได้ แต่ก็ยังเป็นข้อผูกมัดระยะยาวและในอนาคตก็เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ประกันคุ้มครองสินเชื่อจึงเป็นตัวช่วยที่จะให้เราสบายใจได้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับเราในอนาคต หนี้สินที่เราก่อก็จะไม่ส่งผลกระทบให้กลายเป็นภาระไปยังคนที่อยู่ข้างหลังเราได้ แต่การจะทำประกันใดๆก็ตามก็ต้องอ่านรายละเอียดและทำความเข้าใจในเงื่อนไขของประกันนั้นๆให้เข้าใจชัดเจนเสียก่อนเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ด้วยความปรารถนาดีจาก #เงินเทอร์โบพร้อมเคียงข้างทุกโอกาส
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยMain menu
menu
ซื้อรถยนต์ จำเป็นต้องทำประกันคุ้มครองสินเชื่อด้วยหรือไม่รายละเอียดคำถาม: ผมตกลงซื้อรถยนต์กับบริษัทแห่งหนึ่ง วางเงินดาน์ว 25% ส่วนที่เหลือเข้าไฟแนนซ์ ในวันจัดทำสัญญามีคำขอเอาประกันพ่วงมาด้วย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายแจ้งว่าเพื่อค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ และจำเป็นต้องทำ จริงหรือคับ เพราะรถยนต์ก็มีประกันชั้นหนึ่งอยู่แล้ว และที่สำคัญรถยนต์ก็เป็นหลักประกันไฟแนนซ์ คำตอบ: การทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ เป็นการทำแบบสมัครใจ หากถูกบังคับสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงาน คปภ. ประกันสินเชื่อรถคืออะไรประกันสินเชื่อรถยนต์ คือ ประกันชีวิตรูปแบบหนึ่ง ที่ทางธนาคารอาจมีข้อเสนอให้เราทำประกันตัวนี้ หลังจากขอสินเชื่อซื้อรถได้แล้ว เนื่องจากทางธนาคารผู้ให้สินเชื่อเป็นผู้จ่ายชำระค่ารถนั้นไปก่อนแล้วมาแบกรับความเสี่ยงจากเรา ในฐานะผู้ขอกู้อีกต่อหนึ่ง และในอนาคตอาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้การผ่อนชำระของเราต้องสะดุดหรือหยุดลงได้ดังนั้น ...
ค่าประกันสินเชื่อ คืออะไรประกันคุ้มครองสินเชื่อ หรือประกันชีวิตแบบคุ้มครองสินเชื่อ ซึ่งก็มีความหมายตรงตัวคือ เป็นการประกันความเสี่ยงในการชำระหนี้ ซึ่งประกันนี้จะให้ความคุ้มครองแก่ผู้กู้ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับผู้กู้ก่อนสัญญาสินเชื่อจะสิ้นสุด พูดง่ายๆก็คือหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับผู้กู้ ในระหว่างที่ยังคงมีหนี้ค้างชำระ บริษัทประกันก็ ...
ประกัน LP คืออะไร(Loan Protection) ซึ่งจะให้ความคุ้มครองผู้เช่าซื้อรถยนต์ในการปลดภาระหนี้สิน คงค้าง เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างการผ่อน ชำระตามสัญญาเช่าซื้อ ชําระค่าเบี้ยประกันภัยเพียงครั้งเดียวแต่ได้รับความคุ้มครองตลอดอายุสัญญาเช่าซื้อ
ประกันสินเชื่อ ต้องทำไหมจำเป็นหรือไม่ ที่ขอสินเชื่อแล้วต้องทำประกันทุกครั้ง
ในความเป็นจริงแล้ว การทำสินเชื่อและการทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อเป็นสิ่งที่แยกออกจากกัน เราไม่จำเป็นจะต้องทำ แต่ถ้าทำก็เป็นหลักประกันให้กับคนในครอบครัวหรือทายาทของเราว่าไม่ต้องลำบากหาเงินมาผ่อนชำระสินเชื่อต่อไป
|