Iphone 10 เปรียบเทียบ max กับ x

Iphone 10 เปรียบเทียบ max กับ x

iPhone XS และ iPhone XS Max วางขายในไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เราจะพามาดูความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้กันแบบละเอียดยิบทุกมุมไปเลย

เชื่อแน่ว่าตอนนี้คงมีใครหลายคนรอที่จะจับจองเป็นเจ้าของมือถือ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุด ในชื่อว่า iPhone XS และ iPhone XS Max กันอยู่แน่นอน เพราะว่าในบ้านเราก็ได้ออกขายมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว แต่เจ้ามือถือตัวนี้ก็มีมาให้เลือกัน 2 ขนาด เราจะพามาดูความแตกต่างกันแบบละเอียดยิบทุกมุมไปเลย

Iphone 10 เปรียบเทียบ max กับ x

หน้าจอและขนาดตัวเครื่อง

เริ่มที่ขนาดที่เห็นได้อย่างชัดเจนกันก่อนเลย ตัว iPhone XS จะมีขนาดหน้าจอที่ 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2,436 x 1,125 พิกเซล ขนาดตัวเครื่องนี่ก็คือเท่ากับ iPhone X ตัวก่อนหน้านี้เลย ส่วนอีกรุ่น iPhone XS Max มีขนาดหน้าจอที่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2,688 x 1,242 พิกเซล ถือเป็นขนาดหน้าที่ใหญ่ที่สุดของ iPhone ตั้งแต่ Apple เคยทำมา ขนาดตัวเครื่องก็จะพอๆกันกับ iPhone 8 Plus อันนี้ลองจับถือกันดูได้เลย ว่าชอบขนาดไหนมากกว่า เทียบเอาจากขนาดรุ่นเดิมก็ได้ และเทคโนโลยีหน้าจอที่ใช้ก็จะเป็น OLED เหมือนกันทั้งคู่

Iphone 10 เปรียบเทียบ max กับ x

กล้อง

กล้องของทั้งสองรุ่น จะไม่มีแตกต่างกัน มีสเปคที่เหมือนกันเลย คือเป็นกล้องคู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลมาสองตัว ตัวนึงจะเป็นระยะมุมกว้าง รูรับแสงกว้างสุดที่ f/1.8 ส่วนอีกตัวเป็นเลนส์ซูมระยะไกล รูรับแสงกว้าง f/2.4 รองรับระยะซูมได้ 2x และสามารถซูมแบบ Digital ได้อีก 10x

Iphone 10 เปรียบเทียบ max กับ x

ระยะเวลาแบตเตอรี่

เนื่องจาก iPhone XS Max นั้นมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่กว่า และยังเป็นเครื่องที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่ Apple เคยใส่ลงมาให้กับมือถือ iPhone ทำให้สามารถใช้งานท่องเว็บได้นานราว 10 ชั่วโมง 38 นาที ในขณะที่ตัว XS จะได้อยู่ที่ 9:41 ชั่วโมง

Iphone 10 เปรียบเทียบ max กับ x

ส่วนเรื่องของระบบชาร์จเร็วนั้น จะรองรับทั้งคู่เหมือนกัน ชาร์จจนเต็มครึ่งนึงได้ภายในเวลา 30 นาที (กับการทดสอบด้วยหัวชาร์จ Apple 30W และ 87W) ซึ่งแน่นอนว่าจำเป็นที่จะต้องซื้อหัวชาร์จกำลังไฟสูงนี้แยก ไม่ได้แถมมาให้ในกล่อง

ประสิทธิภาพ

ถ้าหากว่าเรื่องความเร็วในการทำงานถือเป็นจุดที่คุณให้ความสำคัญ ก็คงไม่ต้องคิดอะไรมากสักเท่าไหร่ เพราะว่าทั้ง 2 ตัวนั้น ใช้ชิปรุ่นใหม่ล่าสุดตัวเดียวกัน คือรุ่น A12 ถือเป็นชิปแบบ 7 นาโนมเตร ตัวแรกของวงการเลยทีเดียวแหละ

มีหน่วยประมวลภายในทั้งหมด 6-Core และหน่วยกราฟฟิก 4-Core ซึ่งทำให้มันทำงานได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งยังมีระบบความสามารถใหม่ที่น่าสนใจมากเพิ่มเข้ามา อย่าง Real-Time machine learning ทำงานกับแอพฯระบบ AR ได้ดีขึ้นกว่าเดิม เล่นเกมต่างๆได้ความเร็วภาพระดับ 60 fps และประมวลผลการถ่ายภาพแสงน้อยได้ดีขึ้นด้วย

ทดสอบด้วยการแปลงรหัสไฟล์คลิปวิดีโอ 4K ความยาว 2 นาที ไปเป็นความละเอียด 1080p ชิปตัวนี้ก็ใช้เวลาทั้งหมดแค่เพียง 39 วินาทีเท่านั้น ในขณะที่เครื่องอย่าง Galaxy S9 นั้น ใช้เวลามากกว่าถึง 2:32 นาที

Iphone 10 เปรียบเทียบ max กับ x

หรือการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ก็ได้คะแนนมากถึง 11,515 คะแนน ซึ่งสูงกว่า Note 9 และ OnePlus 6

ความคุ้มค่า

แน่นอนของใหม่ ดีไซน์ใหม่ ชิปแรงสุดแบบนี้ Apple ไม่ได้ทำราคามาต่ำอย่างแน่นอน ถ้าหากว่าใครที่คิดจะซื้อเครื่องเปล่า อาจต้องกำเงินก้อนใหญ่อยู่สักหน่อย หรือไม่อย่างนั้นก็คงต้องมองเป็นการซื้อผูกสัญญากับผู้ให้บริการสัญญาณเครือข่ายมือถือ

ตัว XS เริ่มต้นที่ 39,900 บาท ส่วน XS Max เริ่มที่ 43,900 บาท ต่างกันอยู่ 4,000 บาท แต่ถ้าหากลองดูราคาติดสัญญา XS ก็จะเริ่มที่ 31,200 บาท ส่วน XS Max ที่ 35,200 บาท ประหยัดลงไป 8,700 บาท

Source: tomsguide

ร่วมแสดงความคิดเห็น

ความเห็น

>

Iphone 10 เปรียบเทียบ max กับ x

Photo Credit : Soyacincau

iPhone XS Max คือที่สุดของตัวท็อปในบรรดาเหล่าไฟน ซึ่งเปิดตัวเมื่อ 12 กันยายน ปี 2018 แต่ยังคงได้ผลตอบรับดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพราะเป็นโทรศัพท์ที่ดีรอบด้านจริง ๆ โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหราตามแบบฉบับ Apple รองรับคุณสมบัติการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว ทำงานเร็วแรงเต็มประสิทธิภาพบนชิปเซ็ต A12 Bionic ตามชื่อรุ่น Max มีกล้องถ่ายภาพที่เก็บรายละเอียดต้นฉบับได้ดีที่สุด พร้อม AI อัจฉริยะช่วยทำงาน โดยราคาเปิดตัวของรุ่นนี้เริ่มต้นที่ 43,900 บาท แต่ว่าไอโฟน XS Max ราคาปัจจุบันถูกลงไปเยอะ ยิ่งซื้อตอนนี้ยิ่งคุ้ม เอาล่ะถ้ายังลังเล งั้นลองไปส่องรีวิวแบบเต็ม ๆ กันเลยว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

การออกแบบ iPhone XS Max เป็นอย่างไร ?

ไอโฟน XS Max มีการดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงาม มีความหรูหรา แถมมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ ทำให้ใช้งานได้อย่างเต็มตา ซึ่ง

หน้าจอใหญ่คมชัด

ไอโฟน XS Max ใช้หน้าจอ OLED Super Retina HD ไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮมแบบ All-Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 1242 x 2688 พิกเซล ส่วนความละเอียดพิกเซลอยู่ที่ 458ppi สามารถแสดงผลได้แบบ HDR มาพร้อมสารเคลือบกันรอยนิ้วมือ และมีการครอบทับด้วยกระจกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอีกขึ้น ดีไซน์หน้าจอเป็นแบบไร้ขอบแบบมีรอยบากอยู่ด้านบน ตรงรอยบากนี้จะทำงานร่วมกับฟังก์ชัน Face ID เวอร์ชันใหม่ที่สามารถปลดล็อกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการฉายจุดแสงจับโครงสร้างใบหน้า 30,000 จุด และสามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้แม้ในที่แสงน้อย

ขนาดพอดีมือ มีหลายสีให้เลือก

iPhone XS Max มีขนาดตัวเครื่องที่ 157.5 x 77.4 x 7.7 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 208 กรัม บริเวณด้านข้างมีปุ่มสั่งงานเหมือนอย่างที่เคย เช่น ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง หรือเปิด-ปิดเครื่อง นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดด้วย ทั้งแบบ nanoSIM และ eSIM ส่วนวัสดุที่นำมาผลิตจะเป็นโลหะกับกระจกดูเรียบหรูสวยงามและแข็งแรงทนทานสูง โดยมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP68 สามารถอยู่ในน้ำได้ลึกถึง 2 เมตร เป็นเวลา 30 นาที ส่วนสีสันของบอดี้จะมีสีให้เลือก 3 สีด้วยกันก็คือ สีเทา Space Gray, สีเงิน Silver และสีทอง Gold

ประสิทธิภาพการทำงานของ iPhone XS Max ดีไหม ?

การเปิดตัว iPhone XS Max ทำให้สาวก Apple ได้เห็นถึงสเปคที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นของไอโฟนรุ่นนี้ บอกเลยว่าโดดเด่นในทุกด้านจริง ๆ ซึ่งรายละเอียดแบบเจาะลึกจะมีดังต่อไปนี้

ชิปเซ็ตแรง ความจุเยอะ

ชิป A12 Bionic และ Quad-core GPU ทำงานร่วมกันได้อย่างน่าประทับใจ ตัวเครื่องมีส่วนประมวลผลแบบสมองมนุษย์ (Neural Engine) 8 แกน จึงประมวลผลได้ 5 ล้านล้านครั้งในหนึ่งวินาที Core ML ซึ่งทำงานได้เร็วกว่าชิปเดิมมากถึง 9 เท่า เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของที่สุดจริง ๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Apple GPU (4-core graphics) ช่วยเล่นเกมได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น และช่วยประหยัดแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นถึง 50% เลยทีเดียว ส่วนความจุจะมีรุ่นให้เลือก 3 รุ่นก็คือ รุ่น RAM 4GB + ROM 64GB / RAM 4GB + ROM 256GB / RAM 4GB + ROM 512GB ไม่รองรับหน่วยความจำเสริมจากภายนอก แต่สเปคที่จัดมาให้ก็เพียงพอครบทุกความต้องการใช้งานกันอยู่แล้ว

เล่นเกมลื่นไหลไม่มีสะดุด

ในด้านการเล่นเกมนั้น Apple iPhone XS Max ถือว่าตอบโจทย์การเล่นเกมที่มีภาพกราฟิกแบบ 3D ได้เป็นอย่างดี สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลโดยที่ไม่เสียอารมณ์ จากการทดสอบโดยใช้เล่นเกม 3 เกมดังในขณะนี้อย่าง PUBG Mobile, ROV และ Ragnarok M Eternal Love ถือว่าเล่นได้อย่างสบาย ๆ ตัวเครื่องไม่มีอาการสะสมความร้อนที่ฝาหลัง ไม่เพียงเท่านั้นยังรองรับ ARKit 2 ซึ่งจะมาเปิดประสบการณ์ใหม่ เพื่อการใช้งาน AR ให้สวยงามและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

แบตเตอรี่อึดทน

แบตเตอรี่ของไอโฟน XS Max มีมาให้ที่ 3,174 มิลลิแอมป์ รองรับชาร์จเร็ว 15W สามารถชาร์จแบตฯ 50% ในเวลาเพียง 30 นาที และชาร์จแบบไร้สายได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังรองรับโหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode) รวมถึงสามารถตรวจสอบสถานะของแบตเตอรี่ได้ที่เมนู Battery Health ซึ่งจะเป็นการแจ้งว่า ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้วหรือยัง โทรศัพท์รุ่นนี้นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนแห่งโลกอนาคตที่จะตอบสนองได้ครบทุกความต้องการ ทั้งการใช้งานทั่วไป ถ่ายภาพและวิดีโอ ความบันเทิง และการเล่นเกมอย่างแท้จริง

ความปลอดภัยสูง

ระบบความปลอดภัยใน iPhone XS Max จะเป็นระบบปลดล็อกใบหน้า Face ID ที่มีความแม่นยำสูง สแกนเพื่อปลดล็อคได้ดีทุกสภาพแสงไม่ว่าจะสว่างจ้ากลางแจ้ง หรือแสงน้อย ๆ ก็ตาม และเมื่อไม่นานมานี้ทางแบรนด์ก็เพิ่งปล่อยฟีเจอร์สแกนหน้าแม้จะใส่แมสอยู่มาให้ด้วย เหมาะกับยุคปัจจุบันที่มีโรคระบาดสุก ๆ นอกจากนี้ความพิเศษของ Face ID ยังสามารถใช้ร่วมกับ iTunes & App Store, Safari Autofill รวมถึงแอปฯ อื่น ๆ ที่รองรับ ทำให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากกว่าเดิม

กล้องถ่ายรูปของ iPhone XS Max ถ่ายรูปสวยไหม ?

หากพูดถึงเรื่องการถ่ายรูป ต้องบอกเลยว่า iPhone XS Max เครื่องนี้ใส่มาให้แบบจัดเต็มทั้งกล้องหน้าและหลัง ไปดูพร้อมกันเลยว่าจะเด็ดแค่ไหน

กล้องหลังลูกเล่นเยอะ

กล้องดิจิตอลของ iPhone XS Max ก็เจ๋งเป็นอย่างมาก โดยกล้องหลังคู่มีความละเอียดที่ 12 + 12 ล้านพิกเซล กล้องตัวแรกมีขนาดรูรับแสง f/1.8 พร้อมโฟกัส PDAF และกันสั่น OIS มีไฟแฟลช Quad-LED ส่วนกล้องตัวที่สองเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ ขนาดรูรับแสง f/2.4 มีกันสั่น OIS โฟกัส PDAF และ 2x Optical Zoom พร้อมโหมดถ่ายภาพให้เลือกมากมาย เช่น Time-Lapse, Slo-Mo, Video, Photo, Portrait, Square, Pano เป็นต้น อีกทั้งยังเสริมความสนุกมาด้วยกับ Animoji and Memoji ที่คุณสามารถสร้างตัวคาแรกเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เอาไว้แชร์กับเพื่อน ๆ ได้เลย

กล้องหน้าคมชัดทุกมิติ

ในด้านของกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงขนาด f/2.2 และรองรับการถ่ายภาพ Portrait แบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับขนาดของรูรับแสงได้ตั้งแต่ f/1.4 - f/16 เหมือนกันกับกล้องหลัง และยังสามารถปรับได้ในขณะที่กำลังถ่ายภาพ หรือนำมาปรับแต่งหลังจากถ่ายภาพเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้ ที่สำคัญไอโฟน XS Max ยังถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K Ultra HD อีกด้วย เรียกว่าทางแบรนด์จัดเต็มเอาใจคนรักการถ่ายภาพจริง ๆ สำหรับไอโฟนรุ่นใหม่นี้

ฟีเจอร์เด็ดใน iPhone XS Max มีอะไรโดดเด่นน่าใช้บ้าง ?

iPhone XS Max ใส่ฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามาเยอะมาก ทำให้ใช้งานได้สะดวกและง่ายดายยิ่งกว่าเดิม โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ

Siri

ฟีเจอร์แรกที่หลาย ๆ คนที่ชื่นชอบในการใช้ Siri จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนคือ ใน iOS15 เราสามารถใช้ Siri ได้แบบออฟไลน์โดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือ Wi-Fi ใด ๆ อาทิ การตั้งนาฬิกาปลุก/นาฬิกานับถอยหลัง บอก To do list ในแต่ละวัน การส่งข้อความ การโทรศัพท์/Facetime ควบคุม Volume ของเสียง อ่านข้อความให้ฟัง หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ใน iPhone ของเรา ซึ่งบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ Functional สุด ๆ โดยกดปุ่มด้านข้างของโทรศัพท์ค้างเอาไว้ Siri ก็จะขึ้นมาให้ ซึ่งแน่นอนว่าตอบโจทย์และใช้งานสะดวกมากขึ้นอีกด้วย

Live Text

ส่วนนี้จะเป็นฟังก์ชันกล้องที่สามารถอ่านจับข้อความในรูปภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือตัวเลข ซึ่งเมื่ออ่านข้อความออกมาแล้ว เราสามารถทำการคัดลอก โทรออก นำไปแปล หรือแม้กระทั้งกดส่งข้อความให้กับคนอื่นได้ แต่น่าเสียดายอย่างหนึ่งคือในส่วนที่อ่านข้อความออกมานั้น จะอ่านได้แค่ภาษาอังกฤษและตัวเลขเพียงเท่านั้น ซึ่งวิธีการใช้คือให้เราเข้าไปที่กล่องข้อความใดก็ได้ Note , Messages , Direct Message ต่าง ๆ และให้เรากดจิ้มจอทำให้คำสั่งขึ้นมา จากนั้นกดเลือกเครื่องหมายสี่เหลี่ยมที่มีข้อความด้านใน และนำกล้องไปวางบริเวณที่เราต้องการให้อ่าน

Safari

มาถึงส่วนต่อมาที่มีคนพูดถึงกันมากที่สุดอย่างการปรับดีไซน์ใหม่หน้า Safari ซึ่งต้องบอกเลยว่าการอัปเดตนั้น ปกติแล้วตรงหน้า Safari จะไม่ค่อยมีการปรับเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ แต่ใน iOS15 ของ iPhone Xs Max นั้นมีการเปลี่ยนแปลงในหน้าตา ลูกเล่นต่าง ๆ ที่น่าสนใจมาก เราสามารถปรับแต่งหน้าจอของหน้าแรกได้ หากเราปรับหน้าให้เป็นรูปหรือ Wallpaper น่ารัก ๆ จะทำให้เปิดมาแล้วรู้สึกไม่น่าเบื่อ และ Tab Bar ของ Safari อยู่ที่ส่วนล่างแทนส่วนบน ซึ่งเรียกว่าสิ่งนี้บางคนอาจจะรู้สึกชอบหรือบางคนอาจจะรู้สึกไม่ชอบ แต่สามารเปลี่ยนแท๊บค้นหาใน Safari ให้กลับมาอยู่ด้านบนแบบเดิมได้

Note

ส่วนต่อมาที่มีการปรับเพิ่มฟีเจอร์คือแอปพลิเคชัน Note ซึ่งเราสามารถเพิ่ม # ที่สร้างเองได้ โดยสามารถเข้าไปดู # ได้ที่ด้านหน้าของแอป Note ซึ่งความพิเศษก็คือจะช่วยจัดประเภทของโน้ตได้ดี ง่ายต่อการค้นหา อีกทั้งหากเราใช้ Note แชร์ที่ใช้ร่วมกับคนอื่นก็จะมีการแจ้งเตือนอัปเดตอีกด้วย เช่น ถ้าเราใช้คำว่า #iPhoneXSMax ที่โน้ตใด ๆ เมื่อเรากดไปที่คำนั้น ๆ ก็จะมีโน้ตทุก ๆ ข้อความที่ใส่คำนี้ เรียกได้ว่าจัดการประเภทของโน๊ตได้สะดวกสบายมาก ง่ายต่อการค้นหาด้วย

Messages

ในส่วนของ Message ก็จะมีการเพิ่มเติมในส่วนของไอเท็มตกแต่งตัว Memoji ซึ่งที่เพิ่มมาก็คือสามารถเปลี่ยนสีตา ทรงผม และมีส่วนของเหล่า Accessories เข้ามา นั้นคือแว่นตา เสื้อผ้า หรือแม้กระทั้งท่าทางของตัว Memoji เอง ซึ่งจะมีด้วยกัน 3 ท่าทางคือทำท่าคล้ายโทรศัพท์ ทำมือเป็นรูปหัวใจ โบกมือคล้ายบ๊ายบาย และเราก็ยังสามารถปรับให้ภาพที่เราต้องการจะส่งนั้นวางซ้อนกัน โดยเป็นดูแบบ Grid View แทน นั้นคือมาสามารถแสดงผลได้แบบตารางเป็นเฟรม ๆ ไป หากเป็นแบบเดิมคือถ้าเพื่อนหรือคนที่เราคุยด้วยมีการส่งภาพมาแบบเยอะ ๆ เราก็จะต้องเลื่อนไปเลื่อนมา แต่ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะช่วยทำให้ช่องแชทของเราไม่รกด้วย

Photos

มีฟังก์ชันที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามาซึ่งช่วยทำให้การใช้งานมีความสนุก ง่ายมากขึ้น โดยสามารถบันทึกรูปภาพจาก Safari ทีละหลาย ๆ รูป ซึ่งทำได้โดยการลากรูปจากเว็บไซต์แล้วมาวางไว้ใน Photos ซึ่งใช้งานค่อนข้างใช้ยากไปหน่อยเพราะตอนลากเราจะต้องใช้อีกนิ้วจิ้มอยู่ตลอดเวลา และยังสามารถดูข้อมูลรูปภาพได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นวันและเวลา สถานที่ในการถ่าย โทรศัพท์ที่ใช้ เลนส์โหมดของกล้อง iso ขนาดของภาพนั้น ๆ เรียกว่าจบครบ ในส่วนของ Photo Memories เราสามารถครีเอทวิดีโอเก๋ ๆ ได้จากภาพและวิดีโอของทริปนั้น ๆ อีกด้วยน่ะ เริ่ดสุด ๆ

ข้อดี-ข้อเสียของ iPhone XS Max คืออะไร ?

หากใครที่มีแพลนกำลังจะซื้อ iPhone XS Max ลองมาอ่านข้อดี-ข้อเสียที่เรานำมาฝากกันก่อน ไปอ่านพร้อมกันเลย

ข้อดี

  • หน้าจอ OLED Super Retina HD Display ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว
  • มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP68
  • กล้องคู่ด้านหลัง ถ่ายออกมาได้สวยงามคมชัด ดูมีมิติที่สวยงามสมจริง
  • ดีไซน์สวยงามแข็งแรงดูพรีเมี่ยม กรอบตัวเครื่องเป็น Stainless Steel ครอบทับด้วยกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
  • รองรับการใช้งานฟีเจอร์ 3D Touch
  • รองรับการชาร์จเร็วและการชาร์จแบบไร้สาย
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ nanoSIM และ eSIM
  • สามารถใช้งานร่วมกับ Apple Watch ได้สบาย ๆ

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมอย่าง microSD Card ได้
  • ตัวเครื่องดีไซน์เป็นกระจกจึงอาจตกแตกและเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย
  • สแกนหน้าได้อย่างเดียว ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
  • แบตเตอรี่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
  • ไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และไม่มีอุปกรณ์สำหรับแปลงมาให้
  • ราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับโทรศัพท์แบรนด์อื่น ๆ ที่มีสเปคใกล้เคียงกัน

iPhone XS Max ยังน่าซื้อไหม ?

iPhone XS Max ยังคงเป็นโทรศัพท์ที่คุ้มค่าน่าลงทุนอยู่ เพราะแม้จะเปิดตัวมาได้สักพักแล้วแต่โทรศัพท์รุ่นนี้ยังคงทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนกับ iPhone รุ่นใหม่ ๆ ที่เพิ่งปล่อยออกมา มีลูกเล่นที่ใกล้เคียงกับโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ เลยก็ว่าได้ กล้องถ่ายรูปสวยทั้งหน้าและหลัง มาพร้อมลูกเล่นที่ครบครัน แถมแบตเตอรี่ก็อึดทน ใช้งานต่อเนื่องได้ยาว ๆ ตลอดทั้งวัน ส่วนประสิทธิภาพการทำงานก็เร็วแรง เล่นเกมหนัก ๆ ได้ไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังสามารถอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการล่าสุดได้อีกด้วย ไม่ต้องซื้อรุ่นใหม่ราคาแพงให้เปลืองเงิน คุณเองก็เป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ เพราะไอโฟน XS Max ราคาปัจจุบันนั้นถูกมาก ๆ ถ้าเทียบกับราคาที่วางจำหน่ายในตอนแรก ถือว่าลดลงมาค่อนข้างเยอะทีเดียว ถ้าจะซื้อล่ะก็ บอกเลยว่าซื้อตอนนี้คุ้มที่สุดแล้ว

จบไปแล้วกับการรีวิว iPhone XS Max เห็นไหมล่ะว่าเป็นโทรศัพท์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างแท้จริง ตัวเครื่องหรูหราทันสมัย สเปคแน่น ทำงานเร็วแรง แฟนบอยทั้งหลายพลาดไม่ได้ อย่ารอช้า! มาลองเช็ค iPhone XS Max ราคาล่าสุด และเทียบราคาจากร้านค้าออนไลน์ทั่วประเทศ พร้อมอัปเดทส่วนลดโปรโมชั่นเด็ด ๆ โดนใจก่อนใครได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ iPrice Thailand ครบที่สุด คุ้มที่สุด