Software Package ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปีใด

Software

        ซอฟต์แวร์ คือโปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน รวมไปถึงการควบคุมการทำงาน ของอุปกรณ์แวดล้อมต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ดิสก์ไดร์ฟ ซีดีรอม การ์ดอินเตอร์เฟสต่าง ๆ เป็นต้น ซอฟต์แวร์ เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ แต่รับรู้การทำงานของมันได้ ซึ่งต่างกับ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ที่สามารถจับต้องได้  ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
        ซอฟต์แวร์ระบบ ( System Software ) คือโปรแกรม ที่ใช้ในการควบคุมระบบการ ทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เช่น การบูตเครื่อง การสำเนาข้อมูล การจัดการระบบของดิสก์ ชุดคำสั่งที่เขียนเป็นคำสั่งสำเร็จรูป โดยผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีมาพร้อมแล้วจากโรงงานผลิต การทำงานหรือการประมวลผล ของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ระบบของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติควบคุม และมีความสามารถในการยืดหยุ่น การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์
        ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น ซอฟต์แวร์ประยุกต์สามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ

  1. ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software)  คือ โปรแกรมซึ่งเขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ บางที่เรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทำบัญชีจ่ายเงินเดือน โปรแกรมระบบเช่าซื้อ โปรแกรมการทำสินค้าคงคลัง เป็นต้น ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็มักจะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่างกันออกไปตามความต้องการ หรือกฎเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานที่ใช้ ซึ่งสามารถดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติม (Modifications) ในบางส่วนของโปรแกรมได้ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่เขียนขึ้นนี้โดยส่วนใหญ่มักใช้ภาษาระดับสูงเป็นตัวพัฒนา
  2. ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป (General Purpose Software) เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีผู้จัดทำไว้ เพื่อใช้ในการทำงานประเภทต่างๆ ทั่วไป โดยผู้ใช้คนอื่นๆ สามารถนำโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้กับข้อมูลของตนได้ แต่จะไม่สามารถทำการดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเอง ซึ่งเป็นการประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายในการเขียนโปรแกรม นอกจากนี้ ยังไม่ต้องเวลามากในการฝึกและปฏิบัติ ซึ่งโปรแกรมสำเร็จรูปนี้ มักจะมีการใช้งานในหน่วยงาน ซึ่งขาดบุคลากรที่มีความชำนาญเป็นพิเศษในการเขียนโปรแกรม ดังนั้น การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปจึงเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ตัวอย่างโปรแกรมสำเร็จรูปที่นิยมใช้ได้แก่ MS-Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมส์ต่างๆ เป็นต้น

บทนำ  

    ในปัจจุบันการวิเคราะห์ข้อมูลไม่นิยมใช้ระบบมือ แต่เปลี่ยนเป็น นิยมใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ช่วยในการวิเคราะห์ เพราทำให้การวิเคราะห์รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำประหยัดเวลา และสามารถแก้ไขได้ง่ายในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวแปรต่าง ๆ ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์จะออกมาในรูปของข้อมูลทางด้านสถิติ กราฟิก และมีการน าเสนอในรูปของบทความที่ทำให้สื่อความหมายได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงต้องเลือกใช้โปรแกรมให้เหมาะสมกับงานและงบประมาณที่ได้รับเนื่องจากราคาโปรแกรมแต่ละโปรแกรมแตกต่างกันและวิธีการใช้ก็แตกต่างกัน

8.1 การเลือกโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

การเลือกโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

    การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิตินั้น เป็นการประมวล ผลข้อมูลที่มีปริมาณมาก ดังนั้นการนำคอมพิวเตอร์มาช่วย ในการวิเคราะห์ข้อมูล จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย มีความสะดวกมากกว่าที่จะคำนวณด้วยเครื่องคิดเลข ทั่วๆ ไป และในการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นักวิจัยนิยม ที่จะใช้โปรแกรมสำเร็จรูป (Package Program) มากกว่า ที่จะเขียนโปรแกรมขึ้นมาเอง โปรแกรมสำเร็จรูปที่นำมา ใช้วิเคราะห์ข้อมูลจะเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ โดยตรง แต่ในปัจจุบันมีโปรแกรมสำเร็จรูปที่ทำงานด้านอื่นๆ สามารถนำมาวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติได้ เช่น โปรแกรม EXCEL ซึ่งเป็นโปรแกรมประเภทกระดาษทด (Spread Sheet) แต่เนื่องจากโปรแกรมประเภทนี้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับ งานบางอย่างที่ไม่ใช่สถิติโดยตรง ดังนั้นการวิเคราะห์ ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติบางอย่าง อาจทำโปรแกรม ประเภทนี้ไม่ได้ หรือทำได้แต่อาจจะให้รายละเอียดน้อยกว่า ดังนั้นผู้วิจัยส่วนใหญ่จึงนิยมใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทาง สถิติมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม โปรแกรม EXCEL จะมี ความสามารถในด้านการนำเสนอข้อมูลด้วยกราฟหรือ แผนภูมิ 

ประเภทของโปรแกรม 

     การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติที่มีจำนวนมาก ควรเลือก คอมพิวเตอร์ช่วยในการวิเคราะห์ ซึ่งต้องอาศัยโปรแกรม หรือ ซอฟต์แวร์มาช่วย โปรแกรมจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ 

1. โปรแกรมที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง (User’s Written Program) 

    เป็นโปรแกรมที่ผู้ใช้เขียนสั่งให้คอมพิวเตอร์ ทำงานได้ตามความต้องการ หรือ ตรงตามวัตถุประสงค์ และเหมาะสมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ โดยใช้เทคนิคและ ความชำนาญของผู้เขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ที่นิยมใช้เช่น ภาษาเบสิก ภาษาซีเป็นต้น

 2. โปรแกรมสำเร็จรูป (Package Program) 

    เป็น โปรแกรมที่มีผู้เขียนได้เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว โปรแกรม สำเร็จรูปจะให้ความสะดวกในการใช้งานมาก โดยที่ผู้ใช้ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์มากนักเพียง แต่เรียนรู้วิธีการใช้งาน ซึ่งส่วนมากจะมีคำอธิบายการใช้ โปรแกรมมาให้และในขณะทำงานก็สามารถขอรายละเอียด เพิ่มเติมได้ตลอดเวลาในการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ (Statistical Package) 

โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ 

     โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ เป็นโปรแกรมสำหรับ การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยตรง ในระยะแรกโปรแกรม สำเร็จรูปทางสถิติที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ มีไม่มากนักและ มีใช้เฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ได้แก่ ซุปเปอร์ คอมพิวเตอร์ (Super Computer) หรือ เมนเฟรม (Mainfame computer) โปรแกรมที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ รู้จักกันดี คือ

โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS

โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for Windows 
SPSS เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ โดย SPSSย่อมาจาก Statistical Package for the Social Sciences ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท SPSS จำกัด แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา โดยแนวคิดของ SPSS ในรุ่น ( version ) ปัจจุบัน ได้ปรับเปลี่ยนเป็น Statistical Product and Service Solutions

SPSS เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ (Personal Computer) หรือเครื่องขนาดใหญ่ก็ได้ โดย SPSS เป็นโปรแกรมที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงปรับปรุงมาโดยตลอด
1. SPSSX เป็นโปรแกรมที่ใช้กับเครื่องขนาดใหญ่ที่เป็นประเภท Mini-computerหรือ Main-frame computer
2. SPSS/PC เป็นโปรแกรมที่ใช้กับเครื่อง Microcomputer หรือ Personal Computer ที่ทำงานบนระบบ DOS
3. SPSS for Windows เป็นโปรแกรมประเภทเดียวกับ SPSS/PC เพียงแต่ทำงานบนระบบ windows

โปรแกรม SPSS for Windows ได้ถูกพัฒนาให้สามารถทำงานบนโปรแกรมควบคุมระบบ Microsoft windows โดยมีการปรับปรุงรูปแบบการใช้งานให้ดูง่ายสำหรับผู้ใช้ (Graphic user interface) และมีประสิทธิภาพสูง สะดวกในการทำงาน วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติได้อย่างละเอียด พร้อมกันนี้สามารถนำเสนอข้อมูลในรูปของกราฟและตารางในรูปแบบที่หลากหลาย และยังสามารถรับข้อมูลที่สร้างจากโปรแกรมประเภทอื่นได้ด้วย เช่น Microsoft Excel, LOTUS, dBASE, SPSS/PC หรือข้อมูลในรูปแบบของ แอสกี (Text file) นอกจากนี้ SPSS forwindowsยังสามารถบันทึกไฟล์ข้อมูลที่ใช้งานให้อยู่ในรูปแบบ
ของไฟล์ที่นำไปใช้กับโปรแกรมประเภทอื่นได้อีกด้วยส่วนวิธีการใช้งานของ SPSS for windows เป็นรูปแบบการใช้ที่ง่าย 
เนื่องจากมีระบบเมนูให้โต้ตอบที่เป็น Dialog box และเป็นระบบหน้าต่างให้เลือก ชนิด Check box หรือ Option button
นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถบันทึกขั้นตอนการทำงานที่ผู้ใช้เลือกมาเป็นชุดคำสั่ง (Syntax) คล้ายกับการทำงานเป็นโปรแกรมตามแบบของ SPSS/PC ส่วนการใช้ SPSS for Windows นั้น ผู้ใช้ควรจะมีพื้นฐานการใช้โปรแกรมประยุกต์บน Microsoft windows มาบ้างแล้ว ซึ่งจะทำให้การใช้งาน SPSS for windows คล่องตัวมากขึ้น

โปรแกรม SPSS for Windows
ปัจจุบัน โปรแกรม SPSS มีการพัฒนาโปรแกรมรุ่นใหม่ออกมาอยู่เป็นประจำ และมีขอบเขตงานวิเคราะห์ทางสถิติ ที่ครอบคลุมกว้างขวางขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานการวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านธุรกิจ การตลาด การควบคุมการผลิต ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ ทางอุตสาหกรรม ทำให้ความหมายของ SPSS ปรับเปลี่ยนมาเป็น Statistical Product and Service Solutions

โปรแกรม SPSS for windows เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ต้องติดตั้งบนเครื่องไมโครและทำงานบน Microsoft windows 
ซึ่งโปรแกรม SPSS for Windows ประกอบด้วยชุดการทำงานต่าง ๆ (Module) ซึ่งเรียกว่า SPSS Family of Product ดังนี้
1. ชุด BASE System 
2. ชุด Professional Statistics
3. ชุด Advanced Statistics 
4. ชุด Tables
5. ชุด Trends 
6. ชุด Categories
7. ชุด CHAID 
8. ชุด LISREL
9. ชุด Exact Tests 
10. ชุด Developers Kit
11.ชุด Mapinfo 
12. ชุด Teleform

ข้อดีของโปรแกรม SPSS

1. โปรแกรมเป็นที่รู้จักแพร่หลายนิยมใช้ทางด้านสังคมศาสตร์ เป็นส่วนใหญ่ และนิยมใช้ทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขในกรณีที่ไม่ต้องใช้สถิติขั้นสูง สามารถหาหนังสืออ่านได้ง่ายกว่า STATA

2. โปรแกรมใช้ง่าย สามารถเลือกคําสั่งได้จากเมนูได้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ เชี่ยวชาญทางด้านสถิติมากนัก และสามารถบันทึกเป็น syntax สําหรับเก็บคํา สั่งไว้ใช้ภายหลังได้

3. dataset ใน SPSS ไม่จํากัดว่าสร้างมาจาก version ไหน เพราะสามารถที่จะ เปิดได้ทุกเวอร์ชั่น เช่น สร้าง dataset มาจากเวอร์ชัน 12 สามารถที่จะนํา dataset มาเปิดที่เวอร์ชัน 10 ได้ 

ข้อเสียของโปรแกรม SPSS

1. ในกรณีที่เป็นสถิติขั้นสูง SPSS จะมีปัญหาไม่สามารถ วิเคราะห์ได้ เช่น Survival

2. อาจเกิดปัญหา garbage in garbage out หมายความว่า ถ้าไม่สามารถแยกแยะว่าตัวไหนเป็นตัวแปรต้น ตัวแปรตาม หรือ ตัวแปรชนิดใดได้แน่ชัด แล้วใส่ตัวแปรนั้นเข้าไป โปรแกรมก็จะ คํานวณออกมาตามข้อมูลที่เราใส่เข้าไป ทําให้ผลการวิเคราะห์ ข้อมูลผิดพลาด ตามมาด้วยการอภิปรายผลผิดอีก(Statistical Package for the Social Sciences) 

โปรแกรมสำเร็จรูป SAS (Statistical Analysis System)  

SAS เป็นคำย่อมาจาก Statistical Analysis System เขียนโดย SAS Institute Incorporation Carry,Carry,North Corolina,U.S.A. เพื่อการใช้ประโยชน์ของนักวิจัยและนักสถิติโดยตรง เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปขนาดใหญ่ สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติที่มีประสิทธิภาพ มีความสามารถหลายด้านที่ช่วยให้คุณดำเนินการต่อไปนี้:

  • การป้อนข้อมูลการดึงและการบริหารจัดการ
  • การเขียนรายงานและการออกแบบกราฟิก
  • วิเคราะห์ทางสถิติและคณิตศาสตร์
  • การคาดการณ์ทางธุรกิจและสนับสนุนการตัดสินใจ
  • การดำเนินงานการจัดการงานวิจัยและโครงการ
  • การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์

ภาพรวมพื้นฐาน ของระบบ SAS

  •  สิ่งอำนวยความสะดวกการจัดการข้อมูล
  •  การเขียนโปรแกรมภาษา
  •  การวิเคราะห์ข้อมูลและการรายงานค่าสาธารณูปโภค

การเรียนรู้การใช้ Base SAS ช่วยให้คุณสามารถทำงานกับคุณสมบัติเหล่านี้ของ SAS ได้ดี นอกจากนี้ยังเตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ SAS Product อื่น  ซึ่งมีพื้นฐานข้อมูลที่เหมือนกัน

รายละเอียดของชุดคำสั่งดังกล่าว เป็นดังนี้

  •  การบอกความต้องการข้อมูลแก่ SAS เพื่อจะเริ่มต้นการสร้างข้อมูล SAS โดยตั้งชื่อว่า WEIGHT_CLUB
  •  คำสั่ง INPUT เพื่อระบุเขตข้อมูลที่จะอ่านจากการป้อนข้อมูลและชื่อตัวแปร SAS ซึ่งจะถูกสร้างขึ้นจาก (IDNumber, ชื่อทีม, StartWeight และ EndWeight)
  • คำที่สามคือคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย จะคำนวณน้ำหนักแต่ละคนที่ลดลงและกำหนดผลเป็นตัวแปรใหม่
  •  ชุดคำสั่ง DATALINES บ่งชี้ถึงสายข้อมูลตามหรือตัวแปรตาม
  • สายข้อมูลตามคำสั่ง DATALINES วิธีการประมวลผลข้อมูลดิบนี้มีประโยชน์เมื่อเป็นข้อมูลสั้นๆ (ส่วนต่อมาแสดงวิธีในการเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ที่ถูกเก็บไว้ในไฟล์.)
  • อัฒภาคเป็นสัญลักษณ์การจบของข้อมูลดิบและเป็นขอบเขตขั้นตอน เพื่อบอก SAS ว่าก่อนหน้านี้มีความพร้อมสำหรับการดำเนินกา

องค์ประกอบของภาษา SAS

ชุดคำสั่งที่สร้าง WEIGHT_CLUB ชุดข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของการเขียนโปรแกรมภาษา SAS 

ซึ่งภาษา SAS มีชุดคำสั่งการแสดงออกและฟังก์ชั่นการปฏิบัติ CALL ตัวเลือกรูปแบบและ informants องค์ประกอบที่โปรแกรมร่วมหลายภาษา แต่วิธีการใช้องค์ประกอบของภาษา SAS ขึ้นอยู่กับกฎการเขียนโปรแกรมบางอย่าง 

กฎสำหรับการเขียนคำสั่ง SAS

การประมวลผลที่แสดงในโปรแกรมใน Documentation นี้ เช่นการเยื้องของชุดคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาการเว้นวรรคและเว้นบรรทัดสำหรับระบุวัตถุประสงค์ของความชัดเจนและความสะดวกในการใช้   คือ:

  •   ลงท้ายการเขียนคำสั่งด้วยอัฒภาค
  •  สามารถป้อนการเขียนคำสั่ง SAS เป็นตัวพิมพ์เล็กหรือตัวพิมพ์ใหญ่ หรือทั้งสอง
  •  สามารถเริ่มต้นการเขียนชุดคำสั่งในคอลัมน์ของเส้นใด  และเขียนคำสั่งเดียวกันได้หลายบรรทัด
  •  สามารถเริ่มต้นคำสั่งในบรรทัดเดียวและดำเนินการต่อได้ในบรรทัดอื่น แต่ไม่สามารถแยกคำระหว่างสองบรรทัดได้
  •  การเขียนชุดคำสั่งจะถูกแยกออกจากช่องว่างหรืออักขระพิเศษ (เช่นเครื่องหมายเท่ากับและเครื่องหมายลบในการคำนวณตัวแปร ตัวอย่างเช่น WEIGHT_CLUB)

Rules for Most SAS Names

ชื่อ SA ที่ใช้สำหรับข้อมูล SAS ตั้งชื่อชื่อตัวแปรและรายการอื่น  ทำตามกฎนี้

  •  ชื่อ SAS สามารถมีตั้งแต่หนึ่งถึง 32 ตัวอักษร
  •  ตัวอักษรตัวแรกต้องเป็นตัวอักษรหรือขีดล่าง ( _ )
  •  อักขระที่ตามมาต้องเป็นตัวอักษรตัวเลขหรือขีด
  •  ช่องว่างไม่สามารถปรากฏในชื่อ SAS 

กฎพิเศษสำหรับกำหนดชื่อตัวแปร

สำหรับชื่อตัวแปรเท่านั้น SAS จำได้ว่าการรวมกันของตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็กที่คุณใช้เมื่อคุณสร้างชื่อตัวแปร ภายในกรณีของตัวอักษรที่ไม่สำคัญ "กสท. " แมว "," และ "แมว" ทั้งหมดเป็นตัวแทนของตัวแปรเดียวกัน แต่สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเสนอ SAS จำกรณีที่เริ่มต้นของแต่ละตัวอักษรและใช้มันเพื่อเป็นตัวแทนของชื่อตัวแปรเมื่อพิมพ์มั

การวิเคราะห์ข้อมูลและการรายงานประโยชน์ 

การเขียนโปรแกรมภาษา SAS เป็นทั้งที่มีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่น คุณสามารถตั้งโปรแกรมให้จำนวนของการวิเคราะห์และรายงานใด  กับมัน เอสเอยังสามารถลดความซับซ้อนของการเขียนโปรแกรมสำหรับคุณกับห้องสมุดของในตัวโปรแกรมที่รู้จักกันเป็นขั้นตอน SAS . ขั้นตอน SAS ใช้ค่าข้อมูลจากข้อมูล SAS ชุดเพื่อผลิตรายงาน preprogrammed ต้องพยายามน้อยที่สุดจากคุณ

Output แสดงผลลัพธ์ ต่อไปนี้ 

ตารางของค่าเฉลี่ยแต่ละทีม

เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม SAS ที่ขึ้นต้นด้วย PROC (ขั้นตอน) คำสั่งและจบลงด้วยคำสั่ง RUN (หรือจบลงด้วยอีกคำสั่ง PROC หรือ DATA) เรียกว่าขั้นตอน PROC . ทั้งสองขั้นตอน PROC ที่สร้างก่อนหน้านี้สองเอาท์พุทประกอบด้วยองค์ประกอบต่อไปนี้:

  •  คำสั่ง PROC ซึ่งรวมถึงคำ PROC ชื่อของกระบวนงานที่คุณต้องการใช้และชื่อของชุดข้อมูล SAS ที่มีค่า (ถ้าคุณไม่ระบุข้อมูล = ตัวเลือกและชื่อชุดข้อมูลขั้นตอนการใช้ชุดข้อมูล SAS ที่ถูกสร้างขึ้นมากที่สุดเมื่อเร็ว  นี้ในโปรแกรม.)
  •  การบรรยายข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการจะทำเช่น CLASS, VAR, TABLE, and TITLE statements
  •  คำสั่ง RUN ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มก่อนหน้านี้ของรายงาน พร้อมที่จะดำเนินการ

Output ผลิตโดยระบบ SAS 

ชุดข้อมูล SAS โปรแกรม SAS สามารถผลิตบางส่วนหรือทั้งหมดของผลผลิตชนิดต่อไปนี้

มีค่าข้อมูลที่ถูกเก็บไว้เป็นตารางที่ได้จากการสังเกตและตัวแปร นอกจากนี้ยังเก็บข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับชุดข้อมูลเช่น ชื่อและการจัดเรียงของตัวแปร,จำนวนของการสังเกตและวันที่สร้างจากชุดข้อมูล ชุดข้อมูล SAS สามารถสร้างเป็นชุดข้อมูลชั่วคราวหรือถาวร ตัวอย่างในส่วนนี้ สร้างชุดข้อมูลชั่วคราว WEIGHT_CLUB 

เข้าสู่ระบบ SAS 

เป็นบันทึกของรายงานที่ทำใน  SAS ที่คุณป้อนเข้าไป และข้อความจาก SAS เกี่ยวกับการทำงานของโปรแกรมของคุณ มันจะปรากฏเป็นไฟล์บนดิสก์ ซึ่งการแสดงผลบนจอภาพของคุณ หรือแสดงรายการสำเนา ลักษณะที่แน่นอนของการเข้าสู่ระบบ SAS แตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานและเว็บไซต์ของคุณเอาท์พุทใน เอาท์พุทแบบดั้งเดิม: เข้าสู่ระบบ SAS แสดงให้เห็นถึงการเข้าสู่ระบบ SAS   ปกติสำหรับโปรแกรมในส่วนนี้

รายงานหรือรายการที่เรียบง่าย 

ช่วงที่ออกจากรายการที่เรียบง่ายของค่าข้อมูลไปยังส่วนย่อยของชุดข้อมูลขนาด ใหญ่ หรือรายงานสรุปกลุ่มที่ซับซ้อนและสรุปข้อมูลและแสดงสถิติ การปรากฏของขั้นตอนการส่งออก ขั้นตอนที่แตกต่างกันตามสถานที่และตัวเลือกที่คุณระบุในโปรแกรมของคุณ แต่การส่งออกใน การแสดงค่าในชุดข้อมูล SAS และ ตารางของค่าเฉลี่ยแต่ละทีม แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการส่งออกทั่วไป คุณยังสามารถใช้ขั้นตอนในการผลิตข้อมูลรายงานการปรับแต่งอย่างสมบูรณ์ (ดู การสร้างรายงานที่กำหนดเอง 

ไฟล์ SAS อื่น  เช่น แคตตาล็อก 

มีข้อมูลที่ไม่สามารถแสดงเป็นตารางของค่าข้อมูล ตัวอย่าง ของรายการที่สามารถเก็บไว้ในแคตตาล็อก SAS รวมการตั้งค่าที่สำคัญ ฟังก์ชั่นตัวอักษรที่มีการผลิตโดยซอฟต์แวร์ SAS / FSP และการแสดงที่มีการผลิตโดยซอฟต์แวร์ SAS / GRAPH 

ไฟล์ภายนอกหรือรายการในฐานข้อมูลอื่น  

สามารถสร้างและปรับปรุงโดยโปรแกรม SAS ซอฟต์แวร์ SAS / Access ช่วยให้คุณสามารถสร้างและปรับปรุงไฟล์ที่เก็บอยู่ในฐานข้อมูล เช่น คำพยากรณ์

ระบบการส่งออก (ODS) ช่วยให้คุณสามารถผลิตออกในหลากหลายรูปแบบเช่น 

  • ไฟล์ HTML 
  • รายการ SAS แบบดั้งเดิม (พิมพ์ดีด) 
  • ไฟล์ PostScript 
  • ไฟล์ RTF (สำหรับใช้กับโปรแกรม Microsoft Word) 
  • การตั้งค่าข้อมูลเพื่อส่งออก

Data  (ข้อมูล)  

ขั้นตอนที่สนับสนุน ODS และแต่ละขั้นตอนการผลิตข้อมูล DATA ซึ่งมีผล (ตัวเลขและตัวอักษร ของขั้นตอนในรูปแบบที่คล้ายกับข้อมูล SAS แต่ละชุด 

Table definition  (นิยามตาราง

นิยามตาราง คือ ชุดของคำสั่ง ที่อธิบายถึงวิธีการจัดรูปแบบข้อมูล แต่ไม่จำกัดเฉพาะ 

  • คำสั่งของคอลัมน์ 
  • ข้อความและคำสั่งของส่วนหัวของคอลัมน์ 
  • รูปแบบข้อมูล 
  • ขนาดตัวอักษรและใบหน้าตัวอักษร 

Output object   (วัตถุประสงค์ของการส่งออก)

ODS รวมคำแนะนำการจัดรูปแบบที่มีข้อมูลในการผลิตวัตถุส่งออก วัตถุที่ส่งออกจึงมีผลทั้งสองขั้นตอน หรือ DATA และข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการจัดรูปแบบผลลัพธ์วัตถุที่ส่งออก มีชื่อ, ป้ายชื่อ, และเส้นทาง 

หมายเหตุ: แม้ว่าการส่งออกวัตถุหลายอย่าง จะมีคำแนะนำการจัดรูปแบบไม่ทั้งหมด ในบางกรณีการส่งออกวัตถุประกอบไปด้วย เฉพาะข้อมูล 

ODS destinations  (เป้าหมายของ ODS )

หัวข้อ ODS ระบุประเภทเฉพาะของการส่งออก ODS สนับสนุนเป้าหมายของการส่งออกซึ่งรวมถึงต่อไปนี้ 

RTF: การส่งออก ที่จัดรูปแบบสำหรับใช้กับโปรแกรม Microsoft Word 

Output: ผลิตชุดข้อมูล SAS 

Listing: การส่งออก SAS แบบดั้งเดิม (รูปแบบ monospace) 

HTML: การส่งออก ที่จัดรูปแบบในเทคโนโลยี Hyper ข้อความ Markup Language (HTML) คุณสามารถเข้าถึงการแสดงผลบนเว็บที่มีเว็บเบราเซอร์ของคุณ 

Printer: การส่งออก ที่จัดรูปแบบสำหรับเครื่องพิมพ์ ที่มีความละเอียดสูง ตัวอย่าง ของประเภทของการส่งออกนี้เป็นไฟล์ PostScript 

ODS  Output

ODS  Output หรือการส่งออก ODS ประกอบด้วย การจัดรูปแบบของการส่งออก จากส่วนของเป้าหมายของ  ODS 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งออก ODS ดูที่  กำกับ Output และการเข้าสู่ระบบ SAS และ การทำความเข้าใจและการปรับแต่งเอาท์พุท SAS: ระบบการส่งออก (ODS) .

ตัวอย่างในเอกสารฉบับนี้แสดงผลลัพธ์ที่เหมือนกันโดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่เรียกใช้โปรแกรม อย่างไรก็ตามในบางกรณีวิธีการที่เรียกใช้โปรแกรมจะเป็นตัวกำหนดลักษณะที่ปรากฏของการส่งออก ส่วนต่อไปนี้จะแนะนำวิธีต่างๆในการเรียกใช้โปรแกรม SAS         มีหลายวิธีที่จะเรียกใช้โปรแกรม SAS  จะต่างกันตรงที่ความเร็วของการใช้โปรแกรม  ซึ่งมาจากคอมพิวเตอร์และความชำนาญที่คุณมีกับโปรแกรม (ที่จะแปลงข้อมูลขณะที่โปรแกรมกำลังทำ งานอยู่

หน้าต่างรอบโปรแกรม SAS

การใช้หน้าต่างของโปรแกรม SAS เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกในการเขียนโปรแกรม SAS มันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา โปรแกรมSAS บนไฟล์ทดสอบขนาดเล็ก แม้ว่ามันจะใช้งานคอมพิวเตอร์มากกว่าเทคนิคอื่น  โดยใช้หน้าต่างรอบโปรแกรม SAS สามารถบันทึกจำนวนมากเวลาในการพัฒนาโปรแกรม หน้าต่างรอบโปรแกรม SAS ช่วยให้คุณสามารถใช้งานโปรแกรม SAS โดยตรงผ่านชุดของหน้าต่าง คุณสามารถใช้หน้าต่างเหล่านี้ในการดำเนินงานทั่วไปเช่นตำแหน่งและการจัด การเก็บข้อมูลและแก้ไข บันทึกข้อมูล การแสดงoutput วิธีการตั้งค่าตัวเลือกและอื่น ๆ ถ้ามีความจำเป็นที่คุณสามารถออกคำสั่งระบบปฏิบัติการจากหน้าต่างนี้ หรือคุณสามารถปิดหน้าต่างคำสั่งลง และเรียกกลับมาใช้ใหม่เมื่อต้องการกรอกข้อมูลอีกครั้ง

หน้าต่างรอบโปรแกรม 

SASSAS / ASSIST จะไปกำหนดค่าให้โปรแกรม SAS เช่นเดียวกับที่แสดงก่อนหน้านี้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของการทำงานรวมของ โปรแกรมSAS ถ้าต้องการดำเนินการอื่น  ที่มากกว่าที่มีอยู่ใน SAS / ASSIST คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ในการเขียนโปรแกรมใน SAS ตามที่อธิบายไว้ในเอกสารฉบับนี้ หนึ่งคุณลักษณะที่สำคัญของโปรแกรมคือความพร้อมของ SAS / ASSIST ซอฟแวร์ SAS / ASSIST ให้อินเตอร์เฟซจุดและคลิกที่ช่วยให้คุณเลือกงานที่คุณต้องการดำเนินการ แล้วส่งค่าเข้าไป  โดย คุณไม่จำเป็นต้องรู้วิธีการเขียนโปรแกรมในภาษา SAS เพื่อที่จะใช้ SAS / ASSIST

โหมด  noninteractive 

ในโหมด noninteractive จะเตรียมข้อมูลที่กำหนดค่าในโปรแกรม SAS ที่จำเป็นเพื่อให้โปรแกรมทำงานได้  การรันโปรแกรมจะเกิดขึ้นทันทีและในชุดคำสั่ง ของคุณในปัจจุบัน คุณจะไม่สามารถทำงานต่อไปในชุดคำสั่งอื่นขณะที่โปรแกรมกำลังทำงาน (หมายเหตุ1) และคุณมักจะไม่สามารถออกคำสั่งโปรแกรม (หมาเหตุ2)ให้เอาท์พุทเข้าสู่ระบบและขั้นตอนไปยังจุดหมายได้และคุณมักจะไม่ได้เห็นจนกว่า โปรแกรมสิ้นสุด การปรับเปลี่ยนโปรแกรมหรือข้อผิดพลาดที่ถูกต้อง  จะต้องแก้ไขและส่งไปยังโปรแกรม การดำเนิน noninteractive อาจจะเร็วกว่าดำเนินการเป็นชุดเนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์เรียกใช้โปรแกรมอย่าง ทันทีแทนที่จะรอเพื่อกำหนดตารางโปรแกรมของคุณในโปรแกรมอื่น  

โหมดBatch

จากนั้นคุณสามารถทำงานกับงานอื่นที่สถานีงานของคุณ ขณะที่คุณกำลังทำงานในการดำเนินงานตารางเวลา สำหรับการดำเนินงาน ของคุณ(พร้อมกับส่งงานโดยคนอื่น  ) และมันRun เมื่อดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้วคุณสามารถดูบันทึกและเอาท์พุทได้ ส่วนกลางจะดำเนินการคือว่ามันจะแยกจากกิจกรรมอื่น  ที่สถานีงานของคุณ คุณจะไม่เห็นโปรแกรมในขณะที่มันยังทำงานอยู่และคุณไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดขณะRun  เอาท์พุทเข้าสู่ระบบและขั้นตอนไปยังจุดหมายปลายทาง  คและจะแสดงค่าหลังจากที่โปรแกรมทำงานเสร็จแล้ว การปรับเปลี่ยนโปรแกรม SAS, คุณแก้ไขโปรแกรมที่มีการแก้ไขข้อมูลที่ได้รับการส่งคำสั่งชุดใหม่ เพื่อเรียกใช้โปรแกรมในโหมดBatch, คุณเตรียมค่าต่างๆที่จะใช้ในโปรแกรม SAS และค่าใด ๆ ที่จำเป็นโดยสภาพจากนั้นก็ส่งค่าไปยังโปรแกรม 

เมื่อไซต์ได้คิดค่าบริการสำหรับทรัพยากรคอมพิวเตอร์ชุดการประมวลผลเป็นวิธีที่ราคาไม่แพงนักที่จะรันโปรแกรม มันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับโปรแกรมขนาดใหญ่หรือเมื่อคุณจำเป็นต้องใช้สถานีงานของคุณสำหรับงานอื่น  ในขณะที่โปรแกรมจะรัน อย่างไรก็ตามสำหรับการเรียนรู้ SAS หรือการพัฒนาและทดสอบโปรแกรมใหม่โดยใช้โหมดแบทช์อาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ

 โหมด Line Interactive

 โหมด Line Interactive ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์น้อยกว่าหน้าต่างรอบๆโปรแกรม ถ้าคุณใช้โหมดBatchคุณควรทำความคุ้นเคยกับ% INCLUDE,%LIST และเรียกใช้คำสั่งในภาษา SAS ในชุดคำสั่ง คุณป้อนหนึ่งบรรทัดของโปรแกรม SAS และ SAS รันข้อมูลแต่ละขั้นตอนหรือ PROC โดยอัตโนมัติทันทีที่มันรับรู้ในตอนท้ายของขั้นตอน คุณจะเห็นผลลัพธ์ขั้นตอนได้ทันทีบนจอแสดงผลของคุณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระบบคอมพิวเตอร์ของเว็บไซต์ของคุณและบนเวิร์กสเตชันของ คุณคุณอาจจะสามารถเลื่อนไปข้างหลังและข้างหน้าจะเห็นส่วนต่าง ๆ ของล็อกและผลผลิตขั้นตอนของคุณหรือคุณอาจไม่พบข้อมูลพวกเขาเมื่อกดปิดที่ ด้านบนของหน้าจอของคุณ และยังมีข้อจำกัด สำหรับการปรับเปลี่ยนและแก้ไขข้อผิดพลาดในโปรแกรม 

หมายเหตุ 1: ในสภาพแวดล้อมเวิร์กสเตชันคุณสามารถสลับไปยังหน้าต่างอื่นและทำงานอย่างต่อเนื่องได้

หมายเหตุ2: ข้อจำกัดของเครื่องหมาย เช่นใช้เครื่องหมายดอกจัน (*) ตัวเลือกใน% ในคำสั่งโปรแกรม 

โปรแกรมที่กำลังทำงานในสภาพแวดล้อม Windowing SAS

คุณสามารถเรียกใช้โปรแกรมส่วนใหญ่อยู่ในเอกสารนี้โดยใช้วิธีการใด  ที่อธิบายไว้ในส่วนก่อนหน้านี้ เอกสารนี้จะใช้สภาพแวดล้อม windowing SAS (ตามที่ปรากฏบน Windows และ UNIX สภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน) เมื่อมันเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อแสดงการเขียนโปรแกรมภายในเซสชั่น SAS สภาพแวดล้อม windowing SAS ปรากฏแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการปฏิบัติการที่คุณใช้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม windowing SAS ตัวอย่างต่อไปนี้จะช่วยให้ภาพรวมคร่าวๆของเซสชั่น SAS ที่ใช้สภาพแวดล้อม windowing SAS เมื่อคุณเรียกใช้ SAS

ตำแหน่งหน้าต่างที่เฉพาะเจาะจง, สีแสดงข้อความและรายละเอียดอื่น  บางอย่างแตกต่างกันตามเว็บไซต์จอแสดงผลของคุณและสภาพแวดล้อมการทำงานของคุณ หน้าต่างด้านซ้ายของจอแสดงผลเป็นหน้าต่าง SAS Explorer ซึ่งคุณสามารถใช้เพื่อกำหนดและค้นหาห้องสมุดของ SAS ไฟล์และรายการอื่นๆ หน้าต่างที่มุมขวาบนเป็นหน้าต่างเข้าสู่ระบบ; มันมีบันทึก SAS สำหรับเซสชั่น หน้าต่างที่ด้านล่างขวาเป็นหน้าต่างตัวแก้ไขโปรแกรม หน้าต่างนี้จะให้แก้ไขในสิ่งที่คุณแก้ไขโปรแกรม SAS ของคุณเพื่อสร้างโปรแกรมสำหรับการออกกำลังกายและการออกกำลังกายให้พิมพ์ข้อความในหน้าต่างตัวแก้ไขโปรแกรม คุณสามารถเปิดใช้หมายเลขบรรทัดหรือปิดเพื่ออำนวยความสะดวกการสร้างโปรแกรม จอแสดงผลดังต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของโปรแกรม 

โปรแกรมแก้ไขในหน้าต่างตัวแก้ไขโปรแกรม

เมื่อคุณกรอกหน้าต่างตัวแก้ไขโปรแกรมให้เลื่อนลงเพื่อดำเนินการต่อการพิมพ์โปรแกรม เมื่อคุณเสร็จสิ้นการแก้ไขโปรแกรมที่ส่งไปยัง SAS และดูเอาท์พุท (ถ้า SAS ไม่ได้สร้างผลผลิตให้ตรวจสอบแฟ้มบันทึก SAS สำหรับข้อความแสดงข้อผิดพลาด)

หลังจากเสร็จสิ้นการดูผลลัพธ์ที่คุณสามารถกลับไปที่หน้าต่างแก้ไขโปรแกรมที่จะเริ่มต้นการสร้างโปรแกรมใหม่ โดยค่าเริ่มต้นจากการส่งออกทั้งหมดยังคงอยู่ในหน้าต่างออกและงบทั้งหมดที่คุณส่งยังคงอยู่ในหน่วยความจำจนกว่าจะสิ้นสุดของเซสชั่นของคุณ คุณสามารถดูผลลัพธ์ได้ตลอดเวลาและคุณสามารถเรียกคืนงบส่งมาก่อนหน้านี้สำหรับการแก้ไขและส่งใหม่ นอกจากนี้คุณยังสามารถล้างหน้าต่างของเนื้อหาคำสั่งทั้งหมดที่คุณใช้เพื่อย้ายผ่านสภาพแวดล้อม windowing SAS สามารถดำเนินการได้เป็นคำหรือเป็น               ปุ่มฟังก์ชั่น นอกจากนี้คุณยังสามารถปรับแต่งสภาพแวดล้อม windowing SAS โดยการกำหนดที่หน้าต่างปรากฏขึ้นเช่นเดียวกับการกำหนดคำสั่งไปยังปุ่มฟังก์ชัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดสภาพแวดล้อม windowing SAS 

อธิบายเครื่องมือใน SAS

การเขียนคำสั่ง

โครงสร้างของชุดข้อมูล SAS

เริ่มต้นการจัดเตรียมข้อมูลและสั่งคำสั่ง SAS เพื่อเริ่มสร้างเป็นชุดข้อมูล SAS ชื่อโครงสร้างของชุดข้อมูล SAS ที่ถูกสร้างขึ้น%INCLUDE source(s) </<SOURCE2> <S2=length> <host-options>>; คำสั่งให้ SAS เขียนโปรแกรม การจัดเรียงค่าของข้อมูลดิบ หรือทั้งสองไวในโปรแกรม SAS

RUN; 

บอกให้ SAS ประมวณผลคำสั่งต่างๆที่อยู่ก่อนหน้าคำสั่ง RUN  หรือเป็นการบอกว่าจบขั้นตอนหนึ่งๆ ใน SAS แล้วสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ใน Language Reference: Dictionary.

PROC procedure <DATA=SAS-data-set>; 

เริ่มต้น  PROC เป็นการบอกให้  SAS เรียกข้อมูลในชุดข้อมูล SAS โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประมวลผลชุดข้อมูล SAS ที่ระบุไว้ในข้อมูลตัวเลือก ถ้าคุณไม่ระบุข้อมูลตัวเลือก = แล้วขั้นตอนกระบวนการที่สร้างขึ้นมากที่สุดเมื่อเร็ว  นี้ข้อมูล SAS ตั้งค่าในโปรแกรม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้วิธีการให้ดูที่  Base SAS Procedures Guide.

โปรแกรมสำเร็จรูป Stata Quest 

·         โปรแกรมนี้สามารถใช้วิเคราะห์สถิติขั้นสูงได้ดีกว่า SPSS โปรแกรมที่ต้องเขียนคำสั่งเอง ผู้วิเคราะห์ ต้องมีความ่เข้าใจในด้านสถิติพอสมควร

คนส่วนใหญ่นิยมใช้ SPSS และ SAS ถ้ารู้แต่ STATA จะมีปัญหา ในการสื่อสารได้ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ใช้ SPSS ให้เป็นพื้นฐาน แล้วค่อยขยับมาใช้ STATA หรือ SAS 

ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรม SPSS
ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย SPSS
          การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรม SPSS เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยมีลำดับขั้นตอนการวิเคราะห์ ดังนี้
          1. การเตรียมข้อมูล  ผู้วิจัยต้องเตรียมเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสมกับการวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์ (ซึ่งแตกต่างจากการวิเคราะห์ด้วยมือ) โดยในแบบสอบถามนั้นจะต้องกำหนดชื่อตัวแปร (Variable Name) และค่าของตัวแปร (Value) ให้เป็นตัวเลขเท่านั้น
          2. การสร้างแฟ้มข้อมูล  ต้องกำหนดชื่อตัวแปร (Variable Name) ให้สอดล้องกับที่กำหนดไว้ในแบบสอบถาม และสร้างคู่มือลงรหัส (Code book) ที่กำหนดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย การกำหนดชื่อตัวแปร (Variable Name หรือ Name) ตำแหน่งทศนิยมของค่าของตัวแปร (Decimals) คำอธิบายชื่อตัวแปร (Label) ค่าของตัวแปร (Value) ความหมายของค่าของตัวแปร (Value Label) และระดับการวัดข้อมูล (Maesure)
          3. การบันทึกข้อมูล ข้อมูลที่จะบันทึกต้องเป็นตัวเลขเท่านั้น โดยกำหนดค่าของตัวแปรที่เป็นตัวเลือกในแบบสอบถามให้เป็นตัวเลขเสียก่อน
          4. การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ผู้วิจัยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้โดยง่าย ทั้งค่าสถิติพื้นฐานและค่าสถิติสำหรับทดสอบสมมุติฐาน โดยใช้คำสั่งจาก Menu bar เลือก Analyze แล้วเลือกค่าสถิติที่ต้องการวิเคราะห์จาก Window ที่ปรากฏตามลำดับ ก็จะได้ผลการวิเคราะห์ตามต้องการ

ตัวอย่างการใช้คำสั่งวิเคราะห์ข้อมูล

1. หาค่าเฉลี่ย หาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของข้อคำถามรายข้อ รายด้าน และรวมทุกด้าน โดยใช้คำสั่ง Analyze > Descriptive Statistics > Descriptive > เลือกข้อมูลใส่ใน Variable ตามต้องการ > OK
2. หาค่าสถิติการทดสอบค่าที  เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม โดยใช้คำสั่ง Analyze > Compare Means > Independent Sample T Test > เลือกตัวแปรที่ต้องการเปรียบเทียบใส่ในช่อง Grouping Variable > กำหนด define groups > นำตัวแปรตามใส่ในช่อง Test Variable(s) > OK

3. การหา One – Way ANOVA เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างตั้งแต่ 3 กลุ่ม โดยใช้คำสั่ง Analyze > Compare Means > One – Way ANOVA >  เลือกตัวแปรต้นที่แยกเป็น 3 กลุ่ม ใส่ในช่อง Factor และนำตัวแปรตามใส่ใน ช่อง Dependent > กำหนดการทดสอบความแปรปรวนใน Post Hoc โดยกำหนดช่อง Dunnet T3  และ Sheffe > Continue > OK

8.2 ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป

ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป

การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป ประกอบด้วย 4ขั้นตอนใหญ่ๆ ดังนี้คือ

1) เลือกแฟ้มข้อมูล กรณียังไม่มีแฟ้มข้อมูลจะต้องสร้างแฟ้มข้อมูลโดยใช้ Data 

2) เลือกวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล

3) เลือกตัวแปรที่จะใช้ในการวิเคราะห์

4) ตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์

editor แต่ถ้ามีแฟ้มข้อมูลอยู่แล้วก็เปิดแฟ้มที่จะนำมาวิเคราะห์

 

Software Package ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปีใด

ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรม SPSS
ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย SPSS
          การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรม SPSS เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยมีลำดับขั้นตอนการวิเคราะห์ ดังนี้
          1. การเตรียมข้อมูล  ผู้วิจัยต้องเตรียมเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสมกับการวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์ (ซึ่งแตกต่างจากการวิเคราะห์ด้วยมือ) โดยในแบบสอบถามนั้นจะต้องกำหนดชื่อตัวแปร (Variable Name) และค่าของตัวแปร (Value) ให้เป็นตัวเลขเท่านั้น
          2. การสร้างแฟ้มข้อมูล  ต้องกำหนดชื่อตัวแปร (Variable Name) ให้สอดล้องกับที่กำหนดไว้ในแบบสอบถาม และสร้างคู่มือลงรหัส (Code book) ที่กำหนดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย การกำหนดชื่อตัวแปร (Variable Name หรือ Name) ตำแหน่งทศนิยมของค่าของตัวแปร (Decimals) คำอธิบายชื่อตัวแปร (Label) ค่าของตัวแปร (Value) ความหมายของค่าของตัวแปร (Value Label) และระดับการวัดข้อมูล (Maesure)
          3. การบันทึกข้อมูล ข้อมูลที่จะบันทึกต้องเป็นตัวเลขเท่านั้น โดยกำหนดค่าของตัวแปรที่เป็นตัวเลือกในแบบสอบถามให้เป็นตัวเลขเสียก่อน
          4. การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ผู้วิจัยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้โดยง่าย ทั้งค่าสถิติพื้นฐานและค่าสถิติสำหรับทดสอบสมมุติฐาน โดยใช้คำสั่งจาก Menu bar เลือก Analyze แล้วเลือกค่าสถิติที่ต้องการวิเคราะห์จาก Window ที่ปรากฏตามลำดับ ก็จะได้ผลการวิเคราะห์ตามต้องการ

ตัวอย่างการใช้คำสั่งวิเคราะห์ข้อมูล

1. หาค่าเฉลี่ย หาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของข้อคำถามรายข้อ รายด้าน และรวมทุกด้าน โดยใช้คำสั่ง Analyze > Descriptive Statistics > Descriptive > เลือกข้อมูลใส่ใน Variable ตามต้องการ > OK
2. หาค่าสถิติการทดสอบค่าที  เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม โดยใช้คำสั่ง Analyze > Compare Means > Independent Sample T Test > เลือกตัวแปรที่ต้องการเปรียบเทียบใส่ในช่อง Grouping Variable > กำหนด define groups > นำตัวแปรตามใส่ในช่อง Test Variable(s) > OK

3. การหา One – Way ANOVA เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างตั้งแต่ 3 กลุ่ม โดยใช้คำสั่ง Analyze > Compare Means > One – Way ANOVA >  เลือกตัวแปรต้นที่แยกเป็น 3 กลุ่ม ใส่ในช่อง Factor และนำตัวแปรตามใส่ใน ช่อง Dependent > กำหนดการทดสอบความแปรปรวนใน Post Hoc โดยกำหนดช่อง Dunnet T3  และ Sheffe > Continue > OK

8.3 ความสามารถของโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติทั่วๆไป

ความสามารถของโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติทั่วๆไป

โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติทั่วๆไปที่มีใช้งานในปัจจุบัน มีความสามารถ ดังนี้ คือ

1.) การจัดการกับข้อมูลและไฟล์ข้อมูล

2.) การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติ 

การจัดการกับข้อมูลและไฟล์ข้อมูล

Ø สามารถรับข้อมูลไปทำการวิเคราะห์ได้โดยตรง

Ø สามารถรับข้อมูลที่สร้างขึ้นมาจากโปรแกรมอื่นๆ เช่นโป รแกรมพิมพ์เอกสาร 

Ø การเปลี่ยนรูปข้อมูล จากข้อมูลเดิมโดยวิธีการทางคณิตศาสตร์

Ø การคัดเลือกข้อมูล ตามเงื่อนไขหรือโดยการสุ่มตัวอย่าง

โปรแกรมกระดาษทำการ โปรแกรมฐานข้อมูล

· การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติ

Ø การแจกแจงความถี่ แบบทางเดียวหรือหลายทาง

Ø การค านวณค่าสถิติเบื้องต้น เช่น ค่าผลรวม ค่าเฉลี่ย ค่าความแปรปรวน 

Ø การทดสอบสมมติฐาน เกี่ยวกับค่าเฉลี่ยด้วยวิธีการของ Z-test, T-test, F-test

Ø การประมาณค่าเฉลี่ย ร้อยละ

Ø การหาค่าความสัมพันธ์ด้วยวิธีการของ Pearson, Spearman, Kendall 

Ø การพยากรณ์ด้วยวิธีของ Time Series และ Regression

8.4 โปรแกรมกระดาษทำการ (Spread Sheet Program)

โปรแกรมการดาษทำการ (Spread Sheet Program)

    เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับงานคำนวณที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลกัน

โดยเฉพาะ และบางบริษัทผู้สร้างโปรแกรมได้เพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทาง

สถิติ ทำให้สามารถน าม าช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อท างานวิจัยได้ โปรแกรมกระดาษท าการที่มี

ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติมีอยู่หลายประเภท แต่ที่นิยมและสามารถใช้

งานได้ดี คือ โปรแกรม Lotus และโปรแกรม Microsoft Excel โดยเฉพาะโปรแกรม Microsoft 

Excel เป็นโปรแกรมที่สามารถหาซื้อได้ง่ายและมีความสะดวกในการใช้งาน 

ความสามารถทางสถิติของโปรแกรม Microsoft Excel

    โดยปกติโปรแกรม Microsoft Excel สามารถวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติบางชนิดโดย

การเรียกใช้ฟังก์ชันทางสถิติ ซึ่งความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติของโปรแกรม 

Microsoft Excel มีดังนี้ คือ

    1) การแจกแจงความถี่ แบบทางเดียวและหลายทาง

    2) การคำนวณค่าสถิติเบื้องต้น เช่น ค่าผลรวม ค่าเฉลี่ย ค่าความแปรปรวน

    3) การทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ย 2 กลุ่ม โดนวิธีการของ Z-test, T-test กรณีที่กลุ่ม

    4) การทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยหลายกลุ่ม โดยวิธีการของ F-test และการวิเคราะห์

ตัวอย่างเป็นอิสระต่อกัน และ T-test กรณีที่กลุ่มตัวอย่างมีความสัมพันธ์กันกัน 

ความแปรปรวน (Analysis of Variance) ทั้งแบบจ าแนกทางเดียว และแบบจ าแนกสอง

ทาง

    5) การหาความสัมพันธ์ (Correlation) โดยวิธีการของ Pearson

    6) การวิเคราะห์การถดถอย (Regression) เป็นการวิเคราะห์การถดถอยแบบเชิงเส้น ทั้ง

    7) การวิเคราะห์ข้อมูลแบบอนุกรมเวลา (Time Series Analysis) โดยวิธีการแบบ Moving 

แบบอย่างง่าย (Simple)และแบบพหุคูณ (Multiple)

Average และ Exponential Smoothing

8.5 การเตรียมโปรแกรม Microsoft Excel สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล

การเตรียมโปรแกรม Microsoft Excel สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล

    การใช้โปรแกรม Microsoft Excel ในการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น Microsoft Office เป็นโปรแกรมสำหรับงำนเกี่ยวกับกำรคำนวณตัวเลข กำรวิเครำะห์ข้อมูล กำรจัดเก็บบันทึกข้อมูลของตำรำง กำรสร้ำงกรำฟ วิเครำะห์ข้อมูล และยังสำมำรถป้อนข้อควำม แทรกรูปภำพ สัญลักษณ์พิเศษต่ำงๆของตัวเลข มีฟังก์ชันในกำรคำนวณให้ผู้ใช้สำมำรถเลือกใช้มำกมำย จึงทำให้สำมำรถ นำมำใช้ในกำรวิเครำะห์คคำนวณค่ำตัวเลขต่ำงๆได้สะดวก ตลอดจนพัฒนำให้เป็นระบบงำนที่มีขีด ควำมสำมำรถสูง มีกำรวิเครำะห์ข้อมูลและพัฒนำระบบข้อมูล สำมำรถใช้ทั้งแผนภูมิและแผนผังลำดับงำน เพื่ออธิบำยแนวคิดที่สลับซับซ้อน ได้อย่ำงมีประสิทธิภาพ 

ส่วนประกอบของหน้าต่าง Microsoft Excel 

    1. แถบชื่อเรื่อง (Title bar) เป็นส่วนที่บอกว่ำขณะนี้กำลังใช้งำนแฟ้ม (File) อะไรอยู่ 

    2. ปุ่มควบคุม (Control button) ใช้ควบคุมขนำดหน้ำต่ำงโปรแกรม เช่น ย่อ ขยำย และปิดกำร ทำงำนของโปรแกรม 

    3. แถบเมนู (Menu bar) เป็นส่วนที่รวบรวมรำยกำรคำสั่งกำรทำงำนของโปรแกรม 

    4. แถบเครื่องมือ (Tool bar) เป็นกำรนำคำสั่งที่มีกำรใช้งำนบ่อย ๆ มาสร้างเป็นปุ่มสำหรับ คลิ๊ก เพื่อช่วยอำนวยควำมสะดวกในกำรใช้งาน 

    5. แถบสูตร (Formula bar) เป็นแถบที่ใช้แสดงหรือสร้างสูตรกำรคำนวณในเซลล์ที่กำหนด 6. ชีทหรือแผ่นงำน (Sheet) คือ พื้นที่กำรทำงำน ลักษณะเป็นตำรำง แต่ละช่องของตำรำงเรียกว่า เซลล์ (Cell) 7. แถบสถำนะ (Status bar) เป็นส่วนที่แสดงสภำวะกำรทำงำนขณะนั้นของโปรแกรม 

    8. ผู้ช่วย (Assistance) คือ กำรให้คำแนะนำในกำรทำงำน โดยมีรูปร่ำงเป็นตัวกำร์ตูน 

    9. ป้ายชีท (Sheet label) ใช้บอกหมำยเลขหรือชื่อแผ่นงำนในสมุดงำน (Work book) นั้น 

ส่วนประกอบของแผ่นงาน (Work sheet) 

ในแผ่นงานของ Microsoft Excel มีส่วนประกอบที่สำคัญ มีรายละเอียด ดังนี้ 

    1. เซลล์ (Cell) เป็นช่องในตำรำงสำหรับใส่ข้อมูล ซึ่งข้อมูลอำจจะอยู่ในรูปตัวเลข ตัวอักษร ข้อความ หรือสูตร ก็ได้ ตำแหน่งที่จะกรอกข้อมูลหรือเซลล์ที่มีควำมพร้อมในกำรใส่ข้อมูลจะ มีกรอบเข้มลอมรอบอยู่สภาวะนั้นเรียกว่า 

    2. คอลัมน์ (Column) คือ ช่องของข้อมูลที่เรียงอยู่ทำงแนวตั้ง มีทั้งหมด 256 คอลัมน์ และหัว คอลัมน์แสดงเป็นภำษำอังกฤษตั้งแต่ A B C …. AA AB … ถึง IV 3. จำนวนแถว (Row) คือ ช่องข้อมูลทำงแนวนอน มีทั้งหมด 1048576 แถว และหัวแถวจะมี ตัวเลขบอกตั้งแต่เลข 1 ถึง 1048576

ข้อมูลที่เราเตรียมจากโปรแกรม Microsoft Excel ควรเตรียมในลักษณะที่พร้อมที่จะนำเข้าโปรแกรมสถิติเลย กล่าวคือ

    1. ทำข้อมูลในลักษณะตาราง โดยให้แถวตามแนวนอน (Row) แถวแรก เป็นชื่อของตัวแปร และในแถวถัดๆ มาเป็นข้อมูลจริง และให้เป็น 1 แถวต่อ 1 คนเท่านั้น (โปรแกรมจะไม่อ่านหลายแถว)

Software Package ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปีใด

    2. ชื่อของตัวแปร ควรใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็ก ไม่ควรยาวเกินไป และไม่ควรมีเครื่องหมายแปลกๆ เช่น เครื่องหมายวงเล็บ เว้นวรรค เครื่องหมาย % & + ! เนื่องจากเครื่องหมายเหล่านี้ มักจะมีความหมายในโปรแกรมวิเคราะห์ทางสถิติ ทำให้การนำข้อมูลเข้าโปรแกรม มีความผิดพลาดได้ หากจำเป็นต้องใช้เครื่องหมายแยก ให้ใช้เครื่องหมายขีดล่าง (Underscore _ ) 

ตัวอย่างที่ใช้บ่อย 

เพศ

sex, gender

อายุ

age

น้ำหนัก

weight

ส่วนสูง

height

วันเกิด

dateofbirth

วันผ่าตัด

dateofoperation

คะแนนความเจ็บปวดที่หนึ่งชั่วโมง

painscore_1hr

    3. ไม่ควรนำสิ่งที่ไม่ใช่ข้อมูล เข้าไปไว้อยู่ในส่วนที่เป็นข้อมูลผู้ใช้ส่วนใหญ่เมื่อใช้โปรแกรม Spreadsheet ในการลงข้อมูล มักจะพยายามใส่ข้อมูล เกินกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ในการเก็บข้อมูล เสมือนเป็นการ ทดลงในตารางข้อมูล เช่น ลงข้อมูลคะแนนความเจ็บปวด ที่เป็นตัวเลข ว่า ผู้ป่วยไม่เจ็บหรือทดไว้ว่า “2 – จากการโทรสอบถามซึ่งจะทำให้เกิดปัญหามากในการนำข้อมูลลงไปในโปรแกรมวิเคราะห์ทางสถิติ

คำแนะนำ หากต้องการทดข้อมูลอื่นใด ให้ใช้ฟังก์ชั่น Insert Comment ลงในช่องนั้นๆ ซึ่งจะไม่เป็นการรบกวนกับข้อมูลในเซลล์โดยตรง วิธีใช้คือ คลิ๊กขวาที่เซลล์ที่ต้องการจะทด แล้วเลือกเมนู Insert Comment หลังจากนั้นสามารถพิมพ์สิ่งที่อยากจะทดลงไปได้

Software Package ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปีใด

Software Package ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปีใด

    4. ไม่พยายามทด หรือแยกความแตกต่างในแต่ละข้อมูล ด้วย สีของเซลล์

โปรแกรมทางสถิตินั้นจะมองเฉพาะข้อมูลที่เป็นข้อมูลจริงๆ เท่านั้น จะไม่มองถึงรูปแบบของสี หรือฟอนต์ ในการวิเคราะห์ข้อมูล การพยายามแยกสี เช่น สีแดงสำหรับคนไข้ที่ไม่ได้รับยา สีเขียวสำหรับคนไข้ที่ได้รับยา ซึ่งเสมือนกับว่าเป็นข้อมูลของคนไข้ แต่เก็บไว้กับสีนี้จะไม่ถูกส่งต่อไปยังโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล

คำแนะนำ ถ้าต้องการเก็บข้อมูล ให้เพิ่มตัวแปรใหม่ (แถวตามแนวตั้งแถวใหม่) ไปเลย

    5. พยายามใส่ข้อมูลที่เป็น category ให้เป็นตัวเลข โปรแกรมวิเคราะห์ทางสถิติส่วนใหญ่ จะไม่สามารถแยกความแตกต่างของตัวอักษร และสร้างออกมาเป็น category ได้ เช่น หากผู้ใช้บันทึกข้อมูลในตัวแปร sex ว่าเป็นข้อความ “male”, “female” โปรแกรมสถิติจะมองเห็นเป็นข้อความ ไม่ใช่ category ทำให้ต้องมานั่งจัด category กันใหม่ในโปรแกรมทางสถิติ รวมถึงบางทีก็พิมพ์ผิดเองจาก male เป็น mal หรือ MALE ทำให้โปรแกรมจัด category ไม่ถูกต้อง
คำแนะนำ พยายามทำ category ให้เป็นตัวเลข ซึ่งอาจทำให้สอดคล้องไปกันกับแบบเก็บข้อมูล 
ตัวอย่างเช่น ในแบบเก็บข้อมูลทำการเก็บข้อมูล ความรุนแรงของโรค” 
ความรุนแรงของโรค:

1.Mild 2. Moderate 3. Severe 
ควรเก็บเป็นดังนี้ 1, 2, 3 (อาจเพิ่ม 9 ในกรณีที่ไม่ทราบข้อมูล) 

 6. ในกรณีที่ไม่มีข้อมูล อาจเว้นว่าง หรือทำโค้ดตัวเลข (เช่นเลข 9) เอาไว้ ไม่ควรใส่เป็นข้อความว่า “N/A” หรือ “Unknown” เพราะตอนนำข้อมูลเข้า โปรแกรมจะมองเป็นตัวอักษรแทน 
เท่านี้ เราก็พร้อมที่จะเอาข้อมูลที่เก็บจากงานวิจัย มาใช้ในโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลแล้วครับ ตัวอย่างของไฟล์ที่เหมาะสมจะนำไปเข้าโปรแกรม หน้าตาจะประมาณนี้ครับ

Software Package ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปีใด