ปั๊มไฟฟ้าไฮดรอลิกปั๊มพวงมาลัยที่แข็งแกร่งสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีการสร้างคุณภาพที่เชื่อถือได้: ปั๊มไฟฟ้าของบ๊อชให้การไหลของน้ำมันที่จำเป็นสำหรับระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ช่วยระบบไฮดรอลิก
ระบบบังคับเลี้ยวไฮโดรลิค
ระบบบังคับเลี้ยวในตำนาน ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฮดรอลิกของบ๊อชแม่นยำและผ่านการพิสูจน์มาแล้วหลายล้านครั้ง
ปั๊มคู่ปั๊มพวงมาลัยที่ทนทานสำหรับรถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่พร้อมด้วยคุณภาพที่เชื่อถือได้: ปั๊มคู่ของบ๊อชให้การไหลของน้ำมันที่จำเป็นสำหรับระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ช่วยระบบไฮดรอลิค
ปั๊มใบพัดปั๊มพวงมาลัยที่แข็งแกร่งสำหรับรถเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพที่เชื่อถือได้: ปั๊มใบพัดของบ๊อชให้การไหลของน้ำมันที่จำเป็นสำหรับระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ช่วยระบบไฮดรอลิก “ระบบพวงมาลัยช่วยผ่อนแรง” หรือที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้จักกันชื่อกันคือ “พวงมาลัยเพาเวอร์” (Power steering system) ในปัจจุบันถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยนต์เกือบทุกยี่ห้อรุ่นเพื่อความสะดวกสบายและช่วยผ่อนแรงในการขับขี่ โดยจะมีทั้งระบบไฟฟ้าและระบบไฮดรอลิก ถึงตรงนี้หลาย ๆ ท่านคงเกินคำถามว่าอ้าวแล้วมันแตกต่างกันอย่างไร-ระบบไหนดี-ดูแลรักษาอย่างไรถึงจะถูกวิธี “รู้ก่อนเหยียบ” จึงขอนำทุกท่านมารู้จักกับ “พวงมาลัยเพาเวอร์” ทั้งระบบไฟฟ้าและระบบไฮดรอลิก กันแบบปอนด์ต่อปอนด์ แรกเริ่มเดิมที ในรถยนต์รุ่นเก่า ๆ ยังไม่มีระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงการหมุนพวงมาลัยในพื้นที่แคบ ๆ หรือขณะรถหยุดนิ่งนั้นสร้างความลำบากให้ผู้ขับขี่ที่ต้องใช้กำลังในการเอาชนะแรงต้านระหว่างหน้าสัมผัสยางกับพื้นถนน ดังนั้นรถยนต์ในยุคต่อ ๆ มาจึงมีการคิดค้นและติดตั้งระบบพวงมาลัยเพาเวอร์เอาไว้ เริ่มต้นด้วยระบบแรงดันของน้ำมันไฮดรอลิก ช่วยผ่อนแรงซึ่งมีการปรับปรุงพัฒนามาหลายยุค และระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าตามลำดับ -ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก (Hydraulic Power Steering) ทำงานโดยอาศัยกำลังจากเครื่องยนต์ผ่านสายพานหมุนปั๊มสร้างแรงดันไฮดรอลิก ก่อนส่งกำลังผ่านท่อแรงดันไปยังกระปุกพวงมาลัย หรือแร็กพวงมาลัย เพื่อช่วยผ่อนแรง ทำให้พวงมาลัยหมุนได้เบามือนั่นเอง ข้อดี -พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก ที่สมบูรณ์จะให้ความแม่นยำสูงในการขับขี่ทั้งทางตรงและยามเข้าโค้ง ข้อเสีย -เมื่อต้องเกี่ยวดองหนองยุ่งกับน้ำมันในการถ่ายทอดกำลัง ดังนั้นเมื่อมีชิ้นส่วนอาทิ ซีล-ท่อทางชำรุด ก็ย่อมเกิดปัญหารั่วซึม ข้อควรระวัง -หลีกเลี่ยงการหักพวงมาลัยจนสุด ค้างไว้นานๆ เนื่องจากจะทำให้น้ำมันเกิดแรงดันสูงกว่าปกติ จนอาจทำให้เกิดการรั่วซึมของระบบได้ -ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ระบบนี้จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวสร้างกำลังช่วยผ่อนแรงแทนปั๊มแรงดันไฮดรอลิก เมื่อผู้ขับขี่หักพวงมาลัยจะมีเซ็นเซอร์ ตรวจจับก่อนส่งให้กล่องควบคุมสั่งการให้มอเตอร์ทำงาน นอกจากนี้ในช่วงความเร็วต่ำจะให้ความรู้สึกที่เบากว่าพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอริก และจะรู้สึกหนืด-หนักขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง ทั้งนี้ในรถบางรุ่นยังสามารถเลือกปรับโปรแกรมได้หลากหลายรูปแบบ ข้อดี -ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า
จะให้ค่าความหนัก-เบาของพวงมาลัยที่แตกต่างเพื่อความปลอดภัยในแต่ละช่วงความเร็ว ข้อเสีย -มีระยะฟรีและความแม่นยำน้อยกว่า ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก เทคนิคควรรู้ ส่องต้นเหตุ”พวงมาลัยหนัก” -ปั๊มไฮดรอลิก ชำรุดเสียหาย โดยส่วนใหญ่อาการนี้มักจะมาพร้อมกับเสียงหอน-เสียงคราง สามารถแก้ไขได้โดยการรื้อซ่อมแซมชิ้นส่วนภายใน แต่ถ้าเกินเยียวยา สามารถหาซื้อปั๊มใหม่หรือมือสองมาเปลี่ยนได้ -ระดับน้ำมันต่ำเกินไปส่งผลให้ปั๊มไฮดรอลิกไม่สามารถสร้างกำลังได้เต็มที่ ควรเติมให้อยู่ในระดับปกติและหมั่นตรวจสอบเสมอ -น้ำมันขาดจากการรั่วซึม ให้ตรวจสอบหาจุดที่รั่วซึมแล้วแก้ไข ก่อนเติมให้อยู่ในระดับปกติ -เติมน้ำมันผิด ปัญหายอดฮิตที่พบเห็นได้บ่อย ๆ แก้ไขโดยถ่ายทิ้งทั้งระบบแล้วเติมน้ำมันใหม่ -อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนในระบบบังคับเลี้ยว อาทิลูกหมาก ชำรุดเสียหาย -ลมอ่อน-รถไม่ได้ศูนย์ -มอเตอร์หรือกล่องควบคุมชำรุดเสียหาย (เฉพาะในรถที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า) สามารถสังเกตไฟเตือนรูปพวงมาลัยบนหน้าปัด ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบโดยช่างผู้ชำนาญ ก็ลองชั่งใจกันดูครับสำหรับรถยนต์ใหม่บางรุ่นที่มีระบบพวงมาลัยให้เลือกทั้งสองระบบ ส่วนรถเก่าที่เบื่อหน่ายปัญหารั่วซึมก็ไม่ต้องน้อยใจไปเพราะเดี๋ยวนี้ เชียงกง เค้าอิมพอร์ท ชุดพวงมาลัยไฟฟ้ามือสองสำหรับรถบางรุ่นที่เมืองนอกเค้าติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโรงงานใช้กันกว่า 10 ปี แต่ไฉนพี่ไทยอย่างเรา ๆ กลับไม่มีใช้... ......................................... คอลัมน์ : รู้ก่อนเหยียบ โดย “ช่างเอก” ติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงที่ …............................. ขอบคุณข้อมูลจาก -บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด / www.mmsboschcarservice.com |