กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย

We’ve updated our privacy policy so that we are compliant with changing global privacy regulations and to provide you with insight into the limited ways in which we use your data.

You can read the details below. By accepting, you agree to the updated privacy policy.

Thank you!

View updated privacy policy

We've encountered a problem, please try again.

กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย

    โวการใช้คำและหาร  เรื่องอิเหนา  ตอนศึกกะหมังกุหนิง  มีการใช้ภาษาที่สละสลวยให้อารมณ์อันลึกซึ้งกินใจ  อีกทั้งมีโวหารเปรียบเทียบให้เห็นภาพพจน์ให้เกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์  ที่สำคัญยังแฝงด้วยข้อคิดที่มีคุณค่ายิ่งอีกมากมาย  ดังนี้

            - การใช้ภาษาสละสลวยงดงาม  มีการเล่นคำ  เล่นสัมผัสพยัญชนะเพื่อให้เกิดความไพเราะ  เช่น  ตอนอิเหนาชมดง


                                   ว่าพลางทางชมคณานก                    โผนผกจับไม้อึงมี่
                               เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี                          เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา
                              นางนวลจับนางนวลนอน                         เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา
                              จากพรากจับจากจำนรรจา                       เหมือนจากนางสการะวาตี


            - การใช้โวหารเปรียบเทียบ  คือ  โวหารอุปมาเป็นการสร้างอารมณ์ให้กับผู้อ่าน  กวีเปรียบได้ชัดเจน  เช่น


                                   กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย                   เราเป็นเมืองน้อยกระจิหริด
                              ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์                    เห็นผิดระบอบบุราณมา

    หรือจากคำคร่ำควรญของจินตะหรา  ที่เปรียบความรักเหมือนสายน้ำไหลที่ไหลไปแล้วจะไม่มีวันย้อนกลับ  ที่มาของสำนวน "ความรักเหมือนสายน้ำไม่มีวันไหลย้อนกลับ"  คำคร่ำครวญของจินตะหราเป็นเพราะเกิดความไม่มั่นใจในฐานะของตนเอง  เกิดความรู้กขึ้นมาว่าตนอาจต้องสูญเสียคนรัก  เพราะข่าวการแย่งบุษบาแสดงว่าบุษบาต้องสวยมาก  อีกทั้งยังเป็นคู่หมั้นของอิเหนามาก่อน  ยิ่งทำให้รู้สึกหวาดหวั่น  ดังคำประพันธ์ทีอ่านแล้วจะเกิดอารมณ์สะเทือนใจ  สงสาร  และเห็นใจว่า 

 แล้วว่าอนิจจาความรัก                         พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
                              ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป                        ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา
                              สตรีใดในพิภพจบแดน                               ไม่มีใครได้แค้นเหมือนนอกข้า
                              ด้วยใฝ่รักให้เกิดพักตรา                              จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์
               
            - ใช้คำบรรยายชัดเจนได้ภาพพจน์  ผู้อ่านนึกภาพตามผู้เขียนบรรยายตามไปยิ่งจะทำให้ได้อรรถรสในการอ่านมากขึ้น  เช่น  ตอนอิเหนาต่อสู้กับท้าวกะหมังกุหนิงด้วยใช้กริชเป็นอาวุธ  จะเห็นลีลาท่าทางและจังหวะที่สอดคล้องกัน  เห็นทีท่าอันฉับไวและสง่างาม


                                   เมื่อนั้น                                             ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
                              ได้ฟังคำชื่นชมยินดี                                    ครั้งนี้อิเหนาจะวายชนม์
                              อันเพลงกริชชวามลายู                                กูรู้สันทัดไม่ขัดสน
                              คิดแล้วชักกริชชวามลายู                             ร่ายทำทำกลมารยา
                              กรขวานั้นกุมกริชกราย                                พระหัตถ์ซ้ายนั้นถือเช็ดหน้า
                              เข้าปะทะประกริชด้วยฤทธา                          ผัดผันไปมาไม่ครั่นคร้าม
                                   เมื่อนั้น                                             ระเด่นมนตรีชาญสมาน
                              พระกรกรายลายกริชติดตาม                          ไม่เข็ดขามคร้ามถอยคอยรับ
                              หลบหลีกไวว่องป้องกัน                              ผัดผันหันออกกลอกกลับ
                              ปะทะแทงแสร้างทำสำทับ                           ย่างกระหยับรุกไล่มิได้ยั้ง
                              เห็นระตูถอยเท้าก้าวผิด                               พระกรายกริชแทงอกตลอดหลัง
                              ล้มลงดาวดิ้นสิ้นกำลัง                                 มอดม้วยชีวังปลดปลง

 เเหล่งอ้างอิง:http://www.thaigoodview.com/node/88568