ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทมาดูกันตั้งแต่เริ่มแรกการเปิดบริษัทใหม่ การจดทะเบียนบริษัทอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่มีเอกสารที่ต้องจัดทำค่อนข้างมาก และปัจจุบันทางกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเปลี่ยนให้การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทสามารถจดในวันเดียวกันได้ ทำให้ระยะเวลาที่ใช้สั้นลง นอกจากนี้ยังลดจำนวนผู้เริ่มก่อการจาก 7 คนลดเหลือ 3 คน แต่ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเรื่องเอกสารที่ต้องจัดทำยังเหมือนเดิมทุกอย่าง 1. ผู้ก่อการยื่นขอตรวจและจองชื่อบริษัท ด้วยแบบจองชื่อนิติบุคคล( จำหน่ายที่กรมทะเบียนการค้าราคาแผ่นละ 5 บาท) เพื่อตรวจสอบว่าชื่อที่จะใช้นั้นจะเหมือนหรืคล้ายกับชื่อที่คนอื่นได้จดทะเบียนไว้ก่อนหรือไม่ โดยยื่นแบบจองชื่อดังกล่าวแก่นายทะเบียนผู้ตรวจสอบชื่อ และปัจจุบันสามารถจองชื่อผ่านทางอินเตอร์เนตทางเว็บไซต์ http://www.chonlatee.com ซึ่งจะทราบผลในวันถัดไปโดยจะแจ้งผลการจองชื่อผ่านทาง e-mail ของผู้จองชื่อนั้น เมื่อจองชื่อได้แล้วจะต้องขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิภายใน 30 วัน 2. เมื่อได้ชื่อแล้ว บุคคลซึ่งเป็นผู้ก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เข้าชื่อกันจัดทำคำขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ์และเอกสารประกอบแล้วนำไปจดทะเบียน 3. เมื่อได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว ผู้ก่อการต้องจัดให้หุ้นของบริษัทที่คิดจะจัดตั้งขึ้นนั้น มีผู้เข้าชื่อจองซื้อหุ้นจนครบ 4. ดำเนินการประชุมจัดตั้งบริษัท โดยต้องส่งคำบอกกล่าวนัดประชุมให้ผู้จองหุ้นทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนวันประชุม 5. เมื่อได้ประชุมตั้งบริษัท และที่ประชุมได้แต่งตั้งกรรมการบริษัทแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องมอบหมายกิจการให้กรรมการบริษัทรับไปดำเนินการต่อไป 6. กรรมการบริษัทจัดการเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและผู้ขอจองหุ้น ชำระค่าหุ้นอย่างน้อยร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้น 7. เมื่อได้รับเงินค่าหุ้นแล้ว กรรมการต้องจัดทำคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัทและเอกสารประกอบ นำไปจดทะเบียนเป็นบริษัทภายใน 3 เดือน หลังจากการประชุมตั้งบริษัท ขอตอบคุณ คณิศ ดังนี้ ผู้ช่วยเหลือ 27 กรกฎาคม 2559 10:31:43 IP: 10.12.20.48 เชื่อว่าหนึ่งในความฝันหรือเป้าหมายของคนทำงานประจำหรือคนทำงานออฟฟิศ คือการ เปิดบริษัท ของตัวเอง ยิ่งได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และความรู้มาแล้วชั่วระยะเวลาหนึ่ง ย่อมอยากนำไปใช้กับสิ่งที่เป็นของตัวเอง ลงทุนลงแรงเอง แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเปิดบริษัท มีหลายเรื่องให้ต้องพิจารณาเลย 10 ข้อน่ารู้ก่อนตัดสินใจเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง มีอะไรบ้าง ไปหาคำตอบกัน 1.เลือกทำธุรกิจที่เป็นตัวเอง การจะเลือกทำอะไรสักอย่าง เราควรเริ่มทำจากความชอบ หรือเริ่มทำจากความถนัดก่อน เช่นเดียวกับการ เปิดบริษัท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ควรต้องนำมาประกอบการพิจารณายังรวมไปถึง ตลาดในช่วงเวลานั้น หากทำอะไรที่เป็นการสวนกระแสมาก ๆ เราต้องมั่นใจว่า เรามีดีพอ แต่หากทำอะไรตามกระแส ก็ต้องสร้างความแตกต่างของธุรกิจของตัวเอง เฟ้นหาจุดเด่นออกมาให้ได้ ยกตัวอย่างเช่น 5hkคุณมีความสามารถหรือทำงานด้านกราฟิกดีไซน์ คุณอาจ เปิดบริษัท เพราะต้องการรับงานด้านนี้มาทำเพิ่ม เป็นการใช้ความสามารถของตัวเองในการทำงาน และยังช่วยประหยัดงบในการจ้างพนักงานด้วย 2.เลือกรูปแบบบริษัท การเลือกรูปแบบบริษัทที่เหมาะสม เพื่อดำเนินการจดทะเบียนได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับประเภทธุรกิจของเรา โดยแบ่งเป็นดังนี้ 2.1 เจ้าของคนเดียว คือมีคน ๆ เดียวเป็นเจ้าของธุรกิจ ลงทุนเอง และแบกความรับผิดชอบทั้งหมดของบริษัทไว้ ทางกฎหมายจะเรียกว่าเป็น “บุคคลธรรมดา” เมื่อจดทะเบียนบริษัท และต้องทำการยื่นแบบภาษี จะเป็น “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” และหากบริษัทของคุณต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์ตาม พรบ. ทะเบียนพาณิชย์ ก็ต้องดำเนินการจดด้วย 2.2 ห้างหุ้นส่วนสามัญ เมื่อมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันลงทุน จนกลายเป็นหุ้นส่วน โดยรูปแบบของการลงทุน อาจมาในรูปของสินทรัพย์ แรงงาน หรือเงินก็ได้ มีสถานะ เป็น “บุคคลธรรมดา” จดทะเบียนด้วยการเสีย “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” แต่ถ้าห้างหุ้นส่วนสามัญ ไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ก็จะมีสภาพเป็นนิติบุคคล ยื่น “ภาษีเงินได้นิติบุคคล” นั่นเอง 2.3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
2.4 บริษัทจำกัด มีหุ้นส่วน 3 คนขึ้นไปมาร่วมลงทุน แต่ละหุ้นมีมูลค่าเท่ากัน แต่ “ผู้ถือหุ้น” แต่ละคนอาจมีจำนวนหุ้นไม่เท่ากันได้ ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะได้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัท ตามสัดส่วนหุ้นที่ตนเองถืออยู่ และมีส่วนรับผิดชอบไม่เกินมูลค่าหุ้นที่ตนเองถืออยู่ ข้อดีคือ มีความน่าเชื่อถือที่สุด อัตราภาษีเงินได้ขั้นสูงสุดต่ำกว่าบุคคลธรรมดา 3.ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท สิ่งสำคัญที่ต้องทำจากนั้นคือการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งหลัก ๆ จะมีขั้นตอนดังนี้ 3.1 ตรวจและจองชื่อบริษัท ไปทำการตรวจและจองชื่อบริษัทที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ โดยจองได้ 3 ชื่อ แต่ต้องไม่เคยจดทะเบียนไปแล้ว 3.2 จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ หรือ ข้อมูลสำคัญการจัดตั้งบริษัท กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใน 30 วัน นับจากวันที่นายทะเบียนรับรองชื่อบริษัท โดยข้อมูลในหนังสือบริคณห์สนธิ ประกอบด้วย
3.3 ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท โดยเตรียมเอกสาร ดังนี้
3.4 ระยะเวลาในการจดทะเบียน
4.ค่าธรรมเนียม แน่นอนว่าจดทะเบียน เปิดบริษัท ต้องมีค่าธรรมเนียม ดังนี้
5.หน้าที่แต่ละเดือนในฐานะบริษัท พอเป็นรูปแบบของบริษัท ก็จะมีหน้าที่และภาระผูกพันตามมา คือ
6.ต้องมีพนักงานไหม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าของบริษัทเลยว่า มีความจำเป็นต้องมีพนักงานไหม และต้องมีจำนวนกี่คน ตำแหน่งอะไรบ้าง หากช่วงแรกงานยังไม่มาก คุณสามารถลงมือทำได้เอง อาจใช้จ้างเป็น outsource ไปก่อน เช่น พนักงานบัญชี เป็นต้น 7.มีแผนธุรกิจพร้อม แผนธุรกิจสำคัญมาก เป็นตัวขับเคลื่อนและกำหนดทิศทางของบริษัทคุณเลยก็ว่าได้ จะประสบความสำเร็จหรือว่าจะแป็ก ซึ่งแผนธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนได้ระหว่างทาง โดยต้องมีการกำหนดแผนคร่าว ๆ เช่น รายรับ รายจ่าย กำไร ต้นทุน จะดึงดูดลูกค้าได้อย่างไร 8.ดูเรื่องกฎหมายให้ดี หากคุณมีกำลังทรัพย์แนะนำให้จ้างทนายที่ปรึกษา และควรศึกษาและทำความเข้าใจ กฎหมายแรงงานเอาไว้ให้ดี ทำสัญญาจ้างแรงงานเมื่อมีพนักงาน กำหนดระเบียบพนักงานและ สวัสดิการพนักงานต่าง ๆ การจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย รวมไปถึงกฎหมายระเบียบบริษัท การจัดตั้งบริษัท ก็ควรมีความรู้และศึกษาไว้ 9.เลือกทำเลที่ตั้ง สถานที่ตั้งของที่ทำงานหากเลือกได้ควรอยู่ในพื้นที่เข้าออกสะดวกง่ายต่อการติดต่องาน และจัดทำ Website และช่องทาง Social Media ต่าง ๆ เพื่อเแสดงผลงาน และแจ้งที่อยู่ในการติดต่อ ให้ธุรกิจมีความสะดวก รวดเร็ว ทั้งการหาพนักงาน ติดต่อธุรกิจ การขายสินค้าและบริการต่าง ๆ นั่นเอง 10.ตรวจสอบเงินลงทุน เรื่องสำคัญสำหรับการเปิดบริษัท ก็คือเงินทุน ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบของบริษัท ที่คุณจะเปิดด้วย หรือธุรกิจว่าต้องใช้เงินทุนมากน้อยแค่ไหน และต้องไม่ลืมเตรียมเงินในส่วนของการดำเนินการจัดตั้งบริษัทด้วย รวมถึงค่าเช่าสถานที่ เงินเดือนพนักงาน และเงินทุนสำรอง ก่อนจะตัดสินใจเปิดบริษัท แนะนำให้อ่านทั้ง 10 ข้อน่ารู้ก่อนตัดสินใจเปิดบริษัทเป็นของตัวเองให้ดี และหากคุณมองหาพนักงานเพื่อร่วมงานกับคุณ สามารถเข้าไปสืบค้นได้ที่แอปพลิเคชัน JobsDB ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า |