สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอดการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วต้องออกเสียงให้ชัดเจน อ่านคำถูกต้อง เว้นวรรคตอนเหมาะสม น้ำเสียง น่าฟัง สอดแทรกอารมณ์การอ่านให้สัมพันธ์กับเนื้อเรื่อง และต้องมีมารยาทในการอ่าน Show
ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ป.5/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ป.5/8 มีมารยาทในการอ่าน จุดประสงค์ ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) 1. บอกหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วได้ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 2. อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วได้ ด้านคุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) 3. มีมารยาทในการอ่าน การวัดผลและประเมินผลการประเมินผล 1. ประเมินการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว 2. ประเมินการทำใบงานที่ 1 การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว (เป็นใบงานทบทวน สามารถทำเป็นการบ้านได้) การอ่านออกเสียง เป็นการอ่านให้ผู้อื่นฟัง เพื่อให้เข้าใจอรรถรสเกิดอารมณ์และจินตนาการไปตามเนื้อเรื่อง ผู้ที่อ่านออกเสียงจึงต้องมีน้ำเสียงสดใสไพเราะ อ่านเว้นวรรคตอนและสะกดการันต์ได้ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่านร้อยกรองผู้อ่านต้องรู้จักฉันทลักษณ์ และท่วงทำนองการอ่านคำประพันธ์แต่ละชนิดด้วย ดังนั้นผู้อ่านจึงควรฝึกฝนการอ่านออกเสียงให้ชำนาญไปตามความสามารถของตนบทหลักการที่ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นอีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมทางภาษาของชาติอีกทางหนึ่ง ๑. ความหมายของร้อยแก้ว ตามพจนานุกรมหมายความว่า “ความเรียงที่สละสลวย ไพเราะด้วยเสียงและความหมาย” หรือ หมายถึง “ถ้อยคำที่เรียบเรียงขึ้นโดยไม่มีข้อบังคับหรือข้อแท้ต่างๆ เช่น สัมผัส เอก โท ครุ ลหุ คณะ ฯลฯ เป็นความเรียงที่เกลี้ยงเกลาสละสวย ไพเราะงดงาม ประหนึ่งการร้อยดวงแก้วที่แสนงามเข้าด้วยกัน” ถึงแม้ว่าร้อยแก้วจะไม่บังคับว่าต้องใช้คำที่สัมผัสกัน แต่บางครั้งร้อยแก้วที่มีสัมผัสซึ่งก็จะทำให้เกิดความไพเราะและแสดงถึงการเรียบเรียงร้อยแก้วนั้นอย่างพิถีพิถัน เช่น “...กรุงสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เจ้าเมืองบเอาจกอบในไพร่ลู่ทาง เพื่อนจูงวัวไปค้าขี่ม้าไปขาย...” เป็นข้อความในหลักศิลาจารึกหลักที่ ๑ ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่ใช้คำคล้องจองทำให้เกิดความไพเราะ ๒. รูปแบบของร้อยแก้ว รูปแบบของร้อยแก้วแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ๑. บันเทิงคดี คือ งานเขียนที่แต่งขึ้นโดยจินตนาการ มีความมุ่งหมายให้ผู้อ่านได้รับความบันเทิงเป็นสำคัญ แต่ก็อาจให้ความรู้ความจรรโลงใจ คติ และแง่คิดต่างๆ ด้วย งานเขียนประเภทนี้ได้แก่ นิทาน เรื่องสั้น นวนิยาย บทละครพูด นิยายอิงพงศาวดาร ตำนานต่างๆ เป็นต้น ๒. สารคดี คือ งานเขียนที่แต่งขึ้นจากข้อเท็จจริง เป็นงานเขียนที่มุ่งให้ความรู้และข้อเท็จจริงเป็นสำคัญ เช่น สารคดีเชิงท่องเที่ยว สารคดีเชิงชีวประวัติ รายงานการประชุม ความเรียง บทความ ตำราทางวิชาการ พงศาวดาร กฎหมาย จดหมายเหตุ พระราชหัตถเลขา พระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เป็นต้น ๓. หลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว การอ่านออกเสียงร้อยแก้วเป็นการอ่านออกเสียงเหมือนเสียงพูดธรรมดา เพื่อรับสารจากเรื่องที่อ่าน โดยมีหลักการอ่านดังนี้๑. ศึกษาเรื่องที่อ่านให้เข้าใจ เพื่อให้ทราบถึงสาระสำคัญของเรื่อง อารมณ์และความรู้สึกที่ผู้เขียนตั้งใจจะสื่อให้ผู้อ่านทราบ แล้วแบ่งวรรคตอนในการอ่านให้ถูกต้องว่าตอนใดควรเว้นวรรคน้อย ตอนใดควรเว้นวรรคมาก ๒. ศึกษาหลักการอ่านคำในภาษาไทยให้ถูกต้องตามอักขรวิธี การอ่านคำที่นิยมมาจากภาษาต่างประเทศ ต้องอ่านให้ถูกต้องโดยยึดพจนานุกรม ๓. ต้องมีสมาธิในการอ่าน คือ ต้องมีความมั่นใจตัวเอง ไม่อ่านผิด อ่านตก อ่านเติม หรืออ่านผิดบรรทัด ต้องควบคุมสายตาจากซ้ายไปขวาและย้อยกลับมาอีกบรรทัดหนึ่งอย่างว่องไวและแม่นยำ ๔. อ่านด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ คือ การอ่านให้มีน้ำเสียงเหมือนเสียงพูด ไม่ดัดเสียงหรือใช้เสียงแหลมเกินไป เน้นเสียงหนักเบา สูงต่ำ ให้เป็นไปตามธรรมชาติโดยสอดคล้องกับเรื่องที่อ่าน ๕. อ่านออกเสียงให้ดังพอประมาณ ไม่ตะโกนหรือเสียงแผ่วเกินไป หากอ่านเสียงดังผ่านไมโครโฟนควรให้ปากห่างจากไมโครโฟนของแต่ละคน และระมัดระวังอย่าให้เสียงหายใจเข้าไมโครโฟน เพราะเสียงจะพร่าไม่น่าฟัง ๖. อ่านเว้นวรรคตอนให้ถูกต้อง เป็นการกำหนดการอ่านให้เหมาะสม ไม่อ่านเร็วหรือช้าเกินไป ต้องอ่านให้จบคำและจบความ ถ้าเป็นคำยาวหรือคำหลายพยางค์ไม่ควรหยุดกลางคำหรือตัดประโยคจนเสียความ ๗. อ่านอย่างมีลีลาและอารมณ์ตามเนื้อเรื่องที่อ่าน คือ เน้นคำสำคัญและคำที่ต้องการเพื่อให้เกิดภาพพจน์หรือจินตนาการ การเน้นควรเน้นเฉพาะคำไม่ใช่เน้นทั้งวรรคหรือเน้นทั้งประโยค เช่น “แม่ คือผู้ให้กำเนิดและผู้มีพระคุณต่อเรา” เน้นคำว่า “แม่” เป็นต้น ๘. อ่านเครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง เช่น คำที่ใช้อักษรย่อต้องอ่านให้เต็มคำดังตัวอย่าง “คณะกรรมการแม่บ้าน ทบ. ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ต้องอ่านออกเสียงว่า “สมาคมแม่บ้านกองทัพบก ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ๙. การผ่อนลมหายใจ เมื่ออ่านจบย่อหน้าหนึ่งๆ ควรผ่อนลมหายใจเล็กน้อย เมื่ออ่านย่อหน้าใหม่จึงเน้นเสียงหรือทอดเสียง เพื่อดึงดูดความสนใจ จากนั้นก็อ่านตามปกติตามเนื้อหาที่อ่าน ๑๐. การจับหนังสือ ควรวางหนังสือหรือบทอ่านบนฝ่ามือซ้าย ยกขึ้นให้ได้ระดับตามความเหมาะสม มือขวาคอยพลิกหนังสือหน้าถัดไปไม่ควรใช้นิ้วชี้ตามตัวหนังสือ ๔. การอ่านออกเสียงร้อยกรอง การอ่านออกเสียงร้อยแก้วเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การอ่านทำนองเสนาะ” พจนานุกรมพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ให้ความหมายไว้ว่า “วิธีการอ่านออกเสียงอย่างไพเราะตามลีลาของบทร้อยกรองประเภท โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน” ดังนั้นการอ่านทำนองต่างๆ ตามลักษณะของฉันทลักษณ์จึงเกิดขึ้น เพราะฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองแต่ละประเภทมีการกำหนดทำนองให้แตกต่างกันออกไป บทร้อยกรองบางชนิดผู้อ่านสามารถอ่านได้หลายทำนอง เช่น กาพย์ยานี ๑๑ สามารถอ่านได้หลายทำนอง โดยจะอ่านเป็นทำนองกาพย์ยานี หรือทำนองสรภัญญะ หรือทองนองโอ้เอ้วิหารราย เป็นต้น การอ่านร้อยกรองแต่ละประเภทนั้นสามารถอ่านได้หลายวิธีดังนี้ ๑. การขับ ได้แก่ การขับเสภา การขับลำนำสู่ขวัญ การขับลำนำกล่อมช้าง
การอ่านวรรณคดีเป็นทำนองเสนาะมีคุณค่า คือ ทำให้ผู้เรียนสามารถจดจำเนื้อเรื่องได้และเกิดอารมณ์คล้อยตามต่างๆ เช่น สนุกสนาน เจ็บแค้น เศร้าโศก ตามเนื้อเรื่อง ได้เห็นภาพ ได้ยินเสียง เกิดความประทับใจในรสวรรณคดีและจำบทกวีได้เองโดยไม่ต้องท่องจำ นอกจากผู้อ่านจะได้รับรสไพเราะจากการอ่านแล้ว ผู้ฟังก็ได้รับรสไพเราะด้วยเช่นกัน ทำนองเสนาะของร้อยกรองแต่ละชนิดมีทำนองและให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน เหมือนกับการร้องแพลง หรือขับลำนำตามท่วงทำนองเพลงแต่ละประเภท การอ่านทำนองเสนาะจึงเป็นเอกลักษณ์ของภาษาไทยและคนไทย ดังนั้นคนไทยทุกคนจึงควรฝึกอ่านทำนองเสนาะในวรรณคดีเพื่อสืบทอดมรดกทางภูมิปัญญานี้ด้วยความภาคภูมิใจ ๕. กลวิธีการอ่านออกเสียงร้อยกรอง๑. ผู้อ่านทำนองเสนาะได้ไพเราะต้องเป็นผู้มีแก้วเสียงดี น้ำเสียงแจ่มใส คือ มีเสียงใส กังวานไม่แหบแห้งหรือแตกพร่า เนื่องจากการอ่านเป็นเรื่องของการใช้เสียง เมื่อจะคัดเลือกผู้อ่านเข้าแข่งขันการประกวดการอ่านทำนองเสนาะ ผู้ที่มีเสียงดีย่อมสามารถใช้น้ำเสียงอ่านได้ไพเราะจับใจกว่าผู้ที่มีเสียงแหบแห้ง สำหรับผู้มีน้ำเสียงไม่แจ่มใสถ้าฝึกหัดออกเสียงให้ถูกต้อง จดจำทำนอง ลีลา ลักษณะฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์แต่ละประเภทได้ ก็สามารถอ่านออกเสียงให้น่าฟังได้แม้ไม่ไพเราะเท่ากับคนเสียงดีแต่คนที่อ่านได้ถูกต้องก็ยังนับว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ๒. ต้องมีความรู้เรื่องฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองที่จะอ่าน เช่น ถ้าทราบว่าเป็นฉันท์ก็ต้องอ่านให้ถูกต้องตามครุ ลหุ ของฉันท์ชนิดนั้นๆ ๓. จำทำนองเสนาะของร้อยกรองแต่ละชนิดได้อย่างแม่นยำ ไม่หลงทำนอง
บางคนอ่านกลอนจบแล้วต่อด้วยกาพย์แต่อาจหลงอ่านกาพย์เป็นทำนองเดียวกับกลอนอยู่เป็นต้น ๔. มีสมาธิในการอ่าน ไม่อ่านตกหล่น อ่านผิดหรืออ่านข้าม บางคนอ่านข้ามบรรทัด ทำให้ข้อความไม่เชื่อมโยงต่อเนื่องกัน ๕. รักการอ่านทำนองเสนาะ หมั่นฝึกฝนและมีความเชื่อมั่นในตนเอง ๖. เป็นผู้รักษาสุขภาพดี รักษาแก้วเสียงและน้ำเสียง ไม่นอนดึกจนเกินไป ดื่มน้ำอุ่นเสมอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา หรือกาแฟ
ไม่ตะโกนหรือกรีดร้องเสียงดังจนเกินไป
๙. ระมัดระวังการออกเสียงอักขระให้ชัดเจน ไม่อ่านออกเสียงเลียนเสียงภาษาต่างประเทศ ออกเสียงตัว ร ล และคำควบกล้ำให้ชัดเจน อ่านตามทำนองต้องพิจารณาด้วยว่าท้ายเสียงช่วงใดควรใช้เสียงสูง ช่วงใดควรหลบเสียงต่ำ
๑๐. ศิลปะการใช้เสียง ผู้อ่านจะต้องรู้จักการผ่อนเสียง ทอดเสียง หลบเสีย เอื้อนเสีย ครั่นเสีย ครวญเสียง กระแทกเสีย ดังนี้ ๑๐.๓ การทอดเสียง คือ เมื่ออ่านใกล้จะจบต้องอ่านทอดเสียงผ่อนจังหวะให้ช้าลง ๑๐.๔ การหลบเสียง คือ การเปลี่ยนเสียงหรือหักเสียง หลบจากเสียงสูงไปเสียงต่ำเพื่อไม่ต้องออกเสียงที่สูงเกินไป ๑๐.๕ การเอื้อนเสียง คือ การลากเสียงช้าๆ และไว้หางเสียงเพื่อให้เข้าจังหวะและไพเราะ ๑๐.๖ การครั่นเสียง คือ การทำเสียงให้สะดุดเมื่ออ่านถึงตอนที่สะเทือนอารมณ์ ๑๐.๗ การครวญเสียง คือ การเอื้อนเสียงให้เกิดความรู้สึกตามอารมณ์ของการคร่ำครวญ รำพัน วิงวอนหรือโศกเศร้า ๑๐.๘ การกระแทกเสียง คือ การลงเสียงให้หนักเป็นพิเศษ เมื่อต้องแสดงอารมณ์โกรธ หรือแสดงความเข้มเข็ง ข้อใดควรปฏิบัติในการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว1. ก่อนอ่านควรศึกษาเรื่องที่อ่านให้เข้าใจ เพื่อแบ่งวรรคตอน 2. อ่านให้คล่อง และเสียงดังพอเหมาะกับสถานที่และจานวนผู้ฟัง 3. อ่านให้คล่องและถูกต้องตามอักขรวิธี โดยเฉพาะ ร ล คาควบกลาต้องออกเสียงให้ชัดเจน 4. เน้นเสียงและถ้อยค า ตามน าหนักความส าคัญของใจความ ใช้เสียงและจังหวะให้เป็นไปตาม เนือเรื่อง เช่น ดุอ้อนวอน จริงจัง ฯลฯ ...
การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองที่ดีมีวิธีการอ่านอย่างไร๑. อ่านออกเสียงคำให้ชัดเจนและถูกต้องตามอักขรวิธี ๒. อ่านให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองนั้น ๓. การอ่านออกเสียงทำนองเสนาะต้องรู้จักทอดจังหวะ เอื้อนเสียง หรือหลบเสียง มีเสียงสูงต่ำตามลักษณะของบทร้อยกรองแต่ละชนิด ๔. อ่านด้วยน้ำเสียงชัดเจน นุ่มนวลน่าฟัง เสียงไม่ค่อยหรือดังเกินไป
การอ่านออกเสียงร้อยแก้วที่ถูกต้องตามหลักปฏิบัติให้ประโยชน์แก่ผู้เรียนอย่างไรบ้าง1. ก่อนอ่านควรศึกษาเรื่องที่อ่านให้เข้าใจ เพื่อเเบ่งวรรคตอน 2. อ่านให้คล่อง และเสียงดังพอเหมาะกับสถานที่และจำนวนผู้ฟัง 3. อ่านให้คล่องและถูกต้องตามอักขรวิธี โดยเฉพาะ ร ล คำควบกล้ำต้องออกเสียงให้ชัดเจน 4. เน้นเสียงและถ้อยคำ ตามน้ำหนักความสำคัญของใจความ ใช้เสียงและจังหวะให้เป็นไปตามเนื้อเรื่อง เช่น ดุ อ้อนวอน จริงจัง ฯลฯ
ในการอ่านทำนองเสนาะบทร้อยกรองเมื่อถึงวรรคจบควรปฏิบัติอย่างไร๑. กาพย์ยานี๑๑ หนึ่งบทมี๔ วรรค เริ่มอ่านวรรคที่๑ ด้วยเสียงปกติวรรคที่๒ อ่านเสียงสูงกว่า วรรคที่๑ แต่ถ้าคำท้ายวรรคที่๒ เป็นคำพื้นเสียงจัตวาให้ปัดเสียงขึ้นสูง ๒. วรรคที่๓ อ่านเสียงสูงกว่าวรรคที่๒ (อ่านออกเสียงสูงกว่าทุกวรรค) วรรคที่๔ ลดเสียงลงจาก วรรคที่๓ ๓. เมื่ออ่านจนจะจบด้วยวรรคที่๔ ผู้อ่านต้องทอดเสียงยาวเพื่อให้ผู้ ...
|