ประเภทของการเขียน มีกี่ประเภท

การแบ่งประเภทของการเขียนแบบ

Show

         

การเขียนแบบเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานช่างอุตสาหกรรมที่มีการผลิตเป็นจำนวนมาก  การเขียนแบบจะแสดงให้เห็นภาพซึ่งเป็นต้นแบบของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ  ทั้งนี้การเขียนแบบสามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 4 แบบดังนี้

1. การเขียนแบบทางวิศวกรรม(Engineering Drawing) การเขียนแบบนำไปใช้ใน งานอุตสาหกรรมทางเครื่องจักรกล สามารถแยกได้ดังนี้ คือ
    1.1 การเขียนแบบเครื่องกล(Machines Tool Drawing)
    1.2 การเขียนแบบงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า (Electrical Electronic Drawing)
    1.3 การเขียนแบบเครื่องยนต์(Automotive Drawing)
    1.4 การเขียนแบบงานแผนที่และช่างสำรวจ(Map & Survey Drawing)
    1.5 การเขียนแบบช่างกลและแผ่นโลหะ(Metal & Sheet Metal -Drawing)

2. การเขียนแบบทางสถาปัตยกรรม(Architectural Drawing) การเขียนแบบทาง งานก่อสร้าง ซึ่งแยกงานเขียนได้ดังนี้ คือ
    2.1 การเขียนแบบโครงสร้าง(Structural Drawing)
    2.2 การเขียนแบบสัดส่วนของรูปต่างๆ(Shape & Proportion Drawing)
    2.3 การเขียนรูปตัด(Section Drawing)
    2.4 การเขียนภาพร่าง(Sketching Drawing)

3. การเขียนแบบตกแต่งภายใน(Interior Design Drawing) การเขียนแบบที่ใช้ ในการออกแบบตกแต่งภายใน ซึ่งแยกงานเขียนได้ดังนี้ คือ
    3.1 การเขียนแบบเครื่องเรือน(Furniture Drawing)
    3.2 การเขียนแบบทัศนียภาพ(Perspective Drawing)

4. การเขียนแบบผลิตภัณฑ์ (Product Drawing) การเขียนแบบที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจำแนกได้ดังนี้ คือ
    4.1 การเขียนภาพฉาย(Orthographic Drawing)
    4.2 การเขียนภาพสามมิติ(Three Dimension Drawing)

     กล่าวโดยสรุปการเขียนแบบอาจจำแนกประเภทได้แตกต่างกัน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกประเภท   อย่างไรก็ตามความมุ่งหมายของการเขียนแบบก็คือ  การถ่ายทอดความคิดลงบนแผ่นกระดาษหรือวัสดุอื่น ๆ  โดยมีรูปแบบที่เป็นสากลซึ่งประกอบด้วยเส้น  ภาพ  สัญลักษณ์  และคำอธิบายประกอบอย่างละเอียดสามารถนำไปผลิตชิ้นงานจริงได้

ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting

ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ

Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFe
Facebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email :

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเขียน

การ เขียนเป็นการสื่อสารด้วยอักษร ถ่ายทอดความรู้ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ของผู้เขียนไปสู่ผู้อ่าน ทักษะการเขียนเป็นทักษะที่เป็นทั้งศิลป์และศาสตร์ กล่าวคือ การเขียนต้องใช้ภาษาที่ไพเราะประณีต สื่อได้ทั้งอารมณ์ ความคิด ความรู้ ต้องใช้ศิลปะ ที่กล่าวว่าเป็นศาสตร์เพราะการเขียนทุกชนิดต้องประกอบด้วยความรู้ หลักการและวิธีการ

ความสำคัญของการเขียน

การเขียนมีความสำคัญสำหรับมนุษย์ ยิ่งโลกในปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การเขียนกูยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วยซึ่งสามารถสรุปความสำคัญของการ เขียนได้ดังนี้

๑. การเขียนเป็นการสื่อสารอย่างหนึ่ง
๒. การเขียนเป็นการแสดงออกซึ่งภูมิปัญญาของมนุษย์
๓. การเขียนเป็นเครื่องมือถ่ายทอดมรดกทางสติปัญญา
๔. การเขียนเป็นเครื่องมือสร้างความสามัคคีและความเจริญรุ่งเรือง ในทางตรงกันข้ามก็ใช้เป็นเครื่องบ่อนทำลายได้เช่นกัน

จุดมุ่งหมายของการเขียน

การเขียนจะบรรลุผลตามวัตถุประสงค์หรือไม่นั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง คือ การเขียนต้องมีจุดมุ่งหมายซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้

๑) การเขียนเพื่อการเล่าเรื่อง > เป็นการนำเรื่องราวที่สำคัญมาถ่ายทอดเป็นข้อเขียน เช่น การเขียนเล่าประวัติ
๒) การเขียนเพื่ออธิบาย > เป็นการเขียนเพื่อชี้แจงอธิบายวิธีใช้ วิธีทำ ขั้นตอนการทำ เช่น อธิบายการใช้เครื่องมือต่างๆ
๓) การเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็น > เป็นการเขียนเพื่อวิเคราะห์ วิจารณ์ แนะนำ หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
๔) การเขียนเพื่อโน้มน้าวใจ > เป็นการเขียนที่ผู้เขียนมีจุดประสงค์ที่จะชักจูง โน้มน้าวใจให้ผู้อ่านยอมรับในสิ่งที่ผู้เขียนเสนอ
๕) การเขียนเพื่อกิจธุระ > เป็นการเขียนที่ผู้เขียนมีจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง การเขียนชนิดนี้จะมีรูปแบบการเขียนและลักษณะการใช้ภาษาที่แตกต่างกันไปตาม ประเภทของการเขียน

มารยาทในการเขียน

๑) ใช้ถ้อยคำสุภาพไพเราะ หลีกเลี่ยงคำหยาบ ไม่ใช้อารมณ์ ความรู้สึกส่วนตนหรืออคติ วิจารณ์ผู้อื่นอย่างปราศจากเหตุผล จนทำให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายและสังคมแตกแยก
๒) เขียนข้อความหรืองานเขียนที่เป็นจริง ได้ศึกษา ค้นคว้าและตรวจสอบว่าถูกต้องแล้ว ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเสียก่อน
๓) เขียนให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ใช้สระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์ให้ถูกต้อง ใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมกับเนื้อหากาลเทศะและสถานะบุคคล
๔) เขียนสิ่งที่มีคุณค่าอันจะก่อให้เกิดความสุขให้เกิดความสงบสุขแก่คนในสังคม และประเทศชาติ ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ที่มีต่อผลการพัฒนาประเทศชาติ
๕) การไม่คัดลอกงานเขียนของผู้อื่น โดยอ้างว่าเป็นผลงานของตนเอง เมื่อยกข้อความหรืองานเขียนของผู้อื่นมาประกอบจะต้องให้เกียรติเจ้าของงาน โดยการเขียนอ้างอิงที่มาของเรื่องและชื่อผู้เขียนทุกครั้ง

การเขียนย่อความ

คือ การจับใจความสำคัญ จับประเด็นสำคัญของเรื่องที่ได้อ่าน ได้ฟังหรือได้ดูมาอย่างย่อๆแล้วนำมาเรียบเรียงใหม่ให้ได้ความครบถ้วน สั้น กระชับ ด้วยสำนวนภาษาของตนเอง

หลักการเขียนย่อความ

การเขียนย่อความ ควรมีหลักในการเขียน ดังนี้

๑. อ่านเรื่องที่จะย่อความให้จบอย่างน้อย ๒ ครั้ง เพื่อให้ทราบว่าเรื่องนั้นกล่าวถึงใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร และผลเป็นอย่างไร
๒. บันทึกใจความสำคัญของเรื่องที่อ่าน เเล้วนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่ด้วยสำนวนของตนเอง
๓. อ่านทบทวนใจความสำคัญที่เขียนเรียบเรียงแล้ว จากนั้นแก้ไขให้สมบูรณ์ โดยตัดข้อความที่ซ้ำซ้อนกันออก เพื่อให้เนื้อหากระชับ และเชื่อมข้อความให้สัมพันธ์กันตั้งเเต่ต้นจนจบ
๔. เขียนย่อความให้สมบูรณ์ โดยเขียนแบบขึ้นต้นของย่อความตามรูปแบบของประเภทข้อความนั้นๆ เช่น การย่อนิทาน การย่อบทความ
๕. การเขียนย่อความไม่นิยมใช้สรรพยามบุรุษที่ ๑ และสรรพนามบุรุษที่ ๒ คือ ฉัน คุณ ท่าน แต่จะใช้สรรพนามบุรุษที่ ๓ เช่น เขา และไม่เขียนโดยใช้อักษรย่อ นอกจากนี้ หากมีการใช้คำราชาศัพท์ต้องเขียนให้ถูกต้อง ไม่ควรตัดทอน

รูปแบบการเขียนย่อความ

๑. การย่อนิทาน นิยาย พงศาวดาร ให้บอกประเภท ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ที่มาของเรื่องเท่าที่ทราบ เช่น

ประเภทของการเขียน มีกี่ประเภท

๒. ย่อคำสอน คำกล่าวปาฐกถา ให้บอกประเภท ชื่อเรื่อง เจ้าของเรื่อง ผู้ฟัง สถานที่ และเวลาเท่าที่จะทราบได้ เช่น

ประเภทของการเขียน มีกี่ประเภท

๓. การเขียนบทความทางวิชาการ ให้บอกประเภท ชื่อเรื่อง เจ้าของเรื่อง ที่มาของเรื่อง เช่น

ประเภทของการเขียน มีกี่ประเภท

๔. ย่อบันทึกเหตุการณ์(จดหมายเหตุ)

ประเภทของการเขียน มีกี่ประเภท

ความหมายการเขียนบรรยาย

การเขียนบรรยาย เป็นการเขียนเล่าเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพเหตุการณ์ ลำดับเวลา สถานที่ บุคคล ผู้เขียนควรกล่าวถึง เหตุการณ์ให้ชัดเจน โดยมีข้อมูลและเนื้อหาสาระของเรื่องที่จะแสดงความคิด บางครั้งอาจแทรกบทสนทนาตัวละครทำให้ผู้อ่านเข้าใจลักษณะอารมณ์ความคิดของตัว ละครและเข้าใจเรื่องทั้งหมด

จุดมุ่งหมายของการเขียนบรรยาย

การเขียนบรรยายใช้แสดงความคิดเห็นได้หลายรูปแบบ เช่น ใช้ในคำประพันธ์แบบเล่าเรื่อง เล่าเหตุการณ์ การเขียนชีวประวัติ การเขียนบรรทึก การให้ข้อมูล การรายงานข่าว เป็นต้น การเขียนบรรยายเป็นการเขียนเล่าข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดของเรื่องตามที่ เป็นอยู่โดยคำนึงถึงความต่อเนื่อง

ประเภทของเรื่องที่ใช้วิธีการเขียนบรรยาย

งานเขียนที่ใช้กลวิธีการเขียนบรรยาย แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้

๑. อัตชีวประวัติหรือการเล่าประวัติชีวิบุคคลต่างๆ

๒. ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

๓.เรื่องที่แต่งขึ้นหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ข้อสังเกตการเขียนบรรยาย

การเขียนบรรยายกล่าวข้างต้น เป็นการเรียนบรรยายตามความจริง สามารถใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงไม่มีการสอดแทรกอารมณ์หรือความรู้สึกลงไปในงาน เขียน

ความหมายการเขียนพรรณนา

การ เขียนพรรณนา หมายถึง การให้รายละเอียดของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น บุคคล สัตว์ วัตถุ สถานที่หรือเหตุการณ์ช่วงใดช่วงหนึ่งด้วยถ้อยคำพรรณนาที่ไพเราะเหมาะสม ก่อให้เกิดจินตนาการ เห็นความเคลื่อนไหว จำนวน สี ขนาดและได้ยินเสียงตามที่ผู้ส่งสารประสงค์


การ เขียนพรรณา เป็นศิลปะการเขียนที่ผู้เขียนจะใช้วิธีการเลือกสรรค์ถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่าน เกิดจินตนาการไปกับเนื้อเรื่อง สามารถทำได้หลายวิธีโดยเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งหรือผสมผสาน ดังนี้

๑) การใช้คำใหเหมาะสมทั้งเสียงและความหมาย

๒) การแฝงความ คือ ผู้เขียนจะไม่ส่อเนื้อความตรงๆ ผู้อ่านต้องตีความเอง

๓) การใช้สำนวน คือ กลวิธีการเขียนพรรณนาอีกประเภทหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้อ่านเกิดจินตนาการ และเข้าใจเนื้อหา

๔) การเน้นข้อความโดยใช้คำซ้ำ คำซ้อน คือ กลวิธีการเขียนพรรณนาที่ช่วยเน้นย้ำอารมณ์ ความรู้สึกของผู้อ่านให้เกิดจินตนาการให้เด่นชัดขึ้น

ประเภทการเขียนพรรณนา

๑. การเขียนพรรณนาธรรมชาติ

๒. การเขียนพรรณนาสถานที่ หรือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

๓. การเขียนพรรณนาลักษณะและพฤติกรรมของบุคคล

๔. การเขียนพรรณนาความรู้สึกและอารมณ์

๕. การเขียนพรรณนาความคิด

ความหมายการเขียนเรียงความ

การ เขียนเรียงความ เป็นงานเขียนที่ผู้เขียนมุ่งถ่ายทอดเรื่องราว ความคิด ทัศนคติในเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยสำนวนภาษาที่เรียงขึ้นอย่างมีลำดับขั้นตอน ประกอบด้วยข้อความหลายย่อหน้า มีชื่อเรื่ิองชัดเจน ข้อความในหลายๆย่อหน้านั้นจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อจะให้ข้อเท็จจริง ความรู้ ข้อคิดหรือทำให้ผู้อ่านรู้สึกคล้อยตามไปกับงานเขียนนั้น


ใน การเขียนเรียงความผู้เขียนจะต้องมีการวางโครงเรื่อง ค้นความหาข้อมูลและจัดเรียงลำดับความคิดให้สัมพันธ์กับหัวเรื่องเพื่อการ เขียนเรียงความได้ตรงตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้

องค์ประกอบของเรียงความ

การเขียนเรียงความมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป

๑) คำนำ

๒) เนื้อเรื่อง

๓) สรุป

การเขียนเรียงความจากประสบการณ์โดยใช้ผังความคิด

คือ การที่ผู้เขียนนำความรู้และประสบการณืที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาจัดลำดับ เค้าโครงความคิด เพื่อเป็นแนวทางในการในเขียน ทำให้งานเขียนเกิดเอกภาพ สัมพันธภาพ และสารัตถภาพ โดยสร้างเป็นแผนภาพให้เห็นรูปธรรม ในการสร้างแผนภาพความคิด ผู้เขียนจะต้องกำหนดว่าจะเขียนเรื่องอะไร เรื่องนั้นควรมีเนื้อหาอะไรบ้างแล้วจดประเด็นความคิดเป็นข้อๆที่เหมือนกัน หรือคล้ายกันให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ต่อจากนั้นจึงต้องจัดลำดับความคิดเพื่อให้เรื่องสอดคล้องกันตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมทั้งพิจารณาทบทวนเค้าโครงเรื่องที่เขียนไว้ว่าครอบคุมและมีประเด็นความ คิดครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ จากนั้นนำเค้าโโครงความคิดที่วางไว้มาสร้างเป็นผังความตคิด การใช้ผังความคิดนี้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการเขียนเรียงความที่ดี

คลิปการสอนเขียนเรียงความ

จุดประสงค์ในการเขียนมีกี่ประเภท

1. เขียนเพื่อเล่าเรื่อง 2. เขียนเพื่ออธิบาย 3. เขียนเพื่อโฆษณาจูงใจ 4. เขียนเพื่อปลุกใจ จุดมุ่งหมายของการเขียน

การเขียน มีความสําคัญอย่างไร

ประโยชน์ของการเขียน.
1. การเขียนช่วยให้คุณบันทึกสิ่งที่คุณต้องรู้ และ ต้องทำ ... .
2. การเขียนช่วยให้มีจิตใจที่แจ่มใส ... .
3. การเขียนช่วยให้รับรู้อารมณ์ตนเองได้ดีขึ้น ... .
4. การเขียนช่วยพัฒนาการคิด ... .
5. การเขียนช่วยสร้างความรู้สึกขอบคุณ ... .
6. การเขียนช่วยทำให้มีเป้าหมายชัดเจนขึ้น ... .
7. การเขียนช่วยให้มีแรงจูงใจ.

ชนิดของงานเขียน มีอะไรบ้าง

งานเขียนประเภทร้อยกรอง (มีฉันทลักษณ์ตามข้อกาหนด) ❑งานเขียนประเภทร้อยแก้ว (ไม่มีฉันทลักษณ์ตามข้อกาหนด) แบ่งตามลักษณะเนื้อหา สังเกตได้จากเนื้อหาที่เขียนเพื่อสื่อสารความรู้ความคิด ความรู้สึก ได้แก่ ❑งานเขียนประเภทสารคดี (มุ่งเน้นสาระความรู้ข้อเท็จจริง) ❑งานเขียนประเภทบันเทิงคดี(ใช้จินตนาการสร้างเรื่องราว)

การเขียนทั่วไป มีอะไรบ้าง

ลักษณะการเขียนทั่วไป.
เขียนบทสนทนา เป็นการสนทนาของตัวละครโต้ตอบซึ่งกันและกันในฉากเหตุการณ์หนึ่ง ๆ.
เขียนบรรยายหรือพรรณนา ซึ่งอาจจะเป็นการบรรยายโดยตรง หรือบรรยายในระหว่างเกิดการกระทำขึ้นก็ได้ - บรรยายถึงตัวละครสำคัญ ... .
เขียนถึงความคิดของตัวละคร ... .
เขียนบอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ... .
เขียนบอกเล่าเพื่อให้ข้อมูล.