เพลงตับสามารถแบ่งได้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง

I copied this message from www.thaikids.com. The authors if these messages are the well-known Thai musician. Kru Tak is nick name of Acharn Chanok Sagarik. And Nong is nickname of Acharn Ananda Nark-Kong (CU)



By the way, I've seen K. Kaew (DS) of SOAS around here, he knows better than me. If P' Kaew see this topic please explain us about the topic na krub.

...................



เท่าที่ทราบดูเหมือนจะมี ๕ แบบคือ

             ๑ โน้ตตัวเลขแบบ 0 1 2 3 4 (บรรทัดบน-ล่าง)

             ๒ โน้ตตัวเลขแบบ 9 ตัว (1 2 3 4 5 6 7 8 9)

             ๓ โน้ตตัวอักษร (ด ร ม ฟ ซ ล ท)

             ๔ โน้ตตัวเลข (0 1 2 3 4 5 6) อันนี้ใช้กับขิม

             ๕ โน้ตตัวเลขเจ็ดตัว (1 2 3 4 5 6 7)

             อาจจะมีมากกว่านี้ ใครทราบช่วยเพิ่มด้วยครับ



             จากคุณ: ครูตั๊ก- [Saturday, April 29, 2000# 10:25]

.............................................................................................

โน้ตที่น่าสนใจนอกไปจากที่ครูตั๊กพูดึงนี่ ยังมีอีกนะครับ แต่ต้องคุยกันยาว ในที่นี้จะขอยกขึ้นมาก่อน 2 ญัตติ คือโน้ตร้องและโน้ตเครื่องทำจังหวะ



             1. โน้ตพิเศษของพวกนักร้อง ที่ชอบเขียนโน้ตแทนเสียงเอื้อนว่า เอ๋ย เงย หือ อือ เออ เฮอ น่ะครับ เป็นโน้ตรู้สึกว่านิยมใช้กันมากเป็นการส่วนตัวของคนร้อง

             แต่ไม่ได้ค่อยมีโอกาสพิมพ์เผยแพร่เหมือนโน้ตระบบอื่น หรือหยิบขึ้นมาสนทนากเียงกันเช่นโน้ตแบบอื่น

             ทั้งๆที่วิชาการขับร้องนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้เรื่องดนตรีด้านอื่นๆเช่นกัน และเนื่องด้วย คงเป็นการยุ่งยากที่จะจัดทำโน้ตทางร้องออกมาเผยแพร่ ยุ่งยากทั้งการบันทึก

             การวางระบบจัดพิมพ์ การอ่านออกเสียงออกความและออกอารมณ์ ก็เลยเงียบซะ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ประมาณนี้



             ศิลปะทางการขับร้องนี่สำคัญนะครับ จะทำไงึงจะสร้างหลักฐานเรื่องเพลงร้องได้อย่างจริงจังกันซะทีล่ะครับ เอาให้มันเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งกว่าแค่พิมพ์เนื้อร้อง

             คำร้องที่ลอกมาจากบทวรรณคดี ตรงกันมั่ง เพี้ยนกันมั่ง และมักจะจบอยู่แค่การลงคำร้องตามแบบแผนกวีนิพนธ์เท่านั้น ไม่ลงรายละเอียดว่าตรงไหนเสียงสูงเสียงต่ำ

             ตรงไหนเอื้อนไม่เอื้อน ตรงไหนเสียงยาวเสียงสั้น ตรงไหนเป็นสำเนียงอะไร ตรงไหนตรงกับโน้ตตัวอะไรในเพลง ฯลฯ

             จะหาความรู้และหลักฐานบันทึกเรื่องร้องนี่ยากเหลือเกิน ้าไปเทียบกับโน้ตประเภทอื่นที่ผลิตกันมาเยอะแยะ มีทุกระบบที่ครูตั๊กว่ามา

             ที่นิยมมากที่สุดตอนนี้เห็นจะเป็นโน้ตตัวอักษร ด ร ม ฟ ซึ่งหาได้ง่ายดาย และเข้าใจไม่ยากนัก ้ารู้จักใช้สติปัญญาในการหัดเรียนเขียนอ่าน

             แต่ของโน้ตร้องที่ดูเหมือนจะอาภัพกว่าเขาเพื่อน เท่าที่เห็นก็เป็นการหาทางเขียนกันเอง เข้าใจกันเองในพวกนักร้องหรือคนที่พอรู้เรื่องร้องนั้นบ้าง

             แต่้าไม่ได้ฝึกมาทางนี้โดยตรงหรือไม่รู้เพลงที่เขาเขียนโน้ตทางร้องนี่มาก่อน ก็อ่านลำบากเหมือนกัน เพราะไม่ใช่โน้ตระดับเสียงหรือโน้ตหน่วยทำนองอย่าง 5

             ข้อที่กล่าวึง



             (ตัวอย่าง)

             เพลงแขกบรเทศ สามชั้น

             นี่ ฮือ กระ-ไร -- ตก เฮอ ใจ -- เออ เฮ้อเออเอ่อ เออ หือ เงอ เฮ้อ เอ่อ เออยย ฮึ- ไป เปล่า-เปล่า



             โน้ตพวกนี้นักร้อง-นักขับเสภา-นักพากย์ เขานิยมใช้กันมาก เขียนแทรกลงไประหว่างช่องไฟของคำกลอน บางทีก็เขียนรวมกันไปเลยทั้งทางร้อง ทางเอื้อน และคำร้อง

             โดยไม่เน้นเรื่องเส้นกันห้องที่ระยะเท่ากันเป๊ะๆอย่างเครื่องดนตรี เป็นโน้ตเอื้อนที่ช่วยให้การขับร้องตรงหลักการขึ้นมากกว่า

             บางคนก็เก่งชนิดไม่ได้ใส่ใจกับการอ่านโน้ตร้องให้ยุ่งยากรำคาญ เพราะนักร้องทั่วไปเขาจะจำทำนองร้องไว้ในสมองมากกว่า บางคนก็ดูแค่เนื้อร้อง เพลงน่ะ

             จำได้แล้วหละ ปิดสมุดโน้ตก็ยังร้องกันได้สบายใจ มีโน้ตเข้ามาช่วยตรงรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น อะไรทำนองนี้

             ส่วนระดับเสียงและจังหวะของโน้ตร้องอย่างไรที่สมบูรณ์แบบ

             เป็นเรื่องที่ท่านผู้เกี่ยวข้องคงต้องหาทางออกกันซะทีว่าจะใช้ระบบใดที่สามารเขียน-บันทึกและอ่านให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

             หรือน่าจะมีสัญญลักษณ์อะไรขึ้นมาใช้สำหรับโน้ตร้อง

             อันที่จริง จะว่าไม่มีโน้ตร้องที่พอจะใช้งานได้ซะเลยก็ไมู่ก เพราะเคยเห็นโน้ตทางร้องที่ท่านอาจารย์สงัด ภูเขาทอง สมัยเมื่อสอนอยู่วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จฯ

             เขียนทางร้องเป็นลักษณะโน้ตอักษรไทย ด ร ม ฟ แทนเอื้อน และสามารบรรจุอยู่ในช่องไฟแปดห้องต่อบรรทัด

             แต่ต้องอาศัยการเขียนด้วยลายมือแบ่งช่วงการร้องแบบกะความน่าจะเป็นเอา และที่รู้สึกเหนื่อยแทน ทั้งคนเขียนและคนอ่านคือการใช้เส้นโค้งโยงระยะการเอื้อน

             มีทั้งเส้นโค้งเล็กๆสั้นๆ และโค้งใหญ่ๆยาวๆ (หมายึง้าเอื้อนแบบกระทบเสียงรึสบัดก็สั้นหน่อย แต่้าเอื้อนยาว ลากเสียงยาว หรือประโยคการร้องช่วงนั้นยาว

             ก็ใช้เส้นโค้งยาวมาคร่อมช่วงโน้ต) ส่วนการเอื้อนว่าตรงไหนจะเป็น เออ เอิง เอย เฮอ เงอ อะไรนี่ ปล่อยให้เป็นกรรมของคนร้องที่จะต้องไปรับผิดชอบต่อเอาเอง

             น่าสังเกตว่า เท่าที่อาจารย์สงัดได้เผยแพร่ออกมา แม้จะเป็นเรื่องที่ก่อคุณูปการมหาศาลให้แก่วงการดนตรีไทยในระดับหนึ่ง

             แต่ก็ยังไม่เป็นที่เข้าใจหรือผ่านการยอมรับในวงกว้างมากนัก แต่้านึกดูอีกที ก็ยังดูเข้าท่ากว่าไม่เขียนอะไรไว้เสียเลย หรือสักแต่ว่าเขียน แต่เอามาอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง

             งานของอาจารย์สงัดตรงนี้คล้ายกับระบบการบันทึกของครูจันทนา พิจิตรคุรุการ ซึ่งลงโน้ตทำนองลงไปในสมุดบันทึกขับร้องส่วนตัวของท่าน

             เขียนเป็นโน้ตเก้าตัวอย่างทางซอ แต่ก็ไม่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเอื้อนมากนัก นอกจากกรณีนี้ก็มีอยู่ในงานของคุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลงด้วยเช่นกัน

             แต่แพร่หลายน้อยกว่าของอาจารย์สงัดและครูจันทนา





             ้าจะเอารายละเอียดเรื่องโน้ตร้อง ระหว่างที่ยังหาทางออกอะไรไม่ได้ ก็คิดว่าโน้ตสากลยังเป็นเครื่องช่วยที่ดีที่สุดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงระดับเสียงสูงต่ำ

             การแสดงช่องไฟ การแสดงระยะี่ห่างกว้างแคบของโน้ต และเสียงผ่านต่างๆที่ใช้เป็นลูกประดับประดาในโน้ตเพลง

             อันนี้ที่จริง้าศึกษาจากกรณีดนตรีตะวันตกในยุคแรกๆที่มีการเขียนโน้ตใช้กัน

             ก่อนที่จะปริวรรตมาเป็นโน้ตบันทัดห้าเส้นอย่างที่เป็นมรดกตกทอดมาจนึงเราลูกหลานทุกวันนี้ โน้ตฝรั่งในระยะแรกเป็นโน้ตเพลงขับร้องครับ

             ตั้งแต่กรีกเรื่อยมาจนึงบาทหลวงฝรั่งยุคกลาง มีการปรับปรุงแก้ไขสืบเนื่องมาอย่างไม่หยุดยั้ง และมาลงตัวแวโบส์หลวงพ่ออิตาลีเมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้

             จากนั้นจึงพัฒนาการไปสู่โน้ตสำหรับทางเครื่องดนตรี กลายมาเป็นวิชาการเขียนโน้ตที่ละเอียดละออในที่สุด และก้าวไปสู่การเขียนโน้ตอย่างก้าวหน้าไปเรื่อง

             เป็นรูปกราฟฟิคบ้าง เป็นสัญญลักษณ์แปลกๆออกไปบ้าง ตามยุคสมัยการสร้างสรรค์แห่งเสียงดนตรีและเพลงร้องของฝรั่งเขา



             ญัตติแรก ว่าด้วยโน้ตทางร้อง เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวที่อาจจะไม่ต้องใจผู้รู้ทั้งหลายในไทยคิดนี้ก็ได้ แต่ก็อยากให้ช่วยกันอภิปรายต่อด้วยครับ



             ญัตติที่สอง ว่าด้วยโน้ตเครื่องทำจังหวะ (ไม่ใช่เครื่องกำกับจังหวะ)

             ไม่ทราบว่าใครมีความเห็นอย่างไร ต่อกระบวนการและวิธีการบันทึก การเขียน การอ่าน การสร้างสัญญลักษณ์ของเครื่องทำจังหวะทั้งหลายที่ใช้อยู่ในวงการดนตรีไทย

             ทั้ง ฉิ่ง ฉาบเล็ก ฉาบใหญ่ โหม่ง ฆ้อง 3 ใบ หุ่ย 7 ใบ เหม่งบัวลอย ตะโพนไทย ตะโพนมอญ เปิงมาง กลองสองหน้า กลองแขก กลองมลายู ทับ โทน รำมะนามโหรี

             รำมะนาลำตัด กลองทัด กลองยาว กลองตุ๊ก กลองจีน กลองมะริกัน ฯลฯ



             บรรดาเครื่องทำจังหวะที่เห็นและเป็นอยู่ อยากจะามท่านผู้รู้ว่า ในโลกแห่งการบันทึกโน้ตดนตรีไทยที่เรามีลมหายใจเข้าออกกันอยู่นี้

             เราใช้กระบวนการที่ค่อนข้างจะฉาบฉวยเกินไปหรือเปล่า ทั้งการสมมติชื่อเรียก การสมมติอักษรย่อแทนเสียง (ซึ่งมักทำให้งงกันอยู่บ่อยๆ) การสร้าง form & pattern

             ของการจดบันทึกโน้ตจังหวะ หรือบางทีก็เขียนคำอ่านเต็มๆยัดลงไปในพื้นที่ห้องโน้ตไทยมาตรฐานซะเลย



             แต่ในทางปฏิบัติจริง การทำจังหวะนั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก มีทั้งข้อบังคับ ข้อยกเว้น ข้อผ่อนผัน และข้อละเมิด

             ซึ่งก็ควรที่จะสังคายนาเรื่องโน้ตเครื่องทำจังหวะทั้งหลายแหล่นี่กันอย่างจริงจังซะทีด้วยเหมือนกัน จะเอาอย่างไร จะเขียนแบบไหน

             จะบันทึกอย่างไรให้มันสมบูรณ์แบบตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด อ่านกลับมาเป็นโน้ตจังหวะได้จริงๆ และสามารสื่อความงามของดนตรีไทยได้อย่างแท้จริงในที่สุด



             หรือว่าไหนๆก็สมมติกันมาจนึงป่านนี้แล้ว

             สมมติกันต่อไปดีไหม



             ญัตติที่สาม ว่าด้วยโน้ตเพลงของเครื่องดนตรีที่มีการประสานเสียง / ขั้นคู่/ คอร์ด ในตนเอง

             เอ.... เอาไว้งวดหน้าดีกว่า เมื่อยมือแล้ว จบแค่นี้แหละ



             จากคุณ: หน่อง- [Saturday, April 29, 2000# 14:02]

เพลงตับมีความแตกต่างจากเพลงเรื่องอย่างไร

* เพลงตับ หมายถึง การนำเอาเพลงหลายๆ เพลงมาขับร้องและบรรเลงต่อเนื่องกัน มี 2 ชนิดคือ ุ เพลงตับเรื่อง คือเพลงที่นำมารวมร้อง และบรรเลงติดต่อกัน ยึดบทร้องที่เป็นเรื่องเดียวกัน ฟังได้ติดต่อเป็นเรื่องเดียวกัน ส่วนทำนองเพลงจะเป็นอย่างไรไม่ถือเป็นสำคัญ เช่น เพลงตับนางลอย เพลงตับนาคมาศ เป็นต้น

ประเภทของเพลงไทยแบ่งออกเป็นกี่ประเภทอะไรบ้าง

เพลงไทย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือเพลงบรรเลง และเพลงขับร้อง

ตับเพลง มีเพลงอะไรบ้าง

เพลงตับ.
ตับแม่ศรีทรงเครื่อง.
ตับลาวเจริญศรี.
ตับลมพัดชายเขา.
ตับพระลอ.
ตับนิทราชาคริต.
ตับต้นเพลงฉิ่ง.
ตับมโหรีนางนาค.
ตับพรหมาสตร์.

ตับต้นเพลงฉิ่ง 3 ชั้น มีกี่เพลง

จะได้กว้างขวางครอบคลุม ในกลุ่มเสียงต่าง ๆ ได้มากขึ้น ในบทนี้เป็นการฝึกเป่าเพลงตับต้นเพลงฉิ่งชั้น ซึ่งประกอบด้วย 4 เพลงย่อย คือ ต้นเพลงฉิ่ง จระเข้หางยาว ตวงพระธาตุและนกขมิ้น ตับต้นเพลงฉิ่งมีสำนวนเพลงที่ไม่ยากนัก เหมาะแก่การฝึกฝนเป็นเพลงในอันดับแรก ๆ นอก อกจากนี้ในแต่ละบทเพลงยังอยู่ในกลุ่มเสียงที่ **