หน้าแรก ข่าวสาร สินค้าอุตสาหกรรม ต่างจากสินค้าอุปโภคบริโภค ต่างกันอย่างไร Show
สินค้าอุตสาหกรรม ต่างจากสินค้าอุปโภคบริโภค ต่างกันอย่างไรสินค้าอุตสาหกรรม เป็นสินค้าที่ใช้ในกระบวนการผลิต จะได้ผลลัพธ์เป็นตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ตัวอย่างเช่น เหล็กที่ใช้ในกระบวนการก่อสร้าง น๊อตที่ใช้ในงานช่าง เป็นต้น ซึ่งสินค้าอุตสาหกรรมจะมีความแตกต่างกับสินค้าอุปโภคบริโภคตรงที่ การตัดสินใจซื้อจะไม่มีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะผู้ที่ซื้อสินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นองค์กรธุรกิจหรือโรงงานผลิต ที่นำสินค้ากลุ่มนี้ไปผลิตสินค้าและบริการต่อไป สินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Goods) สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
แต่ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคซื้อไปใช้เอง แบ่งตามประเภทได้ดังนี้
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าสินค้าอุตสาหกรรม ถูกใช้ในกระบวนการผลิตและบริการต่างๆ เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อควรตัดสินใจ และศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้ดี เพื่อให้ได้สินค้าที่ถูกต้องตามสเปคที่ต้องการ และได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ คือ ความหมายของผลิตภัณฑ์ (The
Meaning of Product) ผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถึง ” สิ่งใด ๆ ที่นำเสนอเพื่อตอบสนองความจำเป็นหรือความต้องการของตลาดให้ได้รับความพึงพอใจ ” ดังนั้นจากความหมายนี้ “ผลิตภัณฑ์ ” จึงมีความหมายที่กว้างครอบคลุมถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถตอบสนองความจำเป็นและความต้องการของตลาดหรือผู้บริโภคได้ โดยครอบคลุมถึง ผลิต ภัณฑ์ที่นำออกสู่ตลาดในปัจจุบัน ถ้าจะพิจารณาถึงลักษณะของผลิต
ภัณฑ์แล้วจะเห็นได้ว่าการจำแนกสินค้าออกตามประเภทที่มีลักษณะแตกต่างกัน การกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดนั้นเริ่มต้นด้วยการจำแนกผลิต ภัณฑ์อย่างถูกต้อง การจำแนกผลิต ภัณฑ์นั้นจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ ๆ คือ สินค้าสะดวกซื้อ 3 ประเภท มีอะไรบ้าง สินค้าเปรียบเทียบซื้อ คือ (Shopping Goods) สินค้าประเภทนี้ลูกค้ามักจะซื้อเมื่อได้มีการเปรียบเทียบถึงความเหมาะสมในด้านราคา คุณภาพ รูปแบบของสินค้า ฯลฯ เป็นสินค้าที่ต้องเสาะแสวงซื้อบ้าง ซึ่งมีการวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกต่างๆ น้อยกว่าสินค้าสะดวกซื้อ
ลักษณะของสินค้าประเภทนี้ก็คือ
สินค้าเปรียบเทียบซื้อ สามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ
สินค้าเจาะจงซื้อสินค้าเจาะจงซื้อ คือ (Specially Goods) สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแสวงหาและมีความตั้งใจซื้อ การจะใช้สินค้าอื่นมาทดแทนยังต้องอาศัยเวลาในการตัดสินใจนานกว่าจะซื้อ หรือมีความลังเลและคิดอยู่นานที่จะยอมรับสินค้าทดแทนนั้น เช่น นาฬิการาคาแพง รถยนต์รุ่นพิเศษ เสื้อผ้าตราพิเศษและแบบพิเศษทำจากต่างประเทศ ผ้าลูกไม้สวิส ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่มีลักษณะเด่นเป็นพิเศษซึ่งสามารถบ่งบอกระดับผู้ใช้ รสนิยมผู้ใช้ ตลอดจนสถานะของผู้ใช้ สินค้าที่ไม่แสวงซื้อสินค้าที่ไม่แสวงซื้อ คือ (Unsought Goods) เป็นสินค้าที่ลูกค้ามิได้รู้จักหรือมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าประเภทนี้มาก่อน หรืออาจจะรู้จักมาบ้างแต่มิได้ให้ความสนใจที่จะต้องแสวงรู้ ลักษณะของสินค้าประเภทนี้มักจะเป็นสินค้าใหม่ๆ ที่ออกสู่ตลาด หรือเป็นสินค้าใหม่ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยผู้ผลิตจะเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาแล้วนำออกสู่ตลาดโดยใช้ความพยายามในการส่งเสริมการตลาดสูง เช่น ทุ่มโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อแนะนำการตลาด และในขณะเดียวกัน การจัดจำหน่ายก็จะกระจายออกไปเพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักผ่านตาและตระหนักว่ายังมีสินค้าประเภทนี้เพิ่มเข้าสู่ตลาด สินค้าอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรม คือ (Industrial Goods) สินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Goods) ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่จัดซื้อมาเพื่อนำไปใช้ในการผลิตเป็นสินค้าประเภทอื่นต่อไป หรือการให้บริการในการดำเนินงานของธุรกิจ สถาบันที่ใช้สินค้าประเภทนี้เรียกว่า “ผู้ใช้สินค้าอุตสาหกรรม” (Industrial User) สินค้าอุตสาหกรรมเป็นสินค้าที่ซื้อขายกันในตลาดอุตสาหกรรม (Industrial Market) หรือตลาดธุรกิจ (Business Market) สินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Goods)การซื้อขายสินค้าในตลาดอุตสาหกรรมนี้ ปริมาณของสินค้าที่ซื้อขายกันนั้นมีปริมาณมาก ในด้านการตัดสินใจซื้อของผู้ใช้สินค้าอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะเป็นการตัดสินใจซื้ออย่างมีเหตุผลและมีระเบียบในการจัดซื้อ รวมทั้งมีการวิเคราะห์ถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการตัดสินใจ ลักษณะสินค้าประเภทนี้จะแตกต่างกันไปตามประเภทของอุตสาหกรรมการผลิตและแตกต่างกันในเรื่องของปริมาณการซื้อ ผลิตภัณฑ์รวมทั้งเกณฑ์การพิจารณาตัดสินใจซื้อของลูกค้าด้วยโดยทั่วไป ถ้าเปรียบเทียบกับสินค้าอุปโภคบริโภคแล้วตลาดผู้บริโภคจะรู้จักสินค้าตามร้านค้า การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ฯลฯ มากกว่าสินค้าอุตสาหกรรมเพราะสินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีการวางขาย ตามร้านค้าทั่วไป อาจจะมีตัวแทนจำหน่ายบ้าง ซึ่งลู่ทางและช่องทางการจำหน่ายสินค้าประเภทนี้มักจะจำหน่ายโดยตรงให้กับผู้ใช้สินค้าอุตสาหกรรมนอกจากนั้นการโฆษณาทางสื่อสำหรับผู้บริโภคไม่ค่อยปรากฎ และที่สำคัญสินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะไม่ค่อยปรากฎว่ามีตราสินค้าความสำคัญของสินค้าอุตสาหกรรมนั้นขึ้นอยู่กับขอบเขตและความสำคัญของการจำแนกประเภทอุตสาหกรรม ประเภทสินค้าอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรมสามารถแบ่งแยกย่อยออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน คือ 1.วัตถุดิบ (Raw Materials) เป็นสินค้าที่จะต้องนำไปใช้ในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่นต่อไป โดยจะถูกนำมาขายตามสภาพเดิมที่ได้มาจากธรรมชาติแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
2.วัสดุที่เป็นส่วนประกอบและชิ้นส่วน (Fabricating and Materials) สินค้าประเภทนี้เช่นเดียวกับวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบในการผลิต เมื่อความเจริญทางเทคโนโลยีสูงขึ้นผู้ผลิตสินค้าสำเร็จรูปมักจะไม่ผลิตเต็มตามกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนเสร็จเป็นสินค้าสำเร็จรูปแต่จะอาศัยผู้ผลิตอื่นๆ ทำหน้าที่รับช่วงผลิตวัสดุที่เป็นส่วนประกอบและชิ้นส่วน โดยการกระจายการผลิตออกไปยังรายอื่น 3.ถาวรวัตถุที่ต้องมีการติดตั้ง (Installations) สินค้าประเภทนี้ ได้แก่ ทรัพย์สินถาวรที่มีการติดตั้งประกอบ เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องจักรกล ซึ่งเป็นสินค้าคงทนถาวร (Durable Product) ที่มีราคาแพง และมีความสำคัญต่อกิจการที่จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการผลิต และเป็นที่มาของการวิเคราะห์ลักษณะและประเภทของอุตสาหกรรมว่ามีขนาดเล็กหรือใหญ่ สินค้าประเภทนี้ ผู้ผลิตมักจะต้องติดตามการให้บริการนับตั้งแต่การคำนวณการติดตั้ง บริการซ่อมแซมและดูแลรักษาเครื่องมือเครื่องจักรเหล่านั้น สินค้าถาวรวัตถุที่ต้องมีการติดตั้ง (Installations)4.เครื่องมือประกอบ (Accessory Equipment) สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่ช่วยเสริมและเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การดำเนินงานของผู้ใช้อุตสาหกรรมเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ฯลฯ เครื่องมือประกอบเหล่านี้ก็มีลักษณะเป็นถาวรวัตถุเช่นเดียวกัน แต่ขนาดเล็กกว่า ราคาถูกกว่า เช่น เครื่องยนต์ขนาดเล็ก รถยก เครื่องอัดสำเนา เครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือกล ตลอดจนยานพาหนะต่างๆ เป็นต้น สินค้าเครื่องมือประกอบ (Accessory Equipment)5.วัสดุใช้สอย (Supplies) สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าอุตสาหกรรมประเภทหนึ่งที่มีการซื้อเป็นประจำ และซื้อเป็นจำนวนมากๆ หรือมีการซื้อบ่อยครั้ง โดยนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ วัสดุใช้สอยนี้เป็นสินค้าประเภทสิ้นเปลือง เช่น ดินสอ กระดาษ ยางลบ น้ำมัน น้ำยาขัดพื้น ฯลฯ 6.บริการ (Services) สินค้าประเภทนี้ คือ บริการทางอุตสาหกรรมที่ให้บริการแก่องค์กร หน่วยงานธุรกิจ และกิจการต่างๆ เช่น การให้บริการด้านการเป็นที่ปรึกษา การให้บริการวางแผนธุรกิจ การเอื้ออำนวยความสะดวก และสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ ในรูปแบบต่างๆ กัน การให้บริการเช่นนี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ การขายบริการต่างๆ เหล่านี้อาจจะเป็นการให้บริการที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในระดับฝีมือ เช่น การทำความสะอาดตัวตึกสูงๆ การบริการทาสีอาคาร ฯลฯ หรือการให้บริการทางวิชาการ เช่น วิศวกร นักบริหารธุรกิจที่ให้บริการในฐานะเป็นที่ปรึกษา เป็นต้น ประเภทของผลิตภัณฑ์ 1.
เกณฑ์อายุใช้งาน แบ่งผลิตภัณฑ์ได้เป็น 2 ประเภท คือ ที่มา:elearning.bu.ac.th/mua/course/mk212/ch7.htm คำค้น : คือ เสริมอาหาร สุขภาพ วงจร ชีวิต แอมเวย์ สุขภาพ มี อะไร บ้าง ปฏิกิริยาข้อใดได้เป็นเกลือ อ่านว่า otop อาหาร พอลิเมอร์ อาหารเสริม สินค้า ลดน้ําหนัก จากธรรมชาติ พระบิดามีอะไรบ้าง รักษาสิว สมุนไพร พระบิดา คีย์ office ฟรี จากข้าว พระ บิดา จา กปิ โต ร เลี่ยม เสริมอาหาร คือ ศิลาปาชีพเกี่ยวข้องกับงานศิลปหัตถกรรมไทยกี่ประเภท กิฟฟารีน ของพระบิดา พระบิดา แอมเวย์ อาหารเสริม สรรพคุณ แจกคีย์ office ฟรี 2021 อุดร อย รั่ว หลังคา ราคา เพื่อสุขภาพ ชุมชน ปิโตรเลียม แปรรูป ปิ โต ร เลี่ยม กัญชา gmos คืออะไร โลโก้ หมายเลข windows 10 อุตสาหกรรม ท้องถิ่น คีย์ office 2019 ฟรี นม คือ อะไร นาโน เทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยี จาก กล้วย อัพเดทครั้งสุดท้าย เมื่อ 7 ตุลาคม 2022
ผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคมีอะไรบ้างสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) คือ สินค้าที่ผู้บริโภคซื้อไปเพื่อใช้เอง แบ่งตามลักษณะการซื้อของผู้บริโภคได้ 4 ชนิด คือ 1. สินค้าสะดวกซื้อ (Convenience Goods) เป็นสินค้าที่เป็นของกินของใช้ประจำวันที่ราคาไม่แพง ใช้เป็นประจำ และเคยชินกับยี่ห้อ เช่น ผงซักฟอก สบู่ ผ้าอนามัย ยาสีฟัน ไม้ขีด นิตยสาร หนังสือพิมพ์ เป็นต้น
ประเภทของผลิตภัณฑ์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง2. เกณฑ์ทางกายภาพ แบ่งผลิตภัณฑ์ได้ 2 ประเภท คือ - ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ (Tangible goods) อาจจะเป็นสินค้าที่คงทนหรือไม่คงทนก็ได้ - ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้ (Intangible goods) ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ต้องการการควบคุมคุณภาพเป็น พิเศษ และต้องสร้างความเชื่อถือต่อกันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
สินค้าในกลุ่มบริโภคมี 4 ประเภทอะไรบ้างสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) คือ สินค้าที่ผู้บริโภคซื้อไปเพื่อใช้เอง แบ่งตามลักษณะการซื้อของผู้บริโภคได้ 4 ชนิด คือ. สินค้าสะดวกซื้อ ( Convenience Goods) ... . สินค้าเปรียบเทียบซื้อ (Shopping Goods) ... . สินค้าเจาะจงซื้อ (Specialty Goods) ... . สินค้าไม่แสวงซื้อ (Unsought Goods). กลุ่มผลิตภัณฑ์มีอะไรบ้างผลิตภัณฑ์. ผลิตภัณฑ์. สินค้าและผลิตภัณฑ์. ผลิตภัณฑ์และความหมายทั้ง 5.. สินค้าสะดวกซื้อ (Convenience Goods). สินค้าฉุกเฉินซื้อ (Emergency Goods). สินค้าดลใจซื้อ (Impulse Goods). สินค้าแบบเดียวกันที่ซื้อโดยเปรียบเทียบ (Homogeneous Shopping Goods). สินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Goods). |