CO2 ในอากาศ กี่ เปอร์เซ็นต์

แต่เมื่อเราพิจารณาเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรในแต่ละประเทศกับจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะพบว่า ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรคึอประเทศกาตาร์ รองลงลงมาคือประเทศตรินิแดดโตเบโก ประเทศคูเวต ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน

CO2 ในอากาศ กี่ เปอร์เซ็นต์

คาร์บอนไดออกไซด์ (อังกฤษ: carbon dioxide) เป็นก๊าซในบรรยากาศ ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอน 1 อะตอม และ ออกซิเจน 2 อะตอม ต่อหนึ่งโมเลกุล. คาร์บอนไดออกไซด์เป็นหนึ่งในสารประกอบเคมีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด และมักเรียกด้วยสูตรเคมี CO2 เมื่ออยู่ในสถานะ ของแข็ง มักจะเรียกว่า น้ำแข็งแห้ง (dry ice)
เป็นก๊าซที่มีปริมาณมากเป็นอันดับ 4 ในอากาศ รองจากไนโตรเจน ออกซิเจนและ อาร์กอน
คาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นได้หลายลักษณะ เช่น ภูเขาไฟระเบิด การหายใจของสิ่งมีชีวิต หรือการเผาไหม้ของสารประกอบอินทรีย์ ก๊าซนี้เป็นวัตถุดิบสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช เพื่อใช้คาร์บอนและออกซิเจนในการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรต จาก กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงนี้ พืชจะปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาสู่บรรยากาศ ทำให้สัตว์ได้ใช้ออกซิเจนนี้ในการหายใจ การใช้ คาร์บอนไดออกไซด์ของพืชนี้เป็นการลดก๊าซเรือนกระจกลงได้ เนื่องจากคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซหนึ่งที่เป็นสาเหตุของปรากฏการณ์ เรือนกระจก
คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี
คาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซที่ไม่มีสี ซึ่งหากหายใจเอาก๊าซนี้เข้าไปในปริมาณมากๆ จะรู้สึกเปรี้ยวที่ปาก เกิดการระคายเคืองที่จมูก และคอ เนื่องจากอาจเกิดการละลายของแก๊สนี้ในเมือกในอวัยวะ ก่อให้เกิดกรดคาร์บอนิกอย่างอ่อน
คาร์บอนไดออกไซด์มีความหนาแน่น 1.98 kg/m3 ซึ่งเป็นประมาณ 1.5 เท่าของอากาศ โมเลกุลประกอบด้วยพันธะคู่ 2 พันธะ (O=C=O) ไม่ติดไฟและไม่ทำปฏิกิริยา
คาร์บอนไดออกไซด์จะกลายเป็นของแข็งที่มีสีขาวอุณหภูมิ -78 องศาเซลเซียส โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลวก่อน หากต้องการ ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์เป็นของเหลว ต้องใช้ความดันไม่น้อยกว่า 5.1 บรรยากาศ
คาร์บอนไดออกไซด์สามารถจะละลายน้ำได้ 1 เปอร์เซนต์ของสารละลายนั้นจะกลายเป็นกรดคาร์บอนิก ซึ่งจะเปลี่ยนรูปเป็นไบคาร์
บอเนตและคาร์บอเนตในภายหลัง
การทดสอบก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1. นำธูปที่ติดไฟอยู่เข้าไปในหลอดทดลองที่มีคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ ไฟจะดับ เพราะคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้ช่วยในการติดไฟ ของสาร จึงนำมาใช้เป็นก๊าซดับเพลิงได้
2. ผ่านก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปในน้ำปูนใส (แคลเซียมไฮดรอกไซด์) น้ำปูนใสจะขุ่น เนื่องจากเกิดแคลเซียมคาบอเนตเกิดขึ้น คาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นของแข็งและของเหลวถูกใช้ในการแช่แข็ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารขณะขนส่งไอศกรีมหรือ อาหารแช่แข็ง นอกจากนี้ คาร์บอนไดออกไซด์แข็งที่เรียกกันว่าน้ำแข็งแห้ง ยังสามารถใช้เป็นห่อบรรจุเพื่อขนส่งได้เมื่ออุปกรณ์ในการแช่ แข็งไม่พร้อมมากนัก
อันตรายต่อสุขภาพ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สามารถเข้าสู่ร่างกายทางลมหายใจ จะเกิดอาการพิษเฉียบพลันได้ ในกรณีที่ก๊าซแทนที่ออกซิเจนใน บริเวณที่จำกัด ทำให้ปริมารออกซิเจนไม่เพียงพอต่อการหายใจ ถ้าสูดดมเข้าสู่ร่างกายในปริมาณสูงมากร่างกายจะสนองโดยเริ่มจากการ หายใจลึกมากกว่าเดิม หายใจติดขัด หายใจลำบาก จนถึงอาการขาดออกซิเจน คือปวดศีรษะ วิงเวียน ความดันสูง อัตราการเต้นของหัวใจสูง ขึ้น ถ้าความเข้มข้นสูงถึงร้อยละ 12 หรือมากกว่าจะหมดสติภายใน 1-2 นาที ซึ่งมักพบกรณีทำงานในที่อับอากาศ เช่น ไซโล ถังหมัก บ่อลึก เป็นต้น

CO2 ในอากาศ กี่ เปอร์เซ็นต์

http://th.wikipedia.org/wiki/คาร์บอนไดออกไซด์

CO2 ในอากาศ กี่ เปอร์เซ็นต์
 

นักวิทยาศาสตร์เผยว่า ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่สะสมในชั้นบรรยากาศโลกเพิ่ม ทำสถิติใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว และเป็นอีกครั้งที่แตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ แม้ว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิสทั่วโลกจะลดลงมาชั่วคราวสืบเนื่องจากช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งมีการชัตดาวน์เศรษฐกิจบางช่วงเวลา

 

เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์จากสถาบันสมุทรศาสตร์สคริปป์สและสำนักงานมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ บนยอดภูเขาไฟ Mauna Loa ในฮาวาย แสดงข้อมูลระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศอยู่ที่เฉลี่ย 419 ส่วนต่อล้านในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบปี

 

ค่าที่อ่านได้เหล่านี้สูงกว่าตัวเลขที่วัดก่อนหน้าที่ระดับ 417 ส่วนต่อล้านในเดือนพฤษภาคม 2020 ประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ โดยคาร์บอนไดออกไซด์ถือเป็นก๊าซเรือนกระจกที่เป็นตัวการสำคัญในการก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งนักวิจัยประเมินว่าคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศยังไม่เคยสูงเท่านี้มาก่อนในช่วงเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา

 

ตัวเลขที่น่าวิตกนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่บรรดาผู้นำจากกลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ G7 เตรียมประชุมกันที่คอร์นวอลล์ สหราชอาณาจักร ช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งหนึ่งในประเด็นหารือคือการหาแนวทางรับมือกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเพิ่มเติม โดยข้อมูลชี้ว่า หลายประเทศยังมีหนทางอีกยาวไกลในการควบคุมก๊าซเรือนกระจกให้สอดคล้องกับเป้าหมาย เพื่อลดโลกร้อน

 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่า การปล่อยคาร์บอนทั่วโลกลดลงชั่วคราวในปีที่แล้ว เนื่องจากหลายประเทศล็อกดาวน์หรือปิดการดำเนินงานภาคธุรกิจและโรงงานในช่วงที่เกิดโรคระบาด ซึ่งปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่โลกปล่อยออกมาในปี 2020 ต่ำกว่าปี 2019 ถึง 5.8% โดยถือเป็นการลดลงในระดับรายปีที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้

 

อย่างไรก็ตาม การปล่อยคาร์บอนที่ลดลงนั้นส่งผลต่อปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่สะสมในชั้นบรรยากาศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยในภาพรวมมนุษย์ยังคงปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 3.1 หมื่นล้านตันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งแหล่งที่ปล่อยมลพิษมากที่สุด ได้แก่ รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและโรงงานที่เผาถ่านหิน โดยแม้ว่าราวครึ่งหนึ่งของคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกดูดซับโดยต้นไม้และมหาสมุทร แต่อีกครึ่งยังสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกและอาจคงอยู่นานหลายพันปี ซึ่งทำให้โลกร้อนขึ้นผ่านปรากฏการณ์เรือนกระจก

 

“ตราบใดที่เรายังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อไป มันจะสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง” ราฟ คีลลิง นักธรณีวิทยา ผู้ดำเนินโครงการ Oceanography CO2 ของสถาบันสคริปป์ส กล่าว โดยโครงการดังกล่าวเริ่มต้นโดยพ่อของเขา ซึ่งอ่านค่าคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศบนหอสังเกตการณ์ NOAA บนภูเขาไฟ