ถ้าใครถามถึงการท่องเที่ยวในจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แบบเพลิดเพลินธรรมชาติ อากาศดี ล่องแพ เล่นน้ำ อิ่มท้องกับร้านอาหารแสนอร่อย ชมวิถีชุมชน จิบกาแฟรสชาติดี มีเมนูขึ้นชื่อ ปิดท้ายด้วยความรู้เรื่องโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “ศูนย์ข่าวพลังงาน Energy News Center – ENC” ก็อยากจะแนะนำให้ไปที่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดเดียวเที่ยวได้ 3 เขื่อน ควบคุมค่าใช้จ่ายไม่บานปลายได้ตลอดทริป ได้ข้อมูลสำหรับเช็คอินแล้ว ก็วางโปรแกรมกันได้เลย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯเพียง 2-3 ชั่วโมง มี 3 เขื่อนที่แนะนำให้ต้องลองไปเที่ยวกันดู คือ เขื่อนศรีนครินทร์ และ เขื่อนท่าทุ่งนา ที่อยู่ใกล้ๆกัน และอีกที่คือเขื่อนวชิราลงกรณ ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพราะน้ำที่กักเก็บไว้ใน เขื่อน 3 แห่งนี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องปล่อยน้ำลงไปเพื่อการเกษตร แรงดันของน้ำก็จะไปดันเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ที่ติดตั้งไว้ที่ท้ายเขื่อน ผลิตไฟฟ้าให้ชุมชนโดยรอบและจังหวัดใกล้เคียงได้ใช้ไปด้วย อิ่มอร่อยเมนูปลาขึ้นชื่อที่เขื่อนศรีนครินทร์ - Advertisment - เริ่มสตาร์ทกันที่ “เขื่อนศรีนครินทร์” ตำบล ท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง เป็นเขื่อนประเภทหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีประโยชน์ทั้งด้านการชลประทาน การประมง การท่องเที่ยว และผลิตไฟฟ้า ระยะเดินทางจากกรุงเทพฯประมาณ 200 กิโลเมตร โรงไฟฟ้าของเขื่อนศรีนครินทร์ มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าถึง 5 เครื่อง ผลิตพลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 953 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง มากพอที่จะเสริมความมั่นคงไฟฟ้าในซีกตะวันตกของประเทศได้ มาเที่ยวเขื่อนศรีนครินทร์ และได้ความรู้เรื่องพลังงานพอสังเขป ว่าเป็นเขื่อนที่ใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ก็ต้องไปเช็คอินเติมพลังที่ “ร้านเรือนธารา” ร้านอาหารขึ้นชื่อของเขื่อน ที่สด สะอาด อร่อย เมนูแนะนำขายดีที่ต้องลอง คือ ปลาพุงแตก (ปลาแรด) ไก่รวนเค็ม และ วอเตอร์เครส เมนูสำหรับคนรักสุขภาพ ที่ทางเขื่อนปลูกเองแบบปลอดสารพิษ ปลาแรดพุงแตก ไก่รวนเค็ม แกงป่าปลาคัง และทอดมันวอเตอร์เครสอิ่มท้องได้ที่แล้วก็ต้องไปแวะที่ “ร้านกาแฟคุณสายชล” ร้านที่มาจากแนวคิดของผู้ปฏิบัติงานรุ่นใหม่ของ กฟผ. ที่ต้องการสร้างประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่มต่อสังคม และชุมชนโดยรอบ พร้อมๆ กับสร้างประโยชน์ให้ กฟผ. โดยเปิดเป็นสาขาแรกที่เขื่อนศรีนครินทร์ เมนูแนะนำที่เป็น signature ของร้านคือ กล้วยขันหมากนมสด ใครได้ลองชิมแล้วติดใจ ก็ช่วยแนะนำกันต่อ ร้านกาแฟคุณสายชลสำหรับกิจกรรมไฮไลท์ของคนที่มาเที่ยวเขื่อนศรีนครินทร์ คือการล่องแพ พักค้างคืนชมธรรมชาติในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของเขื่อน ที่มีผู้ประกอบการหลายรายเปิดให้บริการ หรือใครที่อยากจะนอนในเขื่อน ทางเขื่อนก็มีที่พักให้บริการสำหรับบุคคลภายนอกและนักท่องเที่ยว เพียงแต่ต้องโทรมาจองกันก่อนล่วงหน้า เพราะจำนวนห้องพักมีจำกัดและมักจะเต็มเสมอ วิวอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่สวยงามอลังการของเขื่อนศรีนครินทร์อีกจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้ คือ “สวนเวลารำลึก” บนเนื้อที่ 30 ไร่ บริเวณเชิงเขาริมอ่างเก็บน้ำ ใกล้ท่าเรือเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งสร้างขึ้นในวาระที่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา ด้วยรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และตระหนักในพระราชจริยาวัตรของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่ทรงยึดถือปฏิบัติ อีกทั้งแสดงออกให้ประจักษ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเวลา ทรงเชื่อมั่นว่าเวลาเป็นของมีค่า จึงควรใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ในการออกแบบสวนจึงเลือกนาฬิกาแดดเป็นสัญลักษณ์ เพื่อสื่อความสัมพันธ์เกี่ยวกับกาลเวลา ล่องแพเปียกเขื่อนท่าทุ่งนา เดินป่าชุมชนช่องสะเดา เขื่อนท่าทุงนา ตั้งอยู่ตอนล่างของเขื่อนศรีนครินทร์เดินทางต่อลงมาทางท้ายเขื่อนศรีนครินทร์ ไม่ไกลนักประมาณ 25 กิโลเมตร จะเจอกับสถานที่ท่องเที่ยวเขื่อนที่ 2 คือ “เขื่อนท่าทุ่งนา” ที่อยู่ใกล้กันกับเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นหนึ่งในโครงการตามแผนพัฒนาลุ่มน้ำแควใหญ่ของ กฟผ. สร้างปิดกั้นลำน้ำแควใหญ่ ที่บริเวณท่าทุ่งนา ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเขื่อนแบบผสมระหว่างเขื่อนหินถมแกนดินเหนียวกับเขื่อนคอนกรีต โดยถือเป็นเขื่อนลูกที่เสริมประสิทธิภาพผลิตไฟฟ้าของเขื่อนศรีนครินทร์ เนื่องจากสถานที่ตั้งของเขื่อนฯ อยู่ทางตอนล่างของเขื่อนศรีนครินทร์ ดังนั้น น้ำที่ปล่อยจากเขื่อนศรีนครินทร์ หลังจากการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว จะไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนท่าทุ่งนา ทำให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้อีกครั้งและ ไฮไลท์จุดท่องเที่ยวคือ สัมผัสวิถีชุมชนช่องสะเดา เป็นชุมชนที่ใกล้ชิดกับคน กฟผ. ซึ่งเกื้อหนุนจุนเจือกันมาเหมือนญาติพี่น้อง โดย กฟผ. มองเห็นศักยภาพว่าชุมชนบ้านช่องสะเดาเหมาะที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการ เดินป่า ในเส้นทางเดินป่าที่นี่อุดมสมบูรณ์ได้ก็เพราะความร่วมมือของคนในชุมชนที่ช่วยกันอนุรักษ์ นักท่องเที่ยวที่มาเดินป่าช่วงกลางวันจะได้เห็นรอยเท้าและมูลของช้าง ที่เพิ่งเดินผ่านผืนป่านี้ในเวลากลางคืนเพื่อหาอาหาร ซึ่งเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแวะชมวิธีการเลี้ยงผึ้งกล่องที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในกล่องรอบๆบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยกันช้างไม่ให้เข้ามาในบริเวณบ้านแล้ว ยังสร้างรายได้ให้ชุมชนช่องสะเดาได้ไม่น้อย โดยน้ำผึ้งของชุมชนแห่งนี้ ได้ชื่อว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ที่สดใหม่ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ใครที่มาเขื่อนท่าทุ่งนา ชมชุมชนช่องสะเดาแล้วอยากจะเล่นน้ำ ก็ยังสามารถไปล่องแพเปียกได้ โดยเดินเท้าจากชุมชนไม่ถึง 5 นาที ก็จะมาถึงเส้นทางล่องแพในลำน้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนศรีนครินทร์ ชมวิวทิวทัศน์ ป่าสีเขียวตลอดสองข้างทาง สนุกตื่นเต้นไปอีกแบบ ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ทะเลสาบน้ำจืด เขื่อนวชิราลงกรณ จากเขื่อนท่าทุ่งนา เดินทางต่อมายังเขื่อนสุดท้าย ปักหมุดกันที่ “เขื่อนวชิราลงกรณ” หรือชื่อเดิมคือ เขื่อนเขาแหลม เป็นเขื่อนหินถมแห่งแรกของไทยที่ดาดผิวหน้าด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ตั้งอยู่บนแม่น้ำแควน้อย ในท้องที่ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี สร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นแม่น้ำแควน้อย โรงไฟฟ้าพลังน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เครื่อง ให้พลังงานเฉลี่ยปีละ 777 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงช่วยเสริมความมั่นคงในฝั่งตะวันตก เสน่ห์ของเขื่อนวชิราลงกรณ ที่ไม่ควรพลาดคือการ “ชมวิวบริเวณริมสันเขื่อน” ที่ถูกขนานนามว่า เป็นทะเลสาบน้ำจืดแห่งภาคตะวันตก เล่นน้ำล่องแพ ดูนก ตกปลา หรือจะชมวิวที่ “จุดชมวิวป้อมปี่” ริมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันตก และไม่ควรพลาดที่จะไปชมวิวที่ landmark แห่งใหม่คือ “Skywalk” ใครที่ชอบความสูงและเสียวต้องไปลอง ใกล้ๆ กันมี “สไลเดอร์เนินหญ้า” ที่เปิดให้นักท่องเที่ยมมาเล่นกันได้อย่างสนุกสนาน นอกจากนี้รอบเขื่อนฯ ยังมีสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาบรมราชินีนาถ สวนดอกไม้ จุดถ่ายภาพทุ่งดอกทานตะวัน สำหรับคอกาแฟ ที่เขื่อนวชิราลงกรณแห่งนี้ ก็ยังมีร้านกาแฟคุณสายชล ขยายสาขา จากเขื่อนศรีนครินทร์ มาเปิดให้บริการด้วย Landmark แห่งใหม่ “Skywalk”นอกจากนี้ ตามเส้นทางสู่เขื่อนวชิราลงกรณ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีมากมาย อาทิ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งความทรงจำ (ช่องเขาขาด) ปราสาทเมืองสิงห์ น้ำตกไทรโยคใหญ่ น้ำตกไทรโยคน้อย น้ำพุร้อนหินดาด เจดีย์โบอ่อง ปิล็อก บ้านอีต่อง ในอำเภอทองผาภูมิ วัดวังก์วิเวการาม และสะพานมอญ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ที่อำเภอสังขละบุรี เป็นต้น ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. เขื่อนศรีนครินทร์ (ราชานุรักษ์) หลังจากเที่ยวชมธรรมชาติของทั้ง 3 เขื่อนกันแล้ว ก็ถึงเวลาเติมเกร็ดความรู้กันสักหน่อยที่ “ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. เขื่อนศรีนครินทร์ (ราชานุรักษ์)” ที่สะท้อนเรื่องราวความเป็นมาของเขื่อนฯ และความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตั้งอยู่ที่ 300 หมู่ 4 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี โดยศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ได้แรงบันดาลใจ จากพระราชปณิธานงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ถึงความสำคัญของเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตก ที่เป็นป่าธรรมชาติผืนใหญ่แห่งสุดท้ายของประเทศ ภายในศูนย์ฯ จัดแบ่งไว้ 5 โซน ได้แก่ โซน 1 สำรวจผืนป่าตะวันตก โซน 2 ขุมพลังที่ไม่มีวันหมด โซน 3 แสงนำทางแห่งการอนุรักษ์ โซน 4 พระปณิธาน และโซน 5 อีกหนึ่งการอนุรักษ์ที่ตัวคุณ ทริปนี้นับว่าเป็นการท่องเที่ยวแบบประหยัดเวลา มาจังหวัดเดียว เที่ยวได้ 3 เขื่อน แถมพกพาข้อมูลสาระความรู้เรื่องไฟฟ้าและการอนุรักษ์ธรรมชาติไปบอกเล่าต่อให้เพื่อนๆ ได้ลองมาสัมผัสความพิเศษของธรรมชาติแหล่งพลังงานสะอาดในจังหวัดกาญจนบุรี ใครแวะเวียนมาแล้วอย่าลืมถ่ายภาพสวยๆ ไปฝากเพื่อนๆ และชวนกันมาเที่ยวกันอีกหลายๆรอบ นอกจากได้เที่ยวแล้วยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศกันด้วยนะ ขอบคุณภาพบางส่วนจาก :
Advertisment |