star Ratings21265 Views thumb_up_altLike bookmark_addBookmark ตัวอย่างการคำนวณ(คร่าวๆ)หาจำนวนแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี อินเวอร์เตอร์ จำนวนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งาน Show
เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์ได้ สิ่งที่ต้องคำนวณ 4 อย่าง คือ 1.แผงโซลาร์เซลล์ ( Solar Cell Panel ) จะใช้ขนาด กี่โวลท์ กี่วัตต์ (12V 120W) ขนาดของแผง = ค่าการใช้พลังงานรวมทั้งหมด / 5 ชั่วโมง (ปริมาณแสงอาทิตย์ที่น่าจะได้ใน 1 วัน) คำนวณจากจำนวนวัตต์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะใช้งานพร้อมกัน คูณด้วย จำนวนชั่วโมงการใช้งานแต่ละชิ้น เช่น หลอดไฟ 18 W 2 ดวง ใช้งาน 6 ชั่วโมง ทีวี 21 นิ้ว 120 W ใช้งาน 3 ชั่วโมง หารด้วยจำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด หากใช้แผงโซลารณ์เซลล์ที่ไฟออกจากแผง 12 โวลท์ ค่าพลังงานรวมคือ = 18 W x 2 ดวง x 6 ชั่วโมง + 120 W x 1 เครื่อง x 3 ชั่วโมง = 576 วัตต์ชั่วโมง (0.576 ยูนิต/ชั่วโมง) ขนาดแผงโซลาร์เซลล์ = ( 18 W x 2 ดวง x 6 ชั่วโมง + 120 W x 1 เครื่อง x 3 ชั่วโมง ) / 5 = 115.2 W => 120 W 12 V ราคาแผง ประมาณ 4,500.- บาท/แผง 2.แบตเตอรี่ ( Battery ) จะใช้ขนาด กี่โวลท์ กี่แอมแปร์ฮาว แบตเตอรี่ส่วนใหญ่จะเป็น 12 โวลท์ สิ่งที่ต้องหาคือกี่แอมแปร์ฮาว Ah = ค่าพลังงานรวม / (แรงดันไฟฟ้าแบตเตอรี่ X 0.6 X 0.85) = 576 Wh / (12 V X 0.6 X 0.85) = 94.117 Ah => 100Ah หรือ 125Ah
ราคาก้อนละ 5,000.- บาท 3.เครื่องควบคุม ( Solar Charge Controller ) จะใช้ขนาด กี่แอมป์ (10A) ดูได้จากจำนวนแอมป์ของแผงโซลาร์เซลล์ได้เลย เช่น ถ้าแผง 120W 8A ก็ให้ใช้มากกว่า 8A เช่น 10A หรือ มากกว่า คูณ จำนวนแผงของโซลาร์เซลล์ 90 แอมป์ ราคา 4,000.- บาท 4.เครื่องแปลงไฟ ( Power Inverter ) จะใช้ขนาด กี่วัตต์ (200W) คำนวณจากจำนวนวัตต์ทั้งหมดของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปิดพร้อมกัน ขนาดเครื่องแปลงไฟ = (18 W x 2) + (120 W x 1) = 156 W => ใช้ 200 W แต่ควรซื้อเผื่อสำหรับการใช้งานในอนาคตเลย เครื่องแปลงไฟขนาด 6kW ราคา 16,000.- บาท ไฟฟ้าเกษตร
อุปกรณ์
ถ้าขอไฟเกษตร ระยะทาง 300 เมตร มิเตอร์ 4700 บาท เสา 10x1000=10000 บาท สาย 300x9=3000 บาท Relate topics
วิธีเลือกซื้อ DC POWER SUPPLYวิธีเลือกซื้อ DC POWER SUPPLYข้อมูลที่ต้องใช้ในการพิจารณาเลือกแหล่งจ่ายไฟ DC POWER SUPPLY มีดังนี้1. กำหนด แรงดันไฟฟ้า (V), กระแสไฟฟ้า (A), กำลังไฟฟ้า (WATT) ด้าน OUTPUT ว่าต้องการใช้ค่าที่เท่าไหร่ และระบุว่าต้องการแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าคงที่ Fix ค่าไว้ หรือต้องการเพิ่มโวลลุ่มเพื่อปรับค่าแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าได้ 2. ระบุประเภทของงานที่นำไปใช้ หรือประเภทของโหลดที่ใช้งาน เช่น งานชุบโลหะ, งานชุบสี EDP, งานเรียงประจุในน้ำ EDI, อื่นๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกประเภทของ DC POWER SUPPLY ความแตกต่างของ DC POWER SUPPLY แต่ละประเภท และความเหมาะสมในการใช้งาน 3. ระบบไฟ INPUT ที่ใช้เป็น 1 เฟส 220VAC หรือ 3 เฟส 380VAC 50Hz 4. งบประมาณ เนื่องจากทางบริษัทสามารถเพิ่ม ลด ฟังก์ชั่นการใช้งาน ออกแบบให้ตรงกับความต้องการใช้งานของลูกค้า และคุ้มค่ามากที่สุด หากยังไม่มั่นใจหรือลังเลว่าควรใช้ DC POWER SUPPLY ประเภทใด และขนาดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมกับงาน ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญบริษัทเราโดยตรง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในตัวสินค้าก่อนทำการสั่งซื้อ Call: 02-8111-611-5, 086-322-7193 (sale) ความแตกต่างของ DC POWER SUPPLY แต่ละประเภทความแตกต่างของ DC POWER SUPPLY แต่ละประเภท และความเหมาะสมในการใช้งานDC Power Supply หรือ แหล่งจ่ายไฟ ดี.ซี. กระแสตรงแบ่งประเภทตามระบบควบคุมได้ 4 ประเภท คือ1. VOLTAGE REGULATOR
2. RECTIFIER
3. SWITCHING DC POWER SUPPLY
4. ADAPTOR DC POWER SUPPLY
ซึ่งมีความแตกต่างและความเหมาะสมในการใช้งานแต่ละประเภท ดังนี้
สรุปงานที่ต้องการรูปคลื่นที่ราบเรียบ เน้นความประณีต และจ่ายกระแสไม่เกิน 200A จะแนะนำให้ใช้เป็นตัว REGULATOR และ SWITCHING POWER SUPPLY ส่วนงานที่ต้องการจ่ายกระแสสูงๆ 100A-5,000A และใช้งานรูปคลื่นเป็นพัลส์ เน้นใช้งานหนัก จะแนะนำให้ใช้เป็นตัว RECTIFIERโดยทั้ง 3 อย่าง จะมีระบบป้องกันทั้งทางด้านขาเข้าและขาออกเพื่อป้องกันความเสียหายต่อตัวเครื่องแหล่งจ่ายไฟดีซีและเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วน ADAPTOR เน้นใช้งานกับเครื่องใช้ทั่วไป วิธีเลือกซื้อ DC POWER SUPPLY ต้องคำนึงถึงอะไรบ้างหากยังไม่มั่นใจหรือลังเลว่าควรใช้ DC POWER SUPPLY ประเภทใดจึงจะเหมาะสมกับงาน ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญบริษัทเราโดยตรง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในตัวสินค้าก่อนทำการสั่งซื้อ Call: 02-8111-611-5, 086-322-7193 (sale) การเลือกขนาด Inverter เท่าไหร่ถึงพอ?การเลือกขนาด Inverter เท่าไหร่ถึงพอ?วิธีเลือกขนาดอินเวอร์เตอร์ก่อนหน้านี้เราได้เขียนบทความแนะนำ การเลือกประเภทของอินเวอร์เตอร์ ไปแล้ว เพื่อแนะนำแนวทางในการเลือกประเภทอินเวอร์เตอร์ให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดและคุ้มค่าในการลงทุน ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการเลือกขนาดของอินเวอร์เตอร์ เลือกยังไงให้เพียงพอต่อการใช้งาน การเลือกขนาดอินเวอร์เตอร์ หรือ การคำนวณขนาดอินเวอร์เตอร์ผู้ใช้ควรเลือกซื้อให้มากกว่ากำลังวัตต์ (WATT) ของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เราจะใช้งานร่วมกันและถ้าหากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีส่วนประกอบเป็นมอเตอร์ หรือ อินดัคชั่นมอเตอร์ จะต้องเผื่อขนาดอินเวอร์เตอร์ให้เพียงพอกับกระแสกระชากในช่วงเริ่มต้นด้วยอย่างน้อย 5 เท่า ตัวอย่างการเลือกขนาดอินเวอร์เตอร์สาวกแคมป์ปิ้ง ชอบเข้าป่า กางเต็นท์นอนชมวิวธรรมชาติ• มีอุปกรณ์น้อยมือถือ 10W = 1 เครื่อง iPad 10W = 1 เครื่อง โน๊ตบุ๊ค 200W = 1 เครื่อง พัดลม 70W = 1 ตัว หลอดไฟ 10W = 1 ดวง แนะนำให้ใช้ INVERTER 12V ขนาด 300W • มีอุปกรณ์เยอะเตาไฟฟ้า 1800W = 1 เครื่อง / หรือหม้อหุงข้าว 500W = 1 เครื่อง มือถือ 10W = 1 เครื่อง พัดลม 70W = 1 ตัว หลอดไฟ 10W = 1 ดวง แนะนำให้ใช้ INVERTER 12V ขนาด 3,000W Food Truck รถขายอาหาร รถเข็นขายผลไม้• เครื่องปั่นน้ำแข็งใส 1200Wแนะนำให้ใช้ INVERTER 12V ขนาด 3,000W • รถเข็นขายผลไม้ขนาดเล็กแนะนำให้ใช้ INVERTER 12V ขนาด 1,000W • ตู้ไอติม 250Wแนะนำให้ใช้ INVERTER 12V ขนาด 1,500W เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า• หินเจียรมือ 5″ 3000Wแนะนำให้ใช้ INVERTER 24V, 48V ขนาด 4,000W • ปั๊มน้ำ ธรรมดา 150Wแนะนำให้ใช้ INVERTER 12V ขนาด 1,000W • ปั๊มน้ำ inverter 150Wแนะนำให้ใช้ INVERTER 12V ขนาด 600W หากยังไม่มั่นใจหรือลังเลว่าควรใช้อินเวอร์เตอร์เท่าไหร่จึงจะเพียงพอต่อการใช้งาน ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญบริษัทเราโดยตรง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในตัวสินค้าก่อนทำการสั่งซื้อ เพื่อป้องกันความเสียหายกับเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณในอนาคต Call: 02-8111-611-5, 086-322-7193 (sale) วิธีการเลือก Inverter เลือกอย่างไร ?วิธีการเลือก Inverter เลือกอย่างไร ?อินเวอร์เตอร์ (Inverter) หรือ เครื่องแปลงไฟ DC เป็น AC หน้าที่ของอินเวอร์เตอร์ คือ เป็นเครื่องแปลงไฟ ดีซี 12V, 24V, 48V จากแบตเตอรี่ ให้เป็นไฟบ้าน เอซี 220V เพื่อนำไปจ่ายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ โดยอินเวอร์เตอร์บางรุ่นก็สามารถเป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่กลับได้ภายในตัวเดียว อินเวอร์เตอร์ ชาร์จแบตเตอรี่ได้ PH-21 , อินเวอร์เตอร์ ชาร์จแบตเตอรี่ได้ PH-31 โดยขนาดของอินเวอร์เตอร์จะระบุจากกําลังไฟฟ้าที่อินเวอร์เตอร์ผลิตได้ มีหน่วยเป็น วัตต์ Watt ประโยชน์ของอินเวอร์เตอร์ อินเวอร์เตอร์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ว่าอยู่ไกลจากบ้าน หรือบริเวณนั้นไม่มีไฟบ้าน 220VAC เราสามารถใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งจ่ายไฟแทนได้ ผู้ที่เหมาะใช้งาน เช่น ร้านขายของ, ร้านรถเข็นขายผลไม้, ร้านฟู๊ดทรัค Food truck, คนที่เดินทางไกลที่ต้องใช้ไฟระหว่างเดินทาง หรือต้องตั้งแคมป์นอนค้างแรม เป็นต้น เปรียบเทียบรูปคลื่นของ Power Inverter และ Inverter Pure Sine Wave ประเภทของ Inverter แบ่งเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะของรูปคลื่นแรงดันที่จ่าย1. แบบสแควร์เวฟ (Modifiled sinewave)หรือ Power Inverterมีสัญญาณเป็นรูปคลื่นไซน์แต่มีลักษณะเป็นขั้นบันได ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับเกือบทุกประเภท และมีราคาถูก POWER INVERTER รับประกัน 6 เดือน ข้อดี
ข้อเสีย
โดยสรุป Power Inverter เหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่เน้นค่าประสิทธิภาพมากนัก แต่เน้นการทำงานที่ทนทาน ราคาถูก Power Inverter สามารถใช้งานได้กับ เครื่องแฟ็กซ์ ทีวี คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน พัดลม ทีวี วีดีโอ สว่านมือ เครื่องเจียรมือ เครื่องจิ๊กซอ หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน หลอดประหยัดไฟ หลอดไส้ หลอดฟลูออเรสเซนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆที่ใช้กำลังไม่เกินพิกัดของเครื่องอินเวอร์เตอร์ 2. แบบไซน์เวฟ (Pure sinewave)มีสัญญาณเป็นรูปไซน์เวฟ 100% ผลิตไฟฟ้าออกมาได้เหมือนไฟบ้าน เหมาะกับการใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภทที่ใช้กับไฟบ้าน มีราคาค่อนข้างสูง PURE SINE WAVE INVERTER รับประกัน 1 ปี ข้อดี
ข้อเสีย
โดยสรุป Inverter Pure Sine Wave มีประสิทธิภาพการทำงานสูง และราคาสูงกว่า ซ่อมบำรุงยากกว่า Inverter Pure Sine Wave เหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภทแบบเดียวกับ Power Inverter รวมถึงสามารถใช้งานกับโหลดคอมเพรสเซอร์ได้ดี เช่น ตู้เย็น เครื่องทำน้ำแข็ง ตู้แช่ แต่ก็มีขีดจำกัดหากใช้กับโหลดมอเตอร์ จะต้องเผื่อกระแสกระชากไว้ 5 เท่า วิธีการเลือก Inverter1. การเลือกประเภทของอินเวอร์เตอร์ ควรเลือกให้เหมาะสมกับจุดประสงค์การใช้งาน ลักษณะของงาน และอุปปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งาน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าในการลงทุน 2. การเลือกขนาดอินเวอร์เตอร์ ควรเลือกซื้อให้มากกว่า Watt ของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เราจะใช้งานรวมกัน เช่น ถ้าต้องการใช้งานกับหลอดไฟขนาด 10 watt และพัดลมตั้งพื้นขนาด 70 watt จะต้องใช้อินเวอร์เตอร์ที่มีขนาดมากกว่า 80 watt (10 watt + 70 watt = 80 watt) และถ้าหากเป็นโหลดมอเตอร์ ต้องเผื่อขนาดอินเวอร์เตอร์ให้เพียงพอกับกระแสกระชากในช่วงเริ่มต้นด้วย หากยังไม่มั่นใจหรือลังเลว่าควรใช้อินเวอร์เตอร์ประเภทใดอยู่ ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญบริษัทเราโดยตรง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในตัวสินค้าก่อนทำการซื้อใช้งาน เพื่อป้องกันความเสียหายกับเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณในอนาคต Call: 02-8111-611-5, 086-322-7193 (sale) เลือกเครื่องชาร์จอย่างไร? ให้เหมาะกับประเภทแบตเตอรี่การเลือกใช้งานเครื่องชาร์จแบตเตอรี่อย่างถูกวิธี ควรเลือกให้เหมาะสมกับประเภทของแบตเตอรี่ ชนิดของแบตเตอรี่ โดยทั่วไป แบ่งเป็น 2 ประเภท 1. แบตเตอรี่ ชนิดน้ำ ( Lead -acid battery หรือ Starting battery) หรือแบตเตอรี่เซลเปียก คุณสมบัติ แบตเตอรี่ชนิดน้ำใช้สตาร์ทเครื่องยนต์ได้ดี, ทนการชาร์จและดิสชาร์จได้ดี ( Charge & Discharge) , จ่ายกำลังการกระชากได้สูง ขณะใช้งานจะเกิดความร้อน น้ำกลั่นและกรดด้านในจะเดือด ทำให้น้ำกลั่นระเหยและความเข้มข้นของกรดจะมากขึ้น หลังจากใช้งานไปได้สัก 3 เดือน แบตเตอรี่มีการชาร์จและดิสชาร์จไปเรื่อยๆ ถ้าระดับน้ำกลั่นอยู่ต่ำกว่าระดับแผ่นธาตุ จะทำให้แผ่นธาตุชำรุด ดังนั้นจึงควรเติมน้ำกลั่นให้อยู่ระดับระหว่างเกณฑ์ upper-lower ของแบตเตอรี่ ข้อดี มีความทนทานต่อการปะจุไฟเกินและคายประจุ, อายุการใช้งานยาวนาน , ราคาถูก ข้อเสีย ต้องคอยเติมน้ำกลั่น และต้องคอยดูแลรักษา ตัวอย่าง เช่น แบตเตอรี่รถยนต์, แบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์, แบตเตอรี่เรือ, แบตเตอรี่ Deep cycle เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่เหมาะสำหรับชาร์จ แบตเตอรี่น้ำ ● เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ รุ่น PT-01, PT-02, PT-03, PT-05, PT-21, PT-22 เครื่องเดียวชาร์จได้ทั้งแบตน้ำ และแบตแห้ง● เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ เต็มแล้วตัด รุ่น PT-7, PT-8C, PT-11, PT-12, PT-13 ชาร์จแบตน้ำ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลา ไม่ต้องคอยเฝ้า● เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ ชาร์จแบตได้หลายลูก รุ่น PM24-100, PM24-100T ชาร์จแบตน้ำ ได้หลายลูก เหมาะกับร้านขายแบต, อู่ซ่อม● เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ เต็มแล้วตัด รุ่น PV-1, PV-2, PV-3 ชาร์จแบตน้ำ เหมาะชาร์จแบตรถยนต์ ควรมีติดไว้ตามบ้าน2. แบตเตอรี่ ชนิดแห้ง ( Sealed lead-acid battery ) คุณสมบัติ แบตเตอรี่ชนิดแห้งจะมีวาล์วอัตโนมัติ (Regular Valve) ทำหน้าที่เป็นวาล์วเปิด-ปิด เพื่อให้น้ำกลั่นระเหยออกมาอัตโนมัติเมื่อแรงดันภายในถึงจุดๆหนึ่ง แบตเตอรี่ชนิดแห้งจึงเหมาะใช้งานเป็นแบตเตอรี่ไว้ Stand by ใช้งานในอาคาร อุณหภูมิโดยรอบไม่ร้อน ไม่เย็นจนเกินไป ฉนวนระหว่างแผ่นมีสถานะเป็นเจล คุณสมบัติพิเศษคือจะมีฝาปิดทึบเพื่อต้องการให้น้ำกลั่นระเหยช้าๆ การชาร์จแบตเตอรี่แห้ง Ripple จะต้องต่ำๆ (แบตเตอรี่บางยี่ห้อ จะมีกำหนดว่าต้องชาร์จ ripple ไม่เกินกี่ % หรือไม่เกินกี่ mV) ข้อดี แรงดันตกช้าในช่วงแรก ใช้งานได้เสถียร ข้อเสีย เมื่อจ่ายไฟจนถึงจุดที่ประจุไฟหมด แรงดันจะตกฮวบ , ราคาแพง ตัวอย่าง เช่น แบตเตอรี่ในระบบไฟฉุกเฉิน เพื่อใช้ Back up, แบตเตอรี่ใช้กับระบบ UPS เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่เหมาะสำหรับชาร์จ แบตเตอรี่แห้ง ● เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ รุ่น PT-01, PT-02, PT-03, PT-05, PT-21, PT-22, BC-03, PT-02A ชาร์จได้ทั้งแบตน้ำ และแบตแห้งCall: 02-8111-611-5, 086-322-7193 (sale) ความแตกต่างระหว่างไฟ ญี่ปุ่น 100v อเมริกา 110v กับไฟไทย 220vเป็นที่ทราบกันดีว่า ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น ใช้กำลังไฟ 220V แต่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ใช้ไฟฟ้า 100V และ ประเทศอเมริกานั้น ใช้ไฟฟ้า 110V ดังนั้นเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่น,อเมริกาส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟ 100V และ 110V แต่ก็จะมีอุปกรณ์บางจำพวกที่ใช้ไฟได้ ตั้งแต่ 100-220V เช่น อุปกรณ์ กล้อง โทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค เราสามารถดูรายละเอียดที่ ฉลากของสินค้านั้นๆ หน้าตาประมาณนี้นะค่ะ อย่างเช่น ตัวนี้ ใช้ได้ตั้งแต่ 100-240 V (จากสายโน๊ตบุ๊ค) ถ้าหากเราจะเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าระบบ 100V, 110V มาใช้กับระบบไฟบ้านเรา 220V จะต้องทำยังไง ? ก่อนอื่น ถ้าจะแปลงจากไฟ 100, 110V มาใช้กับไฟบ้านเรา 220V เราจะต้องมีหม้อแปลงไฟ หน้าตาของหม้อแปลงไฟ จะประมาณนี้นะคะ หม้อแปลง PERFECT รุ่นสกรีน MODEL : PU-02 วิธีการเลือก ใช้หม้อแปลงไฟ เรารู้แล้วว่า จะต้องแปลงไฟจาก 100V, 110V มาเป็น 220V แต่ที่สำคัญ อีกอย่างสำหรับการเลือกใช้หม้อแปลงไฟคือ กำลังวัตต์ (watt หรือ W)นี่คือตัวบอกกำลังไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ เราควรเลือกหม้อแปลงที่มี วัตต์ สูงกว่า เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นเสมอ เช่น หม้อหุงข้าว 100V 850W เหมาะจะใช้หม้อแปลงไฟ ขนาด 1000w ตามภาพค่ะ ตัวอย่างการใช้ หม้อแปลงไฟฟ้า ราคาไม่แพง น้ำหนักเบา ใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 100-2000VA ● หม้อแปลง รุ่นปกติ : หม้อแปลงใส่ตู้ติดเบรกเกอร์ เข้า-ออก เป็นเทอมินอล สั่งผลิตขนาดได้ตามต้องการ จะสั่งแบบเปลือย แบบใส่ตู้ทำได้หมดจ้า Call: 02-8111-611-5, 086-322-7193 (sale) ลำบากขนาดนี้ จะใช้ทำไม? เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นเพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่น เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นที่ผลิตมาเพื่อใช้ในประเทศญี่ปุ่น จะดีกว่าที่เขาเอาส่งออกมาขายยังต่างประเทศ ทนและมีคุณสมบัติที่ดีกว่า ส่งออก คือง่ายๆ เขาเอาของดีไว้ใช้ค่ะ และ ที่สำคัญ ญี่ปุ่น มีเครื่องใช้ไฟฟ้ามากมาย ที่น่าใช้ และก็ขายแต่ในประเทศเขา เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อสุขภาพ และความงาม และเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้าน ใช้ได้ดีทุกชนิด มากๆ ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างไฟ ญี่ปุ่น 100v กับไฟไทย 220v ก็จะไม่เป็นปัญหา ในการใช้อุปกรณ์ฟฟ้าต่างๆ หากใช้หม้อแปลงไฟฟ้า ต้องชาร์จแบตเตอรี่กี่แอมป์ ? และชาร์จนานกี่ชั่วโมง ? แบตจึงจะเต็มหลักการชาร์จแบตเตอรี่ ที่ถูกวิธีก่อนอื่นต้องบอกว่า หลักการการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ และ การชาร์จแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ ใช้หลักการชาร์จเดียวกัน โดยปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงจะประกอบไปด้วย
ต้องชาร์จแบตเตอรี่กี่แอมป์ ?ก่อนอื่นต้องดูว่าแบตเตอรี่ของเรามีขนาดเท่าไหร่ โดยดูจากขนาดความจุแบตเตอรี่ Ah ในการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ถูกต้อง เวลาที่เราชาร์จ กระแสชาร์จจะต้องต่ำๆและชาร์จเป็นระยะเวลายาวนาน จึงจะดีต่อแบตเตอรี่ ไม่ควรชาร์จแบบอัดกระแสเยอะๆเพื่อให้แบตเตอรี่เต็มไว เพราะจะส่งผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วหรือแบตเตอรี่บวมได้ โดยปกติแบตเตอรี่รถยนต์ 12V และแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ 12V โหมดการชาร์จ ทั้ง Float charge (stand-by use) คือการชาร์จที่แรงดัน 13.6-13.8V และ Equal charge (cycle use) คือการชาร์จที่แรงดัน 14.2-14.9V เราจะชาร์จที่ 10 % ของความจุแบตเตอรี่(Ah) วิธีการคำนวณ กระแสที่ควรชาร์จ = 10% x ขนาดความจุแบตเตอรี่ (Ah) ตัวอย่าง
เช่น ● แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 100Ah : 0.1 x 100= 10A ดังนั้น ควรชาร์จด้วยกระแส 10 A ● แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ 12V 5Ah : 0.1 x 5= 0.5A ดังนั้น ควรชาร์จด้วยกระแส 0.5 A ชาร์จแบตเตอรี่นานกี่ชั่วโมง ?ดูค่าได้จากกราฟใน data sheet ของแบตเตอรี่รุ่นที่เราใช้ ส่วนใหญ่เมื่อแบตเตอรี่หมดประจุ จะเหลือความจุแบตเตอรี่ Ah ประมาณ 35% ดังนั้นจึงต้องชาร์จเพิ่มอีก 65% เพื่อให้แบตเตอรี่เต็ม วิธีการคำนวณ จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม = 65% x ขนาดแบตเตอรี่ (Ah) จำนวนชั่วโมง ชาร์จ = จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม ÷ กระแสที่ควรชาร์จ ตัวอย่าง เช่น ● แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 65Ah จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม = 0.65 x 65 Ah = 42.25 Ah จำนวนชั่วโมง ชาร์จ = 42.25Ah ÷ 6.5A = 6.5 ชม. ≈ 7 ชม. หมายถึง แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 65Ah เมื่อแบตเตอรี่หมด เราควรชาร์จเพิ่มอีก 42.25Ah โดยชาร์จด้วยกระแส 6.5A เป็นเวลาประมาณ 7 ชม. ● แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 100Ah จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม = 0.65 x 100 Ah = 65 Ah จำนวนชั่วโมง ชาร์จ = 65Ah ÷ 10A = 6.5 ชม. ≈ 7 ชม. หมายถึง แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 100Ah เมื่อแบตเตอรี่หมด เราควรชาร์จเพิ่มอีก 65Ah โดยชาร์จด้วยกระแส 10A เป็นเวลาประมาณ 7 ชม. ● แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ 12V 5Ah จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม = 0.65 x 5 Ah = 3.25 Ah จำนวนชั่วโมง ชาร์จ = 3.25Ah ÷ 0.5A = 6.5 ชม. ≈ 7 ชม. หมายถึง แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ 12V 5Ah เมื่อแบตเตอรี่หมด เราควรชาร์จเพิ่มอีก 3.25Ah โดยชาร์จด้วยกระแส 0.5A เป็นเวลาประมาณ 7 ชม. ดูยังไงว่าชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว ?ถ้าเป็น เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ แบรนด์ PERFECT ประเภทมือปรับเอง (Manual) ซึ่งมี ราคาถูก วิธีง่ายๆในการดูว่าเราชาร์จแบตเตอรี่เต็มรึยัง ให้เราดูจากมิเตอร์วัดค่ากระแส เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เต็ม กระแสจะค่อยๆลดต่ำลง (รุ่นมิเตอร์เข็ม เข็มมิเตอร์จะค่อยๆตีกลับเข้าสู่ตำแหน่งศูนย์ / รุ่นมิเตอร์ดิจิตอล ค่าตัวเลขกระแสจะค่อยๆลดลง) เนื่องจากกฏ V=IR หากแรงดัน V ที่ชาร์จเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลทำให้กระแสชาร์จ I ลดลง ถ้าเป็น เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ รุ่นชาร์จเต็มแล้วตัดเครื่องจะตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว จึงลดปัญหาต้องคอยเฝ้าระวังช่วงชาร์จแบตเตอรี่ ทำให้ไม่ต้องพะวงว่าเมื่อไหร่แบตเตอรี่จะชาร์จเต็ม สรุปเราจะเห็นได้ว่าจำนวนชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่เฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 7 ชั่วโมง เป็นอย่างต่ำ และกระแสชาร์จต้องคำนวณจากขนาดความจุ AH ของแบตเตอรี่ตามตัวอย่างด้านบน ข้อคิด : เมื่อรู้วิธีการชาร์จแบตเตอรี่อย่างถูกวิธีแล้ว เราควรดูด้วยว่า เราเลือกเครื่องชาร์จแบตเตอรี่เหมาะสมกับประเภทของแบตเตอรี่ หรือไม่ ถ้าเราเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ผิดประเภท จะส่งผลทำให้แบตเตอรี่เกิดความเสียหาย ไม่เพียงแต่เสียเงิน แต่ยังเสียเวลาอีกด้วย ทำความรู้จักกับ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ ประเภทต่างๆ CLICK! สาธิตการใช้งานเครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ ชาร์จเต็มแล้วตัด ไม่ต้องจับเวลา รับประกัน 1 ปี พร้อมบริการหลังการขาย Call: 02-8111-611-5, 086-322-7193 (sale) แบตเตอรี่เสื่อมสภาพแล้ว อย่าดันทุรังใช้ดูยังไงว่าเมื่อไหร่ควรชาร์จแบตเตอรี่ ?หลายคนอาจเคยเจอปัญหาแบตเตอรี่หมดกลางทาง แบตเตอรี่หมดไม่รู้ตัว เครื่องยนต์ดับกระทันหัน สร้างปัญหาและความรำคาญในการเดินทาง ซึ่งปัญหานี้ อาจเกิดได้ตอนหลังชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว แต่แบตเตอรี่ของท่านอาจเก็บประจุไม่อยู่ เนื่องจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพแล้ว หรือไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ผ่านการชาร์จประจุ เราจะรู้ได้ยังไงว่าแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพดี สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่เกิดปัญหา เราจะทำยังไงล่ะถึงจะรู้ว่าแบตเตอรี่ที่เราใช้มันใกล้เสื่อมสภาพหรือแบตเตอรี่ใกล้จะหมดรึยัง?? สิ่งต่อไปนี้แก้ปัญหาได้เราแนะนำให้ใช้เครื่องทดสอบประสิทธิภาพแบตเตอรี่ (Battery Tester) ซึ่งสามารถวัดประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ ดี ปานกลาง หรือแย่ ใช้งานง่าย ควรมีติดบ้านไว้เพราะราคาไม่แพง หากไปซื้อเป็นเครื่องวัดค่าประจุของแบตเตอรี่ที่แสดงผลเป็นตัวเลข ราคาจะค่อนข้างสูงกับการใช้งานตามบ้าน ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประวันแล้ว 🔥🔥 กดไลค์แฟนเพจ https://www.facebook.com/perfectthaielectric/ ไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก ทำยังไง?ไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก ทำยังไง ???ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักและเข้าใจสาเหตุของทั้ง 3 สถานการณ์ก่อน ไฟตก คือ แรงดันไฟฟ้าที่มาถึงเรา
ต่ำกว่า 220V ทำให้เกิดความรำคาญขณะต้องการใช้ไฟ สาเหตุ การเกิดไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชากไฟตก เกิดจากสาเหตุ
ไฟกระชาก เกิดจากสาเหตุ
จุดสังเกตว่าบ้านเราไฟตก !!!1. หลอดไฟไม่ค่อยติด หรือเปิดติดยาก หรือกระพริบถี่ ๆ ปัญหาที่ตามมา จากไฟตก !!!1. เมื่อเครื่องใช้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมที่ตัวเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทมอเตอร์ ถ้าใช้ไปนานวันเข้าโดยไม่มีการแก้ไข อาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน แก้ปัญหา ไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก โดยใช้ !!วิธี 1. ติดตั้ง Automatic Voltage Stabilizer (เครื่องรักษาระดับแรงดันไฟอัตโนมัติ หรือ หม้อเพิ่มไฟอัตโนมัติ) ใช้ได้กับระบบไฟ 1เฟส 220V และ 3เฟส 380V ตามขนาดรุ่น รับประกัน 1 ปี สเตบิไลเซอร์ PC-2 ขนาด 2500 VA เครื่องสเตบิไลเซอร์ ทำหน้าที่ปรับแรงดันไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก ที่เข้ามาในย่าน 155-253V อัตโนมัติ ให้มีแรงดันคงที่ๆ 220V เพื่อให้สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ทำให้เกิดความรำคาญ ไม่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย และปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ลดความเสี่ยงอันตรายถ้าในบ้านมีเด็ก ผู้หญิง และคนแก่ เพราะเครื่องจะทำการคงที่แรงดันโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่ต้องคอยเฝ้าดูแลเครื่องขณะใช้งาน จุดเด่น
รีวิวการใช้งาน เครื่องรักษาระดับแรงดันไฟอัตโนมัติ (STABILIZER) กับ มอเตอร์ 3เฟส 2แรงม้า เพื่อป้องกันไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก วิธี 2. ติดตั้ง UPS (เครื่องสำรองไฟ) ใช้ได้เฉพาะระบบไฟ 1เฟส 220V รับประกัน 1 ปี เครื่องสำรองไฟ UPS รุ่น UPS-3000 เครื่องสำรองไฟ UPS รุ่น UPS-3000 เครื่องสำรองไฟ UPS รุ่น UPS-3000 พร้อมตู้ใส่แบตเตอรี่สำรอง (ปกติจะติดตั้งไว้ในห้องไฟของบ้านหรือโรงงาน) UPS ทำหน้าที่สำรองไฟและยังสามารถรักษาระดับแรงดันไฟอัตโนมัติ จากแรงดันไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก ที่เข้ามาในย่าน 168-275V อัตโนมัติ ให้มีแรงดันคงที่ๆ 220V ดังนั้น UPS จะทำงานเมื่อไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก และหากไฟดับ เครื่องจะทำหน้าที่เป็นไฟฉุกเฉิน จึงเหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาสูง มีความเซนส์ซิทีฟง่าย เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง ทีวี กล้องCCTV ปั๊มน้ำ แอร์ ตู้เย็น จุดเด่น
วิธี 3. ติดตั้ง หม้อเพิ่มไฟฟ้า (STEP UP TRANSFORMER) ใช้ได้เฉพาะระบบไฟ 1เฟส 220V รับประกัน 6 เดือน หม้อเพิ่มไฟฟ้า รุ่น PA-02 ป้องกันไฟตก ไฟเกิน หม้อเพิ่มไฟฟ้า เป็นหม้อแปลงเพิ่มแรงดันไฟฟ้า ชนิดมือปรับ เมื่อไฟตก ให้เราปรับเพิ่มแรงดันเพิ่มขึ้นจนแรงดันคงที่ๆ 220V และเมื่อไฟเกิน ให้เราปรับลดแรงดันลงจนแรงดันคงที่ๆ 220V ส่วนใหญ่ผู้ใช้มักนำไปใช้ตามสวน ตามไร่ เนื่องจากเหมาะใช้งานภายนอกอาคาร ที่พัก และมีราคาถูกกว่าสเตบิไลเซอร์และ UPS แต่ข้อเสียคือ ผู้ใช้ต้องทำการปรับหม้อแปลงตามค่าแรงดันที่ตกหรือเกินด้วยตนเอง เครื่องไม่ได้ทำการปรับแรงดันให้คงที่อัตโนมัติ และถ้าหากอยู่ๆมีไฟสวิงเข้ามาเกิน 220V กระทันหัน อาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดความเสียหาย เครื่องนี้จึงเหมาะกับผู้ใช้ที่สะดวกปรับค่าแรงดันด้วยตนเองตลอดเวลาเท่านั้น การนำไปใช้งานAutomatic Voltage Stabilizer (เครื่องรักษาระดับแรงดันไฟอัตโนมัติ) และ หม้อเพิ่มไฟฟ้า (STEP UP TRANSFORMER) เหมาะใช้งานกับ เครื่องเสียง ทีวี ตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องทำความเย็น แอร์ เตาอบ เตารีด หม้อหุงข้าว พัดลม มอเตอร์ ปั๊มน้ำ เครื่องซักผ้า เป็นต้น UPS (เครื่องสำรองไฟ) เหมาะใช้งานกับ คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง ทีวี กล้อง CCTV เป็นต้น เน้นกับงานที่ต้องการสำรองไฟ จำเป็นต้องใช้ไฟเมื่อไฟดับกระทันหัน และต้องการสำรองไฟไว้ตั้งแต่ 10 นาที จนถึงชั่วโมง สรุปAutomatic Voltage Stabilizer (เครื่องรักษาระดับแรงดันไฟอัตโนมัติ) เน้นทำงานป้องกันไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป ผู้ใช้ไม่ต้องเฝ้าดูแลเพราะเครื่องปรับไฟให้อัตโนมัติ ใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด หม้อเพิ่มไฟฟ้า (STEP UP TRANSFORMER) เน้นทำงานป้องกันไฟตก ไฟเกิน เหมาะกับผู้ใช้ที่สะดวกปรับแรงดันด้วยมือปรับ เพราะต้องเฝ้าดูแล ใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด UPS (เครื่องสำรองไฟ) เน้นทำงานเป็นเครื่องสำรองไฟ ผลพลอยได้คือช่วยป้องกันไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป ผู้ใช้ไม่ต้องเฝ้าดูแลเพราะเครื่องปรับไฟให้อัตโนมัติ ใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด รวมถึงเครื่องใช้ที่มีความเซ้นซิทีฟสูง รับประกันสินค้า พร้อมบริการหลังการขาย สินค้าดี การันตีคุณภาพ —————————————————————————————————————————————————— Call: 02-8111-611-5, 086-322-7193 (sale) |