บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) Show
คำนวณ ดอกเบี้ยรถยนต์ และค่างวดรถอย่างไรก่อนซื้อรถมือสองHome/สินเชื่อ/คำนวณ ดอกเบี้ยรถยนต์ และค่างวดรถอย่างไรก่อนซื้อรถมือสอง
รถมือสอง เป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถมาใช้งานสักคัน แต่รถมือสองจะมี ดอกเบี้ยรถยนต์ ที่สูงกว่ารถใหม่ป้ายแดง เพราะฉะนั้นผู้ที่คิดจะซื้อรถมือสอง ควรให้ความสำคัญและรู้จักวิธีคำนวณดอกเบี้ยรถยนต์มือสอง เพื่อประกอบกับการตัดสินใจซื้อค่ะ ดอกเบี้ยรถยนต์มือสอง คิดยังไงการซื้อรถมือสอง เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่สำหรับดาวน์รถมือหนึ่ง แถมอาจจะได้รถใหญ่ รถหรูในราคาที่เอื้อมถึงอีกด้วย แต่เมื่อเทียบในยอดจัดไฟแนนซ์ที่เท่ากันระหว่างรถมือหนึ่งกับรถมือสองแล้ว ค่างวดของรถมือสอง จะมีราคาค่อนข้างสูงกว่ารถมือหนึ่ง เพราะดอกเบี้ยรถยนต์มือสองนั้นแพงกว่าและยังมี vat บวกเข้ามาอีกด้วย ถึงกระนั้น รถมือสอง ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถใช้งานสักคัน ถึงดอกเบี้ยรถยนต์มือสองจะแพงกว่าดอกเบี้ยรถยนต์มือหนึ่ง แต่ก็ลดภาระในส่วนของเงินดาวน์ ที่ไม่ต้องจ่ายหนักเหมือนรถป้ายแดง แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถมือสอง คุณควรรู้วิธีคำนวณดอกเบี้ยรถยนต์มือสอง เพื่อจะได้นำไปคำนวณค่างวดรถที่คุณต้องจ่ายในแต่ละเดือนได้ และสามารถนำไปใช้พิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสองได้ ในการคำนวณดอกเบี้ยรถยนต์มือสองไม่ใช่เรื่องยาก จะมีการคำนวณอย่างไรนั้นมาติดตามกันค่ะ วิธีคำนวณดอกเบี้ยรถยนต์มือสองก่อนอื่นคุณต้องทราบข้อมูลเหล่านี้ก่อน เพื่อที่จะได้นำมาคำนวณดอกเบี้ยรถ ได้แก่ ดอกเบี้ยรถยนต์ของไฟแนนซ์หรือสินเชื่อที่คุณยื่นขอ ยอดจัด และระยะเวลาในการผ่อนชำระ ตามสูตรวิธีคำนวณดอกเบี้ยรถยนต์ ดังต่อไปนี้ค่ะ การคำนวณดอกเบี้ยแบบคงที่ มักจะใช้สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถ ไม่ว่าจะรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ โดยการคำนวณดอกเบี้ยจะคิดจากเงินต้นทั้งก้อนตลอดอายุสัญญา แม้ว่าจะมีการโปะจ่าย ดอกเบี้ยก็ได้ถูกคำนวณในค่างวดเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ที่กำลังสนใจซื้อรถแบบผ่อนสักคัน สามารถคำนวณดอกเบี้ยทั้งหมด เพื่อนำไปคิดค่างวดต่อเดือนได้ตามสูตรนี้ ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด = ยอดขอสินเชื่อxอัตราดอกเบี้ยxจำนวนปี ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยแบบคงที่นาย ฮ.ต้องการซื้อรถยนต์ 200,000 บาท เงินดาวน์ 100,000 บาท ยอดขอสินเชื่อเช่าซื้อ 100,000 บาท และอัตราดอกเบี้ย(Flat Rate) 15% ต่อปี ผ่อน 60 งวด ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด = 100,000 * 15% * 5 ปี = 75,000 บาท วิธีคำนวณค่างวดรถค่างวด/เดือน = (ยอดขอสินเชื่อเช่าซื้อ+ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด) + Vat7%/จำนวนงวด สรุปว่า นาย ฮ.ต้องชำระค่างวดทั้งหมด 60 งวด งวดละ 3,121 บาท วิธีดูรถมือสอง ไม่ให้โดนย้อมแมวหลังจากที่สอนการคำนวณดอกเบี้ย เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อรถมือสองสักคันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นคำถามในใจของคนที่อยากจะซื้อรถมือสอง แต่ไม่รู้จะเลือกรถอย่างไร เพราะหลายคนอาจจะไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง รถ มากนัก อาจจำเป็นที่จะต้องพาช่างซ่อมรถ หรือคนที่มีความรู้ด้านรถ ไปดูรถมือสองที่คุณกำลังสนใจ เพื่อให้ช่วยดูสภาพรถต่าง ๆ ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ ไม่ถูกย้อมแมวขายมาหรือไม่ ช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อรถมือสองคันนั้นได้ง่ายขึ้น แล้วจุดสังเกตหลัก ๆ ที่ต้องดูเกี่ยวกับตัวรถ ก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสองสักคันจะมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ 1.เลือกแหล่งซื้อรถที่น่าเชื่อถือ เดี๋ยวนี้เราสามารถหาซื้อ รถมือสอง ได้หลากหลายช่องทาง ทั้งการบอกต่อ เต็นท์รถ งานประมูลรถ หรือกลุ่มซื้อขายรถในโลกออนไลน์ โดยเลือกแหล่งซื้อที่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจจะดูได้จากหน้าร้าน ประวัติการขาย เจ้าของร้าน หรือหากดูผ่านช่องทางออนไลน์ ก็จากความสม่ำเสมอในการอัพเดตข้อมูล ประวัติการขาย การรีวิวของลูกค้า และไปที่หน้าร้านจริง 2.เช็คดูสภาพตัวรถภายนอก ตัวรถภายนอก เป็นจุดที่เราสามารถเห็นได้ง่ายมากที่สุดและเป็นจุดที่ดึงดูดให้เราชอบ รถ คันนั้นก่อนเป็นอันดับแรก ยิ่งรถดูใหม่ สวย สภาพดี เงามัน ยิ่งดูแล้วน่าสนใจ อย่าเพิ่งตัดสินที่ความสะอาด สวยงามของภายนอกรถ จุดสังเกตที่เราควรดูก่อนนั่นก็คือ ทรงรถ ในขณะที่รถจอดนิ่ง ลองดูก่อนว่ารถเอียงไปทางไหนหรือไม่ หากรู้สึกว่าเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง อาจสันนิษฐานเบื้องต้น ไว้ก่อนว่า รถคันนี้อาจจะมีปัญหาช่วงล่างหรืออาจเคยเกิดอุบัติเหตุหนักมาก่อน สีรถ โดยปกติรถที่ออกจากโรงงาน สีรถจะมีความสม่ำเสมอ เรียบเนียน ไม่มี แต่หากสีมีความเข้มอ่อนไม่สม่ำเสมอกันตามจุดต่าง ๆ อาจสันนิษฐานได้ว่า รถถูกทำสีมาใหม่ อาจจะเป็นเพราะเจ้าของเดิมอาจต้องการเปลี่ยนสี หรืออาจเคยชนหนักจึงต้องมีการซ่อมแซม และทำสีรถใหม่ จุดยึดน็อต เป็นจุดหนึ่งที่สามารถสังเกตได้ไม่ยากนัก หากไม่มีรอยหมุนออก แสดงว่ารถคันนั้นไม่เคยมีการถูกถอดชิ้นส่วนออกมาเพื่อซ่อมแซมหรือทำสี เป็นของเดิมออกจากโรงงาน แต่หากมีร่องรอยการขันน็อต อาจสันนิษฐานว่ารถอาจเคยชนหนักมาก่อน รอยอาร์ค คือรอยที่เกิดจากการเชื่อมประกอบชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์เข้าด้วยกัน มีลักษณะเป็นรอยนูน บุ๋มกลม ๆ อยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันทั้งฝั่งซ้ายขวาของรถ ซึ่งจะมีทั้งในห้องเครื่อง ภายในกระโปรงหลัง และด้านข้างรถ บริเวณขอบยางประตูทั้ง 4 ฝั่ง หากจุดไหนไม่มีรอยบุ๋มกลมๆ แสดงว่าฝั่งนั้นเคยถูกชนมาก่อน 3.เช็คดูสภาพตัวรถภายใน เลขตัวถังรถ เลขตัวถังรถจะต้องชัดเจน ไม่มีร่องรอยการแก้ไข เลขตัวถังและเลขเครื่องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือไม่ และจะต้องตรงกับเลขในเล่มทะเบียนรถ หากไม่ตรงกันสันนิษฐานว่าเป็นรถที่มีการดัดแปลงเครื่องมาอย่างไม่ถูกกฎหมาย เครื่องยนต์ ในส่วนนี้อาจจำเป็นต้องให้ผู้ที่มีความรู้ด้านรถเข้ามาช่วยดูเป็นพิเศษ เพื่อช่วยฟังเสียงเครื่องยนต์ว่าผิดปกติหรือไม่ แต่เบื้องต้นคุณสามารถฟังเสียงรถขณะสตาร์ทว่ามีเสียงวี้ด ๆ จี๊ด ๆ ของสายพาน ขณะติดเครื่องรถสั่นทั้งคันอย่างแรง รอบเครื่องเดินเบามีอาการจะเบาดับหรือเหมือนรถจะดับ หรือมีไฟรูปเครื่องโชว์บนหน้าปัด หากมีอาการเหล่านี้เบื้องต้นรถอาจจะมีปัญหา ไม่ควรเลือกซื้อเพื่อนำมาใช้งาน ห้องโดยสาร ลองสำรวจภายในรถดูทั้งแผงคอนโซล เบาะ ขอบยางประตู พวงมาลัย อยู่ในสภาพดีหรือไม่ มีรอยคราบน้ำ คราบน้ำมัน คราบสนิมตรงจุดไหนบ้าง นอกจากจะดูสภาพรวม ๆ แล้ว ลองไปดูที่เลขไมล์ของรถ ซึ่งแสดงถึงอายุงานการใช้งานของรถ โดยส่วนใหญ่แล้ว ระยะทางในการใช้งานต่อปีอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 30,000 กิโลเมตร หากรถที่คุณกำลังจะซื้อมีเลขไมล์ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับสภาพรถ อายุรถ หรือรถอายุ 5 ปี เลขไมล์แค่ 40,000 กม อาจเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการตั้งเลขไมล์ใหม่ ทำให้รถดูแล้วใช้งานน้อยมาก จึงได้ราคาขายดี เป็นต้น 4.ดูเล่มทะเบียนรถ ใบคู่มือจดทะเบียน หรือ เล่มทะเบียนรถ เป็นหลักฐานที่แสดงประวัติของตัวรถตั้งแต่จดทะเบียน รายละเอียดรถ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ ผ่านการครอบครองมาแล้วกี่คน เคยมีการเปลี่ยนสี เปลี่ยนเครื่องยนต์ ติดแก๊ส หรือทำอะไรต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวรถ ก็จะถูกจดบันทึกลงในเล่มทะเบียนรถนี้ สำหรับรถคันไหนที่แจ้งในเล่มว่า “ออกแทนเล่มที่สูญหาย” อาจจะสันนิษฐานได้ว่ารถคันนี้อาจจะเป็นรถที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้รถบางคันที่เคยมีประวัติเอาเข้าไฟแนนซ์ ก็พอจะสบายใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการโอนอีกด้วย 5.ทดลองขับจริง การทดลองขับจะช่วยให้คุณสังเกตข้อบกพร่องของรถได้ เพื่อเป็นข้อสังเกตก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง ทั้งการขับขี่ การเลี้ยว การเบรก ระบบไฟใช้งานได้ปกติมั้ย การเข้าเกียร์ได้ตามรอบหรือไม่ รถวิ่งเป๋ไปมาหรือไม่ โช๊คแข็งเกินไป หรือรับแรงกระแทกได้ดี มีเสียงแปลกเกิดขึ้นขณะขับรถหรือไม่ รวมไปถึงทัศนวิสัยในการขับขี่เป็นอย่างไร เหมาะกับคุณหรือไม่ ก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสองสักคัน คุณควรคำนวณดอกเบี้ยรถยนต์ที่คุณคิดจะซื้อเสียก่อน แม้ว่ารถมือสองจะช่วยคุณประหยัดงบในการซื้อรถ ไม่ต้องวางเงินดาวน์แพง แต่ดอกเบี้ยรถยนต์มือสองก็สูงกว่ารถมือหนึ่ง การคำนวณดอกเบี้ยไว้ก่อนจะช่วยให้คุณทราบถึงดอกเบี้ยที่ต้องเสียทั้งหมด และค่างวดที่ต้องชำระ ช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น นอกเหนือจากนี้อย่าลืมนำเอาวิธีดูรถมือสองไปลองสังเกตรถมือสองที่คุณสนใจด้วยนะคะ หรือหากคุณเจอรถถูกใจ อยากหาไฟแนนซ์ช่วยออกรถให้ก่อน แนะนำสินเชื่อเฮงรถมือสอง จากเฮงลิสซิ่ง สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง ช่วยให้คุณได้ออกรถมือสองได้ดั่งใจ รถปีเก่าปีใหม่ก็จัดได้ ผ่อนสบายนานสุด 84 งวด สนใจสอบถามหรือสมัครได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้ค่ะ Heng Call center : โทร 1361 คุยกับเจ้าหน้าที่ของเราแบบ real – time ได้ แถมยังสามารถ ปรึกษา สอบถามข้อมูล ได้ทันที ไม่ต้องรอนาน กดเลย ทักแชทกับเจ้าหน้าที่ผ่าน FB:Hengleasing และ Line:@Hengleasing ของเรา แล้วรอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ สมัครสินเชื่อออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง คลิก ดอกเบี้ยรถมือสอง กี่% ต่อปีดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) เริ่มต้น ร้อยละ 4.00 – 15.00 ต่อปี (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการผ่อนชำระ) และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) จะอยู่ที่ร้อยละ 7.00 – 27.69% ต่อปี
ดอกเบี้ยผ่อนรถ คิดยังไงสูตรการคำนวณผ่อนรถ
นำราคารถ - เงินดาวน์ = ยอดจัดไฟแนนซ์ นำยอดจัดไฟแนนซ์ x เปอร์เซ็นต์อัตราดอกเบี้ย (เช่น 5% หรือ 6% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของแต่ละที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับศูนย์จัดจำหน่ายและระยะเวลาการผ่อน) นำยอดรวมของดอกเบี้ยและยอดจัดมา ÷ กับจำนวนปีที่ต้องการจะผ่อน = ดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องจ่าย (เช่น 2 ปี หรือ 3 ปี)
รถมือ1 ดอกเบี้ยเท่าไรทางด้านอัตราดอกเบี้ย รถมือสองมีดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยรถมือหนึ่งเกือบเท่าตัว หากรถมือหนึ่งมีดอกเบี้ยประมาณ 2.5-3.5% ดอกเบี้ยรถมือสองก็จะอยู่ที่ประมาณ 4-5% ผ่านเรื่องดอกเบี้ยไปแล้ว ก็พอจะตัดสินใจกันได้คร่าวๆแต่ยังมีอีกปัจจัยคือด้านราคาและตัวรถยนต์ที่มีความแตกต่างกัน
ผ่อนรถมือสอง ยังไงเคล็ดลับผ่อนรถ (มือสอง) อย่างไรให้รอด ในสภาพเศรษฐกิจตอนนี้. เลือกโปรโมชั่นที่คุ้มค่า ... . ดาวน์ก้อนใหญ่คุ้มกว่า ... . ค่างวดไม่ควรเกิน 20% ของรายได้ ... . รายจ่ายรวมไม่ควรเกิน 60% ของรายได้ ... . เลือกรถมือสองคุณภาพดี ไม่มีภาระซ่อมเยอะ. |