เศรษฐศาสตร์มีความสําคัญอย่างไรต่อ มนุษย์

���ɰ��ʵ�� (Economics)
�Ҩҡ�ҡ�Ѿ�����ҡ�ա �oikonomikos� ���¶֧��ʵ��㹡�èѴ��ä�ͺ���� ����ô
������ : ������������� �Ԫҷ����Ҵ��¡�ô�ç���Ե�»��Ԣͧ����������ѧ��㹡������Ѿ�ҡ�����������ض֧�����Թ������� ��� ᫧��ūѹ : ������������� �Ԫҷ���֡�Ҷ֧�Ըա�÷������������ѧ���Ѵ�Թ����Ѿ�ҡ÷�������ҡ�������ö��������ª��������� �ҧ 仼�Ե�Թ�����к�ԡ�õ�ҧ� ��ʹ����è�ṡᨡ�����Թ�����к�ԡ������ҹ��任���ء���ҧ� ��ѧ�����㹻Ѩ�غѹ���͹Ҥ� �͡�ҡ����ѧ�ռ�����������¢ͧ���ɰ��ʵ���ҡ���
����ػ ���ɰ��ʵ�����¶֧
- ��õѴ�Թ����͡���Ѿ�ҡ÷�����������ҧ�ӡѴ ����ö�����ª�������·ҧ �����Ե�Թ�����к�ԡ�����ҧ�����Ѵ����ش �������ҧ�ջ���Է���Ҿ�٧�ش
- ��èѴ��÷�Ѿ�ҡ����ҧ�ջ���Է���Ҿ��������Դ��������٧�ش���ѧ��
�ѧ���
���ɰ��ʵ�� (Economics) ���¶֧ ᢹ��Ԫ�˹�觷ҧ�ѧ����ʵ�����֡�Ҷ֧��õѴ�Թ���Ҩз����ҧ��㹡�����Ѿ�ҡ÷�����������ҧ�ӡѴ ����ʹͧ������ͧ������ҧ����ըӡѴ�ͧ������ ����ö�ӷ�Ѿ�ҡ÷�����������ҧ�ӡѴ�������ª�������·ҧ �����Ե�Թ�����к�ԡ�����ҧ�����Ѵ����ش �������ҧ�ջ���Է���Ҿ�٧�ش �����������Դ��������٧�ش ��駹�����֡�����͵Ѵ�Թ㨴ѧ������շ���дѺ��������дѺ�Ҿ��� ����֡����дѺ���¨����Ң�˹�觢ͧ�Ԫ����ɰ��ʵ�������¡��� ���ɰ��ʵ����Ҥ (Microeconomics) ��������价��ĵԡ����ͧ�����Թ�Ԩ������ҧ� ��к����ɰ�Ԩ��§�ҧ�Ԩ���� �� ��õѴ�Թ�㹡�����͡���Թ�Ԩ�����ͧ�������� ����Ե ��м�����ç�ҹ �繵� ��ǹ����֡����дѺ�Ҿ��������ա�Ң�˹�觢ͧ�Ԫ����ɰ��ʵ�������¡��� ���ɰ��ʵ�����Ҥ (Macroeconomics) ��觨���价��ĵԡ���������ͧ�����Թ�Ԩ������ҧ� �� �ĵԡ���������ͧ�������� ����Ե ��м�����ç�ҹ �觼����ҧ�õ���������ɰ�Ԩ�ͧ����� �繵� ����÷ҧ���ɰ�Ԩ���ʹ㨨֧���ѡɳТͧ�������ԧ������ (Economic aggregate) �� �дѺ��è�ҧ�ҹ������ ������ЪҪҵ� �дѺ���������� �дѺ�Ҥҷ���� ������ҳ�Ѱ��� ����Թ��ø�Ҥ�� �ѵ���Թ��� ���

����� :
http://www.fpo.go.th/fseg/Source/ECO/ECO0.htm
http://www.bus.ubu.ac.th/El/GE_chatdudee/data/%BA%B7%B7%D5%E8%CB%B9%D6%E8%A7.ppt

ความหมายของเศรษฐศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษย์ เพื่อผลิต บริโภค กระจาย แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยการจัดสรรทรัพยากร ที่เป็นปัจจัยการผลิตอันมีอยู่อย่างจำกัดเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่มีอย่างไม่จำกัด
ความสำคัญของเศรษฐศาสตร์
วิชาเศรษฐศาสตร์ ช่วยให้มนุษย์เข้าใจหรือสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นระบบและมีระเบียบ รู้จักใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีเป้าหมายต่างกันอันเนื่องจากหน่วยเศรษฐกิจต่างระดับกัน
ระดับผู้บริหารประเทศ ใช้วิชาเศรษฐศาสตร์ในการพิจารณาถึงการจัดสรรทรัพยากรของประเทศ ที่มีอย่างจำกัดนั้น ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานของประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
ระดับประชาชน ใช้วิชาเศรษฐศาสตร์เพื่อ เป็นเครื่องมือในการพิจารณาเลือกและตัดสินใจในเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน หรือเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจประกอบอาชีพ หรือ ช่วยให้เข้าใจเหตุการณ์หรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของบ้านเมืองและวิธีแก้ไขของภาครัฐบาล
1. ขอบเขตของวิชาเศรษฐศาสตร์
แบ่งเป็น 2 สาขา
1.1 เศรษฐศาสตร์จุลภาค เป็นการศึกษา กิจกรรมทางเศรษฐกิจในส่วนย่อยหรือศึกษาเฉพาะกรณีเป็นเรื่อง ๆ เช่น การขึ้นราคาสินค้า การฟอกเงิน กฤติกรรมการบริโภค ของบุคคลในสังคม ฯลฯ
1.2 เศรษฐศาสตร์มหภาค เป็นการศึกษา กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เช่น รายได้ประชาชาติ ผลิตภัณฑ์ประชาชาติ ปัญหาเงินเฟ้อ ฯลฯ
2. หน่วยเศรษฐกิจหรือผู้ประกอบการหมายถึง ผู้ดำเนินการผลิตสินค้าและบริการโดยเป็นผู้นำปัจจัยการผลิตซึ่งประกอบด้วย
2.1 ทุน Capital ทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง สินค้า เครื่องจักร หรือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการผลิต
2.2 ที่ดิน Land หมายถึง แหล่งผลิตหรือทรัพยากรที่อยู่บนดิน ใต้ดิน และเหนือพื้นดิน
2.3 แรงงาน Labour หมายถึง การทำงานทุกชนิดที่ก่อให้เกิดสินค้าและบริการ แรงงานนี้รวมถึง แรงงานด้านการใช้กำลังกายและกำลังความคิดของมนุษย์ อันก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้วย
2.4 การประกอบการ Enterpreneurship หมายถึงผู้ผลิต ผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยโดยตรง เป็นผู้ให้ความริเริ่มในนโยบายต่างๆ หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายในส่วนสำคัญในอันที่จะทำให้ การผลิตดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ปัญหาพื้นฐานทางการผลิต
3.1 จะผลิตอะไร
3.2 จะผลิตอย่างไร
3.3 จะผลิตเพื่อใคร
เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่มีอย่างไม่จำกัด และสอดคล้องกับทรัพยากรของประเทศที่มีอย่างจำกัด ประเทศใดสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจแก้ไขปัญหาพื้นฐานดังกล่าว โดยถือการกินดี อยู่ดีของประชาชนในประเทศเป็นเกณฑ์วัด แสดงว่าประเทศนั้นประสบความสำเร็จต่อปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

Advertisement

Share this:

  • Twitter
  • Facebook

Like this:

ถูกใจ กำลังโหลด...

2. ระดับประเทศ  ประเทศต่างๆไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจนต่างก็ต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งปัญหาเรานี้ต่างก็มีพื้นฐานมาจากการที่ทรัพยากรมีร้านจำกัดและไม่เพียงพอที่จะนำมาผลิตเป็นสินค้าและบริการเพื่อสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างครบถ้วน ดังนั้น ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ จะช่วยรัฐบาลในการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและช่วยประเทศชาติเมื่อต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น ปัญหาความยากจนของประชากร ปัญหาการว่างงาน ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น เป็นต้น

# Humanoid:Robots
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
Published:5/12/22

หุ่นยนตร์ Robots มีรูปแบบที่พัฒนาขึ้นมาหลากหลาย
หุ่นยนตร์ที่ใช้งานในโรงงานไม่จำเป็นต้องมีลักษณะเหมือนมนุษย์ เเต่หุ่นยนตร์ที่ใช้งานบางชนิดเช่นหุ่นยนต์ที่ช่วยคนเเก่ต้องความเหมือนเป็นมนุษย์ที่เรียกว่า Humanoid

จากหุ่นยนต์ในภาพยนตร์กลายมาเป็นสิ่งที่ใช้งานได้จริง และมีความใกล้เคียงเหมือนมนุษย์มากขึ้นสามารถพูดจาโต้ตอบได้

บริษัท Hondaเริ่มพัฒนาสร้างหุ่นยนต์มาตั้งเเต่ปี 1980และตั้งชื่อว่าAsimovตามชื่อนักเขียนนิยายวิทยาเกี่ยวกับหุ่นยนต์ บริษัทได้พัฒนาหุ่นยนต์มาตลอดเเละมาพักโครงการในปี 2018 เพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วยคนพิการ

Honda ได้กลับมาพัฒนาหุ่นยนต์ Asimovรุ่นใหม่โดยมีต้นแบบที่สามารถช่วยคนเจ็บ คนป่วยในภาวะฉุกเฉินได้ด้วยมือกลที่ทำงานละเอียดได้ถึงกับจับเหรียญขนาดเล็กเเละบิดเปิดขวดได้ ทำให้ทำงานตามคำสั่งของเเพทย์ที่ยังไม่มาถึงด้วยระบบสั่งการทางไกลผ่านภาพที่ได้จาก Asimov

ในอีก 10 ปีข้างหน้าหุ่นยนต์ Asimov รุ่นนี้คงจะถูกติดตั้งกันทั่วไปเพื่อคอยช่วยคนป่วยในภาวะฉุกเฉินก่อนรถพยาบาลจะมาถึง

ระบบ 5 G ทำให้ให้การสื่อสารในระยะไกลถึงหุ่นยนต์ได้ดี AI ยังช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์และการเคลื่อนไหวของมือหุ่นยนต์

บริษัทTesla เป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ humanoid รายใหญ่ เช่นเดียวกันกับบริษัท Engineers art ของอังกฤษ

ปัจจุบันมีหุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงานผลิตสินค้าอยู่มากมาย โดยเฉพาะโรงงานผลิตรถยนต์ทำให้ไม่ต้องจ้างแรงงานฝีมือจำนวนมาก ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องค่าแรงและการประท้วง เพียงเเต่ต้องลงทุนในหุ่นยนต์ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องเหมือนคน เพียงเเต่มีมือกลในการทำงาน

หุ่น humanoid คือ Ameca ของEngineers art มีตาสีฟ้าที่คอยสบตาผู้คน ซึ่งภายใต้ตาสีฟ้าจะสามารถจดจำผู้คนได้ ราคา 200,000 ดอลลาร์ ขณะนี้หุ่น Ameca ขายได้ 11 ตัว

หุ่นAmeca ต้องทำให้เหมือนมนุษย์เพื่อเป็นเพี่อนดูเเลคนเเก่ สามารถเล่น board game เป็นเพื่อนคนเเก่ คอยแนะนำรายการทีวี เเละจับตาเฝ้าระวังคนสูงอายุ

หุ่น Amecaมีใบหน้าที่ทำด้วย latex สามารถแสดงความรู้สึกในขณะที่พูดซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อกับมนุษย์และใช้ AI large language program ผ่าน internet โดย Wi-Fi

เเต่หุ่น Ameca ก็ยังไม่เหมือนมนุษย์มากนัก เเต่หุ่นยนตร์จาก Osaka University จะมีความเหมือนกันกับมนุษย์มาก หุ่นยนตร์ที่สร้างจะเหมือนกับรัฐมนตรี Kono Tora และใช้เสียงจริงของKono Tara ใช้เป็นหุ่นยนตร์เพื่อการทำpublic relations

Engineer Art กำลังพัฒนาsoftware ที่ทำให้สิ่งต่างๆที่อยู่ในcomputer เข้ามาสู่Ameca

หุ่น Optimus ของ Tesla ใบหน้าไร้ความรู้สึกเเต่เดินได้ ราคา 20,000 ดอลลาร์ มีระบบที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเคลื่อนไหวเเต่ละข้อต่อ มีมือกลที่สามารถทำงานละเอียด precision grip และใช้ระบบ Autopilot เช่นเดียวกับที่ใช้ในรถ Teslaทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของหุ่นอย่างปลอดภัยต่อผู้อื่น

การเคลื่อนตัวของ robot ถูกออกแบบมาหลากหลาย

Oregon University ใช้ machine learning พัฒนาการเคลื่อนไหวเลียนแบบมนุษย์ทำให้หุ่นยนต์Cassieวิ่ง 100 เมตรได้เร็ว24.6วินาทีUsian Bolt ใช้เวลา9.6วินาที

บริษัทต่างๆพัฒนา robot ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน วิธีการที่ต่างกัน บริษัท Atlasผลิต robot ที่เดิน 4 ขาเหมือนสุนัข บริษัท Corvallis ผลิตrobot ที่เดินสองขาที่สามารถไปได้ทุกที่โดยมีระบบNavigation เเละไปได้บนทุกพื้นผิว

ปกติจะใช้ Robot ขนส่งของในบริเวณที่ไม่มีผู้คน เพื่อความปลอดภัย สำหรับหุ่น Digit สามารถทำงานร่วมกับผู้คนโดยไม่เกิดอันตรายเพราะมีระบบ navigation ที่จะหลบหรือหยุดเมื่อตรวจสอบพบมีผู้คนอยู่ในเส้นทางเช่นเดียวกันกับ Optimus

การออกแบบ Robots ให้เกิดปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ Asimov มีกฎความปลอดภัยในการออกเเบบ จะต้องไม่ทำอันตรายหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์ ยกเว้นคำสั่งนั่นเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ดังนั้นหุ่น Optimus ของ Tesla จึงมีระบบเปิดปิดระบบของ Robot ซึ่งไม่สัมพันธ์กับ Wi-Fi เพื่อป้องกันการเข้าแทรกแซงจากภายนอก

Robot ขนาดเล็กไม่มีความเหมือนมนุษย์ ราคาไม่แพงใช้กันโดยทั่วไปในการส่งอาหารในร้านอาหาร โรงพยาบาล ใช้ทำความสะอาดพื้น

ในอนาคตหุ่นยนต์ robot และ humanoid จะถูกสร้างให้ใช้งานต่างๆหลากหลายยิ่งขึ้น เเต่คงไม่
มาสามารถทาทดแทนภรรยาที่บ้านเหมือนในหนัง Stamford wife ที่แสดงโดย Nicole Kidman เพราะมนุษย์คงยังต้องการคู่ครองที่มี human passion มากกว่าภรรยาที่เป็นhumanoid ที่ไม่มีวันเเก่

โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

 

# The economic burden of Long Covid
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
Published:6/12/22

Long Covid ไม่ใช้จะก่อปัญหาให้กับสุขภาพของคนอเมริกันจำนวนมากเท่านั่น Covid-19 ทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 1 ล้านคน

นักเศรษฐศาสตร์จาก Harvard University คือ David Cutler ได้เขียนรายงานไว้ว่า long Covid จะทำอเมริกาสูญเสียทางเศรษฐกิจถึง 3.7 trillion dollars คิดเป็น 17% ของ GDP

มูลค่าความเสียหายจะเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล บริษัทประกันเอกชน ค่าทดแทนความพิการ disability benefits หนี้สินส่วนบุคคล ค่าเงินบำนาญที่ลดลง

มูลค่าค่ารักษาพยาบาล 527,000 ล้านดอลลาร์ มูลค่าการหารายได้ที่เสียไปของคนป่วย 997,000 ล้านดอลลาร์ มูลค่าคุณภาพชีวิตที่เสียไป 2.2 trillions dollars

สิ่งที่เป็นความยุ่งยากในการวินิจฉัยและรักษาคนไข้ long Covid ก็คือคนบางส่วนการวินิจฉัยสามารถทำได้โดยไม่มีความยุ่งยาก เเต่มีคนไข้อีกจำนวนหนึ่งที่เเม้จะทำการตรวจด้วยวิธีการต่างๆก็ไม่สามารถค้นหาสิ่งผิดปกติได้ ทำให้คนไข้ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และมีเเพทย์ส่วนหนึ่งก็ไม่กล้าวินิจฉัยว่าคนไข้เป็น Long Covid

ตามคำแนะนำของ WHO อาการ Long Covid สามารถเกิดขึ้นในคนทุกอายุ และในคนทุกคนที่เคยติดเชื้อ Covid 19 ไม่ว่าจะมีอาการน้อยหรืออาการมาก

สำหรับสาเหตุของ long covid เกิดจากหลายสาเหตุไม่ใช่จากสาเหตุเดียว สาเหตุใหญ่ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสําคัญมี 4 สาเหตุ

สาเหตุแรกคือเส้นเลือดขนาดเล็กอุดตัน microclot การอุดตันของเส้นเลือดขนาดเล็กจะทำให้ออกซิเจนไปสู่ cell ไม่ดี และนำของเสียจาก cell ออกไปไม่ดี จึงน่าจะเป็นคำอธิบายของอาการ brain fog สมองตื้อ และอาการอ่อนเพลียง่าย fatigue

สาเหตุประการที่สองคือระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดเพี้ยน auto immune ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อเยื่อตัวเองเพราะคิดว่าเป็นชิ้นส่วนของไวรัส จะเป็นคำอธิบายของหลายๆอย่างเช่นอาการปวดกล้ามเนื้อเนื่องจากมีการสร้างภูมิคุ้มกันทำลายกล้ามเนื้อ และอาจมีภูมิคุ้มกันที่ทำลายกล้ามเนื้อหัวใจ ทีมนักวิทยาศาสตร์ของ Emory ตรวจเลือดของคนไข้ที่เคยป่วยหนักจาก Covid19 ที่ Atlanta 52 คน พบว่า 44%มี autoantibodies

สาเหตุที่สามคือยังมีเชื้อไวรัส Covid19 หลงเหลืออยู่ในร่างกายทำให้เกิดอาการ การศึกษาจาก NIHโดย Darnial Chertown ที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Nature ซึ่งศึกษาโดยตรวจเนื้อเยื่อ pathology จากคนที่เสียชีวิตโดยตรงจาก Covid-19 หรือเสียชีวิตจากสาเหตุอื่น โดยตรวจเนื้อเยื่ออย่างเป็นระบบในทุกอวัยวะของร่างกายภายในระยะเวลา 1 อาทิตย์หลังเสียชีวิต ไวรัสจะไปอยู่ในเนื้อเยื่อในอวัยวะเกือบทุกส่วนของร่างกาย ในหัวใจ ในไต แม้แต่ในสมอง ในคนบางคนระบบการป้องกัน immune system ไม่สามารถขจัดไวรัสต่างๆเหล่านั้นทำให้ไวรัสหลงค้างอยู่ในอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิด long covid

สาเหตุที่ 4 มีการเปลี่ยนแปลงระบบ metabolism ของร่างกายจากการติดเชื้อ Covid19 ที่สำคัญคือทำให้ Mitochondia ที่อยู่ในcellซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนอาหารเป็นพลังงานทำหน้าที่บกพร่อง จึงเป็นคำอธิบายของอาการเหนื่อยง่าย

เเต่ก็มีสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้อีกหลายอย่างเกี่ยวกับ long Covid

คำถามที่สำคัญเมื่อมีอาการ long covidเเล้วจะเป็นนานเท่าใด จะมีโอกาสหายหรือไม่ มีคนไข้ส่วนหนึ่งอาการจะหายในเวลาไม่นานมีอาการอยู่ 3-6 เดือน เเต่อีกส่วนหนึ่งเป็นนานถึง 1 ปี เเละอาจจะมีอาการอยู่อีกหลายปีซึ่งยังคงต้องติดตามศึกษาต่อเนื่อง เพราะ Covid19 เพิ่งระบาดได้เเค่ 3 ปี สำหรับอาการอ่อนเพลียจะพบเหมือนคนไข้ที่เป็น chronic fatigue syndrome ซึ่งจะมีอาการอยู่หลายๆปี

ถึงเเม้ว่าCovid 19 ในที่สุดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น เเต่ก็จะทิ้งความเสียหายไว้กับภาวะ Long Covid ทั้งปัญหาสุขภาพและปัญหาเศรษฐกิจ

โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

 

# รูปแบบของการประท้วงในจีน
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
Published:7/12/22

การประท้วงที่เกิดขึ้นในเมืองจีนในปลายเดือนพฤศจิกายน 2022 เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นและไม่เกิดขึ้นในเมืองจีนมานานนับ 30 ปีนับตั้งเเต่ปี 1989 ที่ Tienanmen

ก่อนหน้านี้ในเมืองจีนจะมีการประท้วงเล็กๆเกิดขึ้นบ้างเเต่ไม่มีการประท้วงรัฐบาลหรือผู้นำ จะเป็นการประท้วงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเกี่ยวกับการพัฒนาในท้องถิ่น การทำเกษตรกรรม หรือข้อปฎิบัติของเจ้าของโรงงาน เร็วๆนี้ก็มีการประท้วงธนาคารท้องถิ่นที่มีปัญหา ฝากเงินและถอนไม่ได้ที่ Henan

การประท้วงเริ่มขึ้นใน Urumqi ซินเจียง เมื่อมีคนเสียชีวิต 10 คนจากการติดอยู่ในอาคารที่ไฟไหม้เนื่องจากความเข็มงวดของนโยบาย Zero tolerance และลุกลามไป 24 เมือง เพราะไปจุดกระแสความอัดอั้นที่มีอยู่มานาน มีการประท้วงทั้งหมด51 ครั้ง

โศกนาฏกรรมที่ Urumqi เกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องตอบสนองต่อนโยบาย Zero tolerance ของรัฐบาลกลาง จึงใส่กุญแจล็อกทางเข้าออกจากApartment เพียงเพื่อให้เเน่ใจว่าการ Guarantineใน Apartment

ในเดือน กรกฎาคมที่เซี่ยงไฮ้ วิธีการ lockdown อย่างเข็มงวดด้วยวิธีการ lockdown ทีละครึ่งเมือง ประชาชนแสดงความไม่พอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มีคนเสียชีวิตเพราะไม่สามารถมีใครเข้าไปช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินได้เนื่องจากการ lockdown

การประท้วงในปักกิ่ง มีนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งเข่ามาร่วมประท้วง การประท้วงที่ จตุรัสเทียนอันเหมือนเมื่อ30ปีก่อนเกิดขึ้นจากนักศึกษา มีการลุกลามถึงกับต้องการให้ Xi Jinping ลาออก แต่การประท้วงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมือง

ตามปกติในการประท้วงในอดีตจะต้องมีแกนนำที่คอยปลุกกระแสให้ผู้คนมารวมตัว โดยเฉพาะการชุมนุมประท้วงใหญ่ๆ ในทางการเมือง

เเต่การเสียชีวิตจากเพลิงไหม้ใน Urumqi ทำให้ผู้คนอยากออกมาแสดงความเห็นใจ และรู้ว่าทุกคนมีโอกาสที่จะมีชะตากรรมเดียวกันกับคนใน Urumqi ด้วย เทคโนโลยีสมัยใหม่ทาง social media จึงทำให้มีการรวมตัวของผู้คนจำนวนมากโดยไม่ต้องมีผู้นำ ทุกคนมีความรู้สึกร่วม เห็นใจซึ่งกันและกัน

จากความอึดอัดใจจากนโยบาย Zero tolerance การประท้วงก็ลามไปถึงความต้องการเสรีภาพและความไม่พอใจต่อ Xi Jinping

เทคโนโลยี Social media ได้ก่อรูปแบบใหม่ของการประท้วงรัฐบาลทั่วโลกโดยไม่ต้องอาศัยเเกนนำอีกต่อไป

เเต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในเมืองจีน ซึ่งรัฐบาลควบคุมสื่อและSocial media อย่างเข็มงวด

เป็นที่รู้กันดีว่าระบบ internet ของจีน great fire walls จะถูกรัฐบาลควบคุมและsensor รัฐบาลจีนใช้movement tracking app. ใน smart phone ในการตรวจสอบการชุมนุมประท้วง

มีการใช้รหัสคำพูดสื่อสารกันเช่นไปเดินเล่นกัน ขาวจีนที่อยู่ในต่างประเทศช่วยส่งรูปที่ปรากฏใน Instagram ไปให้คนที่รู้จักในจีนผ่าน We Chat
ผู้ประท้วงก็สามารถหาจุดอ่อนได้ในระบบ โดยใช้ VPN : Virtual private network และระบบ Air drops ส่งข้อความ รูปภาพการประท้วงและข่าวสารถึงกัน

Account : @ whyyoutouzhele ซึ่งไม่ปรากฏชื่อเจ้าของมีคน follow 770,000 คนได้ share เหตุการณ์การประท้วงที่เกิดขึ้น

ทางการจีนได้ตอบโต้นอกจากการเซนเซอร์ ยังมีการใช้ spam messages ใน twitters มีการสร้างข้อมูลลวง phishing

ก่อนหน้าที่จะมีการประท้วงโทรศัพท์ IPhone ของ Apple มีคนจีนใช้อยู่ 11 % ปัจจุบันคนจีนใช้ 16% บริษัท Apple ได้ปรับระบบ IOS ใหม่สำหรับลูกค้าในจีนเท่านั่นที่สามารถทำให้ระบบ Airdrop สามารถส่งข้อความและรูปภาพถึงกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ประท้วงติดต่อถึงกันได้โดยไม่ต้องพึ่งระบบ internet ที่มีการตรวจสอบจากทางการจีน

ในการประท้วงการสื่อสารถึงกันในกลุ่มมีความสำคัญโดยเฉพาะในเมืองจีนซึ่งเจ้าหน้าที่จะมาตรวจสอบและสลายการชุมนุมอย่างรวดเร็ว ตำรวจจะมาถึงที่ๆมีการรวมตัวกันประท้วงและไม่ปล่อยให้ฝูงชนรวมตัวกันอยู่นาน ตำรวจจะเข้ามาตรวจ smart phone ลบรูป ตรวจสอบ App. Social media เช่น twitter, YouTube

มีคำถามว่า Xi Jinping จะใช้วิธีการปราบที่รุนแรงโดยใช้กำลังทหาร เหมือนกรณี Tienanman square หรือไม่ถ้ายังมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง

เป็นที่คาดกันว่าถคงแม้Xi จะเข็มงวดกับผู้ประท้วงอยู่เเต่คงไม่กล้าใช้กำลังหหาร ถึงเเม้จะคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ เเต่ผู้นำกองทัพอาจไม่เต็มใจใช้กำลัง

จีนก็พยายามจะมีนโยบายผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อลดการต่อต้าน มีการอนุมัติให้ผู้ป่วยไม่มากสามารถ guarantineอยู่ที่บ้าน ห้ามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นล็อกกุญแจทางเข้าออกของ Apartment ไม่ต้องทำ testing สำหรับการขึ้นรถไฟฟ้า

การประท้วงที่เกิดขึ้นแสดงออกถึงความอดกลั้นที่เก็บไว้จากความอึดอัดและความลำบากที่เกิดขึ้นจากนโยบาย Zero tolerance ของXi Jingping

ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนอายุไม่มากได้รับผลอย่างมากจากการ lockdown ทำให้ทำมาหากินไม่ได้ทำให้มีอุปสรรคต่อการสร้างฐานะ ภาระค่าใช้จ่ายที่มีต่อครอบครัว เเต่คนเหล่านี้สุขภาพเเข็งแรง ถ้า Xi Jinping ผ่อนคลายมาตการ zero Covid คนเหล่านี้จะไม่มีปัญหาทางาสุขภาพมากนักแต่คนสูงอายุจะป่วยตายจาก Covid-19 มากขึ้น

เป็นจังหวะเวลาที่เจียงซีมิน อดีตผู้นำจีนในช่วงหลังเวลาที่เกิดเหตุการณ์ Tienanmenมาเสียชีวิตในวัย 96 ปี การเสียชีวิตก็อาจนำมาเป็นเหตุผลในการชุมนุม

มีคำถามว่าการประท้วงที่ไม่มีแกนนำภายใต้ระบบที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จีนมีความเข็มงวดจะสามารถดำเนินการต่อไปได้อีกนานเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวผู้ร่วมประท้วงที่ผ่านมาจากโทรศัพท์มือถือที่ถูกตรวจสอบ

เครื่องมือที่สำคัญของจีนในการต่อสู้กับการประท้วง คือการควบคุมข่าวสารและการโฆษณาชวนเชื่อ แต่ในโลกเทคโนโลยีปัจจุบัน เครื่องมือที่เคยใช้ได้ก็ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป

การควบคุมฝูงชน Xi Jinping จะใช้ไม้เเข็งต่อไปก็คงไม่ได้ เเต่ถ้ายอมตามผู้ประท้วงก็มีปัญหาทำให้มีคนป่วยตายจาก Covid-19 จำนวนมาก Xi Jinping มาถึงจุดที่เป็นความลำบากในวันนี้ก็เพราะนโยบายที่ใช้มาตลอด 3 ปีโดยไม่เปลี่ยนแปลง ทำ testing อย่างมากมาย สร้างศูนย์ Quarantine บังคับให้ผู้คนลำบากอยู่ในบ้าน ซึ่งความสำเร็จใน 3 ปีที่ผ่านมาก็นำมาสู่จุดที่จบไม่ได้ของจีน

โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

 

# Jiang Zemin
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
Published:9/12/22

ในวงล้อเเห่งประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของจีน Jiang Zemin เป็นผู้มีส่วนสำคัญที่ทำให้จีนกลายเป็นชาติที่รุ่งเรืองมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ใช่ช่วงเวลา 1989ถึง 2002 ที่เขาเป็นประธานาธิบดีพร้อมนายกรัฐมนตรี จู หลงจี ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตเป็น 3 เท่า

เมื่อ Jieng Zemin ขึ้นเป็นประธานาธิบดีต่อจาก จ้าว จือหยาง เป็นช่วงเวลาที่ลำบากเพราะเพิ่งมีเหตุการณ์การประท้วงของนักศึกษาจีนที่ Tienanmen Square ในปี 1989เป็นจุดรอยต่อที่สำคัญของจีน Jiang Zemin ทำให้จีนไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับรัสเซียหลังการเปลี่ยนระบบ

Jiang Zemin เป็นผู้นำจีนเข้าสู่ WTO อันนำมาสู่การเป็นโรงงานของโลกในจีน นโยบายผูกมิตรตะวันตกทำให้เงินทุนอเมริกาและตะวันตกหลั่งไหลเข้ามาสู่จีน เริ่มต้นด้วย GM และ Walmart ประเทศ เยอรมันผูกติดลงทุนในจีนเป็นจำนวนเงินมหาศาล

Jiang Zemin จากเซี่ยงไฮ้ ถูก promoted มาช่วย นายก Li Peng ในช่วงปลายของยุคเต็ง เสียว ผิง Li Peng มีแนวทางที่เป็น conservative และเป็นอุปสรรคต่อแนวทางเปิดเศรษฐกิจต่อโลกของ เต็ง เสียว ผิง Jiang Zemin กลัวเกรงอำนาจและต้องอยู่ในอิทธิพลของ Li Peng

เต็งเสียวผิง จึงจำเป็นต้องขจัด Li Peng ออกจากอำนาจซึ่งหมายถึง Jiang Zemin ด้วย

เเต่เป็นความโชคดีของ Jiang เนื่องจาก เต็ง เสียวผิงมีปัญหาสุขภาพ เขาจึงไม่ถูกปลดออก

Jiang Zemin ได้ปลีกตัวออกมาจาก Li Peng โดยใช้นโยบายปราบ corruption จน Chen นายเทศมนตรีปักกิ่งซึ่งเป็นพันธมิตรของ Li Peng ต้องฆ่าตัวตาย และเขาก็สามารถกลับมามีอำนาจหลังการเสียชีวิตของเต็งเสียวผิง

Jiang Zemin และ จู หลงจี คือคนสำคัญที่ดำเนินนโยบายทุนนิยมแบบจีนตามเต็ง เสียว ผิง จนทำให้จีนมีความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ

Xi Jinping ได้กลับมาเปลี่ยนแปลงนโยบายของ เต็ง เสียว ผิง และ Jiang Xemen ด้วยนโยบาย common prosperity และ เป็นผู้ที่บอกว่าชาจีนจะต้องดื่มเมื่อยังร้อนและบอกว่าชาของอดีตผู้นำได้เย็นชืดเเล้ว การเสียชีวิตของ Jiang Zemin เป็นการตอกย้ำว่าบรรดาอดีตผู้นำจะไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือ Xi Jinping

Jiang Zemin หลังจากลงจากอำนาจเขายังคงมีอิทธิพลอย่างมากในการเมืองของจีนเป็นผู้ที่มีส่วนเเต่งตั้ง Xi Jinping ให้เป็นเลขาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในปี 2012 เขาเคยกล่าวยกย่อง Xi Jinping ในปี 2013 แต่กลับต้องถูกปฏิเสธจาก Xi Jinping ที่เมินนโยบายที่จะผูกมิตรกับอเมริกาในช่วงเวลาก่อนการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน

จีนเมื่อเปลี่ยนแปลงระบบก็มีการ corruption มากมายเหมือนที่เกิดขึ้นในรัสเซีย ในรัสเซียผู้สืบทอดผลประโยชน์และอำนาจและเศรษฐกิจก็คือเหล่าวงในที่เป็นข้าราชการเดิมซึ่งต่อมากลายเป็นเหล่ามหาเศรษฐี Oligarch ที่คำ้จุนPutin

เเต่ เต็ง เสียว ผิงวางระบบผู้นำแบบ collective leadership จึงทำให้จีนไปไกลกว่ารัสเซียที่อาศัยโชคลาภจากทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งนำ้มัน เเก๊สเเละเเร่ธาตุ

ในปี 1990 คนยากจนจากชนบทจีน มุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่เพื่อทำงานก่อสร้างที่เกิดขึ้น Jiang ทำให้คนจีนจำนวนนับล้านๆคนผ่านพ้นความยากจน ภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ของจีน

Jiang Zemin เคยเป็นผู้ว่าเมือง เซี่ยงไฮ้เช่นเดียวกันกับ Xi Jinping เขาเป็นวิศวกรไฟฟ้าที่นามสกุล Zemin แปลว่าเพื่อประชาชน

Jiang เป็นประธานาธิบดีจีนที่เคยอ้างถึงคำพูดของ Abraham Lincoln และเคยร้องเพลง Love me tender ของ Elvisในงานเลี้ยงระหว่างประเทศ

เขาเสียชีวิตในวัย 96ปีจากมะเร็ง Leukemia เสียชีวิตในช่วงเวลาที่มีการประท้วงที่เกิดขึ้นทั่วจีน เป็นการประท้วงครั้งใหญ่หลัง Tienanmen square เป็นจุดต่อที่สำคัญของจีนอีกครั้ง

โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

 

# Lonely planet : สังคมโดดเดี่ยว
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
Published:8/12/22

ในเดือนพฤศจิกายน 2022 โลกมีประชาชนเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ล้านคน ในโลกที่มีคนเพิ่มมากขึ้นเเต่โลกกับเป็นโลกที่ผู้คนจำนวนมากอยู่ด้วยความโดดเดี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม เพราะมีคนสูงอายุมากขึ้น สังคมที่เปลี่ยนไปทำให้เเม้เเต่คนหนุ่มสาวก็รู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น

อะไรเกิดขึ้นกับสังคมโลก ในยุคสมัยของคนรุ่นก่อน baby boomers ครอบครัวจะใหญ่ครอบครัวอาจมีลูกถึง8-10 คนเพราะยังไม่มีการคุมกำนิด คนรุ่น baby boomers จะมีลูก3-4 คน เเต่ในยุคปัจจุบันขนาดครอบครัวเล็กลงมีลูก 1ถึง 2 คน คนจำนวนมากไม่เเต่งงาน หรือเเต่งงานเเล้วไม่ต้องการมีลูก

ยิ่งประเทศมีการพัฒนามาก การเจริญพันธ์ก็ยิ่งลดตำ่ลง สาเหตุเนื่องจากยิ่งผู้หญิงมีการศึกษามากขึ้นก็ทำงานนอกบ้านมากขึ้น ชีวิตการทำงานมีวิถีทางที่ทำให้มีความยากลำบากต่อการเลี้ยงลูกมากขึ้น ผู้หญิงยุคใหม่จึงเลือกที่จะไม่แต่งงานหรือแต่งงานก็ไม่มีลูกหรือมีลูกเพียงคนเดียว

คนสูงอายุจำนวนมากต้องอยู่โดดเดี่ยวไม่มีลูกหลานดูแล คนหนุ่มสาวจำนวนมากก็เเยกตัวโดดเดี่ยว ในญี่ปุ่นเกิดปรากฏการณ์ hikokomuri คนหนุ่มสาวที่เก็บตัวอยู่ในบ้าน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของ rich world ในโลกของเทคโนโลยี

Smart phone และ Social media ถูกกล่าวหาว่าทำให้เกิดสังคมโดดเดี่ยวเพราะทำให้ผู้คนไม่ออกมาสังสรรค์พบปะกัน เเต่ก็มีข้อโต้เเย้งว่าผู้คนติดต่อกันทาง Facebook และ Twitters มากขึ้น

ความโดดเดี๋ยวนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพเช่นความซึมเศร้า ความอ้วน ความวิตกกังวล โรคหัวใจ ติดเหล้าและติดยา เเต่ในทางกลับกันการป่วยก็อาจนำมาซึ่งความโดดเดี๋ยว

สุขภาพที่ไม่ดีของคนที่อยู่โดดเดี่ยวมาจากขาดแรงกระตุ้นจากครอบครัวเเละเพื่อนฝูง ทำให้มีนิสัยที่ทำให้เกิดมีผลเสียต่อสุขภาพ

ความโดดเดี่ยวloneliness ไม่เกิดขึ้นเฉพาะในคนที่ตั้งใจจะแยกตนเอง เเต่อาจเกิดขึ้นในคนที่มีผู้คนอยู่รอบข้าง ซึ่งอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว การแยกตัวอยู่โดดเดี่ยวเป็นครั้งคราวอาจก่อให้เกิดความสงบ เเต่ถ้าโดดเดี่ยวอยู่นานอาจเป็นปัญหา มนุษย์เป็นสัตว์ที่ได้ประโยชน์จากการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม

ลักษณะสังคมก็เป็นปัจจัยเเห่งความโดดเดี่ยว สังคมเมือง สังคมตะวันตกมีปัจจัยที่ทำให้เกิดความโดดเดี่ยว loneliness

ในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่นการ ก่อนปี 1960 มีคนที่อยู่คนเดียวน้อยกว่า 10% เเต่ในปัจจุบันการที่อยู่คนเดียวมีมากขึ้น ในคนสูงอายุจะมีปัจจัยการเสียชีวิตของคู่ครอง เเละการหย่าร้างที่ทำให้อยู่คนเดียวด้วย การมีคู่ครองของคนสูงอายุเป็นสิ่งสำคัญจากการศึกษาของ University of Helsinki

ในสังคมอเมริกา จากผลสำรวจเพศชายจะโดดเดี่ยวมากกว่าเพศหญิง จากแบบสอบถาม 2,000 คน มีผู้ชายอเมริกา 15 % ไม่มีเพื่อนสนิทซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าจากปี 1990 ผู้ชายจะไม่ share หรือปรึกษาปัญหาส่วนตัวกับเพื่อนมากกว่าหญิง

การมีลูกน้อยหรือไม่แต่งงานกลายเป็นปัญหาในโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมของหลายๆประเทศโดยเฉพาะประเทศที่รายได้สูงในประเทศญี่ปุ่นมีคนชราต้องเสียชีวิตคนเดียวอยู่ในบ้านเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสังคมญี่ปุ่นนิยมที่จะอยู่เป็นโสดจำนวนมากขึ้น

ในขณะนี้ประเทศกลุ่ม Bric คือ จีน บราซิล อินเดีย รัสเซีย ต่างเจริญรอยตามประเทศตะวันตกมีอัตราการเกิดที่น้อยลงจนทำให้ประชากรหดตัว อัตราการเจริญพันธ์ของหญิงอินเดียลดลงเหลือมีลูก 2 คนต่อหญิง 1 คน การมีการเจริญพันธ์ที่ตำ่ มีครอบครัวที่เล็ก ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศตะวันตกหรือเฉพาะประเทศร่ำรวยอีกต่อไป แนวโน้มได้แผ่กระจายไปสู่ประเทศต่างๆ ในสังคมชนบทและประเทศ Emerging ต่างๆ ยกเว้นประเทศใน Sub Sahara เช่น ไนจีเรีย

จากปี 1985 ถึง ปี 2009 ในอเมริกากิจกรรมทางสังคมเช่น church groups และการเล่นกีฟาร่วมกันจะลดน้อยลง

บุคคลลิกของคน คนที่ intro verse ปิดตัวเอง คนที่ไม่มั่นใจในตัวเองก็มีโอกาสจะโดดเดี่ยว

ในจีนการอพยพของคนวัยทำงานจากชนบททำให้เกิดสังคมโดดเดี่ยวในชนบทจีน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับสังคมยุโรปตะวันออก

ในญี่ปุ่นมีบริการเพื่อนสำหรับคนที่ไม่ครอบครัวในการยืมครอบครัวในการการประกอบพิธีศพหรือการเป็นเพื่อนดูทีวี ในอังกฤษ อเมริกามีบริการขององค์กรการกุศล silver line service บริการเพื่อนสำหรับกิจกรรมของคนที่ไม่มีครอบครัว

Silver line บริการฟรีโทรศัพท์คุยกับคนสูงอายุที่อยู่คนเดียว 500,000 ครั้งในปี 2013 การสนทนาครั้งละ 15 นาทีสอบถามเรื่องอากาศ สัตว์เลี้ยง และกิจกรรมที่ทำ ในอเมริกาองค์กร one caring team ก็ทำในลักษณะเดียวกัน

องค์กรการกุศล home share ในอังกฤษ พยายามให้คนหนุ่มสาวมาอยู่ร่วมกันกับคนสูงอายุ โดยจูงใจให้ค่าเช่าราคาถูกในการอยู่ร่วมกับคนสูงอายุ

ในญี่ปุ่นเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่มีความเหมือนมนุษย์มากขึ้นนำมาช่วยบริการดูแลคนสูงอายุ

สังคมโลกที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น เเต่กลับทำให้เป็นสังคมที่ไม่สามารถใกล้ชิดกันเหมือนเดิม

โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

 

KEY MESSAGES: มองปัจจัยเสี่ยงจีนเผชิญหายนะ ‘ผู้ติดเชื้อโควิดพุ่ง-ยอดตายนับล้าน’ หลังยกเลิกคุมเข้มการระบาด
.
ที่ผ่านมา จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพียงประเทศเดียว ที่ยังคงบังคับใช้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดที่เข้มงวดตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID
.
ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ ก็ตั้งใจที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างสิ้นเชิงในช่วงต้นของการแพร่ระบาด แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องละทิ้งแนวทางนี้ เนื่องจากต้นทุนทางสังคมและเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น และตระหนักได้ว่า การกำจัดการระบาดของโควิดในท้องถิ่นให้หายไปทั้งหมด ส่วนใหญ่ไร้ประโยชน์และไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน
.
ยุทธศาสตร์ของจีนในนโยบาย Zero-COVID ซึ่งรวมถึงการใช้มาตรการเข้มงวดต่างๆ ตั้งแต่การตรวจเชื้อหมู่ประชาชนจำนวนมาก การล็อกดาวน์ปิดทั้งเมืองหรือมณฑล ตลอดจนการกักตัวใครก็ตามที่เป็นกลุ่มเสี่ยงหรืออาจสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เริ่มกลายเป็นแนวทางที่ไม่สามารถป้องกันการระบาดได้มากขึ้น ขณะที่การบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดตามอำเภอใจบ่อยครั้ง กระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนมากขึ้น และนำไปสู่การประท้วงใหญ่ในหลายเมืองช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
.
ทั้งนี้ มาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดของจีนนั้น ต้องเผชิญกับขีดจำกัด เมื่อเจอกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมีระยะฟักเชื้อที่สั้นและระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า อีกทั้งยังเล็ดลอดภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากการฉีดวัคซีนดั้งเดิมของจีน ทำให้มาตรการที่แม้จะเข้มงวดอย่างมาก ก็ไม่อาจหยุดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์ได้
.
ขณะที่ผลจากการประท้วงที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ทางการจีนตัดสินใจปรับเปลี่ยนท่าที ด้วยการยอมยกเลิกมาตรการเข้มงวด ทั้งการบังคับแสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบเพื่อเข้าสถานที่สาธารณะ และการบังคับกลุ่มเสี่ยงที่มีหรือไม่มีอาการให้กักตัวในสถานที่ของทางการ
.
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านจากนโยบาย Zero-COVID นั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับทุกประเทศที่ดำเนินการ ขณะที่จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เหมือนใครในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้
.
จำนวนประชากรมีภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับต่ำ
.
ย้อนไปในช่วงต้นปี 2020 จีนได้รับการชื่นชมจากความสำเร็จในการดำเนินนโยบายที่สามารถยับยั้งการระบาดของโควิด โดยมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในระดับต่ำ แม้ว่าตัวเลขตามที่มีรายงานจะแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มา แต่ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่ามีรายงานกรณีผู้ติดเชื้อในจีนเกือบ 10 ล้านราย นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2020
.
ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับประชากรในประเทศที่มีจำนวน 1.4 พันล้านคน ทำให้จนถึงปัจจุบัน มีประชากรจีนจำนวนไม่มากที่ได้รับภูมิคุ้มกันโควิดผ่านการติดเชื้อ
.
สำหรับอัตราฉีดวัคซีนในประเทศจีน ส่วนใหญ่สอดคล้องกับรายงานในประเทศตะวันตก แต่ลักษณะที่ผิดปกติของอัตราการฉีดวัคซีนในจีน คือลดลงตามกลุ่มอายุ
.
โดยผู้สูงอายุนั้นเป็นประชากรกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อโควิด แต่ประชาชนจีนอายุเกิน 80 ปี ที่ได้รับการฉีดวัคซีนถึง 3 โดสนั้น มีจำนวนเพียงประมาณ 40%
.
ขณะที่ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการแพร่เชื้อ ได้มีการทดสอบอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ที่โอมิครอนเริ่มระบาดในช่วงปลายปี 2021 ซึ่งผลที่ได้ชี้ว่า การป้องกันอาการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด สำหรับวัคซีน mRNA ที่ใช้แพร่หลายในประเทศตะวันตกนั้นก็ยังคงสูงอยู่
.
แต่จีนใช้วัคซีนที่แตกต่างกัน โดยหลักๆ เป็นวัคซีนเชื้อตาย ที่ผลิตจากบริษัท Sinovac และ Sinopharm
.
โดยทั่วไปวัคซีนเชื้อตายนั้นมีความปลอดภัย แต่มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่ำกว่าเทคโนโลยีวัคซีนใหม่ๆ อย่าง mRNA อาทิ Pfizer-BioNTech และ Moderna หรือวัคซีนที่ใช้เวกเตอร์ของอะดีโนไวรัส (Adenovirus) อาทิ AstraZeneca และ Johnson & Johnson
.
ขณะที่ประสิทธิภาพของวัคซีนเชื้อตายที่ผลิตในจีน ตามรายงานการทดลองทางคลินิกที่ได้รับในหลายประเทศนั้นแตกต่างกันไป เช่น ในชิลี ผู้ได้รับวัคซีน Sinovac จำนวน 2 โดส จะลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ 86% แต่ผลทดลองในสิงคโปร์บ่งชี้ว่า วัคซีนให้การป้องกันการเกิดอาการป่วยหนักได้แย่กว่าเมื่อเทียบกับวัคซีน mRNA
.
หวั่นยอดตายโควิดถึง 1 ล้าน
.
เป็นเรื่องจริงที่เชื้อโอมิครอน ซึ่งเป็นโควิดสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก มีอัตราการป่วยหนักหรือเสียชีวิตที่ต่ำกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าอย่างเดลตา
.
อย่างไรก็ตาม โอมิครอนยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญสำหรับประชากรที่มีภูมิต้านทานน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ
.
ขณะที่ฮ่องกงนั้นเผชิญปัญหาที่คล้ายคลึงกับจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราผู้ติดเชื้อในระดับต่ำ แต่ก็มีอัตราฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุที่ย่ำแย่กว่าจีนตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะมีระบบรักษาพยาบาลที่แข็งแกร่งกว่าก็ตาม
.
การระบาดที่รวดเร็วของโอมิครอนในฮ่องกงตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตต่อประชากรเพิ่มขึ้นในเวลาไม่กี่วัน และมากกว่าที่หลายๆ ประเทศเคยเผชิญนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่
.
สำหรับสถานการณ์ในจีน ณ ตอนนี้ มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยรายใหม่สูงทะลุสถิติมากกว่า 30,000 รายต่อวัน ทำให้เมื่อทางการตัดสินใจผ่อนปรนมาตรการป้องกัน จึงมีคำถามเกี่ยวกับการรับมือสถานการณ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
.
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงระดับภูมิคุ้มกันของประชากรในจีนที่ยังค่อนข้างต่ำ ทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่า การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและฉับพลันของจำนวนผู้ติดเชื้อ อาจส่งผลให้ผู้ที่มีอาการป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
.
และหากตั้งสมมติฐานว่า ประชากรจีน 70% กลายเป็นผู้ติดเชื้อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และมีผู้เสียชีวิตในกลุ่มผู้ติดเชื้อเหล่านี้ประมาณ 0.1% เราอาจจะได้เห็นผู้เสียชีวิตที่สูงถึงประมาณ 1 ล้านคน (เป็นตัวเลขที่ประเมินจากอัตราการเสียชีวิตของโอมิครอน ในหมู่ประชากรที่แทบจะไม่เคยติดเชื้อโควิดมาก่อน)
.
แนวทางในการป้องกันหรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายตามที่กล่าวมา อาจจะมีไม่มากนัก โดยตัวเลือกที่เหลือไม่มากของทางการจีน อย่างหนึ่งคือการมุ่งเน้นฉีดวัคซีนแก่ผู้สูงอายุ ซึ่งอาจช่วยได้ไม่มากก็น้อย
.
ขณะที่ระบบดูแลสุขภาพของจีนนั้นค่อนข้างเปราะบาง และการขาดแคลนเตียงผู้ป่วยวิกฤต ยิ่งแสดงถึงความเปราะบางที่มีอยู่
.
โดยการวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการทำให้แน่ใจว่า มีเฉพาะผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องการการดูแลมากที่สุดเท่านั้น ที่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จะช่วยลดการเสียชีวิตได้ หากเกิดกรณีที่การแพร่ระบาดรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้
.
ภาพ: Noel Celis / AFP
.
อ้างอิง:
www.channelnewsasia.com/commentary/china-zero-covid-lift-restrictions-deadly-surge-3130951
.
#TheStandardNews


______________________________________

.

 

วิชาเศรษฐศาสตร์มีความสําคัญต่อผู้บริโภคอย่างไร

เศรษฐศาสตร์จะช่วยให้ผู้บริโภคจัดสรรรายได้ที่ มีอยู่จำากัดไปซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้อย่าง เหมาะสม คุ้มค่า และเกิดประโยชน์มากที่สุด และยังทำาให้ผู้บริโภคเข้าใจการเปลี่ยนแปลง ของปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น รู้จัก ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำากัดในการบริโภค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคาดคะเนการ เปลี่ยนแปลงของราคา ...

การศึกษาเศรษฐศาสตร์มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสังคมอย่างไร

- เข้าใจโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาทางเศรษฐกิจและ หาแนวทางการแก้ไขปัญหา 1. ช่วยให้การจัดทรัพยากรมี ประสิทธิภาพสูงสุดและยุติธรรม 2. เป็นเครื่องมือหรือวิธีการที่จะช่วย ให้เข้าใจเหตุการณ์และปัญหา เศรษฐกิจในชีวิตประจาวัน 3. ให้ความรู้พื้นฐานอันเป็นประโยชน์ ในการประกอบอาชีพ 4. ช่วยให้ประชากรของ ...

เศรษฐศาสตร์มีความสําคัญต่อประเทศชาติอย่างไร

ในระดับชาติ : เศรษฐศาสตร์ช่วยทำให้เราเข้าใจว่า ต้องตัดสินใจอย่างไรเพื่อ ให้การจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ตัดสินใจว่า จะผลิตอะไรดีหรือใครจะเป็นผู้ผลิต ใครจะเป็นคนปลูกพืชผัก คนเลี้ยงสัตว์ คนตัดเย็บเสื้อผ้า หมอรักษาคนไข้ ฯลฯ เมื่อเป็นเช่นนี้ สังคมก็จะจัดสรรสมาชิก ในสังคมไปสู่กิจกรรมการผลิต ...

วิชาเศรษฐศาสตร์มีความสําคัญระดับครัวเรือนอย่างไร

2. วิชาเศรษฐศาสตร์มีความสาคัญระดับบุคคลและครัวเรือนอย่างไร ช่วยให้บุคคลและครัวเรือนจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจ ากัดนั้นอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ สูงสุด

วิชาเศรษฐศาสตร์มีความสําคัญต่อผู้บริโภคอย่างไร การศึกษาเศรษฐศาสตร์มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสังคมอย่างไร เศรษฐศาสตร์มีความสําคัญต่อประเทศชาติอย่างไร วิชาเศรษฐศาสตร์มีความสําคัญระดับครัวเรือนอย่างไร เศรษฐศาสตร์มีความสําคัญอย่างไรต่อ นักเรียน วิชาเศรษฐศาสตร์มีความสําคัญระดับบุคคลและครัวเรือนอย่างไร เฉลย วิชาเศรษฐศาสตร์มีความสําคัญต่อมนุษย์อย่างไร เฉลย ความสําคัญของเศรษฐศาสตร์ ต่อผู้บริโภค วิชาเศรษฐศาสตร์มีความสําคัญระดับผู้ผลิตอย่างไร เฉลย ความสําคัญของเศรษฐศาสตร์ ต่อชุมชน ความสําคัญของเศรษฐศาสตร์ ต่อครอบครัว ความสําคัญของเศรษฐศาสตร์ ระดับบุคคล