ภาพจาก dfwkeys4cars.com Show อยากโอนรถให้คนในครอบครัว ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ?
เมื่อพูดถึงการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์ที่เราถือครองไปให้บุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลภายนอก หรือคนในครอบครัวที่นามสกุลเดียวกัน สิ่งที่หลายคนต้องหาข้อมูล เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาติดขัดขึ้นในวันที่ไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์ นั่นคือ ข้อมูลเอกสารที่ต้องเตรียม ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายคือเท่าไหร่ ? และเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่มีความประสงค์โอนรถยนต์ที่อยู่ในการครอบครองกรรมสิทธิ์ของตน ไปให้กับบุคคลที่ใช้นามสกุลเดียวกันมาฝากทุกท่าน เพื่อให้การโอนรถเป็นไปอย่างสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาไปสำนักงานขนส่งหลายรอบ แต่ก่อนอื่นลองมาทำความรู้จักกันก่อนว่า “การโอนรถ” คืออะไร จำเป็นต้องทำหรือไม่ ? การโอนรถ คืออะไรสำหรับ “การโอนรถ” คือ การโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง โดยผู้โอนและผู้รับโอนต้องแจ้งต่อนายทะเบียน เป็นกรณีโอนกรรมสิทธิ์ในรถซึ่งต้องเป็นรถที่จดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว แต่หากเป็นการโอนสิทธิครอบครองรถที่จดทะเบียนแล้ว อาทิ การเปลี่ยนผู้เช่าซื้อ ทางระบบทะเบียนถือว่า เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรายการเท่านั้น และในประเด็น “เปลี่ยนเจ้าของรถยนต์ โอนเล่มนามสกุลเดียวกัน” ถือว่า เป็นโอนรถแบบไม่ใช่การซื้อขาย อาทิ สามีโอนให้ภรรยา / ภรรยาโอนให้สามี / บิดาหรือมารดาโอนให้ลูก / ลูกโอนให้บิดาหรือมารดา และพี่โอนให้น้อง เป็นต้น ซึ่งการโอนรถในลักษณะนี้ มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ หลักเกณฑ์การเปลี่ยนเจ้าของรถยนต์ โอนเล่มนามสกุลเดียวกัน1. การโอนเปลี่ยนเจ้าของรถ คือ การโอนเปลี่ยนผู้ถือกรรมสิทธิ์จากอีกคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง และจะต้องดำเนินการ ภายใน 15 วันนับตั้งแต่ได้มีการเซ็นต์วันที่ ลงในแบบคำขอโอนและรับโอน 2. ภาษีของรถจะต้องเหลือไม่น้อยกว่า 30 วัน (หากภาษีของรถเหลือน้อยกว่า 30 วัน จะต้องชำระภาษีรถประจำปี) 3. ในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถไปดำเนินการโอนรถ ณ กรมขนส่งทางบกได้ สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนได้ โดยผู้รับมอบอำนาจต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ด้วย การเปลี่ยนเจ้าของรถยนต์ โอนเล่มนามสกุลเดียวกัน ใช้เอกสารอะไรบ้างเอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นเรื่องเพื่อโอนรถไม่ว่ากรณีใด ๆ ถือว่า สำคัญมาก หากเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่สามารถดำเนินการโอนรถได้ ทั้งยังทำให้เสียเวลา เสียอารมณ์ไม่น้อย ฉะนั้น เพื่อไม่ให้พลาดต้องเสียเวลาลางาน เพื่อไปกรมขนส่งทางบกอีก ควรเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในการโอนรถให้พร้อม ซึ่งเอกสารที่ต้องใช้กรณีโอนรถ แบบไม่ใช่การซื้อขาย มีดังต่อไปนี้ 1. สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (ตัวจริงพร้อมสำเนา) 2. บัตรประจำตัวประชาชน (ตัวจริงพร้อมสำเนา) ของผู้โอนและผู้รับโอน 3. ทะเบียนบ้าน (ตัวจริงพร้อมสำเนา) กรณีบิดาโอนให้ลูก หรือมารดาโอนให้ลูก 4. แบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งกรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียนร้อยแล้ว 5. สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีสามีโอนให้ภรรยา หรือภรรยาโอนให้สามี) 6. หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบกรณีผู้โอน และ/หรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง (ติดอากรแสตมป์ 10 บาท) ขั้นตอนการโอนรถให้ผู้รับโอนที่นามสกุลเดียวกันเมื่อเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการโอนรถยนต์ครบถ้วนแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการโอนรถ ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. นำรถยนต์ที่ต้องการโอนเข้ารับการตรวจสภาพในหน่วยงานตรวจสภาพรถยนต์ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัด ที่คุณไปดำเนินการโอนรถ 2. หลังจากดำเนินการตรวจสภาพรถยนต์เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าหน้าที่จะออกเอกสารยืนยันว่า รถของผู้โอนผ่านการตรวจสภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้น ให้ผู้โอนและผู้รับโอนกรอกแบบฟอร์มคำขอและรับโอนที่ส่วนงานทะเบียนสำนักงานขนส่ง 3. นำแบบฟอร์มคำขอและรับโอนที่กรอกรายละเอียดครบถ้วน พร้อมเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องใช้ประกอบการยื่นเรื่องขอโอนรถ ไปส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจเช็คแล้วว่า เอกสารครบถ้วน เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถยนต์ (โดยปกติถ้าคุณไปคิวแรก ๆ ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที) 4. เมื่อดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถยนต์เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จะเรียกผู้โอนและผู้รับโอน มารับคู่มือจดทะเบียนรถคืน พร้อมชำระค่าธรรมเนียม การโอนรถ มีอัตราค่าธรรมเนียมเท่าไหร่1. ค่าขอ 5 บาท 2. ค่าธรรมเนียมการโอน 100 บาท 3. ค่าอากรแสตมป์ 500 บาท ต่อราคาประเมินรถทุก 100,000 บาท 4. ค่าเปลี่ยนป้ายทะเบียน 200 (ถ้าเปลี่ยน) 5. ค่าเปลี่ยนเล่มทะเบียน 100 บาท (กรณีเล่มทะเบียนชำรุด หรือเก่า) 6. ค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพรถยนต์ 50 บาท เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับข้อมูลที่ควรรู้ก่อนไปดำเนินการโอนรถยนต์ให้กับผู้รับโอนที่นามสกุลเดียวกัน เชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์กับทุกคนไม่น้อย และขอเตือนสักนิดว่า การโอนรถ หรือโอนกรรมสิทธิ์รถนั้นถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ๆ ไม่ว่าคุณจะโอนรถด้วยกรณีใดก็ตาม เพื่อเป็นการเซฟตัวคุณให้มากที่สุด เวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในอนาคต ข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก READ MORE :
|