ลักษณะทั่วไปของบทละครพูดเรื่องเห็นแก่ลูก Show
ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะคำประพันธ์ : บทละครพูดขนาดสั้นมีความยาว ๑ องก์ จุดประสงค์ในการแต่ง : เพื่อใช้แสดงละครให้ความบันเทิงที่แฝงไว้ด้วยแง่คิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ และความเสียสละที่พ่อมีต่อลูก ที่มาของเรื่อง : เป็นบทพระราชนิพนธ์เรื่องหนึ่งในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖) ที่ทรงผูกเรื่องขึ้นด้วยพระองค์เอง โดยทรงใช้นามแฝงว่า “พระขรรค์เพชร” รูปแบบงานประพันธ์ : ร้อยแก้ว บทละครพูดขนาดสั้น ระยะเวลาในการแต่ง : ราวปีพ.ศ ๒๔๕๓-๒๔๖๘ เขียนโดย Unknown ที่00:15 ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอด1. นำเรื่อง 2. ประวัติผู้แต่ง 3. ลักษณะการแต่ง 4. เรื่องย่อ 5. ศัพท์น่ารู้ “บทละครพูด” มาจากประเทศทางตะวันตก และเริ่มแพร่หลายในประเทศไทยในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับความนิยมสูงสุดในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์โปรดการละครมาก ตั้งแต่ยังทรงศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ เสด็จไปทอดพระเนตรละคร และทรงแสดงละคร ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จนิวัติพระนครได้ทรงตั้งคณะละครขึ้น เพื่อช่วยอบรมจิตใจประชาชน ระดมเงินทุนในการทำการกุศลต่าง ๆ และสร้างสาธารณสมบัติไว้ให้แก่ประเทศไทย พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทละครพูดเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ทรงแปลหรือแปลงมาจากภาษาต่างประเทศและทรงคิดผูกโครงเรื่องขึ้นเอง บางครั้งทรงอำนวยการซ้อมและทรงร่วมแสดง บทละครพูดที่เป็นเรื่องพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงคิดโครงเรื่องเองเป็นบทละครพูดภาษาไทยเรื่องแรก คือ บทละครพูดเรื่องเห็นแก่ลูก เรื่องเห็นแก่ลูก เป็นบทละครพูดร้อยแก้ว มีความยาว 1 องก์ เนื้อเรื่องมีขนาดสั้น ปมเรื่องไม่ซับซ้อน บทละครพูดเป็นการสนทนาโต้ตอบของตัวละครที่เหมือนในชีวิตจริง มีวิธีบอกให้รู้ว่าตัวละครที่เหมือนในชีวิตจริง มีวิธีบอกให้รู้ว่าตัวละครบทละครพูดนี้นอกจากใช้แสดงแล้ว ยังใช้อ่านได้อีกด้วยวนกลับมาอีกปี 14 กุมภาฯ วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักแสนสุขของใครหลายคน และอาจเป็นวันแห่งความเศร้าแสนทุกข์ของใครอีกหลายคนเช่นกัน เพราะฉะนั้นในคลิปนี้ เราจะมาเรียนรู้ประสบพบเจอประสบการณ์ความรัก ที่ผมจะมาแนะนำใน 20 หนังรัก มีทั้ง 10 หนังสุข 10 หนังเศร้า เคล้าอารมณ์ในวันวาเลนไทน์ ที่ถ้าไม่อินเลิฟหวานจนเลี่ยน ก็ต้องเศร้านอนจมกองน้ำตากันไปข้างล่ะนะ
10 หนังสุข หนังแฮปปี้1. หนัง ภาพยนตร์ Pretty Woman ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533) - ผู้หญิงบานฉ่ำที่มาภาพ: imdb.com นี่คือหนังแจ้งเกิด ผู้หญิงบานฉ่ำ Julia Roberts ผลงานการกำกับของ Gary Marshall ที่เธอได้ร่วมแสดงกับ Richard Gere ซึ่งในเรื่องนี้ส่งให้เธอได้เข้าชิงรางวัลออสการ์เลยทีเดียว หนังฟีลกู๊ด ดูเพลิน ๆ บอกเล่าเรื่องราวของมหาเศรษฐีนักธุรกิจสุดหล่อ Edward Lewis ที่ได้ว่าจ้างสาวบริการ Vivian ด้วยเงินก้อนโต ให้ใช้เวลาอยู่กับเขาตลอดสัปดาห์ และจากการใช้เวลาร่วมกัน ก่อกำเนิดเป็นความสุข ความสัมพันธ์ และกลายเป็นความรัก ในเรื่องนี้นอกจากความโคตรหล่อของ Richard Gere ทางด้าน Julia Roberts ตีบทแตกกระเจิง เล่นได้น่ารักและสวยจริงๆ หนังเรื่องนี้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 4 สาขา และคว้าได้ 1 สาขา จากการแสดงของ Julia Roberts นี่แหละ 2. หนัง ภาพยนตร์ Notting Hill ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) - รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ที่มาภาพ: imdb.com ผลงานการเขียนบทของ Richard Curtis กำกับโดย Roger Michell แสดงนำโดย Hugh Grant และ Julia Roberts กับหนังรอมคอมระดับตำนานติดแทบจะทุกลิสต์ที่มาการจัด การันตีความยอดเยี่ยมด้วยการเข้าชิงลูกโลกทองคำ 3 สาขา เรื่องราวของชายเจ้าของร้านหนังสือที่ได้บังเอิญพบกับซุปตาร์ฮอลลีวูด และตกหลุมรักกัน แต่นอนนอนว่ามันคือเรื่องราวของดอกฟ้ากับหมาวัด ที่มักมีอุปสรรคเสมอ ทั้งคู่ต้องปรับตัวให้กันและกัน เพื่อพิสูจน์ความรักที่มี 3. หนัง ภาพยนตร์ Four Wedding and a Funeral ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) - ไปงานแต่งงาน 4 ครั้ง หัวใจนั่งเฉยไม่ได้แล้วที่มาภาพ: imdb.com คราวนี้เป็นหนังแจ้งเกิดของ Hugh Grant จากการเขียนบทของ Richard Curtis ที่ภายหลังทั้งคู่ได้กลายมาเป็นคู่บุญร่วมงานกันเรื่อยมา ผลงานการกำกับของ Mike Newell ร่วมแสดงโดย Andie MacDowell เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ได้พบหญิงสาวด้วยความบังเอิญในหลายงานแต่งที่เขาไป จนทั้งคู่เริ่มสนอกสนใจกัน และความรักเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ นี่เป็นหนังพล็อตธรรมดาที่ไม่ธรรมดา บทพูดที่ดูธรรมดาแต่จริง ๆ แล้วกลับแฝงแง่คิดไว้มากมาย หนังรักโรแมนติก คอเมดี้ น่ารัก มีเสน่ห์ แจ้งเกิดให้ Hugh Grant จริงๆ เพราะเขาชนะการออดิชั่นกว่า 70 คน เข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 สาขา คว้า 1 ลูกโลกทองคำจากการเข้าชิงทั้งหมด 4 สาขา 4. หนัง ภาพยนตร์ Love Actually ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) - ทุกหัวใจมีรักที่มาภาพ: imdb.com หนังรักประจำเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะช่วงคริสมาสต์ เข้าชิง 2 รางวัลลูกโลกทองคำ กับผลงานของ Richard Curtis ร่วมแสดงโดยนักแสดงมากหน้าหลายตาทั้งคู่บุญอย่าง Hugh Grant, Colin Firth, Liam Neeson, Emma Thompson, Martin Freeman, Andrew Lincoln, Keira Knightley และอีกมากมาย นี่เป็นหนังรักที่ถ่ายทอดมุมมองความรักในหลากหลายมุมมอง ผ่านหลากหลายตัวละคร ทั้งผู้ใหญ่ วัยรุ่น เด็ก และอีกมากมาย ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะนิยามแบบไหน รักเมื่อเกิดขึ้นแล้วมันสวยงามเสมอ และ Love Actually is...Love นั่นแหละ 5. หนัง ภาพยนตร์ 50 First Dates ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) - 50 เดท จีบเธอไม่เคยจำที่มาภาพ: imdb.com หลายคนคงจะคุ้นเคยกับหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี นี่คือผลงานของ Peter Segal แสดงนำโดยดาวตลก Adam Sandler ประกบคู่กับ Drew Barrymore ที่ทางญี่ปุ่นได้หยิบนำไปรีเมกใหม่ในชื่อ 50 First Kisses เรื่องราวของชายที่ตกหลุมรักผู้หญิงแสนน่ารักคนหนึ่ง เรื่องราวมันก็เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีกับการจีบเธอ แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะฝ่ายหญิงมีความทรงจำอยู่ได้เพียง 1 วันเท่านั้น พอเช้าวันรุ่งขึ้นความทรงจำเธอก็ถูก Reset ใหม่ทั้งหมด ทำให้ฝ่ายชายต้องจีบและเอาชนะใจเธอใหม่ทุกวัน หากใครได้ดูหนังของ Adam Sandler บ่อย เรื่องนี้เขาก็ยังคงเป็น Sandler อย่างที่เรารู้จัก แถมพอแสดงกับ Drew Barrymore กลายเป็นความลงตัวแบบน่ารัก พลอตก็เยี่ยม ใครดูต้องอมยิ้มได้ตลอดทั้งเรื่องแน่นอน 6. หนัง ภาพยนตร์ The Proposal ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) - ลุ้นรักวิวาห์ฟ้าแลบที่มาภาพ: imdb.com ผลงานการกำกับโดย Anne Fletcher นำแสดงโดย Sandra Bullock และนักแสดงสุดเกรียน Ryan Reynolds นี่เป็นหนังที่น่ารักมากจริง ๆ เต็มไปด้วยฉากฮา ๆ ดูซ้ำกี่รอบก็ยังสนุก การแสดงของ Sandra Bullock ส่งให้เธอได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำด้วย 7. หนัง ภาพยนตร์ Friends with Benefits ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) - เพื่อนกันมันส์กระจายที่มาภาพ: imdb.com นี่คือหนังรักสุข ๆ ที่เราชอบมากที่สุดแล้ว กับผลงานการกำกับของ Will Gluck นำแสดงโดย Justin Timberlake และ Mila Kunis กับเรื่องราวของชายหนุ่มและหญิงสาวที่เพิ่งเลิกกับแฟน ทั้งคู่ได้โคจรมาเจอกันด้วยเรื่องงาน จนนานวันเข้าก่อเป็นความสัมพันธ์ที่เรียกกันว่า Friends with Benefits มีอะไรกันแต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นห่วงเป็นใยกัน คุยกันสนุกสนานกันแต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน และแน่นอนถ้าใครรู้สึกไปมากกว่าก็เจ็บกว่า และจะเป็นยังไงถ้าทั้งคู่รู้สึกเหมือนกัน นี่แหละหนังเรื่องนี้ ซึ่ง Benefits ที่ทั้งสองคนได้ ก็คือความรักเนี่ยแหละ นี่เป็นหนังที่ครบรสมาก ตลก สนุก หวาน ซึ้ง ดราม่าหน่อย ๆ กำลังดี หลัก ๆ เลยด้วยเพราะเคมีของสองพระ-นาง Justin Timberlake กับ Mila Kunis ทำให้มีรสชาติมาก ๆ แถมยังมีการกัดจิกหนังรอมคอมได้อย่างน่ารักและตลกจริง ๆ หวานกำลังดี ดูแล้วแฮปปี้จริง ๆ 8. หนัง ภาพยนตร์ Crazy Stupid Love ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) - โง่ ... เซ่อ ... บ้า ... เพราะว่าความรักที่มาภาพ: imdb.com มีคนเคยกล่าวไว้ว่า “ในความรัก มักมีความบ้า” ในเรื่องนี้ก็เป็นงั้นจริง ๆ ผลงานการกำกับของ Glenn Ficarra และ John Requa แสดงนำโดยดารามากมาย ตั้งแต่ Steve Carell, Ryan Gosling, Emma Watson, Julianne Moore และอีกมากมาย หนังบอกเล่าความรักที่เกิดขึ้นในแต่ละตัวละคร ที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันแบบวุ่นวายสุดๆ ตั้งแต่ Cal สามีที่กำลังจะหย่ากับภรรยาเพราะเธอนอกใจไปมีอะไรกับชายที่ออฟฟิศ Cal ได้บังเอิญเจอ Playboy อย่าง Jacob และได้เรียนรู้พยายามจะจีบหญิง แต่ Jacob ก็ตกหลุมรัก Hannah อย่างหัวปักหัวปำ ส่วนลูกของ Cal ก็รักพี่เลี้ยง แต่พี่เลี้ยงก็ดันชอบ Cal อีก โอ้เอาเป็นว่าสนุก นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหนังที่เล่าความรักในหลายคนหลายเหตุการณ์ คล้ายอย่าง Love Actually แต่ไม่ได้ซึ้งแบบนั้น Crazy Stupid Love เลือกเล่าเรื่องราวความรักออกมาได้อารมณ์ดีสุดๆ ครบรสมาก ดราม่านิด ๆ ฮาหน่อยๆ ที่สำคัญไม่คิดว่า Ryan Gosling จะเล่นได้ฮาแบบนี้ ฮาแบบทุกฉากที่ออกมา ไม่ได้ฮาอย่างเดียวนะ เขาได้เข้าชิงลูกโลกทองคำด้วยนะเอ้อ 9. หนัง ภาพยนตร์ Departures/Then Came You ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) - จะรักใครอย่าให้หัวใจต้องดีเลย์ที่มาภาพ: imdb.com ผลงานของ Peter Hutchings แสดงนำโดย Asa Butterfield และสาวผู้ปราบ Knight King จาก Game of Thrones อย่าง Maisie Williams นี่คือเรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีอาชีพเป็นเด็กยกกระเป๋าที่สนามบินที่มีอาการวิตกจริตคิดว่าตัวเองเป็นมะเร็ง แต่จริง ๆ ไม่ได้เป็น จนเขาได้มาพบกับหญิงสาวที่เป็นมะเร็งจริง ๆ และใกล้ตาย จึงทำให้ฝ่ายชายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ ด้วยการร่วมกันทำ ลิสต์ก่อนตาย ที่ทั้งสองร่วมทำด้วยกัน ฟังจากตัวอย่างอาจจะเหมือนดราม่าน้ำตาตก แต่หนังโคตรอบอุ่น ยิ้มได้ทั้งเรื่อง มันไม่ได้ถ่ายทอดความหดหู่หรือทุกข์ทรมานกับการเป็นมะเร็ง แต่มันถ่ายทอดเรื่องการยอมรับมะเร็ง ที่ทั้งน่ารักและสดใส ยิ่งสมบูรณ์แบบด้วย 2 นักแสดงนำ โดยเฉพาะ Maisie Williams การแสดงของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์ น่ารักมากๆ คือไม่ใช่แค่พระเอกหรอกที่ตกหลุมรัก คนดูอย่างเราๆ ก็ตกหลุมรักเธอจากเรื่องนี้เหมือนกัน หลายคนอาจจะเดาชะตากรรมตัวเอกได้ แต่มันลงตัวและถือว่าเป็น Happy Ending จริง ๆ นะ 10. หนัง ภาพยนตร์ Destination Wedding ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) - ไปงานแต่งเขา แต่เรารักกันที่มาภาพ: imdb.com นี่คือผลงานจากการเขียนบทและกำกับโดย Victor Levin นำแสดงโดยสองคู่พระ-นางยุค 90s กับ Winona Ryder และ Keanu Reeves มันคือหนังม้ามืดแห่งปี เป็นหนังไม่โรแมนติกที่โรแมนติก แต่อาจไม่ถูกใจหลายคน เพราะทั้งเรื่องเราจะเห็นแค่พระ-นางคุยกันใส่ไฟแลปทั้งเรื่อง! หากใครนึกไม่ออกจะมีความคล้าย Before Trilogy อันนั้นจะหวาน ๆ อันนี้จะอีกแนวเลย นี่เป็นเรื่องราวความบังเอิญของ Frank และ Lindsay ที่ทั้งคู่ไปงานแต่งเดียวกัน และบังเอิญได้เจอกัน นั่งติดกันที่สนามบิน พักห้องใกล้กัน แถมทั้งสองคนยังเกี่ยวข้องกับเจ้าบ่าวด้วยกันทั้งคู่ และความบังเอิญเหล่านั้นจึงเกิดเป็นความบันเทิงที่ไม่โรแมนติกแต่โรแมนติกขึ้น จริง ๆ นะ 555 ไม่มีคำหวาน ไม่มีบทเลี่ยน ๆ ไม่มีอะไรเลย นอกจากการคุยกันของพระ-นาง แซว แขวะ จิก กัด ด่า เสียดสี พาดพิง เหมือนดูมนุษย์ป้ามนุษย์ลุงมาด่ากัน แต่ไอ้บทพูดเหล่านี้แหละทำให้หนังโรแมนติกซะงั้นแถมยังน่ารักอีกต่างหาก ต้องชมคู่พระนางเลยว่าโคตรธรรมชาติ อยากถามจริง ๆ “จำบทกันได้ยังไง” 10 หนังเศร้า หนังน้ำตาตก1. หนัง ภาพยนตร์ Titanic ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)ที่มาภาพ: imdb.com หนังรักระดับตำนาน ติดทุกลิสต์ของหนังรัก ฝีมือการกำกับและเขียนบทของ James Cameron นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio และ Kate Winslet สร้างมาจากเหตุการณ์จริงของเรือ Titanic โดยสารที่จมลงสู่ก้นของมหาสมุทรแอตแลนติก เรื่องราวความรักอมตะของ Jack Dawson กับ Rose Dewitt ที่ทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกันในขณะที่กำลังอยู่บนเรือ Titanic แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดเพราะเรือดันชนกับภูเขาน้ำแข็งทำให้เรือรั่วและกำลังจะจมในอีกเวลาไม่นาน ทั้งคู่จึงต้องหาทางเอาตัวรอด ก่อกำเนิดเป็นตำนานรักอมตะที่โลกไม่ลืม คงไม่ต้องสารธารยายความยอดเยี่ยมของเรื่องนี้ให้มากความ คว้ารางวัลออสการ์ 11 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 14 สาขา และคว้ารางวัลลูกโลกทองคำอีก 4 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 8 สาขา 2. หนัง ภาพยนตร์ Eternal Sunshine of the Spotless Mind ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) - ลบเธอ ... ไม่ให้ลืมที่มาภาพ: imdb.com หนังพล็อตล้ำ คว้ารางวัลออสการ์ 1 สาขา จากการเข้าชิง 2 สาขา และเข้าชิงลูกโลกทองคำอีก 4 สาขา ฝีมือการกำกับและร่วมเขียนบทของ Michael Gondry แสดงนำโดย Kate Winslet และ Jim Carrey ที่ลบภาพดาราตลกไปเลย หนังบอกเล่าเรื่องราวของ Joel คนหนึ่งที่ได้พบรักกับ Clementine จนได้เริ่มออกเดทกัน ก่อเป็นความสัมพันธ์ดีๆ แต่ในทุกความสัมพันธ์ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ทั้งคู่เริ่มมีปัญหากัน จน Clementine ตัดสินใจใช้บริการ “ลบความจำ” เรื่องราวของ Joel แต่ Joel กลับไม่รู้เลย เขาต้องเจ็บปวดกับการที่คนที่เขารักทำเหมือนไม่เคยรู้จักเขามาก่อน Joel จึงตัดสินใจใช้บริการ “ลบความทรงจำ” เพื่อลบเรื่องราวของ Clementine ออกไปบ้าง จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอีก แต่ในระหว่างขั้นตอนการลบความทรงจำนั้น Joel ก็เห็นเหตุการณ์ดี ๆ ที่มีร่วมกันเช่นกัน แต่ทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันใหม่อีกครั้ง เกิดเป็นลูปอันน่าเศร้าอย่างแน่นอนเพราะทั้งคู่ไม่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมา มันเริ่มจาก 0 ใหม่ เพราะการลบความทรงจำมันคือการลบบทเรียนเช่นกัน นี่เป็นหนังที่สอนเรื่องราวความรักได้ดีจริง ๆ เรื่องดี ๆ ควรเก็บไว้ ส่วนเรื่องน่าเศร้า ควรเก็บไว้เป็นบทเรียนเตือนใจตัวเอง 3. หนัง ภาพยนตร์ (500) Days of Summer ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) - ซัมเมอร์ของฉัน 500 วัน ไม่ลืมเธอที่มาภาพ: imdb.com นี่คือหนังเรื่องนึงที่หยิบมาดูในช่วงเวลาที่แตกต่างกันก็มีมุมมองที่ต่างออกไปในแต่ละครั้ง เข้าชิง 2 รางวัลลูกโลกทองคำ ผลงานการกำกับของ Marc Webb แสดงนำโดย Joseph Gordon-Levitt และ Zooey Deschanel … ความเจ๋งของหนังเรื่องนี้คือการเล่าแบบไม่ลำดับเวลา สลับไปสลับมา ที่เอาจริง ๆ ตัดสินไม่ได้ว่าใครผิด เข้าใจทั้งในมุมมองของ Summer และเข้าใจกับความทุกข์ระทมของ Tom เช่นกัน 4. หนัง ภาพยนตร์ Blue Valentine ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553)ที่มาภาพ: imdb.com น้อยนักที่จะมีหนังบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์หลังจากสมหวังตกลงปลงใจแต่งงานกัน และเรื่องนี้เลือกเล่าแบบนั้น เข้าชิง 1 ออสการ์และ 2 ลูกโลกทองคำ ผลงานการกำกับและร่วมเขียนบทของ Derek Cianfrance นำแสดงโดย Ryan Gosling และ Michelle Williams หนังบอกเล่าเรื่องราวความรักในสองช่วงเวลาให้เห็นทั้งสองด้าน ทั้งหลังชีวิตแต่งงานของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ไม่ได้หอมหวาน งดงาม และเล่าในช่วงก่อนแต่งที่เต็มไปด้วยความสุข ทั้งเรื่องเราจะได้เห็นการสลับเหตุการณ์ก่อนและหลังแต่งอยู่ตลอด คอนทราสกันอย่างชัดเจน นี่คือหนังที่สอนเราว่ารักมันไม่ได้มีด้านเดียว เกิดขึ้นอย่างงดงามและอาจจบลงด้วยความทุกข์ทม แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคู่ที่ต้องเจอเรื่องราวแบบนี้ และแน่นอนอีกเช่นกันหนังเรื่องนี้คือบทเรียนให้เราได้เรียนรู้ ซีนสุดท้ายเล่นเอาน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัวจริง ๆ 5. หนัง ภาพยนตร์ La La Land ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) - นครดาราที่มาภาพ: imdb.com ยอดหนังเรียกน้ำตาคว้ารางวัลออสการ์ 6 สาขา เข้าชิงทั้งหมด 14 สาขา และเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 7 สาขาซึ่งหนังเรื่องคว้าไปได้ทั้ง 7 สาขาเลยทีเดียว ผลงานจากการกำกับและเขียนบทโดย Damien Chazelle แสดงนำโดย Ryan Gosling และ Emma Stone เรื่องราวของหนุ่มนักดนตรีกับสาวผู้ฝันอยากเป็นนักแสดง ได้มาพบเจอกันรักกันและไล่ล่าความฝันกันในนครแห่งดารา Los Angeles แต่มันไม่ใช่เรื่องราวความรักที่หอมหวาน เพราะความจริงมันไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะบางครั้งการไขว่คว้าความฝันเราต้องสละอะไรบางอย่างไป...และนั่นอาจหมายถึงการสละดวงดาวอันล้ำค่าไป 6. หนัง ภาพยนตร์ Her ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) - รักดังฟังชัดที่มาภาพ: imdb.com หนังโคตรเศร้า เหงา เคว้ง ๆ ผลงานการกำกับและเขียนบทของ Spike Jonze นำแสดงโดย Joaquin Phoenix, Amy Adams และ Scarlett Johansson หนังบอกเล่าเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ เมื่อโลกเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการแทบทุกอย่างของมนุษย์ แม้กระทั่งความรัก Theodore เพิ่งหย่ากับภรรยาและกำลังอมทุกข์ ได้ซื้อระบบปฏิบัติการอัจฉริยะเพื่อมาช่วยชีวิตเขา Samantha จนมันก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างคนกับ OS ทั้งการถ่ายทำอันงดงาม และเนื้อเรื่องสุดละเมียดละไม มันช่างกร้าวใจเสียเหลือเกิน คว้ารางวัลออสการ์ 1 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 5 สาขา และคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ 1 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 3 สาขา 7. หนัง ภาพยนตร์ Brokeback Mountain ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) - หุบเขาเร้นรักที่มาภาพ: imdb.com ผลงานจากยอดผู้กำกับ Ang Lee ผ่านยอดนักแสดงอย่าง Jake Gyllenhaal และ Heath Ledger ผู้ล่วงลับ นี่คือหนังที่ส่งให้ทั้งคู่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิต และหนังเรื่องนี้คว้ารางวัลออสการ์ 3 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 8 สาขา และยังคว้าลูกโลกทองคำอีก 4 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 7 สาขา หลายคนคงเคยได้เกียรติศัพท์ร่ำรือถึงเรื่องราวความยอดเยี่ยมกับรักของ 2 ชายบนหุบเขา Brokeback กันมาบ้างแล้ว หนังบอกเล่าเรื่องราวของชาย 2 คนที่ได้ขึ้นไปทำงานบนเขา Brokeback และช่วงเวลาที่พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันมันก็ก่อกำเนิดเป็นความสัมพันธ์ ความผูกพัน และความรักขึ้นมา มันคือรักต้องห้าม ที่สังคมไม่ยอมรับ ถึงแม้ทั้งคู่จะต้องกลับไปใช้ชีวิต มีครอบครัวเป็นของตัวเอง แต่ความรู้สึก ห้วงเวลาอันงดงาม ความรักของทั้งคู่ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำบนหุบเขา Brokeback 8. หนัง ภาพยนตร์ Call Me By Your Name ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560)ที่มาภาพ: imdb.com หนังดราม่า โรแมนติก และ Coming of age ดัดแปลงเรื่องราวมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ André Aciman ผลงานการกำกับของ Luca Guadagnino แสดงนำโดย Armie Hammer และ Timothée Chalamet การันตีความยอดเยี่ยมด้วยการคว้ารางวัลออสการ์ 1 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 4 สาขา และเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 3 สาขา บอกเล่าเรื่องราวความรักในฤดูร้อน ของ Elio ชายหนุ่มวัย 17 ปี ที่พ่อของเขาได้เชิญ Oliver ชายหนุ่มวัย 24 ให้มาช่วยงานทางด้านโบราณคดี จึงทำให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาร่วมกัน และเกิดเป็นความสัมพันธ์ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย หนังยอดเยี่ยมจริงๆ การแสดงของทั้ง Armie Hammer และ Timothée Chalamet ดีมาก มากแบบไร้ที่ติ ดูจริงในทุกห้วงอารมณ์ราวกับไม่ได้แสดง Elio ซีนหลัง ๆ บีบหัวใจเหลือเกิน 9. หนัง ภาพยนตร์ Tomorrow I Will Date With Yesterday’s You ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) - พรุ่งนี้ผมจะเดทกับเธอคนเมื่อวานที่มาภาพ: imdb.com ผลงานการกำกับของ Takahiro Miki ที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ Takafumi Nanatsuki แสดงนำโดย Sôta Fukushi และ Nana Komatsu นี่เป็นหนังดราม่าโรแมนติกที่มีความแฟนตาซี บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายคนหนึ่งได้พบรักกับหญิงสาวและได้มาเป็นแฟนกัน แต่พอเวลาผ่านไป ฝ่ายชายก็พบความจริงว่า ฝ่ายหญิงมาจากโลกคู่ขนานที่พวกเขาจะเจอกันทุก ๆ 5 ปี ครั้งละ 1 เดือนเท่านั้น และเวลาของทั้งคู่จะสวนทางกัน การเจอกันครั้งแรกของฝ่ายชายที่เจอฝ่ายหญิง นั่นหมายถึงการเจอกันครั้งสุดท้ายของเธอ ตอนแรกเหมือนหนังรักธรรมดาทั่วไป พอเรื่องราวถูกเปิดเผยน้ำตาเริ่มมา...และยิ่งสลับไปเล่าผ่านมุมมองผู้หญิงแล้วยิ่งขยี้เข้าไปใหญ่ พอลองคิดย้อนนึกตาม ซีนเจอกันครั้งแรกของฝ่ายชายบอกว่า พรุ่งนี้เจอกันนะ โคตรเจ็บปวด.... 10. หนัง ภาพยนตร์ 5 Centimeters Per Second ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) - ยามซากุระร่วงโรยที่มาภาพ: imdb.com นี่คือหนังอนิเมชันเรื่องเดียวในลิสต์นี้ ผลงานการกำกับและเขียนบทของ Makoto Shinkai เรื่องราวน่าเศร้า ชวนน่าอึดอัดใจและค้างคาใจสุด ๆ บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่เด็กของหนุ่มน้อย ทากะกิ ที่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับ อะกะริ ทั้งคู่ได้สัญญาว่าจะดูซากุระด้วยกันตลอดไป แต่เมื่อเติบโตขึ้นทั้งคู่ก็ได้อยู่ห่างกันไกลออกไป ถึงแม้จะมาเจอกันแต่ก็ค้างคากันด้วยจดหมายที่ไม่ได้มอบให้กัน ยิ่งตอนจบ...เล่นเอาคนดูอย่างเราโหวงเลยทีเดียว อ๋อ...เพลงประกอบเรื่องนี้เพราะจริง ๆ ถึงแม้จะครบ 20 เรื่องแล้ว แต่อยากจะแถมไตรภาค Before Trilogy ชอบทั้ง 3 ภาคเลย แต่ละภาคออกฉายห่างกัน 9 ปีตามระยะเวลาที่เกิดขึ้นในหนังเลยทีเดียว ว่ากันว่าถ้าเราดูหนังเรื่องนี้ทิ้งห่างแต่ละภาค 9 ปีตามที่หนังฉายจะอินที่สุดด้วย เพราะห้วงเวลาในหนังจะทำงานกับเราสุด ๆ ทั้ง 3 ภาคเป็นผลงานการเขียนบทและกำกับของ Richard Linklater แสดงนำโดย Ethan Hawke และ Julie Delpy 11. หนัง ภาพยนตร์ Before Sunrise ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538)ที่มาภาพ: imdb.com บอกเล่าถึงการพบเจอกันของ Jesse และ Céline ทั้งคู่พบกันด้วยความบังเอิญบนรถไฟไปเวียนนา ทั้งคู่คุยกันอย่างถูกคอมากทำให้ทั้งคู่ได้ลงที่เวียนนาร่วมกัน แต่ทั้งสองมีเวลาร่วมกันแค่ 1 คืนก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไปและสัญญาว่าจะมาพบกันในเวลา 6 เดือนอีกครั้ง 12. หนัง ภาพยนตร์ Before Sunset ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)ที่มาภาพ: imdb.com ถึงแม้ในภาคแรกจะจากกันและผิดสัญญากันแต่ในภาคนี้ทั้งคู่ก็ได้กลับมาเจอกันโดยใช้เวลา 9 ปี เมื่อ Jesse เดินทางมาโปรโมทหนังสือที่ปารีส และได้พบเจอกับ Céline ทำให้ Jesse ตัดสินใจจะใช้ช่วงเวลาที่เหลือก่อนกลับบ้านเกิดเพื่อตกหลุมรักเธออีกครั้ง คราวนี้พวกเขามีเวลา 1 วันก่อนพระอาทิตย์ตก 13. หนัง ภาพยนตร์ Before Midnight ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)ที่มาภาพ: imdb.com นี่คือบทสรุปเรื่องราวความสัมพันธ์ของ Jesse และ Céline หากใน Surise คือแสงทองของวันใหม่เปี่ยมไปด้วยความหวัง Suset คือช่วงเวลาอันงดงามของความหวังที่สำฤทธิผลสว่างไสวสุด ๆ Midnight คือความจริงอันมืดมิด ในภาคนี้ยังคงดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาเช่นเดิม ทั้งคู่โตขึ้นมากและมีลูกด้วยกัน แต่มันก็ตามมาด้วยปัญหาอีกมากมายจนนำไปสู่การทะเลาะกันขั้นรุนแรง จริง ๆ หนังเลือกที่จะจบด้วยฉากในห้องก็ได้ แต่มันจะเป็นการใจร้ายกับคนดูเกินไป หนังยังใจดีนะที่ให้จบแบบนี้... ทั้ง 3 ภาคมีจุดเด่นอยู่ที่เคมีที่เข้ากันของสองพระนาง Ethan Hawke และ Julie Delpy มันคือหนังที่ดำเนินเรื่องและเต็มไปด้วยบทสนทนาของ 2 ตัวละคร ที่ดูเรียลและธรรมชาติสุด ๆ กับบทสนทนาที่โตขึ้นตามตัวละคร ผ่านบรรยากาศที่กรุงเวียนนา ปารีส และกรีซ หนังทำให้เราตกหลุมรักตัวละครทั้งสองไปอย่างไม่รู้ตัว และมันยังทำให้เราเติบโตไปพร้อม ๆ พวกเขาด้วย แต่ละคนก็คงจะเคยประสบพบเจอมีประสบการณ์ความรักที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงชีวิต สุขบ้าง เศร้าบ้าง เหงาบ้าง อิ่มเอมใจบ้าง แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามในทุกความรักเราคงได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง และผมเชื่อว่าการดูหนังรักเรื่องเดิม แต่ช่วงเวลาแตกต่างกัน มันอาจจะทำให้ความคิด การอินและมุมมองต่อหนังเรื่องนั้น ๆ เปลี่ยนไปก็เป็นได้ แต่สิ่งที่ยังแน่นอนคือเราได้เรียนรู้ พร้อมได้รับประสบการณ์ในแง่มุมของความรักอยู่เช่นเดิม นี่แหละความอัศจรรย์ของหนังรัก บทละครพูดเรื่องเห็นแก่ลูกมีที่มาจากอะไรที่มาของเรื่อง
เรื่อง เห็นแก่ลูก เป็นบทละครพูดร้อยแก้ว มีความยาว ๑ องก์ เนื้อเรื่องมีขนาดสั้น ปมเรื่องไม่ซับซ้อน บทละครพูดเป็นการสนทนาโต้ตอบของตัวละครที่เหมือนในชีวิตจริง “บทละครพูด” มีที่มาจากประเทศทางตะวันตก และเริ่มแพร่หลายในประเทศไทยในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เรื่องเห็นแก่ลูกเป็นบทละครประเภทใดเห็นแก่ลูก เป็นบทละครพูดพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้ พระนามแฝงว่า “พระขรรค์เพชร” เป็นบทละครพูดขนาดสั้นเพียงหนึ่งองก์ สันนิษฐานว่าเป็นบทละครพูดภาษาไทยเรื่องแรกที่ทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เอง
ฉากในบทละครพูดเรื่อง เห็นแก่ลูก เกิดขึ้นที่ใดท่าน้ำบ้านของพระยาภักดีนฤนาถ ห้องนั่งเล่นบ้านของพระยาภักดีนฤนาถ ห้องหนังสือบ้านของพระยาภักดีนฤนาถ <p>ใต้ต้นไม้ในสวนบ้านของพระยาภักดีนฤนาถ</p>
บทละครพูดเรื่องเห็นแก่ลูกมีจุดเด่นด้านใดบทละครพูดเรื่องเห็นแก่ลูกมีจุดเด่นด้านใด ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ให้ข้อคิดคติธรรมในการดำรงชีวิต ให้ความรู้ในการประกอบอาชีพสุจริต
|