ไป ต่างจังหวัด กับแฟน แยกห้อง

อ่าน 34,520

ไป ต่างจังหวัด กับแฟน แยกห้อง

คบกันมาสักพัก ความสัมพันธ์กำลังไปได้ดี เริ่มอยากจะพัฒนาไปอีกขั้น เดินห้าง กินข้าว ดูหนังกันจนเบื่อแล้ว อยากลองไปเที่ยวที่ไกลๆ ไปสวีทกันสองต่อสองดูบ้าง แต่ติดอยู่ที่ว่าถ้าไปไกลก็ต้องค้างคืน และหญิงไทยใจงามอย่างเราก็ต้องรักนวลสงวนตัว ยังไม่อยากเสียตัวตอนนี้ ควรจะทำอย่างไรดี วันนี้ GangBeauty จะมาบอก 6 วิธีค้างคืนกับผู้ชายยังไง ไม่ให้เสียตัว ถ้าอยากรู้เเล้วไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

1. พูดตรงๆ


ไป ต่างจังหวัด กับแฟน แยกห้อง

pixabay.com

สาวๆหลายคนมักจะไม่กล้าพูดตรงๆ กลัวปฏิเสธไปแล้วผู้ชายจะไม่รัก แต่อย่าลืมว่าเซ็กซ์แลกรักไม่ได้ ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาเเล้วเขาไม่พร้อมรับผิดชอบจะเเย่กว่า ฉะนั้นพูดปฏิเสธไปเลยตรงๆ ถ้าเขารักคุณจริงๆต้องรอได้ค่ะ

2. สติเตลิดจะเกิดปัญหา

ระวังอย่าให้ของมึนเมาเข้าปาก หรืออาจจิบได้นิดหน่อยพอเป็นพิธี แต่ห้ามเมาจนขาดสติ เพราะอาจเกิดเรื่องที่คุณก็รู้ว่าเรื่องอะไรขึ้นได้

3. มิดชิดไว้ก่อน


ไป ต่างจังหวัด กับแฟน แยกห้อง

pixabay.com

ชุดเปิดนั่นนิด โชว์นี่หน่อย ไม่จำเป็นไม่ต้องหยิบติดกระเป๋ามาดีกว่าค่ะ ปากบอกไม่อยากๆ แต่เเต่งตัวอ่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่าอยากแต่เเอ๊บ

4. คำว่าแค่กอดไม่มีอยู่จริง

ไป ต่างจังหวัด กับแฟน แยกห้อง

pixabay.com

ผู้หญิงผู้ชายค้างคืนด้วยกันสองคน ก็เหมือนตะเกียงใกล้ไฟ พร้อมจุดติดได้ทุกเมื่อ ดังนั้น อะไรที่เพิ่มความเสี่ยงอย่าทำ อย่าถูกเนื้อต้องตัวกัน เว้นระยะห่างไว้บ้าง และถ้าเขาบอกว่าขอกอด แค่กอดไม่ทำอะไร อย่าไปเชื่อ เพราะแทบทุกครั้งหลังจากกอด มักจะมีอย่างอื่นตามมาเสมอ

5. คนเดียวหัวหาย ต้องพกเพื่อนไปด้วย

ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนใจสั่นใจบาง มีอารมณ์คล้อยตามง่ายๆ คนเดียวไม่น่ารอด ก็พกเพื่อนสนิทติดตัวไปเป็นไม้กันหมาด้วยเลยก็ดีค่ะ

6. แยกห้องเถอะค่ะ


ไป ต่างจังหวัด กับแฟน แยกห้อง

pixabay.com

เพิ่มงบอีกหน่อย แยกห้องกันนอนดีกว่าค่ะ สบายตัว สบายใจ ได้เที่ยวสุดสวีทด้วยกันอย่างที่ต้องการ และไม่ต้องเสียตัวอย่างที่กลัว

อะไรที่ได้มาง่ายๆ ก็ทิ้งง่ายๆได้เหมือนกัน ถ้าอยากให้ผู้ชายเห็นคุณค่า ต้องประเมินคุณค่าของตัวเองด้วย หวงเนื้อหวงตัวบ้างนะคะ

เราเห็นคู่รักในหนังหลายคู่ที่ แยกกันนอน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาณว่าคู่นี้เขาไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ไม่ได้รักกันเท่าไหร่ด้วยซ้ำ ทั้งที่ในชีวิตจริง คู่ที่เล่าว่าแยกกันนอนน่ะส่วนใหญ่รักกันดี แต่มีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้นอนบนเตียงเดียวกันแล้วหลับไม่สบายเท่าตอนแยกกัน

แยกกันนอน น่ะจริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้หมายถึงแยกห้องนอนไปเลยก็ได้ บางคู่ก็แค่แยกเตียงนอนและเป็นเตียงที่ติดกันด้วยนะ เพื่อที่เวลาคนหนึ่งขยับตัวอีกคนจะได้ไม่รู้สึก แต่ก็มีอีกหลายคู่ที่ไปเลเวลกว่านั้นอีกมากมาย

เหตุผลที่คู่รักบางคู่ แยกกันนอน ก็เพราะ…

นอนคนละเวลา

ก็เป็นเหตุสังเกตได้ บางคู่ไม่ได้แยกกันนอนทุกคืนนะ แต่ด้วยเวลางานที่อาจจะไม่ตรงกัน อย่างเช่นสามีเข้างานดึกหรือเป็นฟรีแลนซ์ทำงานไม่เป็นเวลา ภรรยาเข้างานเช้าหรือต้องเลี้ยงลูก กว่าคนหนึ่งจะตุ๊บบนเตียงอีกคนกำลังหลับสบาย ถ้าไม่เข้านอนพร้อมกันแยกห้องไปเลยดีกว่า แล้ววันไหนว่างก็กลับมาจอยกันเป็นครั้งคราว แต่ยังรักกันดีนะ

นอนคนเดียวคือความสงบที่แท้

พฤติกรรมการนอนของฝาแฝดหรือพี่น้องคลานตามกันมายังไม่เหมือนกันเลย นับประสาอะไรกับคนที่มาจากคนละบ้าน คำว่า ‘เจอกันตรงกลาง’ ไม่มีบนเตียงหรอก ถ้าฝ่ายหนึ่งหลับยาก แล้วอีกฝ่ายกรนหนักมากนี่เรื่องใหญ่มากเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นการนอนดิ้นไปดิ้นมา ต้องนอนเปิดไฟ โอเคกับอุณหภูมิที่ต่างกันมากๆ เป็นเหตุผลที่มันจะค่อยๆ ฝังลึกลงไปในใจถ้าไม่หยิบยกมันขึ้นมาพูดกันตรงๆ และแก้ปัญหาร่วมกันในทันที หลายคู่แก้มาหลายวิธีแล้วต้องจบลงตรงที่ รักเธอเหมือนเดิมนะ แต่ขอแยกห้องได้ไหม พอลองแล้วพบว่าเออ ก็ไม่แย่นะ และไม่ตีกันแล้ว

ลูกติดแม่

จริงๆ แล้วข้อนี้หลายคู่จะเลือกนอนด้วยกันหมดเลยพ่อแม่ลูกมากกว่า แต่ก็มีบางบ้านที่ลูกแยกห้องนอนไปแล้ว พ่อหรือแม่มักจะพาเข้านอนแล้วผลอยหลับไปพร้อมกับลูกเลย อีกฝ่ายเห็นหลับสบายก็ไม่อยากปลุก(ส่วนใหญ่เห็นในละคร #lol) เหตุผลข้อนี้อาจจะไม่ถึงกับเป็นการตกลงกันได้ระหว่างคู่รัก แต่เป็นภาวะที่เป็นไปเองตอนที่มีลูกมากกว่า 

แล้ว แยกกันนอน มันจะไปดีกว่านอนด้วยกันได้ยังไง???

คู่รักข้ามใหม่ปลามันบางคู่อาจจะรู้สึกใจจะขาดทันทีที่นึกถึงว่า “นี่เราจะไม่ได้นอนเคียงข้างกัน อย่างนั้นจริงๆ หรอ ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ ฉันกับเธอจะนอนกอดกันไปจนวันตาย” ขอให้ลองดูก่อน เพราะจริงๆ มันอาจจะแฮปปี้มากๆ เราแมตช์กันมากๆ แม้แต่พฤติกรรมการนอน กอดกันใต้ผ้าห่มอุ่นทุกคืน แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นกับทุกคู่หรอก อย่างที่เรายกตัวอย่างมาแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองปีที่ผ่านมา คู่ที่ work from home ทั้งคู่นะ ตื่นมาแล้วเจอแต่หน้าเธอยันหลับ แทบไม่มีเวลา ‘ส่วนตัว’ เลยนอกจากตอนอยู่ในห้องน้ำ(ซึ่งมันก็ไม่ได้นานและปลอดโปร่งแต่อย่างใด) พวกเขาตีกัน แต่ยังต้องเห็นหน้ากันและรู้สึกเคยชินจนไฟรับมันค่อยๆ มอดลงไป 

ถ้าไม่นึกถึงเซ็กส์ เวลาเราบอกว่านอน คือเรานอนลำพัง

อย่าเพิ่งเข้าใจว่าการ แยกกันนอน นั้นเป็นสัญญาณของความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป เพราะบางทีมันอาจเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่จะมาช่วยชีวิตความสัมพันธ์ให้มันกลับมามีจังหวะที่ดีอีกครั้งก็ได้ มันไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัวว่า นอนด้วยกันสิดี หรือแยกกันนอนสิดี เสมอไป ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับว่าทั้งเราและเขาต้องการอะไร และในบ้านมีห้องเหลือพอที่จะแยกกันนอนไหมต่างหาก 

คนเรานอนลำพังจริงๆ ปิดตาก็ไม่เห็นใคร เข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่มานั่งแชร์ความฝันกับคนที่อยู่ในเตียงเดียวกันได้เหมือนกับตอนตื่น เพราะฉะนั้นมันฟังดูจะเฮลธ์ตี้ไม่ใช่เฉพาะกับความสัมพันธ์ แต่ต่อสุขภาพการนอนของคนๆ หนึ่งอย่างมากถ้าได้นอนในบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกสบาย 

ข้อดีของการ แยกเตียง แยกห้องนอน

พื้นที่ส่วนตัว 

‘เรา ทุกคน ต้องการ พื้นที่ ส่วนตัว’ ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ไม่ใช่แค่เขา แต่เราด้วย คนเราควรได้คุยกับตัวเองทบทวนอะไรบางอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจและตกตะกอนมันเพียงลำพัง 

จุดไฟรักให้ร้อนแรงมากขึ้น

ลองจินตนการการที่ไม่ได้เจอคนรักของเราเลย สองอาทิตย์ เราจะโหยหาเขาขนาดไหน(ในกรณีที่เรายังอินกันอยู่บ้างอ่ะนะ) การไม่ได้นอนด้วยกัน ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่นะ เอ๊ะ คิดถึงฉันไหมลองไปเคาะห้องดูดีกว่า ก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบ วันนี้ฉันจะเข้าห้องเธอ หรือเธอจะเข้าห้องฉันดี 

บางทีคนเราก็อยากเป็นตัวเองแบบสุดๆ บนเตียง ตอนจะนอนก็ไม่อยากจะสร้างภาพสวยๆ อะไรอีกแล้ว อยากจะตดดังๆ นอนกางขา หรือว่าแหมะเช้าจรดเย็นไม่อาบน้ำเลย อะไรแบบนี้บางทีมันทำให้ความโรแมนติกลดฮวบได้เหมือนกัน และไม่ได้หมายความว่าเขาจะรับเราไม่ได้นะ แต่มันทำให้ต่างคนต่างรู้สึกรับกันได้มากจนเกินไป ไม่โรแมนติกก็ได้แต่ฉันอุ่นใจกับเธอ อะไรอย่างนั้น 

จริงๆ ถ้าติดว่าไม่นอนด้วยกันไม่ได้ แต่ก็อยากมีเวลาเป็นของตัวเอง การมีห้องแยกของใครสักคนออกไปห้องหนึ่งเพื่อทำนั่นทำนี่ ทำงาน นอนแหมะ นอนแช่ ต่างๆ นานาที่อยากทำแล้วพอถึงเวลานอน ก็กลับมานอนข้างกันอย่างนั้นก็โอเคเหมือนกันนะ 

เป็นการบ้านแล้วล่ะที่คู่รักทุกคนจะต้องไปนั่งคุยกันให้ดีเลยว่า ทุกวันนี้แฮปปี้กับการนอนแล้วหรือยัง มีอะไรที่เราแก้ไขได้ไหม โดยที่ไม่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย ถ้าคำตอบคือโอเคเราจะนอนด้วยกันต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างแรกเลยไม่ต้องซื้อเตียงใหม่ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ปลอกผ้านวมไม่ต้องซ้ำเยอะ! แต่ถ้ารู้สึกว่าลองไหม แยกกันนอนสักหน่อย แล้วค่อยมาคุยกันอีกทีว่ายังแฮปปี้กับแบบไหน ค่อยตัดสินใจก็ได้

หลักใหญ่ใจความเลยคือทุกคนน่ะต้องการเวลาส่วนตัว และช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะทำมันโดยไม่กระทบเวลาอื่นๆ ก็คือตอนนอนนี่แหละ หลายคู่เลือกอย่างนั้น เพราะเวลาตื่นต้องทำทุกอย่างร่วมกันและไม่อยากจะเปลี่ยนมันไป

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand

1,015

cleorelationship แยกกันนอน