“อาหารฉายรังสี ตอนที่ 1: ฉายทำไม ฉายด้วยรังสีอะไร?” หลายท่านเมื่อได้ยินคำว่า “ฉายรังสี” ก็มักจะนึกไปถึงวิธีการรักษาโรคร้ายหรือนึกถึงเรื่องอันตรายจากการรั่วไหลปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะตั้งข้อสงสัยและกังวลกับการรับประทานอาหารฉายรังสี ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับคำว่า “อาหารฉายรังสี” กันก่อน อาหารฉายรังสี (Irradiated Food) คืออาหารที่ผ่านกรรมวิธีการฉายรังสีเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการฉายรังสี ซึ่งวัตถุประสงค์ในการนำอาหารไปฉายรังสีมีด้วยกัน 6 ข้อคือ 1. ยับยั้งการงอกระหว่างการเก็บรักษา ในพืชประเภท หอมแดง หอมหัวใหญ่ กระเทียม มันฝรั่ง ขิง เมื่อเกิดการงอกระหว่างการเก็บจะทำให้สูญเสียน้ำหนัก ฝ่อ
สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ กลิ่นและรสชาติเปลี่ยนไป การฉายรังสีด้วยปริมาณที่เหมาะสมและเก็บในที่เย็น จะช่วยชะลอการงอกได้ เช่น มันฝรั่ง ถ้าเกิดการงอกจะมีน้ำตาลรีดิวซ์ (reducing sugar) ทำให้เมื่อนำไปทำเป็นมันฝรั่งทอดจะไหม้เป็นจุดสีดำ หรือหอมหัวใหญ่ โดยปกติจะเก็บได้นาน 3 เดือนจะเริ่มงอก แต่เมื่อผ่านการฉายรังสีจะสามารถยับยั้งการงอกได้นาน 5-6 เดือนผลิตผลที่จะนำมาฉายรังสีต้องมีคุณภาพดี บรรจุในภาชนะที่โปร่งแสงและมีอายุหลังการเก็บเกี่ยวไม่เกิน 2 สัปดาห์ – 1 เดือน
รังสีเป็นพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำให้เซลล์เกิดการแตกตัวเป็นไอออนและอนุมูลอิสระ เมื่อฉายรังสีไปในอาหารแล้วเซลล์หรือส่วนประกอบของเซลล์จะถูกทำลายโดยตรงด้วยรังสี และเมื่อรังสีทะลุผ่านอาหารรังสีจะถ่ายเทพลังงานไปยังน้ำที่เป็นองค์ประกอบของอาหาร น้ำเกิดเป็นอนุมูลอิสระขึ้นมา แล้วไปทำปฏิกิริยากับเซลล์ของจุลินทรีย์ ทำให้จุลินทรีย์ตายรังสีที่นำมาใช้ฉายอาหารได้นั้นมี 3 ชนิดได้แก่ 1. รังสีแกมม่า จากเครื่องฉายรังสีที่มีโคบอลต์-60 หรือ ซีเซียม-137
รังสีแกมม่ามีความสามารถในการทะลุทะลวงผ่านอาหารได้ดี เหมาะกับอาหารขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากเป็นการปล่อยรังสีตลอดเวลาจึงเหมาะกับการฉายรังสีผลิตภัณฑ์จำนวนมาก ขอขอบคุณข้อมูลจาก ถ้าท่านมีไอเดีย มีความตั้งใจ อยากมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง หรือต้องการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิม เพิ่มยอดขายสร้างกำไรให้มากขึ้น แต่ติดปัญหาไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ท่านสามารถเริ่มได้ง่ายๆ แค่เพียงกรอกข้อมูลขอรับบริการ ที่นี่ |