งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

  • ข่าวสารผู้ถือหุ้น
  • รายงานประจำปี
  • งบการเงิน
  • ข้อบังคับ
  • วีดีโอการประชุม

รายงานประจำปี

ข้อมูลและรายละเอียดรายงานประจำปีของ บริษัท เสริมสุข จํากัด (มหาชน)

  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2564

    แบบ 56-1 One Report

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2563

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2562

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2561

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2560

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2559

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2558

    รายงานประจำปี 2558

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2557

    รายงานประจำปี 2557

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2556

    รายงานประจำปี 2556

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2555

    รายงานประจำปี 2555

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2554

    รายงานประจำปี 2554

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
  • งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

    รายงานประจำปี 2553

    รายงานประจำปี 2553

    DOWNLOAD
    งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในโลกตู้แรก
ตู้ไปรษณีย์เป็นสิ่งบริการแก่ประชานชนอย่างหนึ่ง สำหรับส่งข่าวสารไปมาระหว่างจังหวัดต่อจังหวัด หรือฝากส่งข้ามประเทศก็ได้ โดยมีกฎระเบียดต้องผนึกตราไปรษณียากรตามอัตราที่กำหนดไว้ก่อนที่จะเดินไปหยอดตู้ไปรษณีย์ หรือฝาก ณ ที่ทำการไปรษณีย์ที่ใกล้ที่สุด ต่อจากนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่จะนำไปรษณียภัณฑ์เหล่านั้นไปส่งยังผู้รับปลายทาง ด้วยเหตุนี้ ตู้ไปรษณีย์เปรียบเสมือนปัจจัยอย่างหนึ่งที่มนุษย์ต้องพึ่งพา และจะพบได้ตามขอบทางเท้าย่านชุมชนของถนนสายต่างๆ เรียงรายออกเป็นระยะๆ
แต่การสำรวจของสหภาพภาคไปรษณีย์สากลพบว่า ตู้ไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในเขตท้องที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ประเทศไทย
เบตง เป็นอำเภอใต้สุดของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศใต้ โดยทางรถยนต์ประมาณ ๑,๕๐๖ กิโลเมตร หรือห่างจากตัวจังหวัดยะลา ๑๔๐ กิโลเมตร ซึ่งในแต่ละปีจะมีชาวไทยและชาวมาเลเซียเดินทางผ่านแดนเข้าออกด้านเบตงเป็นจำนวนมาก
ในวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๑ กรุงสยามกับอังกฤษได้ลงนามในสนธิสัญญา โอนรัฐกลันตัน ไทรบุรี ตรังกานู และเปอร์ริส ให้แก่อังกฤษ รวมเนื้อที่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ตารางไมล์ และพลเมืองกว่า ๕๐๐,๐๐๐ คน ทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนสัตยาบันกัน ณ กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ โดยในสนธิสัญญาได้กำหนดให้มีการโอนดินแดนดังกล่าวให้เสร็จภายใน ๓๐ วัน นับหลังจากวันแลกเปลี่ยนสัตยาบัน
การเสียดินแดนแก่อังกฤษในครั้งนั้น ไทยยังต้องเสียดินแดนอีก ๔ ตำบล คือ ตำบลบาโลม ตำบลโกรแน ตำบลอิตำ และตำบลแซะ หรือโกร๊ะของอำเภอยะรมไปด้วย เนื่องจากการปักปันเขตแดนมณฑลไทรบุรีให้อังกฤษ ในสัญญาได้ถือเอาสันเขา หรือทางน้ำเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งสันเขาหรือทางน้ำที่อ้างไว้ในสัญญาก็ล้วนเป็นสิ่งที่มิสเตอร์เบอร์คลี่ พนักงานที่ดินของอังกฤษสำรวจไว้ล่วงหน้า โดยที่ไทยขาดความชำนาญในเรื่องการสำรวจและการทำแผนที่ รู้แต่เพียงต้นเชือกกับปลายเชือกเท่านั้น
ส่วนจะคดเคี้ยววกวนกินดินแดนไทยไปเท่าไรไม่รู้ เพราะระยะทางมันยาวนับร้อยนับพันกิโลเมตร ข้ามเขาลงห้วยผ่านไปในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งเจ้าพนักงานไทยยังไม่เคยสำรวจผ่านเส้นทางเส้นนี้เลย พอถึงเวลาจริงไทยเลยหมดโอกาสโต้แย้งหรือคัดค้านใดๆทั้งสิ้น
ผลจากการปักเขตแดน ซึ่งไทยต้องเสียพื้นที่ในอำเภอยะรมให้แก่อังกฤษไป ๔ ตำบล ดังที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น ทำให้พระพิชิตบัญชาการ นายอำเภอยะรมสมัยนั้นได้ย้ายสถานที่ตั้งอำเภอจากหมู่ที่ ๑ บ้านฮางุด ตำบลเบตง มาตั้งที่หมู่ที่ ๖ บ้านกำปงมัสยิด ในตำบลเดียวกัน
เนื่องจากท้องที่ยะรมอยู่ห่างความเจริญ การคมนาคมไม่สะดวก จึงได้เปลี่ยนชื่อจากอำเภอระยม มาเป็น“ที่ว่าราชการอำเภอเบตง” และมีฐานะเทียบเท่ากับจังหวัดหนึ่งของไทย (แต่ใช้อยู่จนถึง พ.ศ.๒๔๗๖ ก็ยกเลิก) โดยแบ่งเขตการปกครองใหม่เป็น ๔ ตำบล คือตำบลเบตง ตำบลยะรม ตำบลอัยเยอร์เวง และตำบลตาเนาะแมเราะ
หากเปรียบแผ่นดินภาคใต้เป็นอาวุธ เบตงก็ไม่ต่างกับใบหอกที่พุ่งปักเข้าไปในพื้นที่ของสหพันธรัฐมาเลเซีย เพราะถูกล้อมรอบด้วยเขตแดนของมาเลเซียถึง ๓ ด้าน คือ
ทิศเหนือ จรดพื้นที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา
ทิศตะวันออก จรดอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และ อำเภอกริ๊ก รัฐเประ สหพันธรัฐมาเลเซีย
ทิศใต้ จรดกิ่งอำเภอโกร๊ะ และอำเภอกริ๊ก รัฐเประ สหพันธรัฐมาเลเซีย
ทิศตะวันตก จรดกิ่งอำเภอบาลิ่ง รัฐเคดาห์ สหพันธรัฐมาเลเซีย
สมัยนั้น เหตุการณ์บ้านเมืองทั่วไปสงบเรียบร้อยดี แต่เค้าแห่งความวุ่นวายก็เริ่มก่อตัวอย่างเงียบๆอยู่หลายปี โดยนายโลวเซ็กงี่ อดียนายสิบตำรวจลับแห่งมลายู เข้ามาปักหลักทำมาหากินอยู่อำเภอเบตงก่อนปี พ.ศ.๒๔๗๐ ดูจากภายนอกนายโลวเซ็กงี่เหมือนคนเรียบร้อย รักความสงบ ไม่มีท่าที่จะกลายเป็นหัวหน้าโจรจีนที่ปล้นเบตงที่เกรียวกราวสุดๆในประวัติศาสตร์ไทย
วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๖ ในท้องที่เบตงเกิดมีโจรจีนกลุ่มหนึ่ง ภายใต้การนำของนายโลวเซ็กงี่บุกเข้าปล้นสถานที่ราชกาลต่างๆ แต่ก็ได้รับการขัดขวางจากเจ้าหน้าที่จากหน่วยราชการหลายฝ่าย ในที่สุดโจรจีนได้ล่าถอยจากไป
หนังสือ“อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พ.ต.ต.หลวงเจริญ ตำรวจการ ๙ ธันวาคม ๒๕๒๓” ได้มีข้อความเกี่ยวกับการปราบปรามโจรจีนภาคใต้ ดังต่อไปนี้
“...ครั้นเวลา ๑๓.๐๐ น. พวกโจรจีนประมาณ ๕๐๐ คน ได้แยกย้ายกันมาทิศทางต่างๆ มุ่งเข้ายึดสถานีตำรวจอำเภอเบตง พวกโจรจีนได้ประเดิมด้วยการระดมยิงเข้ามายังฝ่ายเราอย่างหูดับตับไหม้ทีเดียว ข้าพเจ้ารีบตัดสินใจสั่งการให้ตำรวจเข้ายึดเสาปูนโรงพักขนาด ๒๔ นิ้วเป็นที่กำบัง พร้อมกับสั่งให้ทำการยิงสกัดกั้นแบบถวายชีวิต คำว่า“ถอยหรือหลบหนี” ไม่ให้มีเป็นอันขาด ได้มีการยิงต่อสู้กันอยู่ถึงสองชั่วโมงเต็มโจรจีนที่บุกเข้าถึงบันไดโรงพัก ถูกยิงตายคาที่ถึง ๓ ศพ ต่อหน้าต่อตาของข้าพเจ้า ครั้นแล้วพวกโจรจีนก็ล่าถอยไปอย่างไม่เป็นขบวน ตำรวจฝ่ายเราทั้ง ๑๖ นาย ปลอดภัย เมื่อออกไปตรวจเหตุการณ์ข้างนอกโรงพัก ปรากฏว่าโจรจีนถูกยิงตายทั้งสิ้น รวม ๘๒ ศพ
สำหรับเรื่องนี้อำมาตย์ตรี พระทำนุประชากิจ ผู้ว่าราชการอำเภอเบตง ได้มีหนังสือไปยังอำมาตย์ตรี หลวงสถิตย์โทรกล ผู้จัดการไปรษณีย์โทรเสขภาคใต้สงขลา ดังมีข้อความต่อไปนี้
ที่ ๒/๕๕๖
วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๗๖
เรียนอำมาตย์ตรี หลวงสถิตย์โทรกล ผู้จัดการไปรษณีย์โทรเลข ภาคใต้ สงขลา
ตามหนังสือของท่านที่ ๑๖๐๗ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๗๖ เรื่องอนุญาตให้นายสงวน จิรจินดา นายไปรษณีย์ไปช่วยราชการอำเภอ ความแจ้งอยู่แล้วนั้น
บัดนี้ การงานทางอำเภอได้สิ้นสุดลงและได้อนุญาตให้ นายสงวน จิรจินดา กลับไปรับราชการตามหน้าที่ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคมศกนี้แล้ว โดยหนังสือฉบับนี้ข้าพเจ้าได้ทำบันทึกกิจการที่นายสงวน จิรจินดา ได้ปฏิบัติมาแล้ว
ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๔๗๖ ซึ่งเป็นวันที่โจรจีนยกเข้ามาปล้นสถานีตำรวจอย่างรุนแรงร้ายกาจนั้นขณะที่กองโจรด้านตะวันตกกำลังแตกถอย นายสงวน จิรจินดา ได้วิ่งมาสถานีตำรวจ จวนเจียนจะได้รับอัตรายจากกระสุนปืนของตำรวจเอง เมื่อมาถึงสถานี ผู้บังคับกองตำรวจได้จ่ายปืนให้ นายสงวน จิรจินดา ได้ลงไปยึดมั่นที่หน้าสถานี เพื่อต่อสู้กับโจรจีนที่รุกเข้ามาทางด้านตะวันออก ต่อมาข้าพเจ้าได้ร้องสั่งลงไปจากบนสถานี นายสงวน จิรจินดา นำตำรวจ ๓ นาย ไปยึดที่ทำการไปรษณีย์ เพื่อป้องกันรักษาและส่งโทรเลขแจ้งไปยังจังหวัดและกระทรวง
นายสงวน จิรจินดา ได้ยิงต่อสู้กับผู้ร้ายที่ยกเข้ามาที่ทำการไปรษณีย์เป็นเวลา ๓๐ นาที ในระหว่างต่อสู้ นายสงวน จิรจินดา ยังได้เขียนโทรเลขซึ่งต้องหยุดบ้างเขียนบ้างเป็นระยะส่งไปถึงเจ้าเมืองและเทศาฯ เพื่อแจ้งเหตุการณ์และขอกำลังตำรวจโดยถูกต้องอีกด้วย เมื่อเขียนโทรเลขเสร็จยังได้นำตำรวจ ๓ นายนั้นรุกเข้าไปถึงตลาด เพื่อรับตัวบุรุษไปรษณีย์ให้ไปที่ทำการไปรษณีย์และรับตัวเสมียนไปรษณีย์ให้ไปส่งโทรเลข ซึ่งในเวลานั้นยังมีสมัครพรรคพวกผู้ร้ายจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในโรงรถว่างห่างกันราว ๒ เส้นเท่านั้น กับยังได้ระวังป้องกันอยู่กับเจ้าหน้าที่โทรเลขจนเสร็จ
แลในเย็นวันนั้นเองนายสงวน จิรจินดา ได้ติดตามผู้บังคับกองตำรวจออกทำการตรวจค้นพวกผู้ร้ายในตลาด ได้ทำหน้าที่ตำรวจอยู่ยามเป็นต้นจนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๔๗๖
ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าได้ยืมตัวนายสงวน จิรจินดา มาช่วยราชการทางอำเภอ เพื่อเขียนโทรเลขโรมันไนส์และทำการติดต่อโต้ตอบกับทางต่างประเทศ เรียบเรียงและแปลภาษาต่างๆที่เกี่ยวกับปล้นรายนี้เป็นเวลา ๑ เดือนเต็ม
อนึ่ง ในตอนเช้าวันที่ ๒๘ ตุลาคม ก่อนที่จะเกิดการปล้นไม่กี่ชั่วโมง นายสงวน จิรจินดา ได้เป็นธุระบอกผู้บังคับกองตำรวจให้ทราบเรื่องราษฎรแตกตื่นจะเกิดการปล้น เพื่อให้ผู้บังคับกองมาหา หรือกับข้าพเจ้ากับยังได้ให้ความรู้ในเรื่องการผิดสังเกตของนายโลวเซ็กงี่ผู้ร้ายตัวการสำคัญ จนข้าพเจ้าสั่งให้จับตัวนายโลวเซ็กงี่หัวหน้าโจรรายนี้ เป็นการตัดทอนกำลังของพวกโจรจีนลงได้เป็นอันมาก
การกระทำของนายสงวน จิรจินดา ครั้งนี้นับว่าเป็นประโยชน์แก่ทางราชการทั้งฝ่ายกำลังและฝ่ายธุรการ สมควรได้รับความชอบเป็นบำเหน็จ จึงขอท่านได้โปรดเสนอเพื่อพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
โอกาสนี้ขอแสดงความนับถือมายังท่าน
อำมาตย์ตรี พระทำนุประชากิจ
ผู้ว่าราชการอำเภอเบตง
ประทับตราประจำตำแหน่งมาเป็นสำคัญ
ในเวลาต่อมานายสงวน จิรจินดา ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังสำเนาต่อไปนี้
ที่ ก.ท. ๑/๑๒
๒๖ เมษายน ๒๔๘๐
เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
จากอธิบดีไปรษณีย์โทรเลข
ถึง นายสงวน จิรจินดา
นายไปรษณีย์เบตง
ตามที่ท่านได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่านบ้านเมืองเข้าต่อสู้โจรจีนที่เบตง เพื่อป้องกันทรัพย์สมบัติของรัฐบาลและประชาชนเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖๗ นั้น คณะรัฐมนตรีได้ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เบญจมาภรณ์มงกุฎสยามให้ บัดนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแล้ว จึงขอส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎสยาม ๑ ดวง มาพร้อมกับหนังสือนี้
เมื่อการกระทำของท่านบังเกิดผลเป็นเกียรติยศทั้งแต่ตนเอง ตลอดถึงหมู่คณะเช่นนี้ ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นหัวหน้ากรมรู้สึกปลาบปลื้มยินดีปีติเป็นอย่างยิ่ง หวังว่าเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้จะเป็นเครื่องส่งเสริมให้ท่านประกอบแต่คุณความดี อันจะนำเกียรติยศและชื่อเสียงมาสู่ตนและหมู่คณะในกาลต่อไปยิ่งๆขึ้น
ในที่สุด ข้าพเจ้าขออำนวยพรให้ท่านจงมีความเจริญด้วยจตุรพิตร คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เทอญ
ขอแสดงความนับถือ
อริจกิจวิจารณ์
ผู้ช่วยอธิบดีฝ่ายการในประเทศ (ลงนามแทน)
ต่อมา นายสงวน จิรจินดา นายไปรษณีย์โทรเลขเบตง มีประสบการณ์จากเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า เวลาบ้านเมืองมีเหตุวุ่นวาย ไม่สามารถที่จะติดต่อกับหน่วยงานอื่นๆได้ ดังนั้นครบเกษียณอายุราชการ จึงได้ออกมาสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลและได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเบตงคนแรก และแลเห็นว่าท้องที่อำเภอเบตงอยู่ห่างไกลมาก ไม่สามารถติดต่อสื่อสารใดๆ ได้ นอกจากทางจดหมายเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอเบตง ในด้านการติดต่อสื่อสาร
และในอดีตเคยเป็นนายไปรษณีย์โทรเลข จึงได้สร้างตู้ไปรษณีย์ขึ้น โดยใช้คอนกรีตเสริมเหล็กรูปวงกลม ทรงกระบอก แยกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนฐานและส่วนตู้
ส่วนกลางที่เป็นฐาน วัดเส้นรอบวงได้ ๑๖๐ เซนติเมตร สูงจากพื้นดิน ๑๓๐ เซนติเมตร
ส่วนบนเป็นตัวตู้วัดเส้นรอบวงได้ ๑๔๐ เซนติเมตร ความสูงของตัวตู้วัดได้ ๒๙๐ เซนติเมตร ในขณะเดียวกันด้านบนของตู้ไปรษณีย์ได้บรรจุลำโพงไว้ข้างในและเจาะรูกลมๆไว้รอบๆ สำหรับกระจายเสียงในยามเช้า เพื่อรายงานข่างสารทางราชการเวลาชาวบ้านไปจ่ายตลาด โดยตั้งอยู่ตรงสี่แยกหอนาฬิกา ดังนั้น หากจะนับจากฐานขึ้นไปถึงส่วนสูงของตู้ไปรษณีย์ ทั้งหมดวัดได้ ๔๒๐ เซนติเมตร
ปัจจุบัน ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตู้แรกใบนี้ ยังสามารถใช้การได้อยู่
ข้อมูลจาก หนังสือที่ระลึกงานแสดงตราไปรษณียากรแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๔ พ.ศ. ๒๕๔๔ หน้าที่ ๖๙-๗๑

งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

ขอขอบคุณที่มา
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2881433248607947&id=100002239007684
________________________
#เพจภาพและเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ

งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563


งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563


งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563


ภาพและเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ

 

Nov 22, 2022 ต่างชาติฮุบแผ่นดิน!พาณิชย์ ตรวจนอมินีเข้มทั้งก่อนและหลังจัดตั้งนิติบุคคลปี '64-'65 พบนิติบุคคลที่เข้าข่ายอาจกระทำผิด 148 ราย จาก 3 ธุรกิจ ส่ง DSI สืบสวนสอบสวนเชิงลึก
.
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “การกระทำความผิดเกี่ยวกับการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) ส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีคนไทยยอมรับผลประโยชน์ หรือสมยอม หรือที่ปรึกษากฎหมายแนะนำให้หลีกเลี่ยงกฎหมาย นอมินีเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศในวงกว้าง หากไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้จะทำให้ไทยเสียโอกาสทางเศรษฐกิจและสูญเสียรายได้เป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กำหนดแนวทางการป้องปรามธุรกิจที่มีลักษณะนอมินี ทั้งก่อนและหลังการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล กล่าวคือ ก่อนจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล กำหนดให้ส่งเอกสารที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินของผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นคนไทยที่ลงทุนหรือถือหุ้นในนิติบุคคลร่วมกับคนต่างด้าว เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือว่าคนไทยที่ร่วมลงทุนมีฐานะทางการเงินที่สามารถลงทุนเองได้ และภายหลังจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะจัดทำข้อมูลนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยง และกำหนดเป็นแผนงานโครงการประจำปีเพื่อดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป ซึ่งบางกรณีอาจมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว ฯลฯ เป็นต้น
.
โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีการดำเนินการตรวจสอบคนไทยที่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) หรือ มีการสนับสนุนให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 การตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีการถือหุ้นแทนคนต่างด้าวนั้น ได้พิจารณาลักษณะพฤติกรรมและข้อบ่งชี้หลายด้าน เช่น ธุรกิจที่มีคนต่างด้าวลงทุนหรือถือหุ้นไม่ถึงร้อยละ 50 แต่ให้คนต่างด้าวเป็นผู้มีอำนาจกระทำการ หรือให้สิทธิการออกเสียงลงคะแนน การจ่ายเงินปันผล การแบ่งคืนทุนเมื่อเลิกกิจการแก่คนต่างด้าวมากกว่าคนไทย นอกจากนี้ แหล่งที่มาของเงินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจเป็นการกู้ยืมจากคนต่างด้าว หรือมีการกู้ยืมหรือให้กู้ยืมเงินแก่คนต่างด้าว โดยมีเงื่อนไขที่ผิดปกติในทางการค้าหรือทางธุรกิจการเงินทั่วไป เป็นต้น
.
ปี 2564 - 2565 กรมฯ ได้ตรวจสอบนิติบุคคลไทยที่มีคนต่างด้าวร่วมถือหุ้นที่อาจมีลักษณะนอมินี โดยมีเป้าหมาย 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
1) ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว
2) ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ การถือครองอสังหาริมทรัพย์
และ 3) ธุรกิจบริการ ผลการตรวจสอบพบนิติบุคคลที่อาจกระทำผิดในลักษณะนอมินี
.
ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 148 ราย (จ.ภูเก็ต 140 ราย จ.เชียงใหม่ 4 ราย จ.สุราษฎร์ธานี 3 ราย และกรุงเทพมหานคร 1 ราย) โดยตรวจพบกรณีบุคคลมีชื่อเป็นผู้ถือครองหุ้นในหลายบริษัท ซึ่งเมื่อประเมินความสามารถในการถือหุ้นหรือการลงทุนของผู้ถือหุ้นดังกล่าวแล้วเป็นที่น่าสงสัยว่าอาจมีการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว
.
ทั้งนี้ กรมฯ ได้นำส่งข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ทำการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึก ซึ่งขณะนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนการกระทำความผิดกลุ่มบุคคลดังกล่าว และอีกกลุ่มหนึ่งมีพฤติกรรมอันน่าสงสัยว่ามีคนไทยให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจกับคนต่างด้าว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมและสรุปผลก่อนส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตือนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย คนไทยที่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในลักษณะนอมินี รวมทั้ง กรรมการบริษัทก็ต้องรับผิดด้วย โดยมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 - 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก
งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
https://bit.ly/3TXIICz
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
.
#พาณิชย์ #กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #นอมินี #ท่องเที่ยว #ธุรกิจค้าที่ดิน #อสังหาริมทรัพย์ #ธุรกิจบริการ #ต่างชาติ #BTimes

 

Nov 22, 2022 ลงดาบขั้นเด็ดขาด! ก.ล.ต.ฟัน ‘บล. เอเชีย เวลท์' สั่งระงับบริการธุรกิจทุกประเภท เหตุเพราะเงินกองทุนต่ำกว่า 0 ติดกัน 5 วัน
.
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เผยถึง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนได้ตามกฎหมายกำหนด จึงต้องระงับการดำเนินธุรกิจทุกประเภท และโอนทรัพย์สินลูกค้าไปยังผู้ประกอบการรายอื่น
.
ด้วยบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด (บล.เอเชีย เวลท์) ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (เอ็นซี) ได้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีเงินกองทุนต่ำกว่า 0 ติดต่อกันเกิน 5 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ สธ.64/2563 เรื่อง การคำนวณและการรายงานการคำนวณเงินกองทุนของผู้ประกอบธุรกิจและข้อกำหนดในกรณีที่ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนได้ บล.เอเชีย เวลท์ ต้องดำเนินการตามที่กำหนดในประกาศดังกล่าว ซึ่งรวมถึงกรณีดังต่อไปนี้
.
1.ระงับการดำเนินธุรกิจทุกประเภทจนกว่าจะสามารถดำรงเงินกองทุนได้ และได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.ให้ดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ เว้นแต่เข้ากรณียกเว้นตามที่ประกาศกำหนด อาทิ เป็นการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงโดยรวมในเงินลงทุนของบริษัทหรือการดำเนินการตามภาระผูกพันที่ค้างอยู่ หรือการดำเนินการตามความจำเป็นและสมควรเพื่อป้องกันมิให้มูลค่าทรัพย์สินของลูกค้าได้รับความเสียหาย อาทิ การล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามคำสั่งของลูกค้า หรือเพื่อเปลี่ยนตราสารที่ครบกำหนดไถ่ถอนกับผู้ออกตราสารดังกล่าว เป็นต้น
.
2.ล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีไว้เพื่อตนเอง เว้นแต่เป็นกรณีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ป้องกันความเสี่ยง
.
3.โอนทรัพย์สินของลูกค้าในบัญชีเงินสดไปยังผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์อื่น เพื่อการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้า และโอนทรัพย์สินและฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าไปยังผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่นตามที่ลูกค้าแจ้งความประสงค์ไว้ ให้แล้วเสร็จภายใน 10 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565
.
4.แจ้งให้ลูกค้าทราบเป็นลายลักษณ์อักษรถึงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องข้างต้นโดยไม่ชักช้า หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามข้อ 3 ให้บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนั้น

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ในการประชุมครั้งที่ 12/2565 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 เห็นว่าการดำเนินงานของบริษัทอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ประโยชน์ของประชาชนได้ จึงมีมติโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 143 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) นำเงินของลูกค้าที่บริษัทนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยที่ลูกค้าไม่ได้อนุญาต มาคืนภายในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2565

(2) ระงับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว เว้นแต่เป็นการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงโดยรวมในเงินลงทุนของบริษัทหรือการดำเนินการตามภาระผูกพันที่ค้างอยู่ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะนำเงินลูกค้ามาคืน และได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้ประกอบธุรกิจได้ตามปกติ

(3) จัดให้มีระบบงานในการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก ภายในวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565
(4) อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของบริษัท เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้าที่มีอยู่กับบริษัทได้ตามความประสงค์ของลูกค้า ภายในระยะเวลาที่ตกลงกับลูกค้า

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย เวลท์ จำกัด หรือ เป็นโบรกเกอร์หมายเลข 43 มีนายอธิพงศ์ อมาตยกุล เป็นประธาน คณะบริหารประกอบด้วย 2 คน คือนายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ และนายฉัฐพรรษ สุทธิรักษ์ หัวหน้าสายงานการตลาด ในวันที่ 21 ตุลาคม 2556 ได้รับอนุมัติประกอบธุรกิจนายหน้าหรือโบรกเกอร์ซื้อขายและจำหน่ายหลักทรัพย์ โดยเริ่มซื้อขายหลักทรัพย์เป็นทางการในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 สาขา โดยเป็นสาขาในกรุงเทพเพียง 1 สาขาที่ถนนศรีนครินทร์ ที่เหลืออีก 5 สาขาอยู่ตามต่างจังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี ศรีราชา เชียงใหม่ และสิงห์บุรี

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย เวลท์ จำกัด ได้เปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคลมาแล้ว 5 ครั้ง เริ่มจาก
* บริษัทหลักทรัพย์เอกชาติ จำกัด
* บริษัทหลักทรัพย์ บีเอ็นพี ไพร์ม พีรีกริม (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อ 27 ต.ค. 2541
* บริษัทหลักทรัพย์ บีเอ็นพี พารีบาส์ พีรีกริม (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อ 23 ส.ค. 2543
* บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี-จีเค (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อ 27 เม.ย. 2549
* บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2556

ทั้งนี้ ก.ล.ต.ให้ความสำคัญในการติดตามฐานะการเงินและสภาพคล่องของผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบธุรกิจได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับลูกค้า บล.เอเชีย เวลท์ สามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าของบริษัท และสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร 1207 กด 7 หรืออีเมล์ [email protected] หรือเฟซบุ๊กเพจ สำนักงาน กลต. หรือ SEC Live Chat ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก
งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
https://bit.ly/3ERPTIb
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
.
#กลต #เอเชียเวลท์ #โบรกเกอร์ #หุ้นMORE #MORE #BTimes

 

China: กรุงปักกิ่ง กวางเจา และสือเจียจวง เริ่มใช้มาตรการจำกัดพื้นที่บางส่วน หลังโควิด-19 กลับมาระบาดใหม่ มีผู้เสียชีวิตจากโควิดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 เดือน เจ้าหน้าที่ยอมรับสถานการณ์ในปักกิ่งหนักหน่วงและซับซ้อนที่สุดที่เคยเจอมา ระบาดเพิ่มหลังเพิ่งผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ได้เพียงไม่กี่วัน

กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงจีน ซึ่งมีประชากรกว่า 21 ล้านคน ได้ใช้มาตรการจำกัดพื้นที่บางส่วนแล้ว หลังโควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ในหลายพื้นที่ของจีนรวมถึงกรุงปักกิ่ง และพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 เดือนทั้งของกรุงปักกิ่งและของจีน

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 พฤศจิกายน) กรุงปักกิ่งรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิดเป็นรายแรกในการระบาดรอบล่าสุดนี้ และรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คนเมื่อวานนี้ (21 พฤศจิกายน) ทั้ง 3 รายนับเป็นการพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นครั้งแรกในจีนในรอบเกือบ 6 เดือนตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคมปีนี้เป็นต้นมา

สถานการณ์ระบาดล่าสุดในจีน จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ทั่วจีน รายงานล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 พฤศจิกายน) อยู่ที่ 26,824 คน เกือบจะเท่ากับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดในจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว

ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอย่างเป็นทางการของจีน ขยับขึ้นไปเป็น 5,229 คน หลังจากที่ตัวเลขนิ่งมานาน และยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นไปเป็น 286,197 คน นับตั้งแต่จีนเริ่มรายงานการระบาดของโควิดครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2019

จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายวันในจีนทะลุ 20,000 คนมานานติดต่อกัน 5 วันแล้ว หลังจากจีนเพิ่งเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดอย่างเข้มงวด ตามนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ไป เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่ใช้นโยบายนี้มานานเกือบ 3 ปี

ด้าน Reuters รายงานว่า รองผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกรุงปักกิ่ง ยอมรับว่า สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในปักกิ่งครั้งนี้ หนักหน่วงและซับซ้อนที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในปักกิ่ง ส่วน China Daily สื่อของจีนเอง รายงานว่า โฆษกเทศบาลนครปักกิ่งเตือนว่า ขณะนี้ปักกิ่งกำลังเผชิญสถานการณ์ป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่ไม่สู้ดีนักและซับซ้อน

ส่วนที่นครกวางเจา หรือกว่างโจว ศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 รอบล่าสุดนี้ และมีประชากรเกือบ 19 ล้านคน เริ่มใช้มาตรการจำกัดพื้นที่บางส่วนนาน 5 วันในเขตไป๋อวิ๋น เขตที่มีประชากรมากสุดในกวางเจาราว 3.7 ล้านคน โดยทางการสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในเขตนี้ ระงับบริการขนส่งสาธารณะทั้งหมด และแนะนำประชาชนในเขตนี้อยู่แต่ภายในบ้าน

สถานการณ์ระบาดล่าสุดในกวางเจา จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ รายงานล่าสุดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 พฤศจิกายน) อยู่ที่ 8,181 คน ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิดสะสมในกวางเจา เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่กว่า 80,000 คนแล้ว นับตั้งแต่กวางเจาเริ่มเกิดการระบาดเมื่อ 1 เดือนก่อน

ทั้งนี้ กวางเจาเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิดในจีนในรอบนี้ โดยพบผู้ติดเชื้อสูงสุดและมีสถานการณ์ระบาดของโควิดเลวร้ายที่สุดในรอบ 3 ปีของมณฑลนี้

ส่วนเมืองสือเจียจวง เมืองใหญ่สุดในมณฑลเหอเป่ย ก็เริ่มใช้มาตรการจำกัดพื้นที่นาน 5 วันเช่นกัน หลังจากเพิ่งเริ่มผ่อนคลายมาตรการโควิดไปได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น

นอกจาก 3 เมืองข้างต้นแล้ว ยังมีการใช้มาตรการจำกัดพื้นที่ในอีกหลายพื้นที่ในจีน รวมถึงเมืองเจิ้งโจว กระทบประชาชนหลายล้านคนทั่วประเทศ หลังโควิดกลับมาระบาดใหม่นานประมาณ 1 เดือนแล้ว
————
ภาพ: Reuters

#TNNWorldNews #จีน #โควิด #ล็อกดาวน์
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
————
งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

 

Indonesia: อินโดนีเซียเริ่มปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิต หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.6 ยอดผู้เสียชีวิตกว่า 162 คนและอาจเพิ่มขึ้นอีก บาดเจ็บกว่า 300 คน สูญหาย 25 คนคาดถูกทับอยู่ใต้ซากบ้านเรือนที่พังถล่ม ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัย 13,000 คน เกิดอาฟเตอร์ช็อกกว่า 80 ครั้ง

ปฏิบัติการช่วยเหลือและกู้ภัยอินโดนีเซียเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตในวันนี้ (22 พฤศจิกายน) เจ้าหน้าที่คาดเบื้องต้นว่า มีผู้สูญหายที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังราว 25 คน ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังพยายามจะเข้าถึงพื้นที่คูเกนัง (Kugenang) ซึ่งเกิดดินถล่มเนื่องจากแผ่นดินไหว เพื่อเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตที่อาจถูกทับอยู่ข้างใต้

ปฏิบัติการกู้ภัยเริ่มขึ้น 1 วันหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.6 เมื่อวันจันทร์ (21 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา ที่เมืองชิอันจัวร์ จังหวัดชวาตะวันตก และระดมกำลังตำรวจอีกหลายร้อยนายเข้าช่วยเหลือประชาชนด้วย

เมืองชิอันจัวร์ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้ มีประชากรราว 2.5 ล้านคน อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงจาการ์ตา ห่างเพียง 75 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้ประชาชนในกรุงจาการ์ตารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนด้วย และมีการอพยพประชาชนลงจากอาคารสูง

ส่วนยอดผู้เสียชีวิต ริดวาน คามิล ผู้ว่าราชการจังหวัดชวาตะวันตก ยืนยันที่ 162 คน รวมถึงเด็กจำนวนมาก และเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก ส่วนผู้บาดเจ็บมากกว่า 300 คน แต่สื่อท้องถิ่นรายงานจำนวนผู้บาดเจ็บสูงกว่า โดยอยู่ที่ประมาณ 700 คน

นอกจากนี้ ยังมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอีกราว 13,000 คน บางส่วนได้อยู่ในเต็นท์พักพิงชั่วคราว แต่อีกจำนวนมากต้องอยู่ริมถนนกลางแจ้ง และยังเกิดไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ซ้ำเติมทั้งผู้ประสบภัยที่ไร้ที่อยู่อาศัย และเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิต

ด้านสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย หรือ BNBP รายงานบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างน้อย 2,200 หลัง ในจำนวนนี้มีจำนวนมากที่พังถล่มทั้งหลัง ทับคนอยู่ข้างใต้

อีกทั้งยังมีรายงานเกิดอาฟเตอร์ช็อกมากกว่า 80 ครั้ง โดย 25 ครั้งแรกเกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงหลังเกิดแผ่นดินไหว และเจ้าหน้าที่เตือนว่า อาจเกิดอาฟเตอร์ช็อกได้อีก

สำหรับประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า “วงแหวนอัคนี” ซึ่งมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวสูง แผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในอินโดนีเซีย ก็คือแผ่นดินไหวขนาด 9.1 เมื่อปี 2004 ที่เกาะสุมาตรา ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม 14 ประเทศติดชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียและรวมถึงไทย มีผู้เสียชีวิต 226,000 คนในครั้งนั้น ผู้เสียชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในอินโดนีเซีย
————
ภาพ: Reuters

#TNNWorldNews #อินโดนีเซีย #แผ่นดินไหว
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
————
งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

 

UPDATE: กทม. แจงเหตุไม่ชำระหนี้ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผิดข้อบัญญัติ กทม.-รอคำตอบ ครม. ยันมีเงินพอจ่าย
.
วันนี้ (22 พฤศจิกายน) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงกรณีภาระหนี้สินของกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ในส่วนของการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2
.
วิศณุกล่าวว่า สัญญารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ถ้าพิจารณาจะมีความแตกต่างกัน โดยส่วนที่ 1 กทม. ทำสัญญาจ้างบริหารจัดการระบบกับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ KT จากนั้น KT ทำสัญญาจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงกับ BTSC
.
ส่วนต่อขยายที่ 2 กทม. มอบหมายกิจการให้กับ KT หลังจากนั้น KT ทำสัญญา E&M (สัญญาจ้างการติดตั้งระบบงาน ระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล) และ O&M (สัญญาค่าจ้างการเดินรถ)
.
ทั้งนี้ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณในการก่อหนี้ผูกพันของ กทม. หมวดที่ 3 ข้อ 16 ระบุว่า ในกรณีที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเห็นสมควร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอาจจัดงบประมาณอุดหนุนในการดำเนินงานของบริษัทได้โดยความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.)
.
ที่ผ่านมาในการดำเนินงานส่วนต่อขยายที่ 1 มีการบรรจุโครงการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครลงในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครในส่วนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2555 จากนั้นมีการลงนามสัญญาจ้างโครงการบริหารจัดการระหว่าง กทม. และ KT และ KT ได้ลงนามสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงกับทางเอกชนต่อ
.
วิศณุกล่าวต่อไปว่า ในข้อบัญญัติของ กทม. เรื่องวิธีการงบประมาณปี 2529 และ 2536 การจะก่อหนี้ผูกพันได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุมัติเงินประจำงวดแล้ว และการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อๆ ไปทางผู้ว่าฯ กทม. จะสั่งก่อหนี้ผูกพันได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจาก สภา กทม. เท่านั้น
.
ทั้งนี้ ขั้นตอนของส่วนต่อขยายที่ 2 ที่ต่างจากส่วนต่อขยายที่ 1 เริ่มจากเดือนสิงหาคม-ธันวาคม ปี 2558 กทม. ออกหลักเกณฑ์ในการมอบหมายงานให้ KT
.
15 มิถุนายน 2559 รักษาการผู้ว่าฯ กทม. ลงนามเห็นชอบมอบหมายให้ KT จัดการเดินรถและตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการชำระคืนค่า E&M
.
28 มิถุนายน 2559 KT ทำสัญญา E&M กับบริษัทเอกชนมูลค่าสัญญา 19,358 ล้านบาท ทำสัญญาก่อนบันทึกมอบหมาย
.
28 กรกฎาคม 2559 กทม. ลงนามบันทึกมอบหมายระหว่าง กทม. กับ KT ลงนามโดยที่ยังไม่ได้มีการทำโครงการเสนอขออนุมัติงบประมาณจาก สภา กทม.
.
1 สิงหาคม 2559 KT ทำสัญญา O&M กับบริษัทเอกชน มูลค่าสัญญา 161,097.64 ล้านบาท
.
ปี 2561 สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ได้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อขอจัดสรรงบประมาณโครงการติดตั้งระบบเดินรถและบริหารจัดการเดินรถระบบขนส่งมวลชนสายสีเขียว ระยะเวลาดำเนินการ 15 ปี ระหว่างปี 2561-2575 วงเงินรวม 31,988,490,000 บาท ทาง สภา กทม. พิจารณาแล้วไม่อนุมัติโครงการดังกล่าว
.
ปี 2564 สจส. เสนอสำนักงบประมาณเพื่อขอจัดสรรงบประมาณในการชำระหนี้ส่วนต่อที่ 1 และ 2 วงเงินรวม 9,246,748,339 บาท สภา กทม. ไม่เห็นชอบให้ กทม. จ่ายขาดเงินสะสม เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์
.
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการดำเนินการได้มีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งคณะกรรมการดำเนินการเจรจาพร้อมร่างสัญญา โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมทุนโครงการ
.
ต่อมาในสมัยที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ กทม. ทางกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้ง กทม. ขอทราบแนวทางดำเนินโครงการ เนื่องจากมีผู้ว่าฯ กทม. และสภา กทม. ชุดใหม่ และผู้ว่าฯ กทม. ได้มีหนังสือตอบกลับ 3 ประเด็นหลัก
.
1. เห็นพ้องกับนโยบาย Through Operation ให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและงานติดตั้งระบบการเดินรถ
2. เห็นควรที่จะเดินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2562
3. การหาข้อยุติของ ครม. ตามคำสั่ง คสช. จะทำให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงาน
.
วิศณุกล่าวต่อไปว่า สำหรับเหตุผลที่ยังไม่สามารถดำเนินการชำระหนี้สินได้เนื่องจากปัจจุบันยังเป็นการดำเนินการตามคำสั่ง คสช. เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2562
.
ในส่วนต่อขยายที่ 1 กทม. ไม่ได้มีเจตนาจะไม่ชำระหนี้ เนื่องจาก กทม. ได้มีการสนับสนุนค่าบริการเดินรถและซ่อมบำรุงมาตลอดจนถึงเดือนเมษายน 2562 กระทั่งมีคำสั่ง คสช. ได้มีการตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการและได้มีการเจรจาให้เอกชนรับภาระค่าจ้างเดินรถของส่วนต่อขยายที่ 1 ตั้งแต่พฤษภาคม 2562 ระบุไว้ในร่างสัญญาร่วมทุน
.
มูลค่าหนี้อยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ค่าดอกเบี้ย เนื่องจาก กทม. ไม่มีเจตนาจะไม่ชำระหนี้ และสัญญาที่ กทม. ทำกับ KT ไม่ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้
.
อีกทั้ง กทม. เห็นว่า KT มีการจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อตรวจสอบคิดคำนวณค่าจ้างใหม่ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งอาจทำให้ยอดหนี้เปลี่ยนไปไม่ตรงกับที่เอกชนฟ้อง
.
ส่วนต่อขยายที่ 2 เนื่องจากบันทึกมอบหมายยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่ได้รับการอนุมัติงบประมาณจาก สภา กทม. และ กทม. ไม่ได้มีการทำนิติกรรมโดยตรงกับเอกชน มีเพียงการทำบันทึกมอบหมายให้ KT เท่านั้น นอกจากนี้ในบันทึกข้อตกลงมอบหมายข้อที่ 13.3 ยังมีการระบุไว้ว่า บันทึกข้อตกลงนี้ไม่มีผลทำให้ KT เป็นตัวแทนหรือลูกจ้างของ กทม.
.
ทั้งนี้ การดำเนินการต่อไปในอนาคต เป้าหมายค่าใช้จ่ายที่เป็นหนี้ผูกพันระยะยาวต้องผ่านการพิจารณาของสภา กทม.
.
ส่วนต่อขยายที่ 1 ในส่วนที่มีการดำเนินการครบถ้วนแล้วสามารถชำระหนี้ได้ถ้าหากมีข้อยุติการต่อสัมปทานจาก ครม.
.
ส่วนต่อขยายที่ 2 จะต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามข้อบัญญัติของ กทม.
.
วิศณุกล่าวเสริมว่า ทาง กทม. ต้องรอคำตอบจากที่ประชุม ครม. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือขอความชัดเจนไป 3 ข้อ ประกอบด้วย
1. ให้รัฐบาลสนับสนุนงบค่าก่อสร้างและระบบเดินรถ
2. ผ่านการเห็นชอบส่วนของ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2562
3. ให้ ครม. หาข้อยุติกรณีคำสั่ง คสช. ปี 2562 ตั้งคณะกรรมการเจรจาเรื่องสัญญาสัมปทาน
.
ด้านต่อศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ทาง กทม. เองไม่ได้ขาดงบประมาณหรือมีงบประมาณไม่พอ เพราะเมื่อประเมินจากเงินสะสมในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 อยู่ที่ประมาณ 70,000 กว่าล้านบาท และได้สำรองเอาไว้แล้วสำหรับการชำระ 10,000 ล้านบาท แต่ทุกกระบวนการจะต้องมีการแจกแจง เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าไม่ใช่ไม่พร้อมจ่ายแต่กระบวนการต้องครบถ้วน
.
#TheStandardNews
____________________________________

งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563

 

Nov 22, 2022 ส่อแววไม่สดใส! ไทยพาณิชย์ ชี้เศรษฐกิจไทยปี 66 ส่อแววฟื้นตัวท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้าน ผลพวงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ท่องเที่ยวและการบริโภคเอกชนเป็นแรงหนุน
.
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดปี 66 เศรษฐกิจโลกเผชิญความไม่แน่นอนสูงขึ้น ทั้งความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ นโยบายเศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง เป็นแรงกดดันสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผ่านการส่งออกที่จะชะลอตัวลงมากจากที่เคยเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีนที่กำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งจากปัจจัยภายนอกประเทศจากการส่งออกที่ชะลอลง และปัจจัยภายในประเทศจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ซบเซาและฟื้นตัวช้า รวมถึงตลาดสำคัญทั้งยุโรปและสหรัฐฯ ที่เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ปลายปีนี้และกลางปีหน้า ตามลำดับ
.
ซึ่งส่งผลต่อเนื่องทำให้การผลิตในภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนภาคเอกชน อาจขยายตัวชะลอลงเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนที่พึ่งพาตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ด้านแรงกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจะมีน้อยลง เนื่องจากข้อจำกัดทางการคลังทำให้รัฐบาลระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น อย่างไรก็ดี ในปี 66 ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ปรับสูงขึ้น และความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เศรษฐกิจไทยจะได้ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อน ที่ทำให้เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ แต่ยังคงต้องเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน
.
เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงต่ำจากปัจจัยภายนอกประเทศเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป โดยเฉพาะในปี 66 ได้แก่ เศรษฐกิจโลกที่เผชิญความไม่แน่นอนสูงขึ้น โดยเฉพาะด้านนโยบายเศรษฐกิจและความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าและบริการของไทย การใช้นโยบาย Zero covid ของจีนที่อาจยาวนานกว่าคาด ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยได้น้อยลงและช้าลง รวมถึงภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่อาจยาวนานกว่าคาดจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง และผลของแผลเป็นเศรษฐกิจที่ถูกซ้ำเติมจากผลกระทบค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย จนอาจกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ตลอดจน วามไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้น จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยในช่วงต้นปี 66 รวมถึงภาระทางการคลังที่อาจเพิ่มขึ้นจากนโยบายอุดหนุนต่างๆ ภายหลังการหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงการใช้มาตรการการพยุงค่าครองชีพเป็นวงกว้าง
.
สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 65 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง นำโดยภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยราว 10.3 ล้านคน ตามความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์คงค้าง (Pent-up demand) การทยอยลดมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศทั่วโลก อีกทั้งจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็น 202.4 ล้านคน/ครั้ง ในปี 65 โดยในไตรมาส 4 ผู้เยี่ยมเยือนไทยมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High season โดยจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน จะเป็นจุดหมายที่ดึงดูดผู้เยี่ยมเยือนไทยได้ดีในช่วงฤดูหนาว ส่งผลให้ภาคบริการ โดยเฉพาะบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
.
อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าแม้อาจได้รับอานิสงส์จากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และวัตถุดิบ โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ที่เริ่มคลี่คลาย แต่ในภาพรวมมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อีกทั้งเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเต็มจำนวนแล้ว และรอเบิกจ่ายอีกราว 42,000 ล้านบาท
.
ส่วนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ของปี 65 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวได้ 4.5% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 4 ไตรมาสติดต่อกัน ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับสู่ภาวะปกติ และอีกส่วนนึ่งเป็นผลจากปัจจัยฐาน เนื่องจากเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ของปี 64 ที่เผชิญวิกฤตโควิดจนต้องปิดเมืองและปิดประเทศ จากนโยบายควบคุมการระบาดเข้มงวด ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกของปี 65 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 5.7 ล้านคน และจำนวนผู้เยี่ยมเยือนไทยมากถึง144.5 ล้านคน/ครั้ง เทียบกับ 85,000 คน และ 40 ล้านคน/ครั้ง ใน 3 ไตรมาส 1 ของปี 64
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก
งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
https://bit.ly/3ErV543
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
.
#เศรษฐกิจไทย #เศรษฐกิจโลก #ท่องเที่ยว #SCBEIC #ไทยพาณิชย์ #BTimes

 

Nov 22, 2022 ไม่เบี้ยวแน่นะ! กทม. ย้ำไม่เบี้ยวหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แจงเหตุผลยาว เงินมีพอ แต่กระบวนการต้องครบถ้วน ยันไม่มีเจตนาจะไม่ชำระหนี้
.
นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงความคืบหน้ากรณีการชำระหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยรองผู้ว่าฯ กทม. ได้สรุปเหตุผลที่ยังไม่สามารถดำเนินการชำระหนี้สินได้ สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ว่า กทม. ไม่ใด้มีเจตนาจะไม่ชำระหนี้เนื่องจาก กทม. ได้มีการสนับสนุนค่าบริการเดินรถและซ่อมบำรุงมาตลอดจนถึงเดือน เม.ย.62 จนกระทั่งมีคำสั่ง คสช. เมื่อวันที่ 11 เม.ย.62 ที่ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการ และได้มีการเจรจาให้ เอกชนรับภาระค่าจ้างเดินรถของส่วนต่อขยายที่ 1 ตั้งแต่ พ.ค. 2562 (ระบุไว้ในร่างสัญญาร่วมทุน) 

ด้านมูลค่าหนี้ขณะนี้อยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ค่าดอกเบี้ย เนื่องจาก กทม. ไม่มีเจตนาจะไม่ชำระหนี้ และสัญญาที่ กทม. ทำกับกรุงเทพธนาคาร (KT) ไม่ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ รวมทั้ง กทม. เห็นว่า KT ควรมีการจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อตรวจสอบ คิดคำนวณค่าจ้างใหม่ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงซึ่งอาจทำให้ยอดหนี้เปลี่ยนไปไม่ตรงกับที่เอกชนฟ้อง และหากมีการดำเนินการครบถ้วนและมีข้อยุติการต่อสัมปทานจาก ครม. แล้วก็สามารถชำระหนี้ได้
.
สำหรับส่วนต่อขยายที่ 2 บันทึกมอบหมายยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากยังไม่ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากสภากรุงเทพมหานคร กทม. ไม่ได้มีการทำนิติกรรมโดยตรงกับ เอกชน มีเพียงการทำบันทึกมอบหมายให้กับ KT เท่านั้น นอกจากนี้ในบันทีกข้อตกลงมอบหมายข้อที่ 133 ยังมีการระบุไว้ว่า "บันทึกข้อตกลงนี้ไม่มีผลทำให้บริษัท"(KT) เป็นตัวแทนหรือลูกจ้างของกรุงทพมหานคร" ซึ่งในส่วนนี้ต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามข้อบัญญัติของ กทม. และต้องผ่านการพิจารณาของสภากรุงเทพมหานครด้วย
.
โดย รองผู้ว่าฯ กทม. ย้ำว่า กรุงเทพมหานครไม่มีเจตนาที่จะชะลอการชำระหนี้ให้แก่บริษัทเอกชน แต่มีข้อสังเกตคือบันทึกมอบหมายยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากลงนามมอบหมายในวันที่ 28 ก.ค.59 โดยที่ยังไม่ได้มีการทำโครงการเสนออนุมัติงบประมาณจากสภา กทม. ซึ่งในปี 2561 สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ได้เสนอขอจัดสรรงบประมาณในการชำระหนี้ค่าเดินรถเข้าที่ประชุมสภา กทม. ครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2561 เพื่อขอจัดสรรงบประมาณโครงการติดตั้งระบบเดินรถและบริหารจัดการเดินรถระบบขนส่งมวลชนสายสีเขียว ระยะเวลาดำเนินการ 15 ปี (2561-2575) วงเงินรวม 31,988,490,000 บาท (เป็นเงินงบประมาณ กทม. 12,000,000,000 บาท และเงินนอกงบประมาณ 19,988,498,000 บาท) โดยปี 2561 ตั้งงบประมาณจำนวน 1,000,000,000 บาท เสนอต่อสภากรุงเทพมหานคร สภากรุงเทพมหานครได้มีการพิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปี พ.ศ. 2561 แต่โครงการดังกล่าวไม่ได้ถูกรับการพิจารณาและบรรจุอยู่ในร่างงบประมาณดังกล่าว
.
และเมื่อปี 2564 สำนักการจราจรและขนส่ง ได้เสนอขอจัดสรรงบประมาณในการชำระหนี้ค่าเดินรถเข้าที่ประชุมสภา กทม. โดยเสนอสำนักงบประมาณเพื่อขอจัดสรรงบประมาณในการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 1 และส่วนต่อขยาย 2 จำนวนเงิน 9,246,748,339 บาท โดยได้จัดทำเป็นร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2564 (ฉบับที่ ...) พ.ศ... เสนอสภากรุงเทพมหานคร
.
ซึ่งที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ได้พิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ และมีมติไม่เห็นชอบให้ กทม. จ่ายขาดเงินสะสม เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ ตามข้อ 12 แห่งข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง เงินสะสม(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 และสภา กทม. มีข้อเสนอให้ กทม. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล หรือให้ใช้วิธีให้เอกชนรับภาระและให้ประโยชน์ตอบแทนในรูปสัมปทานเดินรถ หากไม่สามารถดำเนินการตามข้อเสนอควรส่งโครงการดังกล่าวคืนให้ รฟม. และระหว่างดำเนินการวันที่ 11 เม.ย.62 คสช. ได้มีคำสั่งตามมาตรา 44 ที่ 3/2562 เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อให้การเดินรถเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) โดยให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร เจรจากับผู้รับสัมปทานรายเดิม และจัดทำร่างสัญญาร่วมลงทุน พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินเป็นการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
.
วันที่ 20 ส.ค.62 ครม. มีมติรับทราบผลการเจรจาและร่างสัญญาและร่วมลงทุนโครงการฯ และให้กระทรวงการคลังเสนอความเห็น และระหว่างวันที่ 17 พ.ย.63-22 ก.พ.65 กทม. และกระทรวงมหาดไทยทำการจัดเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อประกอบการนำเสนอ ครม.
.
ต่อมา วันที่ 13 มิ.ย. 65 กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้ง กทม. ขอทราบแนวทางการดำเนินโครงการเนื่องจากมี ผว. กทม. และสภา กทม. ชุดใหม่ วันที่ 3 พ.ย.65 ผว.กทม. มีหนังสือตอบกลับ มท. โดย 1) เห็นพ้องกับนโยบาย Through Operation ให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและงานติดตั้งระบบการเดินรถ 2) เห็นควรที่จะเดินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตาม พ.ร.บ. ร่วมทุน 2562 และ 3) การหาข้อยุติของ ครม. ตามคำสั่ง คสช. จะทำให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงาน
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก
งบการเงิน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ปี 2563
https://bit.ly/3UZHXuf
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
.
#กทม #รถไฟฟ้าสายสีเขียว #บีทีเอส #สายสีเขียว #หนี้บีทีเอส #หนี้สายสีเขียว #BTimes