จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ที่ตั้ง 222 หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ประวัติ[แก้]คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้น ตามแผนแม่บทการพัฒนามหาวิทยาลัยทักษิณ สืบเนื่องจาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ภาคใต้ (สงขลา)ได้รับ การยกฐานะและสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2539 จึงมี การปรับเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยงานบางหน่วยงานเพื่อความเหมาะสม และมีนโยบายและแผนงานการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ระดับคณะ / สถาบัน / สำนักขึ้น เพื่อเป็นการพัฒนาและการขยายงานไปยังพื้นที่จังหวัดพัทลุง คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา ได้รับบรรจุเข้าแผนการพัฒนามหาวิทยาลัยทักษิณ เขตพื้นที่จังหวัดพัทลุง คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา เริ่มดำเนินการเตรียมการจัดตั้งคณะฯ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2540 และสามารถเปิดดำเนินการผลิตบัณฑิตหลักสูตรแรก คือ วท.บ. สาธารณสุขศาสตร์ ในปีการศึกษา 2542 ภายใต้ชื่อหน่วยงาน “โครงการจัดตั้งคณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา” โดยเป็นโครงการร่วมผลิตบัณฑิตสาขาสาธารณสุขศาสตร์ ร่วมกับวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดตรัง หลักสูตรต่อมาที่เปิดสอนคือ วท.บ. สุขศาสตร์อุตสาหกรรมและความปลอดภัย และหลักสูตร วท.บ.วิทยาศาสตร์การกีฬา พท.บ.แพทย์แผนไทย ตามลำดับ รวมทั้งการเตรียมการผลิตบัณฑิตระดับบัณฑิตศึกษา ซึ่งจะสามารถเปิดสอนได้ในปีการศึกษา 2548 เป็นต้นไป คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา ได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัยทักษิณ ให้เป็นหน่วยงานใหม่ระดับคณะฯ ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2546 สัญลักษณ์ประจำคณะ[แก้]
หลักสูตร[แก้]หลักสูตรที่เปิดสอนระดับปริญญาตรี
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพมีความสำคัญในการพัฒนาการกีฬาของชาติ ทั้งในด้านกีฬาพื้นฐาน กีฬาเพื่อมวลชน กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และกีฬาอาชีพ ตลอดจนมีความสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน โดยการใช้กิจกรรมกีฬาและการออกกำลังกาย หลักสูตรจึงมุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตที่มีสมรรถนะเป็นนักวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพตามมาตรฐานสากล มีคุณธรรมจริยธรรมและยึดมั่นในความถูกต้องและจรรยาบรรณการประกอบอาชีพ โดยมีทักษะโดดเด่นด้านการฝึกสอนการออกกำลังกายส่วนบุคคลทุกช่วงวัย มีทักษะการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านสมรรถภาพร่างกาย ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพที่บูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลและศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง และสามารถใช้ภาษาที่สามสำหรับการประกอบอาชีพ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประกอบการอิสระในสังคมพหุวัฒนธรรมที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมของโลกที่รองรับสังคมสูงวัย เน้นการจัดการเรียนการสอนรูปแบบการจัดสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน
|