ตัวอย่าง การ เขียน คำให้การ บัตรเครดิต

เราติดบัตรเครดิต1ใบ

มีหมายศาลมาที่บ้าน

แต่กฏหมายกำหนด ถ้าเกิน10ปี หมดอายุความ
เราเช็คแล้ว เกือบ17ไปได้ หมดอายุความไปนานมาก

หมายศาลให้เราไปไกล่เกลี่ย อีก3เดือน
เรารู้ข้อกฏหมาย และเราไม่หลงกล โจทย์

เราไม่ขอเจรจา ใดๆกับโจทย์ แต่เราจะใช้ข้อกฏหมายบังคับ  ยื่นคําให้การต่อสู้คดีในเรื่องของการขาดอายุความ

ไม่รู้ขั้นตอนทำไง บอกเลยไม่มีปัญญาจ้างทนาย เงินบัญชีเหลือ5000บาท ไม่มีปัญญาจ้าง

ตอนนี้บริษัทแย่ มาจากโควิด เราโดนลดเงินเดือน ไม่รู้บริษัทจะรอดไปอีกกี่ปี กับสภาวะตอนนี้

แล้ว ตอนนี้ ยังมีหมายศาลมาที่บ้าน บัตรเครดิต ยอดจริงเราติด 18000 แต่ดอกเบี้ย รวมทั้งหมด 4หมื่น ยอดทั้งหมดเกือบ8หมื่น ดอกมันโหดมาก รับไม่ได้
แล้วมันหมดอายุความนานแล้ว เกือบ 17ปี ตั้งแต่เราทำงานที่แรก จำได้ผ่านมาเป็น10ปีแล้ว

เราจะต่อสู้   ยื่นคําให้การต่อสู้คดีในเรื่องของการขาดอายุความ ต่อศาล

เราต้องทำไง ไปถามใครก็ไม่มีคำตอบ ไปอ่านในyoutube ก็มีแต่ทนายความหาเงิน

แล้วเราจะเอาเงินมาจ้างจากไหน เงินในบัญชีมีเหลือ5000 ทั้งชีวิต จนสิ้นเดือนนี้จะกินอะไร

มีใครแนะนำเราได้บ้าง ขอขั้นตอนจริงๆ เป็นข้อๆ

สงสารเราเถอะ เราหมดทางแล้ว เบื่อโลกมาก อยากตายๆๆไปเลย เงินก็ไม่มี ตกอับ ชีวิตรัดทดมาก เครียด

  • ตัวอย่าง การ เขียน คำให้การ บัตรเครดิต

คดีบัตรเครดิดนั้นมีอายุความ ๒ ปีนับแต่วันที่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัด หรือวันที่มีการชำระหนี้ครั้งสุดท้าย เมื่อถุกฟ้องแล้วหากคดีขาดอายุความจำเลยสามารถปฎิเสธหนี้ โดยการให้ทนายความยื่นคำให้การต่อสู้คดีให้ศาลยกฟ้องโจทก์ได้ 

   ตัวอย่างเช่น

      คดีเรื่องหนึ่งจำเลยทำสัญญาขอใช้บัตรเครดิต กับ  บริษัท หลอดนีออน สินทรัพย์(ไทยแลนด์)  จำกัด (มหาชน)  สำหรับนำไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ แทนเงินสด และเบิกถอนเงินผ่านเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม)  สิทธิเรียกร้องดังกล่าว จึงมีอายุความ  ๒  ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๑)ซึ่งกำหนดว่า สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความ ๒ ปี (๗) (7) บุคคลซึ่งมิได้เข้าอยู่ในประเภทที่ระบุไว้ใน (1) แต่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการ ดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำงานการต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น รวมทั้งเงิน ที่ได้ออกทดรองไป 

       คดีนี้โจทก์ เป็น บริษัท เคเอฟซี เน็ตเวอร์คเซอร์วินเซสฯ ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องหรือซื้อหนี้เสียมาจาก จากบริษัท หลอดนีออน สินทรัพย์(ไทยแลนด์)  จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการค้า มาฟ้องจำเลย  ซึ่งจำเลยสมัครสมาชิกบัตรเครดิด บีการ์ด กับ บริษัท หลอดนีออนฯ โดยจำเลยชำระหนี้บางส่วนสรุปยอดหนี้ที่จำเลยค้างชำระ  ณ วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๒  ซึ่งถือว่าจำเลยเป็นผู้ผิดนัดนับแต่วันดังกล่าว   โจทก์สามารถบังคับตามสิทธิเรียกร้องหรือฟ้องร้องได้ตั้งแต่    วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๒ หรือวันชำระหนี้ครั้งสุดท้ายอันทำให้อยุุความสะดุดหยุดลง อายุความจึงเริ่มนับในวันดังกล่าวหรือวันถัดมาแล้วแต่กรณี 

          เมื่อคดีนี้โจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องมาจาก บริษัท หลอดนีออนฯ  และยื่นฟ้องเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙   จึงพ้นกำหนด ๒ ปี  นับแต่วันที่   ๒๐ กันยายน ๒๕๕๒  อันเป็นวันเริ่มนับอายุความ  ดังนั้น ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ จำเลยสามารถปฎิเสธการชำระหนี้ดังกล่าวได้ ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์  เป็นต้น

ตัวอย่าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5384/2551

หนี้จากการใช้บัตรเครดิตไม่ว่าจะเป็นหนี้จากการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ หรือหนี้จากการถอนเงินสด ล้วนเป็นหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตด้วยกัน จึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (7) ไม่อาจแยกบังคับนับอายุความแตกต่างกันได้
การรับสภาพหนี้โดยการชำระหนี้บางส่วนที่จะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้น จำเลยจะต้องเป็นผู้กระทำหรือยินยอมให้กระทำ ดังนั้น การที่โจทก์หักทอนบัญชีเงินฝากของจำเลยชำระหนี้บัตรเครดิตอันเป็นการใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ โดยมิได้มีข้อตกลงกันไว้ขณะทำสัญญา ดังนี้ แม้จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านจะถือว่าจำเลยยินยอมในการกระทำของโจทก์ดังกล่าวด้วยหาได้ไม่ กรณีไม่ถือว่าจำเลยชำระหนี้บางส่วนอันเป็นการรับสภาพหนี้ซึ่งจะมีผลให้อายุความสะดุดหยุดลงได้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความ

________________________________

จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “...พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์และได้ใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าและบริการรวมทั้งถอนเงินสดรวมเป็นเงินจำนวน 160,000 บาท และโจทก์ได้ชำระเงินค่าสินค้าและบริการแทนจำเลยไป หลังจากนั้นโจทก์แจ้งยอดใช้จ่ายให้จำเลยทราบ จำเลยใช้บัตรเครดิตครั้งสุดท้ายวันที่ 30 มกราคม 2539 โจทก์หักทอนบัญชีถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2539 จำเลยมีหนี้ค้างชำระจำนวน 182,941.05 บาท โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้และบอกเลิกสัญญาตามหนังสือและใบตอบรับในประเทศ แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ ที่โจทก์ฎีกาว่า หนี้ตามสัญญาบัตรเครดิตที่โจทก์นำมาฟ้องรวมถึงหนี้ที่จำเลยใช้บัตรเครดิตถอนเงินสดจากเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติหรือสำนักงานสาขาของโจทก์จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 160,000 บาท และยังมีค่าธรรมเนียมถอนเงินสดจำนวน 6,840 บาท ด้วย ซึ่งการใช้บัตรเครดิตถอนเงินสดดังกล่าวมิใช่เป็นกรณีที่โจทก์ออกเงินทดรองจ่ายไปให้บุคคลอื่นก่อนแล้วจึงเรียกเก็บจากจำเลย แต่เป็นกรณีที่จำเลยถอนเงินสดของโจทก์ออกไปใช้อันมีลักษณะเช่นเดียวกับการเบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์และจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ หนี้ในส่วนของการถอนเงินสดจึงไม่อยู่ในบังคับของอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7) และเมื่อไม่มีกำหนดอายุความไว้จึงใช้อายุความทั่วไปมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 นับแต่วันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องได้นั้น เห็นว่า สำหรับบัตรเครดิตไม่ว่าจะเป็นหนี้อันเกิดจากการถอนเงินสดหรือหนี้จากการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ย่อมเป็นหนี้อันเกิดจากสัญญาใช้บัตรเครดิตเดียวกัน จึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7) ไม่อาจจะแยกบังคับนับอายุความแตกต่างกันได้ ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5319/2544 ระหว่างธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ นางจุฑามาศจำเลย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาต่อไปว่า การที่โจทก์ใช้สิทธิหักทอนบัญชีเงินฝากของจำเลยมาชำระหนี้บัตรเครดิตโดยมิได้มีข้อตกลงกันไว้เป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 341 แม้จำเลยมิได้ให้ความยินยอมแต่เมื่อโจทก์ได้หักทอนบัญชีแล้วโจทก์ก็ได้ส่งใบแจ้งยอดใช้จ่ายให้จำเลยทราบแล้ว แต่จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านย่อมถือได้ว่าจำเลยยินยอมในการที่โจทก์หักทอนบัญชีเงินฝากของจำเลยมาชำระหนี้บัตรเครดิตจึงถือได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์อันเป็นการรับสารภาพหนี้ด้วยการชำระหนี้บางส่วนทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 (1) และเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ตั้งแต่วันที่อายุความสะดุดหยุดลง สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความนั้น เห็นว่า การรับสภาพหนี้โดยการชำระหนี้บางส่วนที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้น จำเลยจะต้องเป็นผู้กระทำหรือยินยอมให้กระทำจึงจะถือว่าเป็นการรับสภาพหนี้ ดังนั้น การที่โจทก์หักทอนบัญชีเงินฝากของจำเลยชำระหนี้บัตรเครดิตโดยพลการ แม้จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านจะถือว่าจำเลยยินยอมในการกระทำของโจทก์ดังกล่าวด้วยนั้นหาได้ไม่ การกระทำของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่เป็นการชำระหนี้บางส่วนของจำเลยที่จะถือว่าเป็นการรับสภาพหนี้มีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงได้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

             โดย ทนายกอบเกียรติ นบ.นบท. โทร. 0864031447   

Visitors: 72,460