Show เทคนิคการติดตามผลสัมภาษณ์ผ่านไปหลายวันหลังสัมภาษณ์ แต่ HR ดันเงียบหายไม่ติดต่อกลับมาแจ้งผลสัมภาษณ์สักที ปัญหาโลกแตกของคนหางาน ควรโทรไปตามดีไหม? รอแล้ว รอเล่า เฝ้าแต่รอ ก็ไม่มีสัญญาณตอบกลับจากฝ่ายบุคคลมาแจ้งผลสัมภาษณ์ ถ้าคุณเคยส่งจดหมายขอบคุณหลังการสัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังไม่ได้ผลคงถึงเวลาแล้วที่คุณต้องออกโรงติดตามผลสัมภาษณ์งานด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่ต้องมั่นใจก่อนนะว่า ✅ สัมภาษณ์งานผ่านไปแล้ว 1
อาทิตย์ ถ้าคำตอบส่วนใหญ่ของคุณ คือ ‘ใช่’ ก็เป็นเวลาที่เหมาะสมในการติดตามผลสัมภาษณ์ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อ1. โทรคุยกับผู้ดูแลตำแหน่งงานโดยตรงอย่าเสียเวลาคุยกับคนอื่น คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความรู้จักกับฝ่ายบุคคลที่ดูแลคุณในระหว่างการสัมภาษณ์เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามผลสัมภาษณ์งานในตอนนี้ โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ที่พนักงานแต่ละคนจะดูแลการสรรหาบุคลากรในตำแหน่งที่ต่างกัน 2. ระบุตัวตนของคุณให้ชัดแจ้ง HR ว่าคุณเป็นใคร เข้ามาสัมภาษณ์งานที่บริษัทใน ตำแหน่งอะไร วันที่เท่าไหร่ พร้อมระบุช่วงเวลาสัมภาษณ์ เพื่อความง่ายต่อการตรวจสอบ สิ่งสำคัญ คือ การสื่อสารที่มีความสุภาพ ชัดถ้อย ชัดคำ ซึ่งคุณอาจเริ่มต้นพูดสายด้วยประโยคช่วยชีวิตอย่าง “สวัสดีครับ เรียนสายคุณ ….. ครับ พอดีเคยมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่ง …… อยากจะขอติดตามผลสัมภาษณ์งานครับ ผมชื่อ ……. ครับ …” 3. ถามคำถามให้เคลียร์คุณมีสิทธิ์ที่จะถามคำถามที่เกี่ยวกับการสมัครงานของคุณ ไม่จำเป็นต้องกังวลใจเลยว่าจะเป็นการรบกวน เพราะมันเป็นหน้าที่ของ HR ในการประสานงานกับผู้เข้าสมัคร เพื่อประสบการณ์ที่ดีของพนักงาน (Employee Experience) โดยคุณอาจยิงคำถามอย่างสุภาพครอบคลุมเรื่องดังต่อไปนี้
เทคนิคเร่งเวลา : ถ้ายังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนแต่ฟีดแบกจากการสัมภาษณ์เป็นที่น่าพอใจ คุณอาจโยนหินถามทางด้วยการบอกว่า คุณสัมภาษณ์งานกับที่อื่นไปด้วยซึ่งรู้ผลสัมภาษณ์แล้ว แต่อยากรอที่ฟังผลของที่นี่ เพราะอยากได้งานที่นี่มากกว่า ถ้าคุณคือหนึ่งในผู้สมัครตัวเต็ง มั่นใจได้เลยว่า HR จะพยายามเร่งกระบวนการให้ไวขึ้นแน่นอน
4. ปิดท้ายด้วยการขอบคุณไม่ว่าคุณจะทราบผลหรือไม่ รวมถึงทราบผลแล้วแต่ไม่ได้งานก็ตาม* อย่าลืมว่าต้องขอบคุณฝ่ายบุคคลทุกครั้ง เพื่อมารยาทที่ดีและสร้างความประทับใจก่อนวางสาย เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร อาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เขานึกถึงคุณและดึงตัวคุณเข้ามาร่วมงานก็เป็นได้ 5. ยังคงมองหางานอื่นต่อไปโดยปกติแล้ว เวลาในการรอผลสัมภาษณ์งานอาจกินเวลานานถึง 1 เดือน คุณคงไม่อยากให้เวลารอผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งไม่คุ้มเลยถ้าผลสัมภาษณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ แม้จะสัมภาษณ์งานเสร็จแล้ว ก็จงสมัครงานและเดินหน้าสัมภาษณ์งานกับที่อื่นต่อไป มีหลายตัวเลือกในมือ..ดีกว่าไม่มีอะไรเลย มีเส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่าง ความกระตือรือร้น และ ความน่ารำคาญ จงมั่นใจว่าคุณไม่ได้พยายามติดตามผลสัมภาษณ์ถี่เกินไปจนทำให้รู้สึกถึงความสิ้นหวังในการหางานของคุณ ถ้าโทรติดตามผลสัมภาษณ์มากกว่าสองรอบและรอนานกว่า 3 อาทิตย์ คุณอาจต้องทำใจไว้เลยว่าโอกาสได้งานนั้นริบหรี่
ผมได้ไปดูกระทู้นี้ในเว็บไซด์ชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้ตั้งกระทู้ทำนองนี้ขึ้นมาแล้วก็มีหลากหลายความคิดเห็นต่อมาแบ่งเป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1. กลุ่มที่เห็นว่าควรจะต้องแจ้งผลการสัมภาษณ์ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าการแจ้งผลให้ผู้สมัครงานภายหลังการสัมภาษณ์แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของฝ่ายทรัพยากรบุคคลบริษัทนั้น ๆ เพราะผู้สมัครงานจะได้ทราบว่าตนเองจะได้รับการคัดเลือกเข้าทำงานหรือไม่ ซึ่งการแจ้งผลการสัมภาษณ์อาจเป็นการโทรศัพท์แจ้ง, แจ้งทางอีเมล์ หรือแจ้งทางจดหมายก็ได้ ซึ่งการแจ้งผลการสัมภาษณ์ยังบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ขององค์กร, เป็นการให้เกียรติผู้สมัครงานที่อุตส่าห์เสียเวลามาสมัครงาน ฯลฯ 2. กลุ่มที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งผลการสัมภาษณ์ ความเห็นของกลุ่มนี้ก็คือถ้าผู้สมัครงานอยากจะทราบผลก็ควรจะต้องติดต่อกลับมาที่บริษัทเอง, การแจ้งผลการสัมภาษณ์ (ทางโทรศัพท์หรือทางจดหมาย) ทำให้บริษัทจะต้องเสียค่าใช้จ่าย (ค่าโทรศัพท์หรือค่าไปรษณีย์), ทีผู้สมัครงานไม่ยอมมาสัมภาษณ์ตามที่นัดหมายก็ไม่เห็นจะโทรมาบอกยกเลิกหรือเลื่อนนัดเลยต้องให้ HR โทรไปตามทุกที, ขอกั๊กไว้ก่อนเผื่อเลือกถ้าแจ้งไปว่าไม่ผ่านสัมภาษณ์เดี๋ยวจะไปเลือกกลับเข้ามาอีกก็จะดูเป็นบริษัทโลเลกลับไปกลับมา ฯลฯ 3. กลุ่มที่เห็นว่าแจ้งก็ได้ไม่แจ้งก็ได้ กลุ่มนี้บอกว่าไม่ค่อยสนใจกับการแจ้งผลการสัมภาษณ์จากบริษัทเท่าไหร่นัก เพราะถ้าบริษัทไม่แจ้งผลกลับมา ผู้สมัครเองก็มีทางเลือกที่ไปสมัครงานที่ไหนไว้อยู่แล้วถ้าบริษัทไหนติดต่อมาก่อนและมีเงื่อนไขน่าสนใจก็สามารถตอบตกลงทำงานกับบริษัทนั้นไปได้เลย ส่วนบริษัทที่ไม่ติดต่อมาก็พลาดโอกาสที่จะได้รับพนักงานที่มีความรู้ความสามารถมาทำงานด้วย เรียกว่ากลุ่มนี้มีความมั่นใจในตัวเองประเภทหล่อเลือกได้ หรือสวยเลือกได้เลยครับ จากที่ผมเล่ามาให้ฟังข้างต้น ในความเห็นของผมแล้วผมมักจะบอกว่าการแจ้งผลใด ๆ ก็ตามดีกว่าไม่แจ้งครับ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งผลการปฏิบัติงานให้กับลูกน้องได้ทราบ หรือแม้แต่การแจ้งผลการสัมภาษณ์ให้กับผู้สมัครงานได้ทราบก็ตาม เพราะ.... 1. แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของ HR และแสดงถึงภาพลักษณ์ของบริษัทนั้น ๆ ว่ามีการทำงานอย่างเป็นระบบที่ชัดเจน จะรับเข้าทำงานก็บอก ไม่รับเข้าทำงานก็บอก 2. ผู้สมัครงานเองก็จะชัดเจนด้วยเช่นเดียวกันว่าบริษัทเขาจะรับหรือไม่รับเรา จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลารอคอย ลองนึกถึงเวลาที่คนเป็นแฟนกันนัดไปเดทกินข้าวพูดคุยกันแล้วอีกฝ่ายก็เงียบหายไปดูสิครับ ผมว่าความรู้สึกคงประมาณนั้นจริงไหมครับ 3. การแก้ปัญหาการแจ้งผลที่บอกว่าต้องมีค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์นั้น ตัดไปได้เพราะทุกวันนี้ติดต่อสื่อสารกันทางอีเมล์ได้ ซึ่งบริษัทก็เตรียมทำ Template ข้อความแจ้งผู้สมัครงาน (ในกรณีไม่รับเข้าทำงาน) เอาไว้ได้เลยครับ ซึ่งข้อความก็น่าจะเป็นประมาณนี้คือ เรื่อง แจ้งผลการสัมภาษณ์ เรียน คุณ.... ตามที่บริษัทได้เชิญท่านมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่ง...........กับทางบริษัทเมื่อวันที่.........................แล้วนั้น บริษัทได้พิจารณาความเหมาะสมของผู้สมัครงานที่มาสัมภาษณ์ทุกท่านอย่างรอบคอบแล้ว จึงใคร่ขอแจ้งให้ทราบว่าบริษัทได้พิจารณารับผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในตำแหน่งดังกล่าวแล้ว บริษัทขอขอบคุณท่านที่ให้ความสนใจในตำแหน่งงานของบริษัทและสละเวลามาสัมภาษณ์ในครั้งนี้ และหวังว่าท่านจะประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคต ขอแสดงความนับถือ (......................................) ฝ่ายทรัพยากรบุคคล สำคัญว่าทางฝั่งผู้สมัครงานก็ควรจะต้องเคลียอีเมล์ของตัวเองอย่าให้เมล์บ๊อกซ์เต็มล่ะครับ เดี๋ยวเขาแจ้งผลมาแล้วเมล์เด้งกลับก็เลยไม่รู้เรื่องกัน ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือผู้สมัครสามารถสอบถามกรรมการสัมภาษณ์ (หรือฝ่ายบุคคล) ในวันที่มาสัมภาษณ์ได้ว่าบริษัทจะใช้เวลาประมาณเท่าไหร่จึงจะทราบผล และเมื่อถึงเวลาแล้วถ้าหากบริษัทยังไม่แจ้งผลกลับมาก็สามารถโทรศัพท์ไปสอบถามกับทาง HR ได้นี่ครับ หวังว่าทั้ง HR และผู้สมัครงานคงจะสบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้วนะครับ ...................................................... |