จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี Show
พรรคเพื่อไทย (ย่อ: พท.) เป็นพรรคการเมืองกลางถึงขวากลางในประเทศไทย เป็นพรรคที่สามที่สืบทอดจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนที่ก่อตั้งโดยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550[16] พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งทั่วไปปี 2554 และสนับสนุนให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี และในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 ก็ได้ ส.ส. ในสภามากที่สุด แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล บทบาททางการเมือง[แก้]การสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกรัฐมนตรี[แก้]ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของสภาผู้แทนราษฎรในปี 2551 พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อพลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แข่งกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ ผลปรากฏว่า อภิสิทธิ์ได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียง 235 ต่อ 198 เสียง และ งดออกเสียง 3 เสียง[17] การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.อภิสิทธิ์[แก้]พรรคเพื่อไทยมีมติยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี พร้อมกันนี้ยังมีมติเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีแทน[18] โดยรัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีและถอดถอน 5 คนคือ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะพบประเด็นการบริหารที่ผิดพลาดและทุจริตประพฤติมิชอบ[19] หลังการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562[แก้]เดือนพฤศจิกายน 2562 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามอิสระ โดยได้รับไฟเขียวจากทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยตัดสินใจจะไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไปตัดคะแนนกับเขา อย่างไรก็ตาม มีข่าวว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์พยายามผลักดันให้ส่งผู้สมัคร[20] วันที่ 26 กันยายน 2563 มีรายงานว่า มีสมาชิกคนสำคัญของพรรคประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคหลายคน เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ซึ่งอยู่ในช่วงที่มีการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563 มีนักวิชาการวิเคราะห์ว่าสะท้อนภาพลักษณ์ไม่มีเอกภาพในพรรคเพื่อไทย อาจเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อเตรียมรับการเลือกตั้งท้องถิ่นในช่วงต้นปี 2564[21] เดือนพฤศจิกายน 2563 คุณหญิงสุดารัตน์ลาออกจากพรรคเพื่อไทย โดยระบุเหตุผล 3 ประการ ได้แก่ 1. ความไม่ชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร 2. มีการตั้งกรรมการและอนุกรรมการโดยกีดกันทีมของเธอ และ 3. การเลือกตั้งนายก อปท. ที่ไม่อนุญาตให้เธอลงพื้นที่ช่วยหาเสียง[22] ต่อมาเธอแยกไปตั้งพรรคไทยสร้างไทย ต่อมาในวันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดขอนแก่น ซึ่งในงานมีการแสดงวิสัยทัศน์ของแกนนำพรรค ตลอดจนมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการเดินแฟชั่นผ้าไหมพื้นบ้านโดยตัวแทนสมาชิกพรรค และงานในวันนั้นมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคกลางที่ประชุมทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ พร้อมกับได้มีการเปิดตัวแพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) บุตรสาวคนเล็กของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค และเปิดตัวนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นผู้อำนวยการพรรค ก่อนจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติเลือก นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน รองหัวหน้าพรรคเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคยังเป็นประเสริฐ จันทรรวงทอง[23] ในปี 2564 พรรคยังประกาศจุดยืนแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112[24] วันที่ 20 มีนาคม 2565 พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งแพทองธาร ชินวัตรเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยนิยามว่า "ครอบครัวเพื่อไทย" เป็นแนวคิดที่พรรคต้องการแก้ปัญหาการปิดกั้นโอกาสการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน นอกจากนี้ยังกระตุ้นผู้สนับสนุนพรรคให้เลือกพรรคเพื่อไทยจนชนะขาดลอย (landslide) ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า[25] ทั้งนี้แพทองธารยังไม่รับว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ยอมรับว่าทักษิณเป็นที่ปรึกษามาโดยตลอด[26] ในปีเดียวกัน ยังมีข่าวผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลโต้คารมกันในเรื่องของอุดมการณ์รวมถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้านชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุว่า "สรุปตรงไปตรงมา พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย มีขีดจำกัดเพราะสู้ไปกราบไป พรรคอนาคตใหม่จึงต้องอุบัติขึ้นมา"[27] นอกจากนี้มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ หลังร่วมมือกันไม่เข้าร่วมประชุมจนส่งผลให้สูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อแบบ "สูตรหาร 500" ต้องตกไป และกลับไปใช้สูตรหาร 100 โดยปริยาย[28] ในเรื่องนี้นักการเมืองพรรคเพื่อไทยบางคนกล่าวหาพรรคก้าวไกลที่ไม่ใช่วิธีการไม่เข้าร่วมประชุมเช่นกันว่าต้องการสูตรหาร 500[29][30] บุคลากร[แก้]รายชื่อหัวหน้าพรรค[แก้]
รายชื่อเลขาธิการพรรค[แก้]
การเลือกตั้ง[แก้]การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยทั่วไป[แก้]พรรคเพื่อไทยที่นำโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้ง สามารถกวาดที่นั่ง ส.ส. 265 คน ทิ้งห่างพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปกว่า 100 คน พร้อมกับคว้าคะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งและสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ได้รับเลือกตั้งจำนวน 136 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[แก้]เมื่อ พ.ศ. 2552 พรรคเพื่อไทยมีมติส่งยุรนันท์ ภมรมนตรี ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยในการเลือกตั้ง ยุรนันท์ได้รับหมายเลข 10[39][40] สำหรับผลการเลือกตั้ง ยุรนันท์ได้รับ 611,669 คะแนน เป็นอันดับที่ 2[41] และใน พ.ศ. 2556 พรรคเพื่อไทยมีมติส่ง พลตำรวจเอก ดร.พงศพัศ พงษ์เจริญ ลงสมัครชิงตำแหน่ง โดยในการเลือกตั้ง พลตำรวจเอก ดร.พงศพัศได้รับหมายเลข 9 สำหรับผลการเลือกตั้ง พลตำรวจเอก ดร.พงศพัศได้รับ 1,077,899 คะแนน เป็นอันดับที่ 2 การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด[แก้]ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในประเทศไทย พ.ศ. 2563 พรรคเพื่อไทย ส่งผู้สมัครในนามของพรรคอย่างเป็นทางการหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ (พิชัย เลิศพงศ์อดิศร) จังหวัดลำพูน (อนุสรณ์ วงศ์วรรณ) จังหวัดลำปาง (ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (วิชิต ปลั่งศรีสกุล) จังหวัดอุดรธานี (วิเชียร ขาวขำ) เป็นต้น ผลการเลือกตั้งทั่วไป[แก้]
ฝ่ายเยาวชน[แก้]เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 พรรคได้เปิด สถาบันเยาวชนเพื่อไทย โดย แต่งตั้งให้ ณหทัย ทิวไผ่งาม เป็นผู้อำนวยการสถาบัน[42] ต่อมาได้มีการจัดตั้งกลุ่มเพื่อไทยพลัส โดยถูกวางกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อสร้างพื้นที่การเมืองของคนรุ่นใหม่ สู้กับอดีตพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเปลี่ยนมาเป็นพรรคก้าวไกลในภายหลัง โดยจัดกิจกรรมทางการเมืองเป็นระยะ อาทิ จัดเสวนาเพื่อไทยพลัสยุคใหม่ แข็งแกร่งกว่าเดิม โครงการเพื่อไทยยุคใหม่แข็งแกร่งเข้าถึงประชาชน โครงการอีสปอร์ตที่จะนำเสนอทิศทางในประเทศไทย และรายการเพื่อไทยพลัสออนไลน์ เสนอบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย กระทั่งในปี 2563 มีการยุติกลุ่มเพื่อไทยพลัส และมีกลุ่มใหม่เข้ามาแทนที่ คือ “คณะทำงานเยาวชนและคนรุ่นใหม่” เพื่อเป็นที่รวมตัวของคนรุ่นใหม่ในพรรค และอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน โครงสร้างการทำงานจะขึ้นตรง และรับคำสั่งจากคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ดูเพิ่ม[แก้]
อ้างอิง[แก้]
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
|