Show การเริ่มต้นอาชีพ “พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์” ให้ราบรื่นนั้น สิ่งหนึ่งที่มือใหม่ไม่ควรมองข้ามคือการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าออนไลน์ของคุณ ด้วยการ “จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” นอกจากจะเป็นการแสดงสถานะการมีตัวตนของร้านอย่างถูกกฎหมายแล้ว ยังส่งผลให้ลูกค้ามีความมั่นใจและเชื่อใจทุกครั้งที่เข้ามาสั่งซื้อของจากทางร้านอีกด้วย หากใครที่กำลังจะเปิด “ร้านค้าออนไลน์” ในเร็วๆ นี้ POST Family จะมาบอกเล่าขั้นตอน “จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยทำให้คุณค้าขายได้อย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่าลูกค้าจะมีความเชื่อถือในร้านของคุณมากขึ้น ทำไม? ต้อง “จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์”ใครที่คิดจะเริ่ม “ขายออนไลน์” เป็นครั้งแรก นอกจากเตรียมตัวเรื่องงบลงทุน มองหาสินค้าที่อยากขาย ช่องทางการขาย และระบบขนส่งที่สะดวกรวดเร็วแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ก็คือการ “จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” ข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น ก็เพื่อให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ จากการมีสถานะตัวตนทางกฎหมาย และเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆ อีกทั้งยังจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอาศัยอำนาจตามกฎหมายทะเบียนพาณิชย์ กำหนดให้ผู้ขายสินค้าหรือบริการทางอินเทอร์เน็ต ทั้งเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์หรือ Social Media ต้องจดทะเบียนพาณิชย์การประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ผู้ประกอบการแสดงตนอย่างเปิดเผยต่อทางราชการ ประโยชน์ของการ “จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์”นอกจากเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เจ้าของธุรกิจ “ขายออนไลน์” หลายคน ก็อาจจะอยากรู้เพิ่มเติมว่า นอกจากการจดทะเบียนฯ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจแล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่จะได้รับอีกหรือไม่? คำตอบคือ มี! และถือเป็นข้อดีของการจดทะเบียนฯ ด้วย ได้แก่ 1. หลังจดทะเบียนฯ เจ้าของธุรกิจจะมีสิทธิ์ในการเข้ารับการอบรม ตามหลักสูตรที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนด ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาความรู้ด้านธุรกิจ การบริหารร้านค้า เรียนรู้เทคนิคการตลาดแบบไม่มีค่าใช้จ่าย 2. ช่วยสร้างเครดิตให้กับ “ร้านค้าออนไลน์” ในสายตาของสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อเงินกู้ ยื่นขอกู้เงินทุนหมุนเวียน หรือแม้แต่การขอสินเชื่อเรื่องอื่นๆ ก็สามารถใช้ทะเบียนร้านค้าพาณิชย์เป็นหลักฐานประกอบการยื่นเอกสารทางการเงินได้เช่นกัน 3. ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐเก็บข้อมูลสถิติร้านค้าออนไลน์ได้ง่ายขึ้น รัฐจะได้สามารถดำเนินการตามนโยบายทางเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน, การช่วยเหลือผู้ประกอบการ, การสนับสนุนธุรกิจออนไลน์, การลงทุนต่างประเทศ ฯลฯ โดยเมื่อร้านค้าออนไลน์ของคุณเข้าไปอยู่ในระบบฐานข้อมูลของภาครัฐแล้ว พ่อค้าแม่ค้าก็ได้ประโยชน์ตรงนี้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่มีการเยียวยาหรือช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าในภาวะวิกฤติการระบาดของโควิด-19 กลุ่มร้านค้าออนไลน์ที่จะได้รับการช่วยเหลือแน่ๆ ก็คือ ร้านค้าที่มีรายชื่ออยู่ในระบบฐานข้อมูลของรัฐนั่นเอง หากไม่ “จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” มีสิทธิ์ถูกปรับผู้ค้าออนไลน์ทุกคนจะต้องรู้จัก “ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2553 มาตรา 5” ซึ่งบังคับให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจ ดังต่อไปนี้ ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ได้แก่ กิจการที่มีการซื้อ-ขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรือการบริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือบริษัทมหาชนจำกัดทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร) ดังนั้น การขายสินค้าออนไลน์ จึงนับเป็นพาณิชยกิจที่ต้องจดทะเบียนตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับดังกล่าว อีกทั้ง ผู้ค้าออนไลน์ต้องรู้จัก “พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499” เอาไว้ด้วย เนื่องจากเป็นกฎหมายที่กำหนดบทลงโทษไว้ในมาตรา 19 ที่ระบุว่า หาก “ร้านค้าออนไลน์” ไม่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ หรือแสดงรายการเท็จ หรือไม่มาให้นายทะเบียนพาณิชย์สอบสวน ไม่ยอมให้ถ้อยคำ หรือไม่ยอมให้ทะเบียนพาณิชย์หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบนั้น จะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และให้ปรับอีกวันละ 100 บาท จนกว่าจะจดทะเบียนแล้วเสร็จ ใครบ้างที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์? 1. ผู้ขายสินค้า/บริการ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และ Social Media 2. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP) 3. ผู้ให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (WebHosting) 4. ผู้ให้บริการเป็นตัวกลางในการซื้อขายสินค้า/บริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต (E-Marketplace) เช่น Lazada Shopee ฯลฯ โดยต้องขอจดทะเบียนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มค้าขาย ผู้ค้าต้องทำเว็บไซต์ที่จะใช้ขายสินค้าให้เรียบร้อย เช่น ลงรูปสินค้า คำบรรยาย ราคา วิธีชำระเงิน และวิธีจัดส่งให้ครบถ้วน รู้ขั้นตอนการยื่นจดทะเบียนฯ และเช็กจุดให้บริการผู้ขายสินค้าหรือบริการผ่านทางออนไลน์ สามารถเดินทางไปจดทะเบียนพาณิชย์ ณ สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามที่ตั้งของสถานประกอบการหรือตามที่อยู่ของผู้ขาย โดยเอกสารที่จำเป็น ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง สำเนาบัตรประชาชน รูปหน้าแรกของเว็บไซต์ (Print เป็นเอกสารเตรียมไปด้วย) ส่วนขั้นตอนการยื่นจดทะเบียน และเอกสารสำคัญที่ใช้จดทะเบียนพาณิชย์เล็กทรอนิกส์ มีดังนี้ วิธีขอเครื่องหมาย “DBD Registered” รับรองธุรกิจออนไลน์เมื่อพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ผ่านขั้นตอนการยื่นจดทะเบียนฯ เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็สามารถขอใช้เครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่าเครื่องหมาย “DBD Registered” ได้เลย โดยเครื่องหมายนี้มีประโยชน์คือ ใช้แสดงความมีตัวตนในการประกอบธุรกิจ e-Commerce โดยแสดงไว้บนหน้าเว็บไซต์ร้านค้าของคุณ และสามารถคลิกตรวจสอบข้อมูลความมีตัวตนมายัง www.trustmarkthai.com ได้ สำหรับช่องทางในการยื่นขออนุญาตใช้เครื่องหมาย “DBD Registered” สามารถแจ้งขอใช้เครื่องหมายฯ ได้ที่ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 0-2547-5960 หรือ เว็บไซต์ www.trustmarkthai.com หรือ ส่งเอกสารมาที่ e-Mail : [email protected] หรือ โทรสาร 0-2547-5973 NOTE : เครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จะมีอายุการใช้งานเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กรมอนุมัติให้มีกำหนดใช้ นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเครื่องหมายที่ควรรู้ คือ “เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือ” หรือเรียกว่า “DBD Verified” แต่การจะขอเครื่องหมายประเภทนี้ ต้องผ่านเงื่อนไขและคุณสมบัติที่ซับซ้อนมากกว่าประเภทแรก แต่ “พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์” จะเรียนรู้เอาไว้ก็ไม่เสียหาย โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ คือ DBD Verified เป็นเครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือ เพื่อยกระดับการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค ที่ต้องการมองหาร้านค้าออนไลน์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับ Silver (ดี), ระดับ Gold (ดีมาก) และ ระดับ Platinum (ดีเด่น) โดยจะออกให้แก่ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่จดทะเบียน และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์กำหนด และมีคุณภาพผ่านเกณฑ์ประเมิน ตามมาตรฐานคุณภาพธุรกิจ e-Commerce ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เช่น
NOTE : เครื่องหมายประเภทนี้ จะมีอายุการใช้งานเป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันอนุญาตและสามารถยื่นขอต่ออายุได้ปีต่อปี สามารถยื่นขอได้ที่เว็บไซต์ www.trustmarkthai.com เช่นกัน อ่านมาถึงตรงนี้ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คงมองเห็นประโยชน์ของการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กันแล้ว เอาเป็นว่าใครกำลังจะเปิดร้านออนไลน์ ก็รีบไปจดทะเบียนร้านกันดีกว่า ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ไม่ต้องกังวลเรื่องจดทะเบียนร้านแล้วโดนตรวจสอบการเสียภาษี เพราะจริง ๆ แล้ว การเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายก็มีข้อดี คือ จะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้ หากอยากเรียนรู้เรื่องภาษีสำหรับผู้ค้าออนไลน์ให้มากขึ้น เข้ามาดูเพิ่มเติมได้ที่ เรื่องภาษีน่ารู้ สำหรับผู้ค้าออนไลน์ บทความที่เกี่ยวข้อง
Post Views: 36,486 |