เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

  • ซื้อ เครื่องฟอกอากาศ รุ่นไหนดี?
  • เครื่องฟอกอากาศสำคัญอย่างไร ? ช่วยป้องกันไวรัสได้หรือไม่?
  • ระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศทำงาน
  • ข้อควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
  • วีดีโอ รีวิว 3 อันดับเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี
  • ตารางเปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุด
  • เครื่องฟอกอากาศ vs เครื่องปรับอากาศ
  • อันตรายจาก ฝุ่น PM2.5
  • ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศ
  • วิธีอื่น ๆ ที่ช่วยทำให้อากาศภายในบ้านให้ดีขึ้น
  • ตารางเปรียบเทียบ รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ช่วยกรองเชื้อโรค และฝุ่น ปี 2022

Show

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันหลายคนอาจจะโฟกัสและกังวลเพียงแค่สถานการณ์ “โควิด 19” ที่จะต้องป้องกันโรคด้วยการใส่หน้ากากอนามัยหรือล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบ New Normal แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันในเวลานี้นั่นคือ “ฝุ่น PM 2.5” เพราะสภาพอากาศในบ้านเราในปัจจุบันไม่น่าไว้วางใจมากนัก เนื่องจากมีมลภาวะมากมายในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษ เช่น ควันจากยาสูบ, การเผาไม้, การปรุงอาหาร, ก๊าซจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด, ควันจากการก่อสร้าง, ไรฝุ่น, เชื้อรา เกสรดอกไม้และสะเก็ดผิวหนังรวมถึงเส้นขนของสัตว์เลี้ยง ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ได้

ถ้าหากอยากให้คุณและคนรอบข้างภายในบ้านได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เราแนะนำให้คุณซื้อ “เครื่องฟอกอากาศ” ไว้ภายในบ้าน โดยเครื่องฟอกอากาศนั้นมีอยู่หลายรุ่นให้คุณได้พิจารณาเลือกซื้อ ในยามที่ฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศครองเมืองเช่นนี้ ดังนั้นวันนี้เราจึงรวบรวมข้อมูลสินค้าน่าสนใจมาไว้ให้คุณได้อ่านกัน

ซื้อ เครื่องฟอกอากาศ รุ่นไหนดี?

  • เครื่องฟอกอากาศราคาประหยัด: เครื่องฟอกอากาศ Worldtech รุ่น WT-P50
  • เครื่องฟอกอากาศที่คุ้มค่า ครอบคลุมทุกการใช้งาน: SHARP เครื่องฟอกอากาศ FP-GM30B
  • เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่ดีที่สุด: เสี่ยวมี่ เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ Xiaomi Mi Air Purifier 3H (Global Version)
  • เครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดสำหรับห้องขนาดใหญ่: Tefal เครื่องฟอกอากาศ รุ่น PURE AIR PT3030
  • เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ที่น่าเชื่อถือ: PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215
  • เครื่องฟอกอากาศโดยรวมที่ดีที่สุด: Daikin ไดกิ้น เครื่องฟอกอากาศ รุ่น MC55UVM6

เครื่องฟอกอากาศสำคัญอย่างไร ? ช่วยป้องกันไวรัสได้หรือไม่?

เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าอากาศมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตมากที่สุด หากเป็นสมัยก่อนตอนที่ยังไม่มีการเติบโตทางอุตสาหกรรมและความเจริญก้าวหน้าในเมืองหลวง เครื่องฟอกอากาศอาจมีความจำเป็นน้อยมาก ๆ สำหรับเรา แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้มลพิษทางอากาศมีมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนเราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สิ่งที่เราสามารถสัมผัสและพบเจอได้บ่อยที่สุดก็คือ ควันธูป, ควันจากการเผาไหม้, ควันท่อไอเสียจากรถ หรือควันจากโรงงานอุตสาหกรรมเอง ก็มีส่วนผลักดันให้โลกของเราเต็มไปด้วยมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะเจ้าฝุ่นน้อยตัวจิ๋วอย่าง PM2.5 ที่ปกคุลมทั่วท้องฟ้าตั้งแต่เช้ายันค่ำทำให้เราต้องสูดดมสิ่งเหล่านี้เข้าไปเต็มปอด ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและอาจลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายของเราได้ สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ พวกสารก่อภูมิแพ้ อย่าง พวกไรฝุ่น เกสรดอกไม้ และสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ที่สามารถทำให้คุณมีอาการระคายเคืองตามผิวหนัง, ตา, จมูก รวมถึงระบบทางเดินหายที่รุ่นแรงมากขึ้น หากคุณยังไม่มีการป้องกันที่ดีมากพอ นอกจากนี้เราทุกคนจะต้องระวังตัวจากเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่สามารถลอยในอากาศช่วงระยะเวลาหนึ่งได้ (เมื่อผู้ติดเชื้อมีการไอ จาม หรือแม้กระทั่งพูดคุย)

ดังนั้นทางออกเดียวที่จะทำให้เราอุ่นใจมากขึ้นคือการใช้เครื่องฟอกอากาศ ที่จะทำให้ภายในบ้านมีระบบหมุนเวียนอากาศที่ดีและสามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมันสามารถดักจับสิ่งสกปรกได้ ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น แบคทีเรีย กลิ่น รวมถึงสามารถดักจับฝุ่น PM2.5 และ โคโรนาไวรัส Sars-Cov-2 (Covid-19) ได้ (สำหรับการดักจับโคโรนาไวรัสจะต้องใช้ตัวกรอง HEPA ที่มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาดเล็กได้จริง ซึ่งจะต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของแต่ละยี่ห้อด้วย) ดังนั้นการใช้เครื่องฟอกอากาศสำหรับลดความเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อโควิดในยุคนี้นั้นจึงค่อนข้างมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านเสริมความงาม, สำนักงานหรือออฟฟิศต่าง ๆ นั้น ควรมีเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA เฮปป้า มาด้วยเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าอากาศที่คุณสูดเข้าไปมีความปลอดภัยจากเชื้อโควิด

ระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศทำงาน

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
แผ่นกรองชั้นแรก → แผ่นกรอง AC → แผ่นกรอง HEPA
ระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศทำงานดังนี้
  1. ดูดอากาศที่ปนเปื้อนเข้าสู่เครื่อง
  2. เข้าสู่กระบวนการกรองผ่านแผ่นกรอง (Filter) กรองฝุ่นละอองฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียต่าง ๆ
  3. ปล่อยอากาศที่ได้ผ่านกระบวนการกรองอย่างละเอียดออกสู่เครื่อง
**หมายเหตุ ผู้ใช้ควรมีแผ่นกรองสำรองไว้เปลี่ยนเมื่อแผ่นกรองอุดตันจากสิ่งที่ดูดมา

ข้อควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ

1. คุณภาพของแผ่นกรองอากาศ 

แผ่นกรองอากาศ เป็นสิ่งสำคัญที่คอยดักจับฝุ่น, แบคทีเรีย, เชื้อรา, ไวรัส และกลิ่น โดยแผ่นกรองอากาศนั้นทำมาจากเส้นใยที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นซื้อสินค้าควรจะต้องเช็กให้ดีว่าแผ่นกรองอากาศของเครื่องนั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน โดยปกติแล้วแผ่นกรองอากาศจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท

แผ่นกรองอากาศอย่างหยาบ ใช้ดักจับฝุ่นละอองอนุภาคขนาดใหญ่ ก่อนเข้าสู่ระบบฟอกชั้นต่อไป เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของชั้นกรองอื่น ๆ สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้เท่าที่ต้องการ
แผ่นกรองแผ่นกรอง AC แผ่นกรองคาร์บอนถ่านหิน เป็นตัวกรองที่ดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ มีอายุการใช้งานที่ต้องซื้อเปลี่ยนใหม่
แผ่นกรองอากาศอย่างละเอียด โดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นแผ่นกรองชนิด HEPA มักอยู่ในชั้นสุดท้าย มีความสามารถในการกรองอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ อย่างเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และไวรัส เป็นต้น มีอายุการใช้งานที่ต้องซื้อเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งที่มันไม่สามารถกรองได้อีกต่อไปแล้ว

2. เสียงรบกวน ความดังขณะที่เครื่องทำงาน

เสียงระหว่างการทำงานจะต้องเบาไม่รบกวนการพักผ่อนของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน โดยส่วนใหญ่ความดังของเครื่องฟอกอากาศจะมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับโหมดทำงานนั้น ๆ หากสภาพอากาศอยู่ในโหมดเลวร้าย เครื่องก็จะเร่งการทำงานให้แรงขึ้นเพื่อที่จะได้สามารถเปลี่ยนคุณภาพอากาศได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งความดังของเสียงจะอยู่ที่ประมาณ 60 เดซิเบล (dB) ในกรณีที่ใบพัดหมุนเร็วสุด แต่ในกรณีที่อยู่ในโหมดออโต้หรือโหมดสำหรับนอนหลับพักผ่อน ก็ไม่ควรเกิน 30 เดซิเบล (dB)

3. เซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศ

หากตัวเครื่องฟอกอากาศมีเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศที่ดี แน่นอนว่าตัวเครื่องก็จะมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นตามไปด้วย เพียงแค่วางเครื่องไว้มุมใดมุมหนึ่งของห้อง เครื่องก็จะทำงานอัตโนมัติและแจ้งเตือนทันที ทำให้คุณไม่จำเป็นจะต้องมาวัดคุณภาพอากาศเองให้เสียเวลา

ซึ่งระบบเซนเซอร์ที่ดีนั้นจะต้องตรวจจับคุณภาพของอากาศได้ในระยะไกล และต้องมีความแม่นยำ มีความเสถียรภาพในระดับหนึ่ง  ไม่ควรเปลี่ยนค่าไปมาให้สับสน แต่การจะพิสูจน์ว่าเซอเซอร์ของเครื่องฟอกอากาศตัวไหนดีที่สุดได้นั้นค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากลำบากสักเล็กน้อย เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยจนกว่าเราจะซื้อมาใช้งานเองและได้เปรียบเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะช่วยยืนยันได้ว่าเครื่องฟอกอากาศของคุณมีระบบเซนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ ก็คือแบรนด์ผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ ที่สามารถไว้วางใจได้ หรืออาจจะดูจากมาตรฐานการรับรองต่าง ๆ เป็นต้น

4. ขนาด และเคลื่อนย้ายสะดวกมากน้อยเพียงใด

หากคุณเป็นคนที่ย้ายที่อยู่บ่อยหรือมีความจำเป็นจะต้องพกพาเครื่องฟอกอากาศติดตัวไปด้วย หรือคุณยังไม่งบมากพอจะซื้อเครื่องฟอกอากาศหลาย ๆ เครื่องในบ้าน แนะนำให้คุณเลือกเครื่องที่มีน้ำหนักเบาหรือมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป และควรมีหูหิ้วที่จับถนัดมือ เพื่อให้สะดวกต่อการขนย้าย

5. ฟังก์ชันเสริม ที่น่าสนใจ และไม่ควรมองข้าม

  • การควบคุมจากระยะไกล : มีรีโมทคอนโทรลหรือมีการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน เป็นวิธีที่สะดวกและใช้งานง่ายที่สุด
  • การทำงานของเซ็นเซอร์ที่ชาญฉลาด : หมายถึงมันสามารถปรับโหมดการทำงานได้เองโดยที่เราไม่ต้องตั้งค่าควบคุมอะไร
  • ระบบหมุนเวียนอากาศ : เราสามารถดูตรงนี้ได้จาก ข้อมูลประสิทธิภาพของ CADR ที่จะบอกหน่วยเป็น ลบ.ม./ชม. ซึ่งมันคือค่าอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์นั่นเอง
  • มีระดับแรงลมกี่ระดับ : ยิ่งมีระดับแรงลมให้เลือกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้หลากหลายสถานการณ์ได้มากขึ้นเท่านั้น
  • แจ้งเตือนอายุการใช้งานของแผ่นกรอง : มันจะดีมาก ๆ หากเครื่องฟอกอากาศของคุณสามารถแจ้งเตือนอายุไส้กรองได้ เพื่อให้เราได้รับการฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพเสมอต้นเสมอปลาย
  • มีระบบป้องกันภัยสำหรับตัวเครื่องและผู้ใช้งานที่ดี : เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นก็มีระบบปิดเครื่องเองหากคุณเผลอเปิดแผงกรองอากาศโดยไม่ทันได้ปิดก่อน หรือบางครั้งมันก็หยุดทำงานทันที ที่พบว่าไส้กรองอากาศหมดอายุการใช้งาน เพื่อป้องกันความเสียจากตัวเครื่องและสุขภาพโดยรวมของคุณ
  • เซนเซอร์ตรวจจับแสงสว่าง : เซนเซอร์ตัวนี้จะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอน เพราะมันจะช่วยหรี่แสงไฟบนหน้าจอแสดงผล และช่วยปรับโหมดการทำงานเป็นโหมดพักผ่อนให้เอง โดยที่คุณไม่ต้องสั่งการควบคุมใด ๆ เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบที่สุดและลดการรบกวนเกี่ยวกับแสง LED ในขณะที่คุณนอนหลับ

วีดีโอ รีวิว 3 อันดับเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี

รีวิว PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก philips.co.th

ราคา 5,990 บาท*

เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ที่น่าเชื่อถือ

เครื่องฟอกอากาศจาก Philips รุ่น AC1215 จะช่วยส่งเสริมการนอนหลับให้คุณตลอดทั้งคืนด้วยการมอบอากาศที่บริสุทธิ์ โดยทำงานผ่านแผ่นกรองทั้ง 3 ชั้น (แผ่นกรองอย่างหยาบ, แผ่นกรอง AC และแผ่นกรอง HEPA) ซึ่งเป็นแผ่นกรองที่ผ่านมาตรฐานสถาบันชั้นนำของโลกและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ ได้จริง นอกจากนี้ยังใช้เซนเซอร์อัจฉริยะเป็นตัวควบคุมการทำงาน ซึ่งเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศนั้นค่อนข้างตรวจจับได้ในระยะไกลแบบครอบคลุมทั่วทั้งห้องจริง ๆ ในขนาดกว้างถึง 63 ตร.ม. ตามที่ทางแบรนด์ได้เคลมไว้ จึงทำให้ภายในห้องมีระบบหมุนเวียนอากาศในห้องที่ดี ทั้งยังทำงานได้เงียบมากไม่ส่งเสียงรบกวนแม้แต่น้อย (หากไม่มีไฟสถานะแสดงไว้เราก็ไม่รู้เลยว่าเครื่องกำลังทำงานอยู่) อีกทั้งทาง Philips ก็มีระบบป้องกันภัยสำหรับตัวเครื่องและผู้ใช้งานที่ดีเยี่ยม จึงค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่าสามารถใช้งานในห้องที่เด็กเล็กได้อย่างปลอดภัยหายห่วง

คุณสามารถเข้าไปอ่านรีวิวการใช้งานจริงได้จากบทความ รีวิว เครื่องฟอกอากาศฟิลิปส์ PHILIPS รุ่น AC1215 เพื่อเป็นทางเลือกอีกทางในการพิจารณาเลือกซื้อ เนื่องจากจะเป็นการรีวิวที่ละเอียดและทดสอบใช้งานการกรองฝุ่น กรองควัน และกรองกลิ่น จริง ๆ

วีดีโอ ทดสอบการใช้งานจริง

จุดเด่น

  • แผ่นกรองมีมาตรฐานรองรับที่น่าเชื่อถือ
  • มีเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศที่คอยปรับโหมดการทำงานเอง (ซึ่งมีถึง 5 ระดับ) โดยทำงานได้ในรัศมีระยะที่กว้างมาก
  • มีเซนเซอร์วัดแสงที่จะปรับแสงไฟหน้าจอให้อัตโนมัติ เพื่อให้คุณนอนหลับเต็มอิ่มตลอดคืน
  • มีการแจ้งเตือนอายุการใช้งานของแผ่นกรองผ่านหน้าจอแสดงผล โดยการคำนวณอายุแผ่นกรองตามระดับมลพิษที่ใช้งานจริง ๆ

ข้อควรพิจารณา

  • หน้าจอไม่มีตัวเลขบอกระดับความหนาแน่นของมลพิษทางอากาศ
  • ไม่มีรีโมทควบคุมหรือการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันมือถือ จึงไม่สามารถตั้งเวลาปิดเครื่องล่วงหน้าได้

คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.3 เต็ม 10 

ขนาด54.3 x 32.5 x 21.0 ซม.
น้ำหนัก 5.3 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้270 ลบ.ม./ชม.
โหมดการทำงาน5 ระดับ
อายุการงานแผ่นกรองแผ่นกรอง AC 12 เดือน / แผ่นกรอง HEPA 24 เดือน
ขนาดห้อง63 ตร.ม.

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Air Purifier 3C

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก mi.com

ราคา 2,999 บาท*

คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.1 เต็ม 10 

สำหรับเครื่องฟอกอากาศตัวนี้จะคล้าย ๆ กับรุ่น Xiaomi Mi Air Purifier 3H เลย ทั้งขนาดและฟังก์ชันพิเศษต่าง ๆ ถูกออกแบบมาเหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าเป็นระบบกรองถึง 3 ชั้น (แผ่นกรองอย่างหยาบ, แผ่นกรอง HEPA และชั้นผงถ่านกัมมันต์คุณภาพสูง) ที่สามารถกรองละอองเกสร, สารก่อให้เกิดภูมิแพ้, ไวรัส-แบคทีเรียบางชนิด รวมถึงสามารถกำจัด PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมการใช้งานผ่านแอปฯ  Mi Home และเสียง AI อัจฉริยะ ทั้งยังแสดงผลคุณภาพของอากาศผ่านจอ LED ดิจิทัล โดยจะอัปเกรดข้อมูลขึ้นแบบเรียลไทม์ตลอดเวลา ตัวเครื่องสามารถปรับความสว่างของจอได้เองอัตโนมัติ 3 ระดับ เพื่อให้คุณได้พักผ่อนได้เต็มที่ ซึ่งจะใช้เซนเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงมากในการตรวจวัด สิ่งเดียวทำให้รุ่น Mi 3C และ Mi 3H ต่างกันคือพื้นที่ใช้งาน ที่ซึ่งรุ่นนี้จะเหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก (22-38 ตร.ม.) อย่าง ห้องนอน/ห้องอ่านหนังสือมากกว่า โดยจะมีประสิทธิภาพการครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 106 ตร.ม./ชม. หากใครต้องการใช้ในพื้นที่ใหญ่ขึ้น แนะนำเป็นรุ่น Mi 3H นอกจากนี้หากใครอยากอ่านรีวิวการใช้งานฉบับเต็มของเครื่องฟอกอากาศ Mi 3C ก็สามารถกดเข้าไปอ่านรายละเอียดการทดสอบเพิ่มเติมได้เลย

วีดีโอ ทดสอบการใช้งานจริง

จุดเด่น

  • มีช่องดูดอากาศรอบทิศทาง ทำให้มั่นใจได้ว่าเครื่องจะดูดอากาศรอบ ๆ ห้องได้ครอบคลุม
  • ควบคุมผ่านโทรศัพท์มือถือได้และสั่งการด้วย AI เสียงอัจฉริยะได้
  • ออกแบบมาให้เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ประหยัดพลังงาน ที่กินไฟน้อยกว่าหลอดไฟทั่วไป
  • มีเซนเซอร์วัดแสงและวัดคุณภาพอากาศที่คอยปรับโหมดการทำงานแบบอัติโนมัติให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภายในห้อง

ข้อควรพิจารณา

  • การออกแบบของ Xiaomi Mi Air Purifier ทุกรุ่น ไม่เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้าย เพราะไม่มีหูจับหรือหูหิ้วมาให้ หากเคลื่อนย้ายไม่ระวัง ก็อาจจะทำให้เครื่องได้รับความเสียหายได้
  • เซนเซอร์ที่ทำงานรวดเร็วเกินไป และระยะรัศมีของเซนเซอร์ค่อนข้างแคบ ดังนั้นหากคุณภาพอากาศไม่ได้อยู่ในรัศมีของตัวเซนเซอร์จริง ๆ อาจจะทำให้เครื่องไม่ยอมเปลี่ยนโหมดทำงานได้ (แนะนำให้ตั้งไว้กลาง ๆ ห้อง เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด)
ขนาด24 x 24 x 52 ซม.
น้ำหนัก4.6 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้320 ลบ.ม./ชม.
โหมดการทำงาน3 ระดับ
อายุการงานแผ่นกรอง6~12 เดือน
ขนาดห้อง22-38 ตร.ม.

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Worldtech รุ่น WT-P50

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก worldtech.asia

ราคา 1,250 บาท*

เครื่องฟอกอากาศราคาประหยัด

เครื่องฟอกอากาศ Worldtech รุ่น WT - P50 เป็นเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดสำหรับการใช้งานภายในห้องขนาด 40 - 55 ตารางเมตร มีฟิลเตอร์ตัวกรองถึง 4 ชั้น ที่มีทั้งแผ่นกรอง HEPA ของแท้เกรด H11 และไส้กรองคาร์บอนถ่านกัมมันต์ ที่ผสมผสานประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างลงตัว สามารถจัดการได้ตั้งแต่สิ่งปนเปื้อนอนุภาคใหญ่ไปจนถึงอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ อย่าง PM2.5 ได้เป็นอย่างดี ตัวโปรดักซ์ถูกดีไซน์ออกมาได้สวยงาม ดูทันสมัยใช้งานง่ายเหมาะสำหรับทุกห้องทุกสไตล์การตกแต่ง ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก

สำหรับใครที่สนใจหรือกำลังลังเลและอยากได้รีวิวเพิ่มเติมก็สามารถเข้ามาอ่านบทความรีวิวเครื่องฟอกอากาศ Worldtech รุ่น WT - P50 ได้ก่อนเลย ซึ่งในนั้นเราก็จะมีรายละเอียดยิบย่อยเพิ่มเติม รวมถึงรีวิวที่ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานกันแบบละเอียดยิบและเรียลสุด ๆ

วีดีโอ ทดสอบการใช้งานจริง

จุดเด่น

  • มีฟิลเตอร์ตัวกรองในตัว 4 ชั้น เพิ่มความมั่นใจในการฟอกอากาศได้เป็นอย่างดี
  • สามารถตั้งเวลาการทำงานเปิดเครื่องล่วงหน้าได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมง
  • มีฟังก์ชันการทำงานปล่อยไอออนที่สามารถปิด/เปิดควบคุมเองได้

ข้อควรพิจารณา

  • รีโมทคอนโทรลที่ใช้ควบคุมในระยะไกล ยังไม่ดีเท่าที่ควร ไม่สามารถทำงานในระยะไกลได้จริง
  • หน้าจอควบคุมแบบ Touch Screen มีความไวต่อการสัมผัสเป็นอย่างมาก ทำให้ใช้งานลำบากเล็กน้อย
  • เซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศยังไม่เสถียรมากเท่าที่ควร แต่เมื่อเทียบกับราคาแล้วก็อยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้

คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 8.4 เต็ม 10 

ขนาด51.5 x 33 x 20 ซม.
น้ำหนัก4.76 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้250 ลบ.ม./ชม.
โหมดการทำงาน3 โหมด
อายุการใช้งานแผ่นกรอง8-12 เดือน
ขนาดห้อง40-55 ตร.ม.

* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า

รีวิว Worldtech เครื่องฟอกอากาศ รุ่น WT-P40

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก worldtech.asia

ราคา 930 บาท*

เครื่องฟอกอากาศราคาประหยัด ตัวเครื่องบางเคลื่อนย้ายสะดวก

เครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดสุด ๆ ที่ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานสูงถึง 40 ตรม. โดยรุ่นนี้จะใช้แผ่นกรองที่ช่วยทำให้อากาศบริสุทธิ์ถึง 4 ชั้น ซึ่งมีทั้งตัวกรอง HEPA เกรด H11 ที่ดักจับเชื้อแบคทีเรีย, ไวรัส, สารก่อภูมิแพ้ และสารอันตรายขนาดเล็กอื่น ๆ รวมถึงฝุ่นละออง PM2.5 และยังมีตัวกรอง (AC) คาร์บอน สำหรับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ในตัว มาพร้อมกับรีโมทควบคุมได้จากระยะไกล และแผงควบคุมที่หันหน้าออก ทำให้มองเห็นสถานะของอากาศได้อย่างชัดเจน โดยแผงควบคุมจะเป็นภาษาไทยทั้งหมด ทำให้ใช้งานง่ายดาย และรุ่นนี้ยังจะสามารถตั้งเวลาเปิดปิดได้สูงสุด 8 ชั่วโมง มีการปล่อยไอออนที่ผู้ใช้สามารถเปิดปิดได้เอง

จุดเด่น

  • มีฟิลเตอร์ตัวกรองในตัว 4 ชั้น
  • มีฟังก์ชันการทำงานปล่อยไอออนที่สามารถปิด/เปิดควบคุมเองได้

ข้อควรพิจารณา

  • รีโมทคอนโทรลที่ใช้ควบคุมในระยะไกล ยังไม่ดีเท่าที่ควร
  • เซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศยังไม่เสถียร แต่เมื่อเทียบกับราคาแล้วก็อยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้
  • ตัวหน้าจอที่หันหน้าออก ทำให้ไม่เหมาะสำหรับใช้ในห้องนอน เนื่องจากแสงหน้าจออาจรบกวนได้
  • ช่องปล่อยลมบริสุทธิ์อยู่ด้านหลัง ทำให้กระจายได้ทั่วห้องช้ากว่าปกติ ดังนั้นแนะนำให้วางไว้กลางห้อง

หมายเหตุ : หากให้เปรียบเทียบกับรุ่น WT-P50 ดูเหมือนว่า WT-P50 จะทำออกมาได้ดีกว่า เนื่องจากชั้นกรองเหมือนกันและมีราคาใกล้เคียงกัน ซึ่ง WT-P50 จะมีแผงหน้าจอและช่องปล่อยลมอยู่ด้านบนของเครื่องจึงสามารถใช้งานในห้องนอนได้ แต่ WT-P40 จะมีตัวเครื่องที่บางมากกว่า ทำให้สามารถตั้งที่ไหนก็ไม่เปลืองพื้นที่ เหมาะสำหรับใช้งานในห้องนั่งเล่น ทั้งยังมีหูหิ้วที่สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย

ขนาด56.5 x 36 x 20 ซม.
น้ำหนัก4.2 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้250 ลบ.ม./ชม.
โหมดการทำงาน3 โหมด
อายุการใช้งานแผ่นกรอง8-12 เดือน
ขนาดห้อง40 ตร.ม.

รีวิว SHARP เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J30TA (ขนาด 23 ตรม.)

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก global.sharp

ราคา 2,666 บาท*

เครื่องฟอกอากาศที่คุ้มค่า ครอบคลุมทุกการใช้งาน

เครื่องฟอกอากาศจาก SHARP รุ่น FP-J30TA หากดูจากในรูปโฆษณาอาจจะคิดว่ามีขนาดเล็ก แต่จริง ๆ แล้วมันมีความสูงถึง 43 ซม. ครอบคลุมการใช้งานในห้องขนาด 23 ตร.ม. สามารถใช้งานในห้องทำงาน ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่นก็ได้ มาพร้อมกับแผ่นกรอง 2 ชั้น คือชั้นกรอง HEPA และชั้นกรองอย่างหยาบ ดังนั้นใครที่อยากใช้งานสำหรับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นรุ่นนี้คงทำไม่ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ในส่วนของเซนเซอร์สำหรับวัดละอองฝุ่นก็ไม่มีมาให้เช่นกัน ทำให้คุณจะต้องควบคุมเลือกโหมดการทำงานด้วยตัวเอง แต่เครื่องฟอกอากาศของ SHARP จะมีระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ที่เป็นเทคโนโลยีของ SHARP โดยเฉพาะมาให้ จึงสามารถพ่นอนุภาคไฟฟ้าได้ขณะที่ฟอกอากาศไปด้วย ซึ่งอนุภาคไฟฟ้าเหล่านี้จะไปเข้าทำลายเซลล์ของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสได้อย่างหมดจด จนได้อากาศที่สะอาดปราศจากเชื้อโรคนั่นเอง

จุดเด่น

  • ไส้กรองฝุ่นมีอายุการใช้งานยาวนาน และถอดเปลี่ยนทำความสะอาดได้ง่าย
  • สามารถตั้งเวลาปิดเครื่องแบบ 4 ชั่วโมง หรือ 8 ชั่วโมง ได้
  • มีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้นสำหรับใช้สสารเชื้อโรคได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น

ข้อควรพิจารณา

  • ไม่มีเซนเซอร์วัดละอองฝุ่น ทำให้ต้องเลือกโหมดการทำงานเอง
  • ไม่มีชั้นกรองกลิ่นคาร์บอนมาให้ (มีแต่การกรอง HEPA, แผ่นกรองชั้นแรกเท่านั้น)
  • ไม่มีรีโมทควบคุมหรือการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันมือถือ
ขนาด 43.1 x 41.1 x 22.1 ซม.
น้ำหนัก4 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้ไม่ระบุ
โหมดการทำงาน3 โหมด
อายุการงานแผ่นกรอง2 ปี
ขนาดห้อง16-23 ตร.ม.

รีวิว MITSUTA เครื่องฟอกอากาศ 6 ขั้นตอน รุ่น MAP450

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก mitsuta.co.th

ราคา 2,690 บาท*

เครื่องฟอกอากาศจากมิตซูต้าที่ใช้ขั้นตอนการกรองอากาศให้บริสุทธิ์มากถึง 6 ขั้นตอน โดยอาศัยชั้นกรองทั้งหมด 4 ชั้น อันได้แก่ ชั้นกรองอย่างหยาบ, ชั้นกรองอนุภาคขนาดเล็ก HEPA, ชั้นกรองคาร์บอน + Zeolite สำหรับดูดซับกลิ่นสารเคมี และชั้นกรอง Cold Catalytic ที่ใช้กรองสารอินทรีย์ระเหยง่าย ส่วนขึ้นตอนสุดท้ายคือการใช้เทคโนโลยี Ionizer ที่เป็นการปล่อยไอออนลบที่แผ่นกรองอากาศไม่สามารถดักจับได้ ตัวเครื่องฟอกอากาศออกแบบมาให้ประหยัดค่าไฟ จึงทำให้คุณได้อากาศบริสุทธิ์อย่างยาวนานโดยที่ไม่กินไฟแม้แต่น้อย ช่วยป้องกันคุณจากโรคภูมิแพ้ ฝุ่น PM2.5 และช่วยในเรื่องระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ ได้ดี ตัวเครื่องควบคุมง่าย ๆ ด้วยปุ่ม Touch Screen เพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น ทั้งยังมีความบางพอสมควรสามารถตั้งมุมไหนของห้องก็ได้โดยไม่กินพื้นที่

จุดเด่น

  • มีฟิลเตอร์ตัวกรองในตัว 4 ชั้น
  • ถอดฝาหน้าสำหรับเปลี่ยนแผ่นกรองได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องออกแรงแกะฝา
  • ออกแบบมาให้กินไฟน้อย เพราะจะใช้กำลังไฟฟ้าเพียง 45 วัตต์ หรือประมาณ 25 สต./ชม. เท่านั้น
  • สามารถตั้งเวลาเปิด/ปิด อัตโนมัติได้

ข้อควรพิจารณา

  • ไม่มีเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นมาให้ จึงไม่สามารถปรับโหมดทำงานอัติโนมัติได้
  • ไม่มีรีโมทควบคุมหรือการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันมือถือ
ขนาด(สูงกว้างลึก)55.5 x 19 x 34 ซม.
น้ำหนัก5 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้218 ลบ.ม./ชม.
โหมดการทำงาน3 โหมด
อายุการงานแผ่นกรอง1 ปี
ขนาดห้อง20-30 ตร.ม.

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC0820

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก philips.co.th

ราคา 3,290 บาท*

เครื่องฟอกอากาศจาก Philips ในขนาดเล็กกะทัดรัดแต่ทรงประสิทธิภาพสูง เพราะด้วยขนาดที่เล็กมาก ๆ สามารถตั้งบนหัวเตียงหรือโต๊ะทำงานได้ แต่กลับครอบคลุมพื้นที่ใช้งานได้สูงถึง 49 ตร.ม. หรือประมาณขนาดของคอนโดหนึ่งห้องเลยก็ว่าได้ โดยสามารถอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 190 ลบ.ม./ชม. ถือว่าไม่มากไปไม่น้อยไป เหมาะสำหรับการวางไว้ในห้องนอน ทำงานเงียบมาก ๆ ทั้งยังใช้งานง่าย ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเซนเซอร์ทำงานตรวจวัดอากาศแบบละเอียดสุด ๆ ด้วยการสแกน 1000 ครั้ง/วินาที และแสดงผลสถานะของอากาศแบบเรียลไทม์บนหน้าจอเครื่องฟอกอากาศเป็นสีที่มองเห็นชัดเจนอย่างง่ายดาย

จุดเด่น

  • แผ่นกรองมีมาตรฐานรองรับจากสถาบันวิจัยชั้นนำ
  • ด้วยขนาดที่เล็กจึงสามารถนำไปใช้ได้หลายสถานการณ์ สามารถจัดวางพื้นที่ไหนก็ได้และยังเคลื่อนย้ายสะดวกสุด ๆ
  • เปิดได้ตลอดทั้งคืนโดยที่ไม่เปลืองไฟ เพราะกินไฟเพียง 20 วัตต์ หรือประมาณหลอดไฟมาตรฐาน 1 ดวง
  • มีการออกแบบให้สามารถดูดอากาศได้รอบทิศทางเป็นทรงกระบอกแบบ 360°

ข้อควรพิจารณา

  • ไม่มีชั้นกรองกลิ่น (มีแต่การกรอง HEPA, แผ่นกรองชั้นแรก เท่านั้น)
  • ไม่มีเซนเซอร์วัดแสงสำหรับปรับแสงแวดล้อมอัตโนมัติ ดังนั้นหากคุณต้องการใช้ในห้องนอนคุณจะต้องตั้งค่าโหมดการพักผ่อนที่ตัวเครื่องเอาเอง
  • น่าเสียดายที่หน้าจอไม่มีตัวเลขบอกระดับความหนาแน่นของมลพิษทางอากาศมาให้ด้วย
  • ไม่มีรีโมทควบคุมหรือการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันมือถือ จึงไม่สามารถตั้งเวลาปิดเครื่องล่วงหน้าได้
ขนาด 36.7 x 25 x 25 ซม.
น้ำหนัก2.4 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้190 ลบ.ม./ชม.
โหมดการทำงาน2 โหมด
อายุการงานแผ่นกรอง12 เดือน
ขนาดห้อง16-49 ตร.ม.

รีวิว SHARP เครื่องฟอกอากาศ FP-GM30B

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก global.sharp

ราคา 3,490 บาท*

หนึ่งในเครื่องฟอกอากาศจาก SHARP อีกรุ่นที่เราอยากแนะนำ เหมาะสำหรับบ้านไหนที่อยู่ในพื้นที่ยุงชุกชุมจะต้องไม่พลาดเครื่องฟอกอากาศรุ่น FP-GM30B เพราะตัวนี้มีนวัตกรรมดักยุงด้วยการใช้แสง UV คอยล่อยุงให้เข้าใกล้เครื่องแล้วจากนั้นจึงดูดด้วยพลังลมแรงสูงให้ยุงเข้าไปติดแผ่นกาวดักยุงทันที นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น สำหรับสลายเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส และแถมมาด้วยระบบฟอกอากาศในตัว ด้วยแผ่นกรองฝุ่น HEPA ที่จะคอยกำจัดฝุ่นละอองต่าง ๆ และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวไปพร้อม ๆ กัน โดยตัวเครื่องจะทำงานในโหมดที่เงียบไร้เสียงรบกวนมาก ๆ

จุดเด่น

  • การใช้งานครอบคลุม มีทั้งที่ดักจับยุงด้วยแสง UV , การกำจัดเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส, และระบบกรองอากาศในตัว
  • มีโหมดโปรแกรมพิเศษ สำหรับพ่นอนุภาคไฟฟ้าแบบเข้มข้น
  • แม้จะทำงานหลายหน้าที่แต่ในส่วนของระบบฟอกอากาศก็มีแผ่นกรอง 3 ชั้นเหมือนแบรนด์อื่น ๆ (แผ่นกรองอย่างหยาบ, แผ่นกรอง HEPA,​ แผ่นกรอง AC)

ข้อควรพิจารณา

  • ด้วยราคากับพื้นที่สูงสุดที่ใช้งานได้ (21 ตร.ม.) อาจเป็นจุดเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นได้
ขนาด46.6 x 40.9 x 25.9 ซม.
น้ำหนัก5 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้ไม่ระบุ
โหมดการทำงาน3 ระดับ
อายุการงานแผ่นกรอง12 เดือน
ขนาดห้อง21 ตร.ม.

รีวิว เสี่ยวมี่ เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ Xiaomi Mi Air Purifier 3H (Global Version)

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก mi.com

ราคา 3,799 บาท*

เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่ดีที่สุด

เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะจากเสี่ยวมี่ รุ่น 3H เป็นอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่สามารถสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และยังสามารถใช้งานหรือเรียกดูข้อมูลผ่านแอปฯ Mi Home ได้ ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง โดยยังคงเน้นดีไซน์ตัวกรองเป็นทรงกระบอกที่มีช่องดูดอากาศรอบทิศทางแบบ 360° มาพร้อมกับชั้นกรองอากาศ 3 ชั้นที่ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ ได้แก่ ชั้นกรองฝุ่นอย่างหยาบ, ชั้นกรองฝุ่นอย่างละเอียดในอนุภาคขนาดไมครอน (เป็น HEPA เกรด H11) และชั้นกรองคาร์บอน (AC) สำหรับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมมีเซนเซอร์ช่วยวัดค่าคุณภาพของอากาศที่จะตรวจสอบ AQI แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะแสดงผลได้ทั้งในแอปฯ และบนหน้าจอ OLED ที่ตัวเครื่อง โดยหน้าจอ OLED นั้นยังสามารถปรับความสว่างของได้เองอัตโนมัติเมื่อเราอยู่ในช่วงเวลานอนหลับพักผ่อน

จุดเด่น

  • ควบคุมการใช้งานผ่านแอป Mi Home และสั่งการด้วย AI เสียงอัจฉริยะได้
  • ในโหมดปกติเสียงเงียบมากและค่อนข้างประหยัดพลังงานพอสมควร โดยจะกินไฟน้อยกว่าหลอดไฟประหยัดพลังงาน
  • มีเซนเซอร์วัดแสงและเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศที่จะกำหนดโหมดการทำงานอัตโนมัติ

ข้อควรพิจารณา

  • ด้วยความที่ตัวเซนเซอร์ค่อนข้างตรวจจับมลภาวะทางอากาศแบบละเอียดมาก ๆ หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพอากาศเพียงเล็กน้อย (อย่างเช่นควันธูปที่กระจายไปมาอย่างไร้ทิศทาง) ก็จะทำให้เครื่องปรับโหมดทำงานสลับไปมาเร็วเกินไป
ขนาด (สูง กว้าง ยาว)52 x 24 x 24 ซม.
น้ำหนัก4.8 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้380 ลบ.ม./ชม.
โหมดการทำงาน3 โหมด
อายุการงานแผ่นกรอง6~12 เดือน
ขนาดห้อง26~45 ตร.ม.

รีวิว Hatari เครื่องฟอกอากาศ รุ่น HT-AP12

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก hatari.co.th

ราคา 4,390 บาท*

หากคุณเป็นหนึ่งในแฟนคลับ Hatari ที่ประจักษ์ดีว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทนทาน ซึ่งนอกจากพัดลมแล้ว สำหรับเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ Hatari นั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะทางแบรนด์มีการรับประกันมอเตอร์ และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์นานถึง 3 ปีเต็ม และมีโหมดปรับระดับแรงดูดอากาศได้สูงถึง 4 ระดับ มาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจวัดค่าปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่คอยปรับโหมดการทำงานแบบอัตโนมัติตามคุณภาพของอากาศภายในห้อง ทั้งยังคอยคุมปรับลดระดับแสงสว่างจอแสดงผลได้เอง มีหน้าจอแสดงผลใช้งานแบบ Touch screen โดยภายในเครื่องประกอบไปด้วย ชั้นกรองอย่างหยาบ, ชั้นกรอง BIO ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคเชื้อแบคทีเรีย, ชั้นกรอง HEPA สำหรับดักจับอนุภาคขนาดเล็ก และสุดท้ายชั้นกรอง AC (คาร์บอน) ที่ช่วยขจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์

จุดเด่น

  • มีเซนเซอร์วัดแสงและวัดคุณภาพอากาศ ที่คอยปรับโหมดการทำงานแบบอัติโนมัติให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภายในห้อง
  • มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ และมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง
  • แผ่นชั้นกรอง 4 ชั้น โดยมีชั้นกรองพิเศษอย่างชั้น BIO ที่เครือบสารสกัดจากเปลือกมังคุดคอยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่กระจายในห้อง
  • ควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรล จึงใช้งานได้ง่าย นอกจากนั้นคุณยังสามารถตั้งเวลาเปิดปิดได้สูงสุดถึง 8 ชั่วโมง

ข้อควรพิจารณา

  • จอแสดงผลขนาดเล็กมาก ไม่เหมาะสำหรับมองหรืออ่านค่าจากระยะไกล
  • ด้วยราคากับพื้นที่สูงสุดที่ใช้งานได้ (32 ตร.ม.) อาจเป็นจุดเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นได้
ขนาด53.5 x 39 x 19.3 ซม.
น้ำหนัก5.3 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้ไม่ระบุ
การทำงานพัดลม4 โหมด
อายุการงานแผ่นกรอง12 เดือน
ขนาดห้อง32 ตร.ม.

รีวิว Tefal เครื่องฟอกอากาศ รุ่น PURE AIR PT3030

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก tefal.co.th

ราคา 4,850 บาท*

เครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดสำหรับห้องขนาดใหญ่

เครื่องฟอกอากาศจาก Tefal ตัวนี้มีเซนเซอร์ตรวจจับอากาศอัจฉริยะที่ช่วยให้อากาศสะอาดได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ครอบคลุมการทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะสามารถเปลี่ยนตัวเองให้ไร้การรบกวนในโหมดกลางคืนอัตโนมัติได้ โดยหากพบว่าอยู่ในกลางวันจะเปลี่ยนโหมดความแรงลมได้ถึง 5 ระดับ และเมื่อทำงานในช่วงกลางคืนจะลดระดับแรงลมที่ใช้ได้เพียง 2 ระดับเท่านั้น ทั้งยังหรี่แสงไฟให้ด้วย เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับของคุณ ตัวนี้คอนข้างใช้งานในพื้นที่กว้างได้ดีเยี่ยม เพราะมีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 300 ลบ.ม./ชม. ในพื้นที่ 120 ตร.ม. เรียกว่าสูงมากที่สุดในรีวิวของวันนี้เลย โดยใช้แผ่นกรองอากาศ 3 ชั้นที่ประกอบไปด้วย แผ่นกรองเส้นผมหรือฝุ่นหยาบ, แผ่นกรองคาร์บอนกำจัดกลิ่น, และแผ่นกรองละเอียดอย่างฝุ่นละออง PM2.5 ที่รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้, ไรฝุ่น, เชื้อรา, แบคทีเรียไวรัส,​ ขนและสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง

จุดเด่น

  • สามารถตั้งเวลาทำงานเป็น 1-2-4-8 ชั่วโมง
  • มีระบบรักษาความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานที่รัดกุม รวมถึงมีระบบล็อกป้องกันเด็กด้วย
  • มีการแจ้งเตือนอายุการใช้งานของแผ่นกรองผ่านหน้าจอแสดงผล

ข้อควรพิจารณา

  • ไม่มีรีโมทควบคุมหรือการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันมือถือ จึงไม่สามารถตั้งเวลาเปิดเครื่องล่วงหน้าได้

หมายเหตุ : รูปทรงและคุณสมบัติหลาย ๆ อย่างคล้ายของ PHILIPS รุ่น AC1215 แต่หน้าจอแสดงผล PHILIPS ทำได้ออกมาดูดีน่าใช้งานมากกว่า ในส่วนของพื้นที่การใช้งานครอบคลุมนั้น Tefal ทำได้ดีกว่าเกือบ 2 เท่า (120 ตร.ม.)

ขนาด(สูงกว้างลึก)43.3 x 26.8 x 57.5 ซม.
น้ำหนัก5.8 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้300 ลบ.ม./ชม.
โหมดการทำงาน 5 ระดับ
อายุการงานแผ่นกรองไม่ระบุ
ขนาดห้อง120 ตร.ม.

รีวิว Daikin ไดกิ้น เครื่องฟอกอากาศ รุ่น MC55UVM6

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก daikin.co.th

ราคา 8,590 บาท*

เครื่องฟอกอากาศโดยรวมที่ดีที่สุด

เครื่องฟอกอากาศจาก Daikin มีระบบฟอกอากาศภายนอกเครื่องที่เป็นแอคทีฟพลาสม่าไอออนคอยย่อยสลายโปรตีนพวกเชื่อราเชื้อแบคทีเรียที่กระจายอยู่ในอากาศ ทั้งยังมีสตรีมเมอร์สำหรับยับยั้งเชื้อไวรัส, แบคทีเรีย, เชื้อรา หรือสารเคมีอันตรายอีกชั้นกันเหนียว ตัวเครื่องออกแบบมาให้มีช่องลมเข้าแบบ 3 ทิศทาง (ด้านหน้า-ซ้าย-ขวา) จึงสามารถวางชิดผนังได้ ส่วนช่องลมออกจะอยู่ด้านบนเครื่องทำให้ห้องของคุณกระจายอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างทั่วถึง มาพร้อมกับ 3 เซนเซอร์วัดสิ่งสกปรก (ฝุ่นขนาดใหญ่-ฝุ่นขนาดเล็ก-กลิ่น) ในส่วนเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นขนาด PM2.5 สามารถดับจับได้ละเอียดและแบ่งแยกถึง 6 ระดับ แถมยังมีรีโมทควบคุมทำให้ใช้ง่ายสุด ๆ

จุดเด่น

  • จากที่รีวิวมาเครื่องฟอกอากาศของ Daikin ทำงานเงียบสุดเพียง 19 เดซิเบลเท่านั้น
  • มาพร้อมกับฟังก์ชันล็อกป้องกันเด็กและปรับความสว่างของไฟแสดงสถานะให้อัติโนมัติเมื่อคุณนอนหลับพักผ่อน
  • ตัวนี้มีเซนเซอร์ตัวจับกลิ่นที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่คุณอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่แล้วเครื่องฟอกอากาศจะไม่ค่อยมีเซนเซอร์ตรวจจับกลิ่นมาให้

ข้อควรพิจารณา

  • ตัวเครื่องมีขนาดค่อนข้างหนาพอสมควร
  • หน้าจอแสดงผลมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้การมองหรืออ่านข้อมูลจากระยะไกลค่อนข้างลำบาก
ขนาด(สูงกว้างลึก)51 x 27 x 27 ซม.
น้ำหนัก6.8 กก.
ปริมาณที่ทำความสะอาดได้ไม่ระบุ
โหมดการทำงาน4 โหมด
อายุการงานแผ่นกรองไม่ระบุ
ขนาดห้อง41 ตร.ม.

* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า

ตารางเปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุด

สินค้า ขนาดห้องสูงสุด
(ตร.ม.)
ชั้นกรอง
(จำนวนแผ่นกรอง)
ค่า CADR
(ลบ.ม./ชม.)
ระดับเสียงต่ำสุด
(เดซิเบล)
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
Worldtech รุ่น WT-P40
40 4 250 41
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
Worldtech รุ่น WT-P50
55 4 250 31
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
SHARP รุ่น FP-J30TA
23 2 N/A 23
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
MITSUTA รุ่น MAP450
30 4 218 31
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
Xiaomi Mi 3C
38 3 320 31
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
SHARP รุ่น FP-GM30B
21 3 N/A 33
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
Xiaomi Mi 3H
45 3 380 36
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
Philips รุ่น AC0820
49 2 190 35
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
HATARI รุ่น HT-AP12
32 4 N/A 43
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
Tefal รุ่น PURE AIR PT3030
120 3 300 32
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
PHILIPS รุ่น AC1215
63 3 270 32
เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว
Daikin รุ่น MC55UVM6
41 3 N/A 19

*อัตราการส่งมอบอากาศบริสุทธิ์ (CADR) คืออะไร? : ค่า CADR มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การวัดประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ ดังนั้นผู้ซื้อควรให้ความสำคัญกับค่านี้ด้วย ยิ่ง CADR สูงเท่าไร ห้องก็จะยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้น โดยต้องเปรียบเทียบกับขนาดห้องสูงสุดที่เครื่องทำงานด้วย

เครื่องฟอกอากาศ vs เครื่องปรับอากาศ

ทั้งนี้หลายคนก็อาจมีข้อสงสัยว่าการเปิดแอร์ที่มีระบบฟอกอากาศ จะช่วยลดปริมาณมลภาวะในอากาศได้หรือไม่? ขอบอกว่ามันสามารถช่วยลดได้ เพราะในเครื่องปรับอากาศจะมีระบบการกรองอากาศมาให้ในตัว ดังนั้นนอกจากสามารถควบคุมอุณหภูมิในห้องได้แล้วยังปรับคุณภาพอากาศภายในห้องได้อีกด้วย

แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาดูว่าระบบการกรองอากาศนั้นใช้แผ่นกรองสำหรับเครื่องปรับอากาศประเภทใดด้วย เพราะมันจะมีทั้งตัวกรองแบบหยาบ, ตัวกรองแบบละเอียด (HEPA) หรือตัวกรองคาร์บอนสำหรับดักจับกลิ่น หากคุณต้องการคุณภาพอากาศที่บริสุทธิ์ จะต้องดูที่ตัวกรองแบบละเอียด (HEPA) เป็นหลัก แต่โดยส่วนใหญ่แอร์ที่มีระบบฟอกอากาศในตัวนั้นค่อนข้างมีชั้นกรองน้อยมาก อย่างมากที่สุดก็มีระบบกรองเพียง 1-2 ชั้นเท่านั้น ซึ่งจะต่างจากเครื่องฟอกอากาศที่มักจะทำงานได้ตรงจุดมากกว่า เพราะในเครื่องฟอกอากาศมักจะมีชั้นกรองอย่างน้อย 3 ชั้นขึ้นไป และยังมีฟังก์ชันเสริมที่ออกแบบมาให้จัดการปัญหากับมลพิษทางอากาศอีกด้วย อย่างการใช้เซนเซอร์ตรวจจับปริมาณฝุ่น PM 2.5 หรือระบบวิเคราะห์อากาศเพื่อปรับโหมดการทำงาน และการแจ้งเตือนในตัวเป็นต้น

ในทางกลับกัน เราทุกคนรู้ดีว่าการเปิดแอร์ก็คือการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง ดังนั้นมันอาจทำให้มลภาวะในอากาศฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้ประมาณหนึ่ง โดยเฉพาะกับละอองฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กอย่างฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเกิดผลเสียต่อสุขภาพต่อสุขภาพของเราได้ แต่เราก็สามารถแก้ไขได้ไม่ยากอย่างที่คิด โดยวิธีที่ดีที่สุดในการปรับสภาพอากาศภายห้องให้ดีขึ้น หรือการกำจัดแหล่งกำเนิดฝุ่นได้ดีนั่นคือ ‘เครื่องฟอกอากาศ’ ควบคู่ไปด้วยนั้นเอง เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศได้รับการออกแบบมาเพื่อกรองอากาศและลดมลพิษในอาคารโดยเฉพาะ อีกทั้งในปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศก็ยังมีหลากหลายประเภทให้เราได้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องฟอกอากาศตั้งโต๊ะ, เครื่องฟอกอากาศแบบพกพานอกสถานที่ หรือแม้แต่ภายในรถก็ยังมีเครื่องฟอกและกรองอากาศภายในรถยนต์เลย ดังนั้นเพื่อสุขภาพของตัวเอง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถือว่าคุ้มค่าแก่การเป็นเจ้าของมาก ๆ

อันตรายจาก ฝุ่น PM2.5

โดยอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 ไมโครเมตร หรือที่เราเรียกว่า PM 2.5 มันเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะฝุ่นสามารถเข้าไปในปอดของเราได้ลึกมาก ๆ และการหายใจเข้าออกก็นำอนุภาคเหล่านี้เข้าไปเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันก็สามารถที่จะทำให้ปอดแย่ลงและทำให้เกิดโรคหอบหืด อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับคนที่เป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย นอกจากนี้การสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาว ก็อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบหรือส่งผลให้การทำงานของปอดลดลง (1-4) ดังนั้นทุกครั้งที่เดินทางออกจากบ้านโปรดสวมหน้ากาก N95 ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้วย เนื่องจากประเภทนี้จะสามารถป้องกันได้ทั้งฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กและเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ด้วย แต่จะต้องเลือกชนิดที่ไม่มีวาล์วระบายอากาศ ไม่เช่นกันมันจะไม่ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด

ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศ

คนไทยเผชิญกับฝุ่น PM2.5 ในหลายจังหวัด เนื่องจากอากาศเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กมาก มองตาเปล่าแทบไม่เห็น หากออกไปข้างนอกโดยไม่ได้ป้องกันหรือไม่ได้ใส่หน้ากากกันฝุ่น แล้วเผลอสูดหายใจเข้าไปมาก ๆ จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ จนอาจเกิดอันตรายกับระบบทางเดินหายใจ หรืออาจจะลามไปส่วนอื่นในร่างกายได้

โดยวิธีการที่สามารถแก้ไขได้คือเครื่องฟอกอากาศ เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่สามารถต่อสู้กับฝุ่นและสิ่งปนเปื้อนในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการใช้งานของเครื่องก็ไม่ได้ยุ่งยากมากมาย เพียงแค่คุณนำเครื่องฟอกอากาศไปตั้งไว้มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน จากนั้นก็ตั้งค่าโปรแกรมให้เครื่องทำงาน ตัวเครื่องก็จะเริ่มปฎิบัติการทำให้อากาศภายในบ้านสะอาดและสดชื่น สามารถสูดหายใจได้อย่างปลอดภัย หรือใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ เครื่องชนิดนี้ก็ช่วยได้ค่อนข้างเยอะมากเลยทีเดียว

จริง ๆ แล้วตัวเครื่องฟอกอากาศสามารถนำมาใช้ได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นว่าแถวบ้านของคุณจะต้องมีฝุ่น PM2.5 ก่อตัวขึ้นก่อน แล้วจึงค่อยทำการซื้อ เนื่องจากประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องสามารถกำจัดฝุ่นขนาดเล็กและขนาดใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็น แบคทีเรีย, เชื้อรา, ไวรัส หรือแม้กระทั้งกลิ่นไม่เหม็นต่าง ๆ นา ๆ ภายในบ้าน นอกจากนี้แผ่นกรองถือว่าเป็นตัวสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวกรองไม่ให้ฝุ่นเล็ดลอดไปจากตัวเครื่อง เป็นผลทำให้บ้านคุณปราศจากมลพิษทางอากาศ อีกทั้งสุขภาพของคุณและคนในครอบครัวก็ดีขึ้นด้วย

วิธีอื่น ๆ ที่ช่วยทำให้อากาศภายในบ้านให้ดีขึ้น

  • ดูดฝุ่นเป็นประจำ เครื่องฟอกอากาศอาจไม่สามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้ที่มีขนาดใหญ่ได้ เช่น ไรฝุ่นและขนสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาจจะอยู่บนเฟอร์นิเจอร์และพรม ดังนั้นคุณควรใช้เครื่องดูดฝุ่นพร้อมตัวกรองที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน HEPA สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อทำความสะอาดพื้นและเฟอร์นิเจอร์ หรือถ้าหากมีเครื่องดูดไรฝุ่นก็จะยิ่งดี เพราะเครื่องนี้สามารถกำจัดไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ใช้เครื่องดูดควันในห้องครัว คุณควรใช้เครื่องดูดควันในห้องครัวด้วยและหาพัดลมระบายอากาศห้องน้ำหรือห้องซักรีดเพื่อให้อากาศทายเทอย่างมีประสิทธิภาพ
  • หยุดสูบบุหรี่ในอาคาร หยุดการสูบบุหรี่หรือทำการจุดไฟในอาคารเพราะอาจจะเพิ่มปริมาณฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรก
  • ระบายอากาศ เปิดหน้าต่างของคุณในวันที่อากาศดี เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเทบ้าง ทั้งนี้หากคุณแพ้เกสรดอกไม้ หรือเป็นโรคภูมิแพ้ให้คุณปิดหน้าต่างและใช้งานเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องระบายอากาศภายในบ้านแทน
  • ลดการใช้สารเคมี ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลงอาจจะเพิ่มมลพิษให้กับบ้านของเราได้

ยี่ห้อ/รุ่นสินค้าคุณสมบัติดูเพิ่มเติม

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก worldtech.asia

Worldtech เครื่องฟอกอากาศ รุ่น WT-P40

  • ขนาด: 56.5 x 36 x 20 ซม.
  • น้ำหนัก: 4.2 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: 250 ลบ.ม./ชม.
  • โหมดการทำงาน: 3 โหมด
  • อายุการใช้งานแผ่นกรอง: 8-12 เดือน
  • ขนาดห้อง: 40 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก worldtech.asia

เครื่องฟอกอากาศ Worldtech รุ่น WT-P50

  • ขนาด: 51.5 x 33 x 20 ซม.
  • น้ำหนัก: 4.76 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: 250 ลบ.ม./ชม.
  • โหมดการทำงาน: 3 โหมด
  • อายุการใช้งานแผ่นกรอง: 8-12 เดือน
  • ขนาดห้อง: 40-55 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก global.sharp

SHARP เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J30TA (ขนาด 23 ตรม.)

  • ขนาด : 43.1 x 41.1 x 22.1 ซม.
  • น้ำหนัก: 4 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: ไม่ระบุ
  • โหมดการทำงาน: 3 โหมด
  • อายุการงานแผ่นกรอง: 2 ปี
  • ขนาดห้อง: 16-23 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก mitsuta.co.th

MITSUTA เครื่องฟอกอากาศ 6 ขั้นตอน รุ่น MAP450

  • ขนาด(สูงกว้างลึก): 55.5 x 19 x 34 ซม.
  • น้ำหนัก: 5 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: 218 ลบ.ม./ชม.
  • โหมดการทำงาน: 3 โหมด
  • อายุการงานแผ่นกรอง: 1 ปี
  • ขนาดห้อง: 20-30 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก mi.com

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Air Purifier 3C

  • ขนาด: 24 x 24 x 52 ซม.
  • น้ำหนัก: 4.6 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: 320 ลบ.ม./ชม.
  • โหมดการทำงาน: 3 ระดับ
  • อายุการงานแผ่นกรอง: 6~12 เดือน
  • ขนาดห้อง: 22-38 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก philips.co.th

เครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC0820

  • ขนาด : 36.7 x 25 x 25 ซม.
  • น้ำหนัก: 2.4 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: 190 ลบ.ม./ชม.
  • โหมดการทำงาน: 2 โหมด
  • อายุการงานแผ่นกรอง: 12 เดือน
  • ขนาดห้อง: 16-49 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก global.sharp

SHARP เครื่องฟอกอากาศ FP-GM30B

  • ขนาด: 46.6 x 40.9 x 25.9 ซม.
  • น้ำหนัก: 5 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: ไม่ระบุ
  • โหมดการทำงาน: 3 ระดับ
  • อายุการงานแผ่นกรอง: 12 เดือน
  • ขนาดห้อง: 21 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก mi.com

เสี่ยวมี่ เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ Xiaomi Mi Air Purifier 3H (Global Version)

  • ขนาด (สูง กว้าง ยาว): 52 x 24 x 24 ซม.
  • น้ำหนัก: 4.8 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: 380 ลบ.ม./ชม.
  • โหมดการทำงาน: 3 โหมด
  • อายุการงานแผ่นกรอง: 6~12 เดือน
  • ขนาดห้อง: 26~45 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก hatari.co.th

Hatari เครื่องฟอกอากาศ รุ่น HT-AP12

  • ขนาด: 53.5 x 39 x 19.3 ซม.
  • น้ำหนัก: 5.3 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: ไม่ระบุ
  • การทำงานพัดลม: 4 โหมด
  • อายุการงานแผ่นกรอง: 12 เดือน
  • ขนาดห้อง: 32 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก tefal.co.th

Tefal เครื่องฟอกอากาศ รุ่น PURE AIR PT3030

  • ขนาด(สูงกว้างลึก): 43.3 x 26.8 x 57.5 ซม.
  • น้ำหนัก: 5.8 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: 300 ลบ.ม./ชม.
  • โหมดการทำงาน : 5 ระดับ
  • อายุการงานแผ่นกรอง: ไม่ระบุ
  • ขนาดห้อง: 120 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก philips.co.th

PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215

  • ขนาด: 54.3 x 32.5 x 21.0 ซม.
  • น้ำหนัก : 5.3 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: 270 ลบ.ม./ชม.
  • โหมดการทำงาน: 5 ระดับ
  • อายุการงานแผ่นกรอง: แผ่นกรอง AC 12 เดือน / แผ่นกรอง HEPA 24 เดือน
  • ขนาดห้อง: 63 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

รูปภาพจาก daikin.co.th

Daikin ไดกิ้น เครื่องฟอกอากาศ รุ่น MC55UVM6

  • ขนาด(สูงกว้างลึก): 51 x 27 x 27 ซม.
  • น้ำหนัก: 6.8 กก.
  • ปริมาณที่ทำความสะอาดได้: ไม่ระบุ
  • โหมดการทำงาน: 4 โหมด
  • อายุการงานแผ่นกรอง: ไม่ระบุ
  • ขนาดห้อง: 41 ตร.ม.

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว

เครื่องฟอกอากาศ Electrolux รีวิว


References :

  1. Health and Environmental Effects of Particulate Matter (PM)
  2. How Does PM Affect Human Health?
  3. The impact of PM2.5 on the human respiratory system
  4. Fine Particles (PM 2.5) Questions and Answers