Show
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันหลายคนอาจจะโฟกัสและกังวลเพียงแค่สถานการณ์ “โควิด 19” ที่จะต้องป้องกันโรคด้วยการใส่หน้ากากอนามัยหรือล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบ New Normal แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันในเวลานี้นั่นคือ “ฝุ่น PM 2.5” เพราะสภาพอากาศในบ้านเราในปัจจุบันไม่น่าไว้วางใจมากนัก เนื่องจากมีมลภาวะมากมายในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษ เช่น ควันจากยาสูบ, การเผาไม้, การปรุงอาหาร, ก๊าซจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด, ควันจากการก่อสร้าง, ไรฝุ่น, เชื้อรา เกสรดอกไม้และสะเก็ดผิวหนังรวมถึงเส้นขนของสัตว์เลี้ยง ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ได้ ถ้าหากอยากให้คุณและคนรอบข้างภายในบ้านได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เราแนะนำให้คุณซื้อ “เครื่องฟอกอากาศ” ไว้ภายในบ้าน โดยเครื่องฟอกอากาศนั้นมีอยู่หลายรุ่นให้คุณได้พิจารณาเลือกซื้อ ในยามที่ฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศครองเมืองเช่นนี้ ดังนั้นวันนี้เราจึงรวบรวมข้อมูลสินค้าน่าสนใจมาไว้ให้คุณได้อ่านกัน ซื้อ เครื่องฟอกอากาศ รุ่นไหนดี?
เครื่องฟอกอากาศสำคัญอย่างไร ? ช่วยป้องกันไวรัสได้หรือไม่?เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าอากาศมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตมากที่สุด หากเป็นสมัยก่อนตอนที่ยังไม่มีการเติบโตทางอุตสาหกรรมและความเจริญก้าวหน้าในเมืองหลวง เครื่องฟอกอากาศอาจมีความจำเป็นน้อยมาก ๆ สำหรับเรา แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้มลพิษทางอากาศมีมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนเราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สิ่งที่เราสามารถสัมผัสและพบเจอได้บ่อยที่สุดก็คือ ควันธูป, ควันจากการเผาไหม้, ควันท่อไอเสียจากรถ หรือควันจากโรงงานอุตสาหกรรมเอง ก็มีส่วนผลักดันให้โลกของเราเต็มไปด้วยมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะเจ้าฝุ่นน้อยตัวจิ๋วอย่าง PM2.5 ที่ปกคุลมทั่วท้องฟ้าตั้งแต่เช้ายันค่ำทำให้เราต้องสูดดมสิ่งเหล่านี้เข้าไปเต็มปอด ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและอาจลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายของเราได้ สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ พวกสารก่อภูมิแพ้ อย่าง พวกไรฝุ่น เกสรดอกไม้ และสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ที่สามารถทำให้คุณมีอาการระคายเคืองตามผิวหนัง, ตา, จมูก รวมถึงระบบทางเดินหายที่รุ่นแรงมากขึ้น หากคุณยังไม่มีการป้องกันที่ดีมากพอ นอกจากนี้เราทุกคนจะต้องระวังตัวจากเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่สามารถลอยในอากาศช่วงระยะเวลาหนึ่งได้ (เมื่อผู้ติดเชื้อมีการไอ จาม หรือแม้กระทั่งพูดคุย) ดังนั้นทางออกเดียวที่จะทำให้เราอุ่นใจมากขึ้นคือการใช้เครื่องฟอกอากาศ ที่จะทำให้ภายในบ้านมีระบบหมุนเวียนอากาศที่ดีและสามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมันสามารถดักจับสิ่งสกปรกได้ ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น แบคทีเรีย กลิ่น รวมถึงสามารถดักจับฝุ่น PM2.5 และ โคโรนาไวรัส Sars-Cov-2 (Covid-19) ได้ (สำหรับการดักจับโคโรนาไวรัสจะต้องใช้ตัวกรอง HEPA ที่มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาดเล็กได้จริง ซึ่งจะต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของแต่ละยี่ห้อด้วย) ดังนั้นการใช้เครื่องฟอกอากาศสำหรับลดความเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อโควิดในยุคนี้นั้นจึงค่อนข้างมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านเสริมความงาม, สำนักงานหรือออฟฟิศต่าง ๆ นั้น ควรมีเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA เฮปป้า มาด้วยเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าอากาศที่คุณสูดเข้าไปมีความปลอดภัยจากเชื้อโควิด ระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศทำงาน
ข้อควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ1. คุณภาพของแผ่นกรองอากาศแผ่นกรองอากาศ เป็นสิ่งสำคัญที่คอยดักจับฝุ่น, แบคทีเรีย, เชื้อรา, ไวรัส และกลิ่น โดยแผ่นกรองอากาศนั้นทำมาจากเส้นใยที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นซื้อสินค้าควรจะต้องเช็กให้ดีว่าแผ่นกรองอากาศของเครื่องนั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน โดยปกติแล้วแผ่นกรองอากาศจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
2. เสียงรบกวน ความดังขณะที่เครื่องทำงานเสียงระหว่างการทำงานจะต้องเบาไม่รบกวนการพักผ่อนของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน โดยส่วนใหญ่ความดังของเครื่องฟอกอากาศจะมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับโหมดทำงานนั้น ๆ หากสภาพอากาศอยู่ในโหมดเลวร้าย เครื่องก็จะเร่งการทำงานให้แรงขึ้นเพื่อที่จะได้สามารถเปลี่ยนคุณภาพอากาศได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งความดังของเสียงจะอยู่ที่ประมาณ 60 เดซิเบล (dB) ในกรณีที่ใบพัดหมุนเร็วสุด แต่ในกรณีที่อยู่ในโหมดออโต้หรือโหมดสำหรับนอนหลับพักผ่อน ก็ไม่ควรเกิน 30 เดซิเบล (dB) 3. เซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศหากตัวเครื่องฟอกอากาศมีเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศที่ดี แน่นอนว่าตัวเครื่องก็จะมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นตามไปด้วย เพียงแค่วางเครื่องไว้มุมใดมุมหนึ่งของห้อง เครื่องก็จะทำงานอัตโนมัติและแจ้งเตือนทันที ทำให้คุณไม่จำเป็นจะต้องมาวัดคุณภาพอากาศเองให้เสียเวลา ซึ่งระบบเซนเซอร์ที่ดีนั้นจะต้องตรวจจับคุณภาพของอากาศได้ในระยะไกล และต้องมีความแม่นยำ มีความเสถียรภาพในระดับหนึ่ง ไม่ควรเปลี่ยนค่าไปมาให้สับสน แต่การจะพิสูจน์ว่าเซอเซอร์ของเครื่องฟอกอากาศตัวไหนดีที่สุดได้นั้นค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากลำบากสักเล็กน้อย เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยจนกว่าเราจะซื้อมาใช้งานเองและได้เปรียบเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะช่วยยืนยันได้ว่าเครื่องฟอกอากาศของคุณมีระบบเซนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ ก็คือแบรนด์ผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ ที่สามารถไว้วางใจได้ หรืออาจจะดูจากมาตรฐานการรับรองต่าง ๆ เป็นต้น 4. ขนาด และเคลื่อนย้ายสะดวกมากน้อยเพียงใดหากคุณเป็นคนที่ย้ายที่อยู่บ่อยหรือมีความจำเป็นจะต้องพกพาเครื่องฟอกอากาศติดตัวไปด้วย หรือคุณยังไม่งบมากพอจะซื้อเครื่องฟอกอากาศหลาย ๆ เครื่องในบ้าน แนะนำให้คุณเลือกเครื่องที่มีน้ำหนักเบาหรือมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป และควรมีหูหิ้วที่จับถนัดมือ เพื่อให้สะดวกต่อการขนย้าย 5. ฟังก์ชันเสริม ที่น่าสนใจ และไม่ควรมองข้าม
วีดีโอ รีวิว 3 อันดับเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดีรีวิว PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215รูปภาพจาก philips.co.thราคา 5,990 บาท* เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ที่น่าเชื่อถือเครื่องฟอกอากาศจาก Philips รุ่น AC1215 จะช่วยส่งเสริมการนอนหลับให้คุณตลอดทั้งคืนด้วยการมอบอากาศที่บริสุทธิ์ โดยทำงานผ่านแผ่นกรองทั้ง 3 ชั้น (แผ่นกรองอย่างหยาบ, แผ่นกรอง AC และแผ่นกรอง HEPA) ซึ่งเป็นแผ่นกรองที่ผ่านมาตรฐานสถาบันชั้นนำของโลกและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ ได้จริง นอกจากนี้ยังใช้เซนเซอร์อัจฉริยะเป็นตัวควบคุมการทำงาน ซึ่งเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศนั้นค่อนข้างตรวจจับได้ในระยะไกลแบบครอบคลุมทั่วทั้งห้องจริง ๆ ในขนาดกว้างถึง 63 ตร.ม. ตามที่ทางแบรนด์ได้เคลมไว้ จึงทำให้ภายในห้องมีระบบหมุนเวียนอากาศในห้องที่ดี ทั้งยังทำงานได้เงียบมากไม่ส่งเสียงรบกวนแม้แต่น้อย (หากไม่มีไฟสถานะแสดงไว้เราก็ไม่รู้เลยว่าเครื่องกำลังทำงานอยู่) อีกทั้งทาง Philips ก็มีระบบป้องกันภัยสำหรับตัวเครื่องและผู้ใช้งานที่ดีเยี่ยม จึงค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่าสามารถใช้งานในห้องที่เด็กเล็กได้อย่างปลอดภัยหายห่วง คุณสามารถเข้าไปอ่านรีวิวการใช้งานจริงได้จากบทความ รีวิว เครื่องฟอกอากาศฟิลิปส์ PHILIPS รุ่น AC1215 เพื่อเป็นทางเลือกอีกทางในการพิจารณาเลือกซื้อ เนื่องจากจะเป็นการรีวิวที่ละเอียดและทดสอบใช้งานการกรองฝุ่น กรองควัน และกรองกลิ่น จริง ๆ วีดีโอ ทดสอบการใช้งานจริงจุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.3 เต็ม 10
รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Air Purifier 3Cรูปภาพจาก mi.comราคา 2,999 บาท* คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.1 เต็ม 10สำหรับเครื่องฟอกอากาศตัวนี้จะคล้าย ๆ กับรุ่น Xiaomi Mi Air Purifier 3H เลย ทั้งขนาดและฟังก์ชันพิเศษต่าง ๆ ถูกออกแบบมาเหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าเป็นระบบกรองถึง 3 ชั้น (แผ่นกรองอย่างหยาบ, แผ่นกรอง HEPA และชั้นผงถ่านกัมมันต์คุณภาพสูง) ที่สามารถกรองละอองเกสร, สารก่อให้เกิดภูมิแพ้, ไวรัส-แบคทีเรียบางชนิด รวมถึงสามารถกำจัด PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมการใช้งานผ่านแอปฯ Mi Home และเสียง AI อัจฉริยะ ทั้งยังแสดงผลคุณภาพของอากาศผ่านจอ LED ดิจิทัล โดยจะอัปเกรดข้อมูลขึ้นแบบเรียลไทม์ตลอดเวลา ตัวเครื่องสามารถปรับความสว่างของจอได้เองอัตโนมัติ 3 ระดับ เพื่อให้คุณได้พักผ่อนได้เต็มที่ ซึ่งจะใช้เซนเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงมากในการตรวจวัด สิ่งเดียวทำให้รุ่น Mi 3C และ Mi 3H ต่างกันคือพื้นที่ใช้งาน ที่ซึ่งรุ่นนี้จะเหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก (22-38 ตร.ม.) อย่าง ห้องนอน/ห้องอ่านหนังสือมากกว่า โดยจะมีประสิทธิภาพการครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 106 ตร.ม./ชม. หากใครต้องการใช้ในพื้นที่ใหญ่ขึ้น แนะนำเป็นรุ่น Mi 3H นอกจากนี้หากใครอยากอ่านรีวิวการใช้งานฉบับเต็มของเครื่องฟอกอากาศ Mi 3C ก็สามารถกดเข้าไปอ่านรายละเอียดการทดสอบเพิ่มเติมได้เลย วีดีโอ ทดสอบการใช้งานจริงจุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Worldtech รุ่น WT-P50รูปภาพจาก worldtech.asiaราคา 1,250 บาท* เครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดเครื่องฟอกอากาศ Worldtech รุ่น WT - P50 เป็นเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดสำหรับการใช้งานภายในห้องขนาด 40 - 55 ตารางเมตร มีฟิลเตอร์ตัวกรองถึง 4 ชั้น ที่มีทั้งแผ่นกรอง HEPA ของแท้เกรด H11 และไส้กรองคาร์บอนถ่านกัมมันต์ ที่ผสมผสานประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างลงตัว สามารถจัดการได้ตั้งแต่สิ่งปนเปื้อนอนุภาคใหญ่ไปจนถึงอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ อย่าง PM2.5 ได้เป็นอย่างดี ตัวโปรดักซ์ถูกดีไซน์ออกมาได้สวยงาม ดูทันสมัยใช้งานง่ายเหมาะสำหรับทุกห้องทุกสไตล์การตกแต่ง ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก สำหรับใครที่สนใจหรือกำลังลังเลและอยากได้รีวิวเพิ่มเติมก็สามารถเข้ามาอ่านบทความรีวิวเครื่องฟอกอากาศ Worldtech รุ่น WT - P50 ได้ก่อนเลย ซึ่งในนั้นเราก็จะมีรายละเอียดยิบย่อยเพิ่มเติม รวมถึงรีวิวที่ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานกันแบบละเอียดยิบและเรียลสุด ๆ วีดีโอ ทดสอบการใช้งานจริงจุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 8.4 เต็ม 10
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า รีวิว Worldtech เครื่องฟอกอากาศ รุ่น WT-P40รูปภาพจาก worldtech.asiaราคา 930 บาท* เครื่องฟอกอากาศราคาประหยัด ตัวเครื่องบางเคลื่อนย้ายสะดวกเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดสุด ๆ ที่ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานสูงถึง 40 ตรม. โดยรุ่นนี้จะใช้แผ่นกรองที่ช่วยทำให้อากาศบริสุทธิ์ถึง 4 ชั้น ซึ่งมีทั้งตัวกรอง HEPA เกรด H11 ที่ดักจับเชื้อแบคทีเรีย, ไวรัส, สารก่อภูมิแพ้ และสารอันตรายขนาดเล็กอื่น ๆ รวมถึงฝุ่นละออง PM2.5 และยังมีตัวกรอง (AC) คาร์บอน สำหรับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ในตัว มาพร้อมกับรีโมทควบคุมได้จากระยะไกล และแผงควบคุมที่หันหน้าออก ทำให้มองเห็นสถานะของอากาศได้อย่างชัดเจน โดยแผงควบคุมจะเป็นภาษาไทยทั้งหมด ทำให้ใช้งานง่ายดาย และรุ่นนี้ยังจะสามารถตั้งเวลาเปิดปิดได้สูงสุด 8 ชั่วโมง มีการปล่อยไอออนที่ผู้ใช้สามารถเปิดปิดได้เอง จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
หมายเหตุ : หากให้เปรียบเทียบกับรุ่น WT-P50 ดูเหมือนว่า WT-P50 จะทำออกมาได้ดีกว่า เนื่องจากชั้นกรองเหมือนกันและมีราคาใกล้เคียงกัน ซึ่ง WT-P50 จะมีแผงหน้าจอและช่องปล่อยลมอยู่ด้านบนของเครื่องจึงสามารถใช้งานในห้องนอนได้ แต่ WT-P40 จะมีตัวเครื่องที่บางมากกว่า ทำให้สามารถตั้งที่ไหนก็ไม่เปลืองพื้นที่ เหมาะสำหรับใช้งานในห้องนั่งเล่น ทั้งยังมีหูหิ้วที่สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
รีวิว SHARP เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J30TA (ขนาด 23 ตรม.)รูปภาพจาก global.sharpราคา 2,666 บาท* เครื่องฟอกอากาศที่คุ้มค่า ครอบคลุมทุกการใช้งานเครื่องฟอกอากาศจาก SHARP รุ่น FP-J30TA หากดูจากในรูปโฆษณาอาจจะคิดว่ามีขนาดเล็ก แต่จริง ๆ แล้วมันมีความสูงถึง 43 ซม. ครอบคลุมการใช้งานในห้องขนาด 23 ตร.ม. สามารถใช้งานในห้องทำงาน ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่นก็ได้ มาพร้อมกับแผ่นกรอง 2 ชั้น คือชั้นกรอง HEPA และชั้นกรองอย่างหยาบ ดังนั้นใครที่อยากใช้งานสำหรับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นรุ่นนี้คงทำไม่ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ในส่วนของเซนเซอร์สำหรับวัดละอองฝุ่นก็ไม่มีมาให้เช่นกัน ทำให้คุณจะต้องควบคุมเลือกโหมดการทำงานด้วยตัวเอง แต่เครื่องฟอกอากาศของ SHARP จะมีระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ที่เป็นเทคโนโลยีของ SHARP โดยเฉพาะมาให้ จึงสามารถพ่นอนุภาคไฟฟ้าได้ขณะที่ฟอกอากาศไปด้วย ซึ่งอนุภาคไฟฟ้าเหล่านี้จะไปเข้าทำลายเซลล์ของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสได้อย่างหมดจด จนได้อากาศที่สะอาดปราศจากเชื้อโรคนั่นเอง จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว MITSUTA เครื่องฟอกอากาศ 6 ขั้นตอน รุ่น MAP450รูปภาพจาก mitsuta.co.thราคา 2,690 บาท* เครื่องฟอกอากาศจากมิตซูต้าที่ใช้ขั้นตอนการกรองอากาศให้บริสุทธิ์มากถึง 6 ขั้นตอน โดยอาศัยชั้นกรองทั้งหมด 4 ชั้น อันได้แก่ ชั้นกรองอย่างหยาบ, ชั้นกรองอนุภาคขนาดเล็ก HEPA, ชั้นกรองคาร์บอน + Zeolite สำหรับดูดซับกลิ่นสารเคมี และชั้นกรอง Cold Catalytic ที่ใช้กรองสารอินทรีย์ระเหยง่าย ส่วนขึ้นตอนสุดท้ายคือการใช้เทคโนโลยี Ionizer ที่เป็นการปล่อยไอออนลบที่แผ่นกรองอากาศไม่สามารถดักจับได้ ตัวเครื่องฟอกอากาศออกแบบมาให้ประหยัดค่าไฟ จึงทำให้คุณได้อากาศบริสุทธิ์อย่างยาวนานโดยที่ไม่กินไฟแม้แต่น้อย ช่วยป้องกันคุณจากโรคภูมิแพ้ ฝุ่น PM2.5 และช่วยในเรื่องระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ ได้ดี ตัวเครื่องควบคุมง่าย ๆ ด้วยปุ่ม Touch Screen เพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น ทั้งยังมีความบางพอสมควรสามารถตั้งมุมไหนของห้องก็ได้โดยไม่กินพื้นที่ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC0820รูปภาพจาก philips.co.thราคา 3,290 บาท* เครื่องฟอกอากาศจาก Philips ในขนาดเล็กกะทัดรัดแต่ทรงประสิทธิภาพสูง เพราะด้วยขนาดที่เล็กมาก ๆ สามารถตั้งบนหัวเตียงหรือโต๊ะทำงานได้ แต่กลับครอบคลุมพื้นที่ใช้งานได้สูงถึง 49 ตร.ม. หรือประมาณขนาดของคอนโดหนึ่งห้องเลยก็ว่าได้ โดยสามารถอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 190 ลบ.ม./ชม. ถือว่าไม่มากไปไม่น้อยไป เหมาะสำหรับการวางไว้ในห้องนอน ทำงานเงียบมาก ๆ ทั้งยังใช้งานง่าย ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเซนเซอร์ทำงานตรวจวัดอากาศแบบละเอียดสุด ๆ ด้วยการสแกน 1000 ครั้ง/วินาที และแสดงผลสถานะของอากาศแบบเรียลไทม์บนหน้าจอเครื่องฟอกอากาศเป็นสีที่มองเห็นชัดเจนอย่างง่ายดาย จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว SHARP เครื่องฟอกอากาศ FP-GM30Bรูปภาพจาก global.sharpราคา 3,490 บาท* หนึ่งในเครื่องฟอกอากาศจาก SHARP อีกรุ่นที่เราอยากแนะนำ เหมาะสำหรับบ้านไหนที่อยู่ในพื้นที่ยุงชุกชุมจะต้องไม่พลาดเครื่องฟอกอากาศรุ่น FP-GM30B เพราะตัวนี้มีนวัตกรรมดักยุงด้วยการใช้แสง UV คอยล่อยุงให้เข้าใกล้เครื่องแล้วจากนั้นจึงดูดด้วยพลังลมแรงสูงให้ยุงเข้าไปติดแผ่นกาวดักยุงทันที นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น สำหรับสลายเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส และแถมมาด้วยระบบฟอกอากาศในตัว ด้วยแผ่นกรองฝุ่น HEPA ที่จะคอยกำจัดฝุ่นละอองต่าง ๆ และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวไปพร้อม ๆ กัน โดยตัวเครื่องจะทำงานในโหมดที่เงียบไร้เสียงรบกวนมาก ๆ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว เสี่ยวมี่ เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ Xiaomi Mi Air Purifier 3H (Global Version)รูปภาพจาก mi.comราคา 3,799 บาท* เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่ดีที่สุดเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะจากเสี่ยวมี่ รุ่น 3H เป็นอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่สามารถสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และยังสามารถใช้งานหรือเรียกดูข้อมูลผ่านแอปฯ Mi Home ได้ ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง โดยยังคงเน้นดีไซน์ตัวกรองเป็นทรงกระบอกที่มีช่องดูดอากาศรอบทิศทางแบบ 360° มาพร้อมกับชั้นกรองอากาศ 3 ชั้นที่ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ ได้แก่ ชั้นกรองฝุ่นอย่างหยาบ, ชั้นกรองฝุ่นอย่างละเอียดในอนุภาคขนาดไมครอน (เป็น HEPA เกรด H11) และชั้นกรองคาร์บอน (AC) สำหรับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมมีเซนเซอร์ช่วยวัดค่าคุณภาพของอากาศที่จะตรวจสอบ AQI แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะแสดงผลได้ทั้งในแอปฯ และบนหน้าจอ OLED ที่ตัวเครื่อง โดยหน้าจอ OLED นั้นยังสามารถปรับความสว่างของได้เองอัตโนมัติเมื่อเราอยู่ในช่วงเวลานอนหลับพักผ่อน จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Hatari เครื่องฟอกอากาศ รุ่น HT-AP12รูปภาพจาก hatari.co.thราคา 4,390 บาท* หากคุณเป็นหนึ่งในแฟนคลับ Hatari ที่ประจักษ์ดีว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทนทาน ซึ่งนอกจากพัดลมแล้ว สำหรับเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ Hatari นั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะทางแบรนด์มีการรับประกันมอเตอร์ และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์นานถึง 3 ปีเต็ม และมีโหมดปรับระดับแรงดูดอากาศได้สูงถึง 4 ระดับ มาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจวัดค่าปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่คอยปรับโหมดการทำงานแบบอัตโนมัติตามคุณภาพของอากาศภายในห้อง ทั้งยังคอยคุมปรับลดระดับแสงสว่างจอแสดงผลได้เอง มีหน้าจอแสดงผลใช้งานแบบ Touch screen โดยภายในเครื่องประกอบไปด้วย ชั้นกรองอย่างหยาบ, ชั้นกรอง BIO ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคเชื้อแบคทีเรีย, ชั้นกรอง HEPA สำหรับดักจับอนุภาคขนาดเล็ก และสุดท้ายชั้นกรอง AC (คาร์บอน) ที่ช่วยขจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Tefal เครื่องฟอกอากาศ รุ่น PURE AIR PT3030รูปภาพจาก tefal.co.thราคา 4,850 บาท* เครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดสำหรับห้องขนาดใหญ่เครื่องฟอกอากาศจาก Tefal ตัวนี้มีเซนเซอร์ตรวจจับอากาศอัจฉริยะที่ช่วยให้อากาศสะอาดได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ครอบคลุมการทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะสามารถเปลี่ยนตัวเองให้ไร้การรบกวนในโหมดกลางคืนอัตโนมัติได้ โดยหากพบว่าอยู่ในกลางวันจะเปลี่ยนโหมดความแรงลมได้ถึง 5 ระดับ และเมื่อทำงานในช่วงกลางคืนจะลดระดับแรงลมที่ใช้ได้เพียง 2 ระดับเท่านั้น ทั้งยังหรี่แสงไฟให้ด้วย เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับของคุณ ตัวนี้คอนข้างใช้งานในพื้นที่กว้างได้ดีเยี่ยม เพราะมีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 300 ลบ.ม./ชม. ในพื้นที่ 120 ตร.ม. เรียกว่าสูงมากที่สุดในรีวิวของวันนี้เลย โดยใช้แผ่นกรองอากาศ 3 ชั้นที่ประกอบไปด้วย แผ่นกรองเส้นผมหรือฝุ่นหยาบ, แผ่นกรองคาร์บอนกำจัดกลิ่น, และแผ่นกรองละเอียดอย่างฝุ่นละออง PM2.5 ที่รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้, ไรฝุ่น, เชื้อรา, แบคทีเรียไวรัส, ขนและสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
หมายเหตุ : รูปทรงและคุณสมบัติหลาย ๆ อย่างคล้ายของ PHILIPS รุ่น AC1215 แต่หน้าจอแสดงผล PHILIPS ทำได้ออกมาดูดีน่าใช้งานมากกว่า ในส่วนของพื้นที่การใช้งานครอบคลุมนั้น Tefal ทำได้ดีกว่าเกือบ 2 เท่า (120 ตร.ม.)
รีวิว Daikin ไดกิ้น เครื่องฟอกอากาศ รุ่น MC55UVM6รูปภาพจาก daikin.co.thราคา 8,590 บาท* เครื่องฟอกอากาศโดยรวมที่ดีที่สุดเครื่องฟอกอากาศจาก Daikin มีระบบฟอกอากาศภายนอกเครื่องที่เป็นแอคทีฟพลาสม่าไอออนคอยย่อยสลายโปรตีนพวกเชื่อราเชื้อแบคทีเรียที่กระจายอยู่ในอากาศ ทั้งยังมีสตรีมเมอร์สำหรับยับยั้งเชื้อไวรัส, แบคทีเรีย, เชื้อรา หรือสารเคมีอันตรายอีกชั้นกันเหนียว ตัวเครื่องออกแบบมาให้มีช่องลมเข้าแบบ 3 ทิศทาง (ด้านหน้า-ซ้าย-ขวา) จึงสามารถวางชิดผนังได้ ส่วนช่องลมออกจะอยู่ด้านบนเครื่องทำให้ห้องของคุณกระจายอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างทั่วถึง มาพร้อมกับ 3 เซนเซอร์วัดสิ่งสกปรก (ฝุ่นขนาดใหญ่-ฝุ่นขนาดเล็ก-กลิ่น) ในส่วนเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นขนาด PM2.5 สามารถดับจับได้ละเอียดและแบ่งแยกถึง 6 ระดับ แถมยังมีรีโมทควบคุมทำให้ใช้ง่ายสุด ๆ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า ตารางเปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุด
*อัตราการส่งมอบอากาศบริสุทธิ์ (CADR) คืออะไร? : ค่า CADR มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การวัดประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ ดังนั้นผู้ซื้อควรให้ความสำคัญกับค่านี้ด้วย ยิ่ง CADR สูงเท่าไร ห้องก็จะยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้น โดยต้องเปรียบเทียบกับขนาดห้องสูงสุดที่เครื่องทำงานด้วย เครื่องฟอกอากาศ vs เครื่องปรับอากาศทั้งนี้หลายคนก็อาจมีข้อสงสัยว่าการเปิดแอร์ที่มีระบบฟอกอากาศ จะช่วยลดปริมาณมลภาวะในอากาศได้หรือไม่? ขอบอกว่ามันสามารถช่วยลดได้ เพราะในเครื่องปรับอากาศจะมีระบบการกรองอากาศมาให้ในตัว ดังนั้นนอกจากสามารถควบคุมอุณหภูมิในห้องได้แล้วยังปรับคุณภาพอากาศภายในห้องได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาดูว่าระบบการกรองอากาศนั้นใช้แผ่นกรองสำหรับเครื่องปรับอากาศประเภทใดด้วย เพราะมันจะมีทั้งตัวกรองแบบหยาบ, ตัวกรองแบบละเอียด (HEPA) หรือตัวกรองคาร์บอนสำหรับดักจับกลิ่น หากคุณต้องการคุณภาพอากาศที่บริสุทธิ์ จะต้องดูที่ตัวกรองแบบละเอียด (HEPA) เป็นหลัก แต่โดยส่วนใหญ่แอร์ที่มีระบบฟอกอากาศในตัวนั้นค่อนข้างมีชั้นกรองน้อยมาก อย่างมากที่สุดก็มีระบบกรองเพียง 1-2 ชั้นเท่านั้น ซึ่งจะต่างจากเครื่องฟอกอากาศที่มักจะทำงานได้ตรงจุดมากกว่า เพราะในเครื่องฟอกอากาศมักจะมีชั้นกรองอย่างน้อย 3 ชั้นขึ้นไป และยังมีฟังก์ชันเสริมที่ออกแบบมาให้จัดการปัญหากับมลพิษทางอากาศอีกด้วย อย่างการใช้เซนเซอร์ตรวจจับปริมาณฝุ่น PM 2.5 หรือระบบวิเคราะห์อากาศเพื่อปรับโหมดการทำงาน และการแจ้งเตือนในตัวเป็นต้น ในทางกลับกัน เราทุกคนรู้ดีว่าการเปิดแอร์ก็คือการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง ดังนั้นมันอาจทำให้มลภาวะในอากาศฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้ประมาณหนึ่ง โดยเฉพาะกับละอองฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กอย่างฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเกิดผลเสียต่อสุขภาพต่อสุขภาพของเราได้ แต่เราก็สามารถแก้ไขได้ไม่ยากอย่างที่คิด โดยวิธีที่ดีที่สุดในการปรับสภาพอากาศภายห้องให้ดีขึ้น หรือการกำจัดแหล่งกำเนิดฝุ่นได้ดีนั่นคือ ‘เครื่องฟอกอากาศ’ ควบคู่ไปด้วยนั้นเอง เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศได้รับการออกแบบมาเพื่อกรองอากาศและลดมลพิษในอาคารโดยเฉพาะ อีกทั้งในปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศก็ยังมีหลากหลายประเภทให้เราได้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องฟอกอากาศตั้งโต๊ะ, เครื่องฟอกอากาศแบบพกพานอกสถานที่ หรือแม้แต่ภายในรถก็ยังมีเครื่องฟอกและกรองอากาศภายในรถยนต์เลย ดังนั้นเพื่อสุขภาพของตัวเอง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถือว่าคุ้มค่าแก่การเป็นเจ้าของมาก ๆ อันตรายจาก ฝุ่น PM2.5โดยอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 ไมโครเมตร หรือที่เราเรียกว่า PM 2.5 มันเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะฝุ่นสามารถเข้าไปในปอดของเราได้ลึกมาก ๆ และการหายใจเข้าออกก็นำอนุภาคเหล่านี้เข้าไปเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันก็สามารถที่จะทำให้ปอดแย่ลงและทำให้เกิดโรคหอบหืด อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับคนที่เป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย นอกจากนี้การสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาว ก็อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบหรือส่งผลให้การทำงานของปอดลดลง (1-4) ดังนั้นทุกครั้งที่เดินทางออกจากบ้านโปรดสวมหน้ากาก N95 ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้วย เนื่องจากประเภทนี้จะสามารถป้องกันได้ทั้งฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กและเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ด้วย แต่จะต้องเลือกชนิดที่ไม่มีวาล์วระบายอากาศ ไม่เช่นกันมันจะไม่ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศคนไทยเผชิญกับฝุ่น PM2.5 ในหลายจังหวัด เนื่องจากอากาศเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กมาก มองตาเปล่าแทบไม่เห็น หากออกไปข้างนอกโดยไม่ได้ป้องกันหรือไม่ได้ใส่หน้ากากกันฝุ่น แล้วเผลอสูดหายใจเข้าไปมาก ๆ จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ จนอาจเกิดอันตรายกับระบบทางเดินหายใจ หรืออาจจะลามไปส่วนอื่นในร่างกายได้ โดยวิธีการที่สามารถแก้ไขได้คือเครื่องฟอกอากาศ เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่สามารถต่อสู้กับฝุ่นและสิ่งปนเปื้อนในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการใช้งานของเครื่องก็ไม่ได้ยุ่งยากมากมาย เพียงแค่คุณนำเครื่องฟอกอากาศไปตั้งไว้มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน จากนั้นก็ตั้งค่าโปรแกรมให้เครื่องทำงาน ตัวเครื่องก็จะเริ่มปฎิบัติการทำให้อากาศภายในบ้านสะอาดและสดชื่น สามารถสูดหายใจได้อย่างปลอดภัย หรือใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ เครื่องชนิดนี้ก็ช่วยได้ค่อนข้างเยอะมากเลยทีเดียว จริง ๆ แล้วตัวเครื่องฟอกอากาศสามารถนำมาใช้ได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นว่าแถวบ้านของคุณจะต้องมีฝุ่น PM2.5 ก่อตัวขึ้นก่อน แล้วจึงค่อยทำการซื้อ เนื่องจากประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องสามารถกำจัดฝุ่นขนาดเล็กและขนาดใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็น แบคทีเรีย, เชื้อรา, ไวรัส หรือแม้กระทั้งกลิ่นไม่เหม็นต่าง ๆ นา ๆ ภายในบ้าน นอกจากนี้แผ่นกรองถือว่าเป็นตัวสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวกรองไม่ให้ฝุ่นเล็ดลอดไปจากตัวเครื่อง เป็นผลทำให้บ้านคุณปราศจากมลพิษทางอากาศ อีกทั้งสุขภาพของคุณและคนในครอบครัวก็ดีขึ้นด้วย วิธีอื่น ๆ ที่ช่วยทำให้อากาศภายในบ้านให้ดีขึ้น
References :
|