สายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ 3 เฟส ต้องมีขนาดแรงดันพิกัดไม่น้อยกว่าเท่าใด

ระบบส่งไฟฟ้า

  • สายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ 3 เฟส ต้องมีขนาดแรงดันพิกัดไม่น้อยกว่าเท่าใด

ปัจจุบัน “พลังงานไฟฟ้า” เป็นสิ่งจำเป็นระดับต้นๆของวิถีชีวิตปัจจุบัน นอกจากนี้พัฒนาการด้านพลังงานไฟฟ้ายังมีส่วนผลักดันในการเปลี่ยนแปลงมิติอื่น ๆ ทั้งด้านอุตสาหกรรม การแพทย์สาธารณสุข  การคมนาคม  การศึกษา การท่องเที่ยว และการสื่อสาร เป็นต้น

โดยเส้นทางแห่งการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า ยังคงก้าวไปด้วยกลไกแห่งการสร้างสรรค์คุณภาพ ที่พร้อมส่องแสงอันสว่างไสวจากแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าที่หลากหลายเชื้อเพลิง เชื่อมโยงผ่านด้วยสายใยของ “ระบบส่งไฟฟ้า”

ระบบส่งไฟฟ้าจึงมีส่วนสำคัญในการส่งพลังงานไฟฟ้าจากผู้ผลิตมาสู่ผู้ใช้ไฟ ทำให้ประชาชนเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง ระบบส่งสร้างความเจริญสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ ก่อให้เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ นำไปสู่ความเชื่อถือในการลงทุนในทุกภาคส่วน

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดหา ผลิต ควบคุมระบบไฟฟ้าและส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าผ่านระบบเครือข่ายสายส่งไฟฟ้าของ กฟผ.ทั่วประเทศ โดยการเชื่อมโยงจากแหล่งผลิตไฟฟ้าไปยังระบบจำหน่ายของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งจะปรับแรงดันไฟฟ้าก่อนส่งถึงผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสม

รู้จักระบบส่งไฟฟ้า

  • สายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ 3 เฟส ต้องมีขนาดแรงดันพิกัดไม่น้อยกว่าเท่าใด
    สายส่งไฟฟ้าแรงสูง (Tranmission Line)

สายส่งไฟฟ้าแรงสูง (Tranmission Line)
สายส่งไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของระบบไฟฟ้าไทย ที่ต้องได้รับการดูแลบำรุงรักษาให้มีความมั่นคงและมีความพร้อมที่จะสร้างแสงสว่างแก่คนไทยทั่วทุกพื้นที่ หากขาดหรือชำรุดไปเพียงหนึ่งจุด อาจทำให้เกิดไฟฟ้าตกหรือดับเป็นวงกว้างได้

ดังนั้น “สายส่งไฟฟ้าแรงสูง”จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้า ทำหน้าที่ส่งพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าไปยังศูนย์กลางใช้ไฟฟ้า และเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้าหลายๆระบบเข้าด้วยกัน เพื่อส่งไฟฟ้าจากระบบหนึ่งไปยังอีกระบบหนึ่ง หรือถ่ายเทพลังงานไฟฟ้าระหว่างระบบให้แก่กันในกรณีฉุกเฉิน และกรณีที่บางระบบมีช่วงเวลาของการใช้ไฟฟ้าสูงสุดไม่ตรงกัน เสาและสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจึงจำเป็นต้องอยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา

  • สายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ 3 เฟส ต้องมีขนาดแรงดันพิกัดไม่น้อยกว่าเท่าใด
    สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)

สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)
ด้วยเหตุที่โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่สร้างไว้ในที่ห่างไกลชุมชน การส่งกระแสไฟฟ้าจากที่ไกลๆ จะประสบปัญหาแรงดันไฟตก การสูญเสียสูง และส่งไฟฟ้าได้ในปริมาณน้อย ในทางตรงกันข้าม หากมีการส่งจ่ายไฟฟ้าด้วยแรงดันยิ่งสูง การสูญเสียก็จะยิ่งต่ำ ส่งไฟฟ้าได้ปริมาณมาก ดังนั้นการมีสถานีไฟฟ้าเพื่อเปลี่ยนแรงดัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นทั้งในด้านการลดการสูญเสียด้วยการเพิ่มแรงดันให้สูงมากๆ จะสามารถส่งไฟฟ้าไปได้ในระยะทางไกลๆ และได้ปริมาณมากๆ ขณะเดียวกันเมื่อกระแสไฟฟ้าเข้ามาสู่ตัวเมืองก็ต้องมีสถานีไฟฟ้า เพื่อลดแรงดันกลับลงมาให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้งาน

สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) คือ สถานที่ตั้งอุปกรณ์ตัดตอนไฟฟ้า และอุปกรณ์แปลงแรงดันไฟฟ้า เป็นสถานที่ติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมการไหลของพลังงานไฟฟ้า เป็นจุดที่เชื่อมโยงระหว่างสายส่งไฟฟ้าจากจุดต่างๆถึงกัน และมีอุปปกรณ์สำหรับป้องกันระบบติดตั้งไว้เพื่อตัดสายส่งที่มีปัญหาลัดวงจรออกจากการจ่ายไฟฟ้า

  • สายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ 3 เฟส ต้องมีขนาดแรงดันพิกัดไม่น้อยกว่าเท่าใด
    ลานไกไฟฟ้า (Switchyard)

ลานไกไฟฟ้า (Switchyard) ทำหน้าที่แปลงแรงดันที่ผลิตจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้สูงขึ้นเพื่อส่งต่อไปยังสถานีไฟฟ้าที่อยู่ห่างไกล ลดความสูญเสียในระบบ ซึ่งประกอบด้วยหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง ที่ทำหน้าที่่เพิ่มแรงดัน และระบบป้องกันทางไฟฟ้า

  • สายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ 3 เฟส ต้องมีขนาดแรงดันพิกัดไม่น้อยกว่าเท่าใด
    ลูกถ้วย (Insulator)

ลูกถ้วย (Insulator)
เนื่องจากสายไฟฟ้าแรงสูงมีระยะอันตรายที่ไฟฟ้าจะกระโดดข้ามได้ ดังนั้นจึงต้องมีการจับยึดสายไฟฟ้า ด้วยวัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้า ที่เรียกว่า “ลูกถ้วย” ในจำนวนที่พอเหมาะกับไฟฟ้าแรงสูงนั้น ซึ่งจำนวนชั้นของลูกถ้วย จะบ่งบอกถึงระดับแรงดันไฟฟ้าด้วย

ลูกถ้วย (Insulator) คือ อุปกรณ์ที่ใช้รองรับสายไฟฟ้าแรงสูง มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า ป้องกันกระแสไฟฟ้าไหลจากตัวนำไปสู่โครงสร้างเสาส่ง หรือไหลลงดิน โดยลูกถ้วยของ กฟผ.ทำจากกระเบื้องเคลือบหรือแก้ว มีคุณสมบัติพิเศษคือมีความเป็นฉนวนมาก แข็งแรง ทนทาน  แต่เมื่อใช้ไปนานๆ สัมผัสกับอากาศนานเข้าจะมีฝุ่นละอองมาเกาะทำให้เกิดการนำไฟฟ้าได้ จึงต้องมีการทำความสะอาดลูกถ้วยอย่าสม่ำเสมอ

ประเภทของเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง

  • สายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ 3 เฟส ต้องมีขนาดแรงดันพิกัดไม่น้อยกว่าเท่าใด

เราเคยลองสังเกตไหมว่า เมื่อเราเดินทางผ่านตามถนนต่างๆในเมือง หรือต่างจังหวัด เรามักจะเห็นเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงที่มีรูปร่าง ขนาด ที่แตกต่างกันออกไป นั่นก็เพราะว่าเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงแต่ละประเภทมีลักษณะการใช้งานแยกตามระดับแรงดันไฟฟ้า จำนวนสายที่ใช้ในระบบ และพื้นที่ที่ตั้งเสาที่แตกต่างกันไป เพื่อให้การส่งจ่ายไฟฟ้ามีความมั่นคง ก่อให้เกิดเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า ไม่ทำให้เกิดไฟตก ไฟดับ นั่นเอง

การที่ระบบไฟฟ้ามีแรงดันไฟฟ้าสูง จะช่วยส่งกระแสไฟฟ้าไปยังระยะทางไกล ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากไฟฟ้าแรงสูงมีแรงดันไฟฟ้าที่สูงมากเมื่อเทียบกับที่ใช้กันทั่วไปตามบ้านเรือน และอาคารต่าง ๆ  (220 โวลต์) ไฟฟ้าแรงสูงจึงสามารถกระโดดข้ามอากาศเข้าหาวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการสัมผัสกับสายไฟเลย (เราจึงอาจจะเห็นนกที่ถูกไฟดูด โดยไม่จำเป็นต้องเกาะบนสายไฟ) ยิ่งถ้าไฟฟ้ามีแรงดันสูงมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เกิดการกระโดดข้ามได้ไกลมากยิ่งขึ้น 

ปัจจุบันเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. ใช้ระดับแรงดันไฟฟ้า คือ 69 กิโลโวลต์ (ปัจจุบันใช้อยู่น้อยมาก) 115 กิโลโวลต์ 230 กิโลโวลต์ และ 500 กิโลโวลต์ ซึ่งถือเป็นไฟฟ้าแรงสูงทั้งหมด และในอนาคตหากมีความต้องการพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นและต้องส่งพลังงานไฟฟ้าในระยะไกลมากขึ้น อาจจะมีระดับแรงดันไฟฟ้าที่มากกว่า 500 กิโลโวลต์

ชนิดของเสาไฟฟ้าถูกออกแบบเป็นประเภทต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับแรงดันไฟฟ้าและจำนวนสายที่ใช้ในระบบของ กฟผ. โดยปัจจุบันมีเสาไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ 3 ชนิด คือ เสาคอนกรีต เสาโครงเหล็ก และเสาชนิด Monopole ซึ่งการใช้งานขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ที่ตั้งเสาไฟฟ้า

ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า

  • สายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ 3 เฟส ต้องมีขนาดแรงดันพิกัดไม่น้อยกว่าเท่าใด
    ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ

ระบบไฟฟ้าประกอบด้วยโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ สายส่งไฟฟ้าระดับแรงดันต่างๆ และสถานีไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งตั้งกระจายอยู่ทั่วไปตามจังหวัดต่างๆ จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางเพื่อให้โรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้าแรงสูง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด หน่วยงานดังกล่าวคือ “ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ”

การดำเนินงานของศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นด้านความมั่นคง เชื่อถือได้ และมีคุณภาพเพียงพอต่อเนื่องของระบบไฟฟ้า ประสิทธิภาพและต้นทุนการผลิตเป็นสำคัญ โดยมิได้คำนึงว่าเป็นโรงไฟฟ้าของ กฟผ. หรือโรงไฟฟ้าเอกชน เพื่อบรรลุตามภารกิจดังกล่าว ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ ต้องสั่งการด้วยความเป็นธรรมต่อผู้ผลิตไฟฟ้าทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ที่กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า ต้องสั่งให้ผู้ผลิตไฟฟ้าดำเนินการผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นธรรมและจะเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมิได้ โดยมีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้กำกับดูแล

ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า มีความสำคัญต่อการผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศ และยังเป็นหน่วยงานกลาง ซึ่งทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นไปอย่างประหยัด มั่นคง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีภารกิจหลักต้องรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวฉันใด ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าก็มีความสำคัญควบคู่กันไปด้วย

ข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยในเขตเดินสายไฟฟ้า

เขตเดินสายไฟฟ้าเป็นพื้นที่รอบๆแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง โดยประกาศเป็นระยะทางจากแนวศูนย์กลางสายส่งไฟฟ้าแรงสูงออกไปเป็นระยะทางต่างๆกัน

กฟผ. อาศัยอำนาจตาม พระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 และ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ประกาศและกำหนดเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้าสำหรับดำเนินการก่อสร้างและบำรุงรักษา เพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภัยในการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า โดยการจำกัดสิทธิบางประการในการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า และเป็นการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สิน

ประกาศการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยในเขตเดินสายไฟฟ้า

  1. ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด อันอาจเป็นอันตรายแก่ระบบไฟฟ้า เช่น ห้ามนำวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักรกล เช่น รถเครน รถยก รถตัก รถขุด เข้าใกล้สายไฟฟ้า แรงสูงอย่างน้อย 4.00 เมตร หรือ ห้ามเผาไร่อ้อย นาข้าว ป่าพง หรือ วัสดุอื่นใดในแนวเขตเดินสายไฟฟ้า
  2. ห้ามปลูกสร้างอาคาร บ้านเรือน หรือ สิ่งปลูกสร้างอื่นทุกชนิด ในเขตเดินสายไฟฟ้า
  3. ห้ามปลูกต้นไม้หรือพืชผล ในเขตเดินสายไฟฟ้า ดังนี้
    • บริเวณพื้นที่ ที่ตั้งเสา และพื้นที่โดยรอบโคนเสา ภายในระยะห่างจากแนวขาเสา 4 เมตร ห้ามปลูกต้นไม้หรือพืชผลทุกชนิด
    • บริเวณพื้นที่ในเขตเดินสายไฟฟ้านอกจากข้อ 3.1 ห้ามปลูกต้นไม้หรือพืชผล ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วมีความสูงเกินกว่า 3 เมตร
    • บริเวณพื้นที่ในเขตเดินสายไฟฟ้าของสายส่งไฟฟ้าระดับแรงดัน 500,000 โวลต์ ห้ามปลูกอ้อย
  4. การกระทำใดๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นดินบริเวณพื้นที่ในเขตเดินสายไฟฟ้า เช่น การปรับ สภาพพื้นดินในสูงขึ้น การขุดดินหรือขุดบ่อ การก่อสร้างถนน จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกฟผ.ก่อน โรงเรือนหรือสิ่งอื่น ที่สร้างขึ้นหรือทำขึ้น ต้นไม้หรือพืชผล ที่ปลูกขึ้น โดยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข หรือไม่ได้รับอนุญาตจาก กฟผ. ให้ กฟผ. มีอำนาจรื้อถอน ทำลาย หรือตัดฟัน ตามควรแก่กรณีโดยไม่ต้องจ่ายค่าทดแทน

ข้อกำหนดความกว้างเขตเดินสายไฟฟ้า

ขนาด (กิโลโวลต์) ระยะห้ามจากจุดกึ่งกลางเสาออกไปด้านละ รวมเขตเดินสายไฟฟ้า
69 9 เมตร 18 เมตร
115 12-25 เมตร 24-50 เมตร
230 20-25 เมตร 40-50 เมตร
500 35-40 เมตร 70-80 เมตร

เมื่อมีความประสงค์จะติดต่อขออนุญาตกระทำการก่อสร้าง ปรับพื้นที่ในเขตเดินสายไฟฟ้า หรือมีข้อสงสัยใดๆ หรือ พบการกระทำใดๆ อันอาจเป็นอันตรายต่อระบบการส่งจ่ายกำลังไฟฟ้า อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาติ โปรดแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย ที่ใกล้ที่สุด หรือศูนย์บริการข้อมูล กฟผ. 1416

เอกสารอ้างอิง

ที่มา :
หนังสือระบบส่งไฟฟ้า เส้นเลือดใหญ่แห่งพลังงานไทย
หนังสือคำศัพท์น่ารู้ กฟผ.

แรงดันไฟฟ้า 3 เฟส มีแรงดันเท่าใด

ไฟฟ้า 3 เฟส รู้จักกันในอีกชื่อว่า 3 Phase 4 Wire เป็นระบบไฟฟ้าที่มีแรงดัน 380 โวลต์ ซึ่งมากกว่าเฟส 1 อยู่ถึง 160 โวลต์เลยทีเดียว นิยมถูกนำไปใช้กับอาคารตึกสูงหรือสถานที่ที่ต้องการไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งไฟเฟส 3 นั้นจะมีสายไฟทั้งหมด 4 เส้น แต่มีไฟเดินอยู่แค่ 3 เส้นเท่านั้น ส่วนอีกเส้นจะเป็นสายเส้นศูนย์ (Neutral Line)

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย มีแรงดันระหว่างสายเส้นไฟและสายนิวทรัลเท่าไร

3.2 ระบบ 3 เฟส จะมี 4 สายในระบบ ประกอบด้วย สาย LINE (มีไฟ) 3 เส้น และสายนิวตรอน (ไม่มีไฟ) 1 เส้น มีแรงดันไฟฟ้าระหว่าง สายLINE กับ LINE 380 – 400 โวลท์ และแรงดันไฟฟ้าระหว่างสาย LINE กับ Neutral 220 – 230 โวลท์ และมีความถี่ 50 เฮิร์ซ (Hz) เช่นเดียวกัน

ระบบแรงดันไฟฟ้า 3 เฟส มีสายไฟใช้งานกี่เส้น ไม่รวมสายดิน

2. ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คือ มีแรงดันไฟฟ้าระหว่าง สายไลน์ กับ ไลน์ 380 – 400 โวลท์ และแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายไลน์ กับ นิวทรอล 220 – 230 โวลท์ และมีความถี่ 50 เฮิร์ซ (Hz) จะมีสายไฟในระบบจำนวน 4 สาย ประกอบด้วย -สายไลน์ (มีไฟ) 3 เส้น -สายนิวทรอล (ไม่มีไฟ) 1 เส้น

สายเส้นใดที่ไม่มีแรงดันไฟฟ้า

1. ระบบไฟฟ้า 1 เฟส คือระบบไฟฟ้าที่มีสายไฟฟ้าจำนวน 2 เส้น เส้นที่มีไฟเรียกว่าสายไฟหรือสายเฟส หรือสายไลน์ เขียนแทนด้วยตัวอักษร L (Line) เส้นที่ไม่มีไฟเรียกว่าสายนิวทรอล หรือสายศูนย์ เขียนแทนด้วยตัวอักษร N (Neutral) ทดสอบได้โดยใช้ไขควงวัดไฟ เมื่อใช้ไขควงวัดไฟแตะสายเฟส หรือสายไฟ หรือสายไลน์ หลอดไฟเรืองแสงที่อยู่ภายไขควงจะ ...