ครูผู้ฝึกสอน และรถที่ใช้เรียน
จากประสบการณ์การสอนมานานภายใต้การควบคุมมาตรฐานการเรียนการสอน โดยสมาคมสอนขับรถยนต์ เราจึงมีความรู้ความชำนาญ
พร้อมครูผู้สอนมีทั้งคุณครูผู้หญิง และคุณครูผู้ชาย ที่ผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบก
ด้านความปลอดภัย
ทางโรงเรียนใช้รถใหม่ในการสอน และเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน รถของทางโรงเรียนมีระบบเบรก 2 ชุด และรถของเราใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง ไม่ได้ใช้รถแก๊ส จึงมั่นใจในความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
รายละเอียดรถที่ใช้สอน
สอนด้วยรถยนต์ TOYOTA NEW VIOS 2012 (วีออส) , Jazz และรถกระบะ ระบบเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์กระปุก ครูผู้สอนใจดี ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง ไม่ดุ มีเทคนิคต่างๆ และมีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี
บริการรับ-ส่งถึงบ้าน
ย่าน รามคำแหง บางกะปิ พัฒนาการ ศรีนครินทร์ สวนหลวง บางนา เสรีไทย นวมินทร์ มีนบุรี เกษตร ลาดพร้าว รามอินทรา พระรามเก้า ห้วยขวาง สุทธิสาร รัชดา คลองตัน พระโขนง อ่อนนุช อุดมสุข สุขุมวิท เพชรบุรี ดินแดง และแนวสถานี BTS และ MRT
ความประทับใจ
” มีเพื่อนแนะนำมาเรียนที่นี่ ไม่ผิดหวังเลยครับ คุณครูวัชสอนดีมากเลยครับ ใจเย็นดี สอนเป็น step ทุกขั้นตอน เน้นสอนปฎิบัติ เข้าใจง่ายดี และดูแลดีมาก. ขอบคุณมากๆ น่ะครับ “
ตี้ จิรายุทธ” ครูใจดีมากกกก เป็นกันเอง สอนไม่เครียดเลย รถก็ใหม่ทุกคัน ขับสบายมากค่ะ ได้ใบขับขี่มาเพราะที่นี่เลย ออกถนนอย่างมั่นใจ เลือกถูกจริงๆที่มาเรียนที่นี่ค่ะ “
เมย์” คุณครูใจดีและสอนดีมากค่ะ ทำให้เรามั่นใจในการขับรถ คุณครูให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและมารยาทให้การขับขี่บนถนนจริง จากที่ขับไม่เป็นเลย แต่สอบใบขับขี่รอบเดียวผ่านเลยค่ะ “
ปลา ปาจรีย์” ครูสอนดี ขับได้จริง และมั่นใจทุกครั้งที่ออกถนน รวมถึงท่าสอบใบขับขี่ก็เป๊ะทุกท่า แนะนำมาเรียนที่นี่เลยครับ “
ฐิติ เหมศิริรัตน์” คุณครูดีมากครับ ใจเย็น ใส่ใจรายละเอียด ลงสนามจริง สอบใบขับขี่รอบเดียวผ่านเลยครับ โรงเรียนดี คุณครูเก่งมากครับ “
ปัญหาโลกแตกระหว่างนายจ้าง กับ ลูกจ้าง ที่เกิดขึ้นทุกหน่วยงาน มีข่าวออกมาให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ ซึ่งส่วนมากก็จะได้ยินข่าวว่านายจ้างเอาเปรียบ หรือ กดค่าแรงลูกจ้าง ให้ทำงานเกินเวลา จนทำให้ลูกจ้างต้องลาออกจากงานเพราะทนถูกเอาเปรียบไม่ไหว ซึ่งจริงๆแล้ว หากลูกจ้างคนไหนที่คิดจะลาออกและได้อ่านบทความนี้ อยากบอกว่า ไม่ว่าหน่วยงานไหน บริษัทไหน ก็มีโอกาสเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้เสมอ การลาออกจึงไม่ได้การันตีว่า หน่วยงานหรือบริษัทใหม่จะดีกว่าเดิมเสมอไป หรืออาจจะเป็นการหนีเสือปะจระเข้ซะมากกว่า
ดังนั้น ทางที่ดีควรหันมาศึกษาหาความรู้เกี่ยว กฎหมายแรงงาน ที่จำเป็นในการทำงานจะดีกว่า เพื่อให้การทำงานอยู่ในกฎระเบียบ ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และมีข้อโต้แย้งเจ้านาย โดยถือกฎหมายเป็นหลักจะปลอดภัย และน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการลาออกนะคะ การคุยด้วยเหตุผลและกฎหมายจะทำให้นายจ้างไม่กล้าเอาเปรียบเรา เพราะรู้ว่าลูกจ้างมีความรู้เรื่องกฎหมายแรงงาน ซึ่งบทความนี้จะสรุปกฎหมายแรงงานที่จำเป็น ที่ลูกจ้างจะต้องรู้ เพื่อให้ทำงานได้อย่างสบายใจมากขึ้น
ทำไมต้องรู้กฎหมายแรงงาน
เพราะ กฎหมายแรงงาน เป็นกฎหมายที่ระบุถึงสิทธิของลูกจ้าง และ นายจ้าง ไว้อย่างชัดเจน เพื่อที่ไม่เกิดการเอาเปรียบไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม ซึ่งใน กฎหมายแรงงาน จะระบุถึงสิทธิต่างๆ สวัสดิการ วันหยุด ค่าแรง และความปลอดภัยในการทำงาน ทำให้ลูกจ้างสบายใจ หากรู้กฎหมายแรงงาน ก็จะลดการถูกเอาเปรียบ หรือได้รับค่าแรงไม่เป็นธรรม และทำงานได้อย่างมีคามสุขทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างเอง
ลูกจ้างได้ประโยชน์อะไรจากกฎหมายแรงงานบ้าง
1 ได้ค่าแรงที่เป็นธรรม ไม่ถูกกดค่าแรง ได้ค่าแรงที่เหมาะกับคุณวุฒิและตำแหน่งในการทำงาน
2 ได้รับสวัสดิการที่ลูกจ้างทุกคนพึงจะได้รับตามกฎหมายระบุ ทำให้ลูกจ้างมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
3 มีเวลาทำงานและพักระหว่างทำงานตามกฎหมาย กฎหมายกำหนดให้ทำงานทั่วไปทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนงานที่เป็นอันตราย กำหนดให้ทำงานไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำให้ลูกจ้างไม่ถูกใช้แรงงานหนักจนเกินไป หรือหากทำงานในวันหยุดก็ได้รับเงินเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนเวลาพัก กฎหมายแรงงาน ก็กำหนดให้มีเวลาพักอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน หากลูกจ้างต้องทำงานล่วงเวลาเกิน 2ชั่วโมง ก็ต้องจัดเวลาให้พักก่อนที่จะเริ่มงานอย่างน้อย 20 นาที
4 มีวันหยุดพักผ่อน กฎหมายแรงงานกำหนดให้มีวันหยุดอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ หรือจะรวมเป็นวันหยุดสะสมก็ได้ตามลักษณะของงาน และต้องมีวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่า 13 วัน และวันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่ต่ำกว่า 6 วันต่อปี
5 มีระบบการทำงานที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ทำให้การทำงานเกิดความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่เสียงเกิดอุบัติจากความไม่ปลอดภัยของการทำงาน ส่งผลต่อสวัสดิภาพของลูกจ้าง
6 การทำงานวันหยุด สำหรับลูกจ้าง กฎหมายแรงงาน กำหนดลูกจ้างทำงานล่วงเวลาได้ แต่ต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งการทำงานล่วงเวลาในวันหยุดนี้ นายจ้างไม่มีความผิด หากลูกจ้างยินยอม และสภาพงานมีความจำเป็นที่ต้องทำต่อเนื่อง จนต้องทำงานล่วงเวลา
7 การลางานของลูกจ้าง ลูกจ้างมีสิทธิ์ลาป่วยได้ แต่ถ้าหากลาติดต่อกันเกิน 3 วัน ต้องมีใบรับรองแพทย์ และยังมีสิทธิ์ลาเพื่ออบรม ลากิจ ลารับราชการทหาร ลาคลอดบุตร
8 ค่าตอบแทนหรือค่าจ้างในการทำงาน ตามกฎหมายแรงงานมีการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำไว้ ซึ่งนายจ้างห้ามจ่ายค่าแรงต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด และหากลูกจ้างมีการทำงานล่วงเวลา นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้าง 1.5 เท่าของค่าจ้างปกติ โดยคิดเป็นรายชั่วโมง และเกณฑ์ยังนำไปคิดค่าจ้างในกรณีทำงานวันหยุด
9 ค่าชดเชยการเลิกจ้าง หากมีการเลิกจ้างลูกจ้าง กรณีที่ลูกจ้างไม่การกระทำความผิดใดๆ นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุการทำงานและเงินเดือนของลูกจ้าง
เห็นไหมว่า หากเรารู้ ” กฎหมายแรงงาน ” ที่จำเป็น ก็ทำให้ลูกจ้างและนายจ้างทำงานร่วมกันได้ โดยไม่มีฝ่ายไหนเอารัดเอาเปรียบกัน เพราะมีกฎหมายแรงงานกำหนดข้อปฏิบัติต่างๆไว้ เพื่อเป็นแนวทาง และลดปัญหาต่างๆในการทำงานได้เป็นอย่างดี แต่ที่เกิดปัญหาระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างปัจจุบัน เพราะไม่รู้กฎหมายแรงงาน เสียสละเวลาสักนิด เรียนรู้และศึกษากฎหมายแรงงาน เพื่อคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดีขึ้น