ความ แตก ต่าง ระหว่าง Boss กับ Leader

WAND Intelligence ก.ค. 2, 2021, 1:21 หลังเที่ยง

Show

“หัวหน้า (Boss)” หรือ “ผู้นำ (Leader)” อยู่ที่คุณเลือก จะเป็นแบบไหน!!!

สวัสดีครับเพื่อนๆ สำหรับในครั้งนี้ เราจะมาพูดกันในเรื่องของ ความแตกต่างกันระหว่าง “หัวหน้า (Boss)” หรือ “ผู้นำ (Leader)” ว่ามีคุณลักษณะอะไรบ้างที่แตกต่างกัน? และแตกต่างกันอย่างไร?

หากเราจะพูดถึงว่า หัวหน้างานของเรา หรือแม้แต่ตัวเราเองนั้น ในเวลาทำงานนั้น มีลักษณะ หรือบุคลิกเป็นอย่างไรบ้าง มีคุณสมบัติที่เพียงพอจะเป็นหัวหน้างาน หรือไหม เดี๋ยวเรามาดูกันว่า ระหว่าง “หัวหน้า (Boss)” หรือ “ผู้นำ (Leader)” มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

ผมจะข้ออธิบายแยกเป็นข้อๆ เลยก็แล้วกันนะครับผม สำหรับ ความแตกต่างกันระหว่าง “หัวหน้า (Boss)” หรือ “ผู้นำ (Leader)” มีดังนี้ คือ  

**********************************************************************************************************

“หัวหน้า (Boss)”

มักจะมุ่งเน้นในการจัดการ สนใจเพียงแค่เป้าหมาย โดยทำการติดตามงานจากทีมงานโดยไม่คำนึงถึงการพัฒนาทีมงาน ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาด หรือทำไม่สำเร็จ ก็มักจะลงโทษคนที่ได้รับมอบหมาย และเปลี่ยนคนมารับผิดชอบแทน

“ผู้นำ (Leader)”

มักจะมุ่งเน้นการทำงานเป็นทีม มีการพัฒนาทีมงาน คอยช่วยเหลือทีมงาน หากทีมงานเจอปัญหาในระหว่างการทำงาน ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาด หรือทำไม่สำเร็จ ก็มักจะเก็บความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน หาข้อแก้ไขร่วมกันทั้งทีม

**********************************************************************************************************

“หัวหน้า (Boss)”

มักจะรู้ทุกเรื่อง คิดว่าตัวเองเก่งทุกเรื่อง แต่ให้คำปรึกษาไม่ค่อยได้ และไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นๆ มักจะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง และไม่ค่อยจะขอความคิดเห็นจากทีมงาน ส่วนใหญ่จะสั่งงานทันที

“ผู้นำ (Leader)”

มักจะคอยให้คำปรึกษาทีมงาน ชอบสอนงาน และทำตัวอย่างให้ดูก่อน ในกรณีที่ทีมงานทำไม่เป็น มักจะชอบถามความคิดเห็นจากทีมงาน แลกเปลี่ยนความรู้ภายในทีมงาน และมักจะทำงานกันเป็นทีม พัฒนาปรับปรุงไปด้วยกันทั้งทีมงาน

**********************************************************************************************************

“หัวหน้า (Boss)”

ชอบที่จะกดดันทีมงาน โยนแรงกดดันต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้น ในการทำงานของทีมงาน ไม่ชอบให้กำลังใจทีมงาน ชอบยกตัวอย่างในเรื่องที่เป็นแรงกดดันให้กับทีมงาน

“ผู้นำ (Leader)”

ชอบที่จะพูดกระตุ้นทีมงานด้วยการให้กำลังใจ จุประกายทีมงานให้อยากทำงาน สร้างความกระตือรือร้น และสร้างความมั่นใจ เพื่อให้ทีมงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

**********************************************************************************************************

“หัวหน้า (Boss)”

มักจะใช้คำแทนตัวว่า “ฉัน” ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดขึ้นมา มักจะโทษว่าทีมงานทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากงานประสบความสำเร็จ ก็มักจะเอาความดีความชอบเป็นของตัวเองคนเดียว

“ผู้นำ (Leader)”

มักจะใช้คำแทนตัวว่า “เรา” ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดขึ้นมา มักจะยอมรับผิดคนเดียว แล้วเก็บข้อผิดพลาดมาแก้ไขเพื่อพัฒนาทีมงาน แต่ถ้าหากงานประสบความสำเร็จ ก็มักจะยกเอาความดีความชอบให้เป็นผลงานของทีมงาน

**********************************************************************************************************

“หัวหน้า (Boss)”

มักจะชอบใช้อำนาจในการสั่งงาน เป็นเผด็จการ ไม่ฟังความคิดเห็นจากทีมงาน หากทีมงานไม่ปฏิบัติตาม ก็จะไม่พอใจ และมักจะทำการลงโทษอยู่บ่อยครั้ง

“ผู้นำ (Leader)”

มักจะขอร้องให้ทีมงานช่วยทำงานให้ รับฟังความคิดเห็นจากทีมงาน ในกรณีที่วิธีของทีมงานดีกว่า ก็จะยอมรับ และให้ทีมงานลองทำดู โดยทำการสนับสนุน และชื่นชม

**********************************************************************************************************

นี้ก็เป็นเพียง บางส่วนของคุณลักษณะความแตกต่าง ระหว่าง “หัวหน้า (Boss)” หรือ “ผู้นำ (Leader)” เพื่อนๆ ลองนึกดูสิครับว่า หัวหน้างานของเพื่อนๆ มีข้อไหน ตรงกับข้อไหนกันบ้าง หรือ เพื่อนๆ ลองมองดูตัวเองสิครับ ว่า ตัวเองนั้น มีภาวะความเป็นผู้นำพอหรือยังครับผม

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความ แตก ต่าง ระหว่าง Boss กับ Leader

การเป็นหัวหน้าที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งถ้าเราเป็นผู้นำ หรือต้องเจอกับผู้นำที่ไม่มีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ดี ลูกน้องก็ไม่อยากทำงานด้วย ทยอยลาออกกันไปทีละคนสองคน 

ในความเป็นจริงเหตุผลอันดับหนึ่งที่ทำให้คนทั่วไปลาออกจากงานก็คือ การมีเจ้านายห่วย ๆ ซึ่งการมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการเป็นผู้นำที่ดี จะช่วยเป็นกำลังใจให้กับทีมของคุณได้ งานเดินหน้า ลูกน้องก็รักและอยากให้ความร่วมมือช่วยให้การทำงานสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น และหากคุณต้องการทราบว่าคุณหรือคนรอบตัวเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์หรือทำลาย ต้องลองมาหาคำตอบจากบทความนี้กัน

 1. ข่ม ทำให้กลัว VS เกิดแรงบันดาลใจ

ผู้มีบุคลิกแบบ Boss: มักจะคิดวิธีแสดงอำนาจของเขาและเรียกร้องหาความเคารพจากผู้อื่น แทนที่จะค่อย ๆ สะสมสิ่งเหล่านี้ ผู้นำประเภทนี้จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

ผู้มีบุคลิกแบบ Leader: จะคอยเป็นแรงบันดาลใจให้สมาชิกภายในทีมของเขาให้เติบโตและได้ฝึกฝนทักษะไปพร้อม ๆ กัน ผู้นำประเภทนี้จะนึกถึงจุดแข็งของสมาชิกในทีมก่อนเสมอ และในขณะเดียวกันก็ช่วยคนในทีมปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนของพวกเขาด้วย

2. จับตาดู VS สอน

ผู้มีบุคลิกแบบ Boss: ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาของผู้นำประเภทบอสไปได้ เขาจะเฝ้าดูการกระทำของคนในทีมและวิเคราะห์ทุกข้อผิดพลาดของพวกเขา คนลักษณะนี้มักวิพากษ์วิจารณ์คนในทีมและข่มขู่ให้เกิดความกลัวเมื่อคนในทีมทำงานได้ไม่ดี

ผู้มีบุคลิกแบบ Leader: จะคอยมองหาวิธีพัฒนาทีมของตัวเอง ผู้นำประเภทนี้จะชื่นชมความสำเร็จของคนในทีมและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเมื่อมีอุปสรรคและปัญหาเกิดขึ้น

3. ได้ยิน VS รับฟัง

ผู้มีบุคลิกแบบ Boss: ผู้นำประเภทนี้จะรับฟังข้อมูลจากทีมของเขา แต่จะไม่ทำอะไรต่อเลย เพราะเขาเชื่อว่าคนในทีมควรแก้ไขปัญหาด้วยตัวของพวกเขาเองและทำงานให้สำเร็จตามที่เขากำหนด แต่จะไม่มีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะถ้าไม่จำเป็น

ผู้มีบุคลิกแบบ Leader: การรับฟังคนในทีมมีความสำคัญมากต่อความสำเร็จของผู้นำ คนลักษณะนี้จะสนับสนุนข้อเสนอแนะต่างๆ และช่วยแก้ปัญหาเมื่อมีข้อผิดพลาดหรือมีความกังวลเกิดขึ้น ความคิดใหม่ ๆ ของลูกทีมจะถูกจัดว่ามีคุณค่าเทียบเท่ากับความคิดของเขาเองเลยทีเดียว

4. ออกคำสั่ง VS สอบถาม

ผู้มีบุคลิกแบบ Boss: “ฉันต้องการให้คุณทำงานนี้” “คุณต้องทำงานให้เสร็จภายในวันศุกร์” เมื่อผู้นำลักษณะนี้ออกคำสั่ง คนในทีมต้องตอบรับและทำตามคำขอของเขาโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงหรือแสดงความเห็น เมื่องานที่ทำเสร็จไม่ตรงตามเวลา คนในทีมก็จะถูกดุและถูกต่อว่าจากหัวหน้าประเภทนี้

ผู้มีบุคลิกแบบ Leader: “คุณคิดเห็นยังไง?” “คุณสามารถทำงานนี้ให้เสร็จภายในวันศุกร์ได้หรือเปล่า?” ผู้นำประเภทนี้จะต้องถามให้แน่ใจก่อนว่าคนในทีมของเขามีเวลาและไหวพริบที่จะทำงานให้เสร็จทันกำหนดเวลาได้หรือไม่ ถ้าหากไม่ เขาจะหาวิธีเอื้อประโยชน์ให้ลูกทีมได้รับความสะดวกสบาย และสบายใจทั้งสองฝ่ายโดยไม่มีการตำหนิ

5. โยนงาน VS ดูแลรายละเอียดของงานอย่างใกล้ชิด

ผู้มีบุคลิกแบบ Boss: ผู้นำประเภทนี้จะทำเพียงแค่ตัดสินใจแล้วทิ้งงานไว้ให้กับทีมของเขา เวลาถูกถามถึงรายละเอียดงานจึงไม่สามารถตอบได้ และจะไม่สนใจใยดีจนกว่าจะมีผลกระทบโดยตรงกับเขา การเป็นผู้นำแบบไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือ Hands-off style ก่อให้เกิดการปิดบังปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในทีม ซึ่งอาจทำให้ผลงานที่ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ

ผู้มีบุคลิกแบบ Leader: ผู้นำประเภทนี้จะให้อิสระในการทำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็เอาใจใส่เมื่อเขาต้องการมีส่วนร่วมด้วย สมาชิกในทีมจะรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นโดยทันที เพื่อให้มีการแก้ไขและจัดการได้อย่างเหมาะสม และเมื่อจำเป็นจริง ๆ ผู้นำประเภทนี้จะเข้ามาร่วมลงมือทำงานด้วยเพื่อแสดงให้เห็นว่าจะทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ได้อย่างไร

6. จู้จี้ขี้บ่น VS สนับสนุน

ผู้มีบุคลิกแบบ Boss: ผู้นำประเภทที่เชื่อว่างานต้องมาก่อน นั่นหมายความว่าเขาต้องสามารถติดต่อสมาชิกในทีมของเขาได้ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ไม่มีข้อแก้ตัวว่าทำไมบางอย่างถึงไม่สามารถทำได้เมื่อเขาต้องการ

ผู้มีบุคลิกแบบ Leader: ผู้นำประเภทนี้จะเข้าใจถึงความจำเป็นของการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต (work life balance) เขาสนับสนุนให้ทีมมีการพักเบรคนาน ๆ อีกทั้งเขายังเคารพเวลาของสมาชิกในทีมหลังจากที่หมดไปจากการทำงานและโปรเจคต่าง ๆ อีกด้วย

7. เป้าหมายไม่ชัดเจนและเป็นไปไม่ได้ VS เป้าหมายชัดเจนและสมเหตุสมผล

ผู้มีบุคลิกแบบ Boss: ผู้นำประเภทนี้ต้องการทำงานให้บรรลุเป้าหมายทุกวิถีทาง แต่ด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของเขาเป็นตัวกำหนดเป้าหมายต่าง ๆ จึงทำให้สมาชิกภายในทีมเกิดความสับสนและผิดหวัง พวกเขากลัวที่จะถามคำถาม ดังนั้นเวลาจึงหมดไปกับการจัดลำดับความสำคัญของงานและกลยุทธ์ในการทำงาน

ผู้มีบุคลิกแบบ Leader: ความสำคัญสูงสุดของผู้นำประเภทนี้คือการทำให้แน่ใจว่า ทุกคนในทีมมีเป้าหมายร่วมกัน เขาสร้างทีมแบบ *OKRs (Objectives & Key Results) *คือการตั้งเป้าหมายให้แต่ละคน โดยเป้าหมายของทุก ๆ คนสอดคล้องกันทั้งองค์กร  เพื่อช่วยให้ทีมเข้าใจวัตถุประสงค์หลักและวิธีการมีส่วนร่วมของสมาชิกในทีม

8. “ฉันถูกเสมอ” VS “การเป็นผู้นำและการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้” – John F. Kennedy

ผู้มีบุคลิกแบบ Boss: “ฉันถูกเสมอ” ผู้นำประเภทนี้จะคิดว่าเขารู้ดีที่สุด ทุกคนห้ามตั้งคำถามเกี่ยวกับอำนาจและการตัดสินใจของเขา ผู้นำแบบบอสนี่แหละที่จะไม่มีทางประสบความสำเร็จ มีความสุข หรือมีทีมที่สนับสนุนเขาจนกว่าเขาจะตัดสินใจเรียนรู้วิธีการเป็นผู้นำที่ดีเสียก่อน

ผู้มีบุคลิกแบบ Leader: “การเป็นผู้นำและการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้” – John F. Kennedy ผู้นำประเภทนี้จะเหมือนกับเป็นนักเรียนมากเท่ากับการเป็นครู เขาจะขอความคิดเห็นหรือคำติชมเกี่ยวกับวิธีการที่ทำให้ตัวเขาเองเป็นผู้นำที่ดีขึ้น เป็นผู้ถ่ายทอดที่ดีขึ้น และมองภาพรวมการทำงานของทีมได้ดีกว่าเดิม

ตอนนี้คุณกำลังเป็นผู้นำแบบไหน? ลองให้คำตอบกับตัวเองดู หากอยากเป็นผู้นำที่ดี ลูกทีมรัก เคารพ และให้ความนับถือ ก็อย่าลืมเรื่องการเอาใจเขามาใส่ใจเรา จะทำให้การทำงานกับลูกทีมสำเร็จได้อย่างแน่นอน

 ข้อมูลจาก thebusinesstimes

ผู้นํา กับ เจ้านาย ต่างกันอย่างไร

หัวหน้าใช้คนทำงาน vs ผู้นำพัฒนาคนเพื่อทำงาน หัวหน้าจะมุ่งเป้าให้งานสำเร็จ มีแนวทางเกี่ยวกับงานอย่างชัดเจน ส่วนผู้นำที่ดีจะสามารถดึงความสามารถของทุกคนออกมาใช้ให้เต็มที่ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำงานเต็มศักยภาพ ให้ความสำคัญกับคนไม่น้อยไปกว่าผลลัพธ์ของงาน

ผู้นํามีหน้าที่อะไร

ผู้นำ (Leader) เป็นบุคคลมีหน้าที่รับผิดชอบในการชี้นำการปฏิบัติงาน และกิจกรรมต่างๆ ผู้ตาม(Follow) เป็นผู้ปฏิบัติงานและกิจกรรมภายใต้การชี้แนะของผู้นำ ภาวะผู้ตาม (Followers) เกิดจากเหตุผลที่ว่าตราบใดที่องค์การยังคงดำเนินงานอยู่ได้ย่อมต้องอาศัยพลังงานของบุคลากรเป็นสิ่งค้ำชู

ผู้ นํา กับ ภาวะผู้ นํา เหมือน หรือ แตก ต่าง กัน อย่างไร

ภาวะผู้นํา เป็นศิลปะในการทํางานของบุคคลทีมีอิทธิพลใน การจูงใจคนอืนให้ร่วมกันปฏิบัติงานให้สําเร็จ ภาวะผู้นํา หมายถึง กระบวนการของการมีอิทธิพลต่อ กิจกรรมของกลุ่ม - เพือให้บรรลุจุดมุ่งหมายทีได้กําหนดไว้ สรุปสัน ๆ ได้ว่า - ผู้นํา หมายถึง ตัวบุคคลทีดํารงตําแหน่ง

ผู้นําหมายถึง อะไร จงอธิบาย

1) ผู้นํา คือ บุคคลที่มีบทบาทหรืออิทธิพลต่อบุคคลในหน่วยงานมากกว่าบุคคลอื่น 2) ผู้นํา คือ บุคคลที่มีบทบาทเหนือคนอื่น 3) ผู้นํา คือ บุคคลที่มีบทบาทสําคัญที่สุดในการทํางาน เพื่อให้หน่วยงานดําเนินการไปสู่ จุดมุ่งหมายและบรรลุจุดมุ่งหมายที่วางไว้