สวัสดีค่ะชาว
Dek-D ถ้าเอ่ยถึง “ยุโรป” หลายคนคงนึกถึงดินแดนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ และสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามดั่งภาพวาด นอกจากนี้ ระบบการศึกษาของเค้ายังโดดเด่นไม่แพ้กันจนเป็นเป้าหมายฮิตของนักเรียนทั่วโลกเลยค่ะ ทีนี้หลายคนอาจคิดว่าการไปต่อนอกจะต้องจ่ายแพงแน่นอน วันนี้พี่เลยจะพาน้องๆ ไปทำความรู้จักกับมหาวิทยาลัยในยุโรปที่ค่าเรียนแสนถูก ซึ่งหลายๆ
ประเทศเค้าเปิดกว้างให้นักเรียนต่างชาติจ่ายเพียงค่าธรรมเนียมการศึกษาเท่านั้น หรือบางแห่งถึงขั้นให้เรียนฟรีด้วยค่ะ แต่ต้องบอกก่อนว่านิดมหา’ลัยที่เลือกมาแนะนำกันในวันนี้ บางประเทศเค้าใช้ภาษาแม่ของตัวเองในการเรียนการสอน น้องๆ จึงอาจต้องพกสกิลภาษาอื่นนอกจากภาษาอังกฤษติดตัวไปด้วย // ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันเลยว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง :) 1.Scuola Normale Superiore
มาเริ่มกันที่ “อิตาลี” ประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปเรียนต่อกันค่ะ Scuola Normale Superiore เป็นทั้งสถาบันชั้นนำติดท็อปของประเทศ และหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในยุโรปอีกด้วย ในส่วนของหลักสูตรระดับปริญญาตรีที่ได้รับความที่นิยมก็มีมนุษยศาสตร์, วิทยาศาสตร์ และรัฐศาสตร์
สำหรับการเรียนการสอนที่นี่นับว่าหลากหลายและเจาะลึกมากทีเดียว อย่างคณะมนุษยศาสตร์จะปูพื้นฐานตั้งแต่เรื่องอักขรวิทยาโบราณ, ประวัติศาสตร์ศิลปะ, โบราณคดี ไปจนถึงวรรณกรรมร่วมสมัยเลยค่ะ แต่ที่สุดของความดีงามคือเค้าเปิดให้นักศึกษาต่างชาติเรียนฟรีค่ะ แถมทางมหาวิทยาลัยยังช่วยสนับสนุนค่ากินอยู่และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าที่พัก
บอกได้คำเดียวว่าเรียนฟรีมีอยู่จริงค่ะ! พิกัด: เมืองปิซา ประเทศอิตาลี ค่าใช้จ่าย: ฟรี 2.RWTH Aachen University
ถ้าพูดถึงเยอรมนีหลายคนคงยกให้เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพการศึกษา
แถมยังมีมหา’ลัยหลายแห่งใจดีเปิดให้นักศึกษาต่างชาติเรียนฟรีด้วยค่ะ (เพราะอะไรถึงให้เรียนฟรี? อ่านได้ที่นี่ https://www.dek-d.com/studyabroad/45481/) หนึ่งในนั้นคือ RWTH Aachen University สถาบันที่มีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์, ทรัพยากรธรณี (Georesources) และ วิศวกรรมวัสดุ (Materials engineering) แต่สำหรับน้องๆ ที่อยากมาเรียนต่อที่นี่อาจต้องเตรียมตัวเรื่องภาษาให้แน่นสักหน่อย
เพราะทุกคอร์สในระดับป.ตรีสอนเป็นภาษาเยอรมันทั้งหมดค่ะ อย่างที่พี่บอกไว้ว่าที่นี่ไม่เก็บค่าเล่าเรียน แต่มีเก็บค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตกเทอมละ 260 ยูโร (ประมาณ 9,633 บาท) นอกจากนี้ยังไม่รวมค่าครองชีพที่เราต้องเตรียมไปเองอีกด้วย โดยเบื้องต้นอยู่ที่เดือนละ 800 ยูโร (ประมาณ 29,642 บาท) พิกัด: เมือง Aachen ประเทศเยอรมนี ค่าใช้จ่าย: ค่าดำเนินการ 260 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 9,633 บาท) 3.The University of Vienna เวียนนาไม่เพียงเป็นนครแห่งศิลปะและวัฒนธรรม แต่ยังมีความปลอดภัยสำหรับพลเมืองและชาวต่างชาติสูงมากกก (เหมาะกับการเรียนต่อสุดๆ) ซึ่ง University of Vienna เป็นมหาวิทยาลัยอีกแห่งที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียน แต่มีค่าธรรมเนียมการศึกษาประมาณ 730 ยูโรต่อเทอม (คิดเป็นเงินไทยราวๆ 27,048 บาท) ความพิเศษของมหา’ลัยนี้คือประวัติความเป็นมาที่แสนยาวนานหลายร้อยปี เนื่องจากก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1365 จึงได้ชื่อว่าเป็น 1 ในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของออสเตรีย ปัจจุบันมีคณะเปิดสอนกว่า 200 สาขาวิชา ส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนเป็นหลักเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสุดเพอร์เฟกต์ของคนอยากเรียนต่อต่างประเทศก็ว่าได้ค่ะ พิกัด: กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ค่าใช้จ่าย: ค่าดำเนินการ 730 ยูโร (ประมาณ 27,048 บาท) 4. Nord University
สำหรับใครที่อยากเรียนต่อนอร์เวย์ต้องห้ามพลาดเลยค่ะ สำหรับ Nord University มหาวิทยาลัยที่ได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ และไม่เก็บค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนใดๆ อย่างไรก็ดี
ผู้ที่ไม่ได้เป็นพลเมืองในกลุ่มประเทศอียูนั้นต้องทำการยื่นเอกสารทางการเงินที่แสดงว่าสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ในประเทศได้ ในส่วนของค่าครองชีพขั้นต่ำจะอยู่ที่ 13,000 ดอลลาร์ต่อปี หรือราวๆ 406,445 บาท แม้ค่าใช้จ่ายที่นอร์เวย์ดูสูงกว่าเมืองอื่นในลิสต์ แต่การมาเรียนที่นี่ถือว่าคุ้มค่า เพราะเค้าใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนทั้งหมด แถมหลักสูตรที่เปิดสอนยังหลากหลายและครอบคลุมมาก
ไม่ว่าจะเป็นภาควิชาชีววิทยา, ภาษาอังกฤษ, 3D Art, Animation, Games and Entertainment Technology, Circumpolar Studies และอื่นๆ อีกเพียบ พิกัด: เมือง Bodø ประเทศนอร์เวย์ ค่าเล่าเรียน: ค่าธรรมเนียมการศึกษา 725 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 27,137 บาท) 5.Université Paris-Saclay
ใครอยากเรียนต่อฟรีที่เมืองน้ำหอมต้องรีบมาสมัครเรียนที่ Université Paris-Saclay ด่วนๆ เลยค่ะ เพราะที่นี่เค้าเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาเบาๆ เพียงเทอมละ 170 ยูโร (ประมาณ 6,330 บาท) ส่วนสาขาวิชาที่เปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษก็มีคณะวิทยาศาสตร์, ภาษาศาสตร์, สาขาฟิสิกส์ รวมถึงเศรษฐศาสตร์และการจัดการ
ความดีงามอีกอย่างคือที่ตั้งของมหาวิทยาลัยนั่นเองค่ะ เพราะปารีสเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมายรอให้เราไปเช็กอิน อย่างไรก็ดีด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่ ค่าครองชีพก็จะสูงกว่าเมืองอื่นในยุโรปพอสมควร แต่หากเทียบกับค่าธรรมเนียมการเรียนที่ถูกมากแล้วก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียวค่ะ พิกัด: กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ค่าใช้จ่าย: ค่าธรรมเนียมการศึกษา 170 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 6,330 บาท) 6.University of Crete อย่างที่ทราบกันดีว่ามหาวิทยาลัยรัฐบาลของกรีซไม่เก็บค่าเล่าเรียนนักเรียนที่มาจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป แต่สำหรับที่ University of Crete นั้นเปิดโอกาสให้นักเรียนต่างชาติได้เรียนฟรีเช่นกัน สาขาวิชาที่โด่งดังของที่นี่ ได้แก่ สาขาปรัชญา, ครุศาสตร์, สังคมศาสตร์, แพทยศาสตร์, วิทยาศาสตร์
และวิศวกรรมศาสตร์ ลองนึกภาพว่า ถ้าได้นั่งเรียนปรัชญา ณ ดินแดนต้นกำเนิดของวิชาว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริงคงน่าตื่นเต้นไม่น้อย ในส่วนของการเรียนการสอนจะเป็นภาษากรีกทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องมีพื้นฐานความรู้ทางภาษาติดตัวมาก่อนสักหน่อยค่ะ ส่วนใครที่กลัวว่าจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษก็สบายใจได้ เพราะที่นี่มีกลุ่มนักเรียนต่างชาติให้เราได้ speak English กันทั้งวัน พิกัด: เกาะครีต ประเทศกรีซ ค่าใช้จ่าย: ฟรี 7.University of Basel University of Basel ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1460 นับเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ แถมยังมีห้องสมุดที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในประเทศอีกด้วย ที่นี่มีเปิดสอนครอบคลุมหลายสาขามาก ไม่ว่าจะเป็นเทววิทยา, กฎหมาย, แพทยศาสตร์,
มนุษยศาสตร์, รัฐศาสตร์, วิทยาศาสตร์, จิตวิทยา,เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ สำหรับค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนต่างชาตินั้นอยู่ที่เทอมละ 850 ฟรังก์ หรือประมาณ 29,304 บาทเท่านั้น ถ้าพูดถึงการเรียนการสอนที่นี่จะใช้ 2 ภาษาควบคู่กันทั้งเยอรมันและอังกฤษเลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากอัปสกิลภาษาเยอรมันเพิ่มเติมเค้าก็มีสอนเหมือนกัน โดยค่าเรียนอยู่ที่ราวๆ 726 ฟรังก์ต่อเทอม หรือประมาณ 25,036 บาทค่ะ พิกัด: เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ค่าใช้จ่าย: 850 ฟรังก์ต่อเทอม (ประมาณ 29,304 บาท) โอ้โหห แต่ละที่นั้นคุณภาพการศึกษาดีเลิศ มีสาขาให้เลือกเรียนหลากหลาย แถมค่าใช้จ่ายไม่โหดมากด้วย หากน้องๆ สนใจสถาบันไหนอย่าลืมเข้าไปศึกษาข้อมูลที่เว็บไซต์ของแต่ละแห่ง รวมถึงเช็ก รายละเอียดหลักสูตรที่สนใจให้ถี่ถ้วน นอกจากจะได้ไปสัมผัสการเรียนของคนที่นั่นแล้ว ยุโรปยังมีแลนด์มาร์กสวยๆ
ให้ได้ไปเยือนเพียบ ส่วนใครมีมหา’ลัยเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจก็แวะมาแชร์ให้พี่และเพื่อนๆ ชาว Dek-D ฟังกันได้เลยนะคะ ^^ Source: |