การดื่ม กาแฟดํา ที่ถูกต้อง

ข้อควรรู้ “กาแฟดำ” ดื่มอย่างไรให้เกิดผลดีต่อร่างกาย


เผยแพร่ 18 ต.ค. 2564 ,16:23น.

Show



"กาแฟดำ" มีประโยชน์สารพัดต่อร่างกาย แต่หากดื่มมากเกินไป จะทำให้ร่างกายเกิดโทษ จึงควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม

กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ของใครหลายๆ คน ในหนึ่งวันต้องดื่มอย่างน้อยให้ได้หนึ่งแก้ว เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว หายง่วง กระปรี้กระเปร่า อีกทั้งกลิ่นของกาแฟจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ปัจจุบันกาแฟมีมากมายหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดก็มีปริมาณคาเฟอีนไม่เท่ากัน โดยเฉพาะกาแฟดำ ที่คนสายเฮลธ์ตี้หันมาดื่มกันมาขึ้น ดังนั้นหากเราดื่มในปริมาณที่เหมาะสมก็จะเป็นผลดีต่อร่างกาย

ผลวิจัย ชี้ดื่ม “กาแฟ” ช่วยลดความอ้วนได้
เปิดงานวิจัย “กาแฟ” ที่อาจทำให้คุณอึ้ง!

การดื่ม กาแฟดํา ที่ถูกต้อง

ข้อดีของกาแฟ
-เป็นแหล่งอาหารสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ
-กระตุ้นสมอง กระปรี้กระเปร่า
-เพิ่มความสามารถในการเผาผลาญให้ร่างกาย
-เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มเรี่ยวแรงได้
-ส่วนลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน
-ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ลดความเสี่ยงและชะลอโรคทางสมอง 

ปริมาณคาเฟอีนที่ส่งผลต่อร่างกาย
50-200 มก.   กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่น
200-500 มก. อาจทำให้ปวดศีรษะ เครียด กระวนกระวาย มือสั่น นอนไม่หลับ
1,000 มก. จะเริ่มทำให้เกิดกาเฟอีนเป็นพิษ กระสับกระส่ายอยู่นิ่งไม่ได้ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปัสสาวะบ่อย

วิธีดื่มกาแฟให้เหมาะสม
-ดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ คือ วันละ 2 แก้ว และดื่มให้ถูกเวลา ช่วง 10 โมงเป็นต้นไป และช่วงบ่าย 2 โมง
-ไม่ควรดื่มกาแฟสำเร็จรูป
-ไม่ควรดื่มขณะท้องว่าง หรือดื่มแทนอาหารมื้อหลัก
-ไม่ควรหักดิบเลิกกาแฟแบบกระทันหัน

ใครบ้างที่ควรระมัดระวังในการดื่มกาแฟ
-หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับคาเฟอีนไม่เกิน 200 มก./วัน เพราะมีโอกาสเสี่ยงต่อการแท้ง คลอดก่อนกำหนด ทารกแรกคลอดมีน้ำหนักน้อย
-แม่ให้นมบุตร หากดื่มกาแฟในปริมาณมากอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารของทารก
-เด็ก อาจมีผลข้างเคียงจากการดื่มที่รุนแรงมากกว่าในผู้ใหญ่
-ผู้ป่วยโรควิตกกังวล
-ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการมีเลือดออกผิดปกติ
-ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคต้อหิน
-ผู้ที่มีอาการท้องเสีย เป็นต้น

เคล็ด (ไม่) ลับ ดริปกาแฟให้เหมือนคาเฟ่

สำนักประเมินสุขภาพแคลิฟอร์เนีย ยันดื่ม "กาแฟ" ไม่เสี่ยงเกิดมะเร็ง

ร่างกายของเรามีการตอบสนองต่อคาเฟอีนไม่เหมือนกัน ดังนั้น บางคนดื่มน้อยสามารถตื่นตัวได้ทั้งวัน บางคนดื่มมากก็อาจไม่มีผลอะไรต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม กาแฟมีทั้งผลดีและผลเสีย และดื่มในปริมาณที่เหมาะสม พอเหมาะกับตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
 

ไม่พลาดทุกเหตุการณ์ติดตามข่าวจาก PPTV ได้ที่ Subscribe

เปิดวิธี ‘กินกาแฟดำ’ เพื่อลดความอ้วน-ลดน้ำหนัก ควรดื่มตอนไหน-ปริมาณเท่าใด ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

กาแฟ ถือเป็น 1 ในเครื่องดื่มยอดนิยมของใครหลายคนที่นิยมดื่มกันในช่วงเช้า เพื่อกระตุ้นร่างกายให้สดชื่นพร้อมรับการทำงานในวันใหม่ เนื่องจากกาแฟมี ‘คาเฟอีน’ ที่ช่วยให้เกิดการหลั่งของDopamine (โดปามีน) ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นระบบประสาท ส่งผลให้ร่างกายกระฉับกระเฉง ลดความง่วงและความเหนื่อยล้า แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากกาแฟจะช่วยให้ลดความง่วงแล้า กาแฟยังสามารถนำมาใช้เพื่อการลดน้ำหนัก เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้อีกด้วย 

กินกาแฟดำ ช่วยลดน้ำหนักได้หรือไม่?

นักวิจัยของ Harvard TH Chan School of Public Health  ค้นพบว่า การดื่มกาแฟ 4 ถ้วยต่อวันสามารถลดไขมันในร่างกายได้ประมาณ 4% จากการทดลองในกลุ่มของผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินเป็นเวลา 24 สัปดาห์ 

นอกจากนี้ยังมีการค้นพบว่าการดื่มกาแฟดำก่อนการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มฮอร์โมนอะดรีนาลีน เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ดีขึ้นขณะออกกำลังกาย โดยจากการวิจัยของ  The National Center for Biotechnology Information  (NCBI) ระบุว่า คาเฟอีน ที่พบในกาแฟ ถือเป็นกรด ergogenic ที่มีประสิทธิภาพ หรือ เป็นสารเพิ่มประสิทธิภาพความทนทานในการออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรง หรือการฝึกคาร์ดิโอ ซึ่งร่างกายจะสามารถดึงไขมันส่วนเกินมาใช้เป็นพลังงานเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น 

นอกจากคาเฟอีนจะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน นักวิจัยยังพบอีกว่า คาเฟอีนสามารถลดความอยากอาหารลงได้จากการทดลองพบว่า ผู้เข้าทดลองที่ได้รับคาเฟอีนในช่วง 30 นาที ถึง 4 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร จะอิ่มท้องเร็วขึ้น และกินอาหารน้อยลงโดยอัตโนมัติ

กาแฟดำจึงเป็นตัวช่วยที่ดีต่อการออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะการออกกำลังกายรูปแบบคาร์ดิโอ เช่น แอโรบิก กระโดดเชือก ว่ายน้ำ เป็นต้น ที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจไปแตะที่ 60 - 70% ของอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจต่อนาที (MPHR) ซึ่งเป็นอัตราที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ดีที่สุด เพราะร่างกายจะดึงพลังงานจากไขมันส่วนเกินมาใช้

การดื่ม กาแฟดํา ที่ถูกต้อง

กินกาแฟช่วยลดความอ้วนความ ควรดื่มตอนไหน? การดื่มกาแฟเพื่อลดความอ้วน สามารถกินได้หลังจากมื้อเที่ยงประมาณ 30-60 นาที โดยคาเฟอีนในกาแฟจะเข้าไปช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายในช่วงเวลานี้ได้ดี นอกจากนี้การดื่มกาแฟในช่วงเวลา  09.30 -11.30 น.โดยเฉพาะเวลาประมาณ 10.30 น. เป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนความเครียดในร่างกายยังไม่ค่อยทำงาน คาเฟอีนจะกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวแต่ไม่เครียด

ดื่มกาแฟเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายควรดื่มตอนไหน 

การวิจัยส่วนใหญ่แนะนำว่าเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกายประมาณ 45–60 นาที เพื่อให้คาเฟอีนดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด คาเฟอีนมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการออกกำลังกายเมื่อบริโภคในปริมาณ 2-6 มก. ต่อกิโลกรัม ของน้ำหนักตัว

อย่างไรก็ตามยังมีข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟชนิดพิเศษที่เติมน้ำเชื่อมและสารปรุงแต่งรส ซึ่งมักจะมีแคลอรีและน้ำตาลสูง เครื่องดื่มเหล่านี้ไม่เพียงขัดขวางเป้าหมายการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก แต่ยังย่อยยากอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงต่างๆ ควรจำกัดปริมาณคาเฟอีนไม่เกิน 400 มก. ต่อวัน หรือกาแฟประมาณ 3-4 ถ้วย (710–945 มล.)

เคล็ดลับกินกาแฟดำให้ดีต่อสุขภาพ 

- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟดำตอนท้องว่าง เพราะมีกรดที่อาจกัดกระเพาะได้

- ไม่ควรดื่มกาแฟดำเกิน 4 แก้วต่อวัน หรือรับคาเฟอีนได้ไม่เกิน 300 - 400 มิลลิกรัมต่อวัน

- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟระหว่างออกกำลังกายและหลังออกกำลังกาย เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินจำเป็น

- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหลังเวลา 14.00 น. เพราะอาจทำให้นอนหลับยาก ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

- หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าต้องจำกัดการกินกาแฟหรือต้องงดดื่มกาแฟหรือไม่

ข้อมูลจาก  : Harvard TH Chan School of Public Health , The National Center for Biotechnology Information , nescafe.com

ภาพจาก  : AFP