ข้อควรรู้ “กาแฟดำ” ดื่มอย่างไรให้เกิดผลดีต่อร่างกายเผยแพร่ 18 ต.ค. 2564 ,16:23น. Show
"กาแฟดำ" มีประโยชน์สารพัดต่อร่างกาย แต่หากดื่มมากเกินไป จะทำให้ร่างกายเกิดโทษ จึงควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ของใครหลายๆ คน ในหนึ่งวันต้องดื่มอย่างน้อยให้ได้หนึ่งแก้ว เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว หายง่วง กระปรี้กระเปร่า อีกทั้งกลิ่นของกาแฟจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ปัจจุบันกาแฟมีมากมายหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดก็มีปริมาณคาเฟอีนไม่เท่ากัน โดยเฉพาะกาแฟดำ ที่คนสายเฮลธ์ตี้หันมาดื่มกันมาขึ้น ดังนั้นหากเราดื่มในปริมาณที่เหมาะสมก็จะเป็นผลดีต่อร่างกาย
ผลวิจัย ชี้ดื่ม “กาแฟ”
ช่วยลดความอ้วนได้ ข้อดีของกาแฟ ปริมาณคาเฟอีนที่ส่งผลต่อร่างกาย วิธีดื่มกาแฟให้เหมาะสม ใครบ้างที่ควรระมัดระวังในการดื่มกาแฟ เคล็ด (ไม่) ลับ ดริปกาแฟให้เหมือนคาเฟ่ สำนักประเมินสุขภาพแคลิฟอร์เนีย ยันดื่ม "กาแฟ" ไม่เสี่ยงเกิดมะเร็ง ร่างกายของเรามีการตอบสนองต่อคาเฟอีนไม่เหมือนกัน ดังนั้น บางคนดื่มน้อยสามารถตื่นตัวได้ทั้งวัน บางคนดื่มมากก็อาจไม่มีผลอะไรต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม กาแฟมีทั้งผลดีและผลเสีย และดื่มในปริมาณที่เหมาะสม พอเหมาะกับตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่พลาดทุกเหตุการณ์ติดตามข่าวจาก PPTV ได้ที่ Subscribe เปิดวิธี ‘กินกาแฟดำ’ เพื่อลดความอ้วน-ลดน้ำหนัก ควรดื่มตอนไหน-ปริมาณเท่าใด ได้ประสิทธิภาพสูงสุด กาแฟ ถือเป็น 1 ในเครื่องดื่มยอดนิยมของใครหลายคนที่นิยมดื่มกันในช่วงเช้า เพื่อกระตุ้นร่างกายให้สดชื่นพร้อมรับการทำงานในวันใหม่ เนื่องจากกาแฟมี ‘คาเฟอีน’ ที่ช่วยให้เกิดการหลั่งของDopamine (โดปามีน) ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นระบบประสาท ส่งผลให้ร่างกายกระฉับกระเฉง ลดความง่วงและความเหนื่อยล้า แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากกาแฟจะช่วยให้ลดความง่วงแล้า กาแฟยังสามารถนำมาใช้เพื่อการลดน้ำหนัก เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้อีกด้วยกินกาแฟดำ ช่วยลดน้ำหนักได้หรือไม่?นักวิจัยของ Harvard TH Chan School of Public Health ค้นพบว่า การดื่มกาแฟ 4 ถ้วยต่อวันสามารถลดไขมันในร่างกายได้ประมาณ 4% จากการทดลองในกลุ่มของผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินเป็นเวลา 24 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีการค้นพบว่าการดื่มกาแฟดำก่อนการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มฮอร์โมนอะดรีนาลีน เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ดีขึ้นขณะออกกำลังกาย โดยจากการวิจัยของ The National Center for Biotechnology Information (NCBI) ระบุว่า คาเฟอีน ที่พบในกาแฟ ถือเป็นกรด ergogenic ที่มีประสิทธิภาพ หรือ เป็นสารเพิ่มประสิทธิภาพความทนทานในการออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรง หรือการฝึกคาร์ดิโอ ซึ่งร่างกายจะสามารถดึงไขมันส่วนเกินมาใช้เป็นพลังงานเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น นอกจากคาเฟอีนจะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน นักวิจัยยังพบอีกว่า คาเฟอีนสามารถลดความอยากอาหารลงได้จากการทดลองพบว่า ผู้เข้าทดลองที่ได้รับคาเฟอีนในช่วง 30 นาที ถึง 4 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร จะอิ่มท้องเร็วขึ้น และกินอาหารน้อยลงโดยอัตโนมัติ กาแฟดำจึงเป็นตัวช่วยที่ดีต่อการออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะการออกกำลังกายรูปแบบคาร์ดิโอ เช่น แอโรบิก กระโดดเชือก ว่ายน้ำ เป็นต้น ที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจไปแตะที่ 60 - 70% ของอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจต่อนาที (MPHR) ซึ่งเป็นอัตราที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ดีที่สุด เพราะร่างกายจะดึงพลังงานจากไขมันส่วนเกินมาใช้
กินกาแฟช่วยลดความอ้วนความ ควรดื่มตอนไหน? การดื่มกาแฟเพื่อลดความอ้วน สามารถกินได้หลังจากมื้อเที่ยงประมาณ 30-60 นาที โดยคาเฟอีนในกาแฟจะเข้าไปช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายในช่วงเวลานี้ได้ดี นอกจากนี้การดื่มกาแฟในช่วงเวลา 09.30 -11.30 น.โดยเฉพาะเวลาประมาณ 10.30 น. เป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนความเครียดในร่างกายยังไม่ค่อยทำงาน คาเฟอีนจะกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวแต่ไม่เครียดดื่มกาแฟเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายควรดื่มตอนไหนการวิจัยส่วนใหญ่แนะนำว่าเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกายประมาณ 45–60 นาที เพื่อให้คาเฟอีนดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด คาเฟอีนมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการออกกำลังกายเมื่อบริโภคในปริมาณ 2-6 มก. ต่อกิโลกรัม ของน้ำหนักตัว อย่างไรก็ตามยังมีข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟชนิดพิเศษที่เติมน้ำเชื่อมและสารปรุงแต่งรส ซึ่งมักจะมีแคลอรีและน้ำตาลสูง เครื่องดื่มเหล่านี้ไม่เพียงขัดขวางเป้าหมายการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก แต่ยังย่อยยากอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงต่างๆ ควรจำกัดปริมาณคาเฟอีนไม่เกิน 400 มก. ต่อวัน หรือกาแฟประมาณ 3-4 ถ้วย (710–945 มล.) เคล็ดลับกินกาแฟดำให้ดีต่อสุขภาพ- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟดำตอนท้องว่าง เพราะมีกรดที่อาจกัดกระเพาะได้ - ไม่ควรดื่มกาแฟดำเกิน 4 แก้วต่อวัน หรือรับคาเฟอีนได้ไม่เกิน 300 - 400 มิลลิกรัมต่อวัน - หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟระหว่างออกกำลังกายและหลังออกกำลังกาย เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินจำเป็น - หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหลังเวลา 14.00 น. เพราะอาจทำให้นอนหลับยาก ส่งผลเสียต่อสุขภาพ - หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าต้องจำกัดการกินกาแฟหรือต้องงดดื่มกาแฟหรือไม่ ข้อมูลจาก : Harvard TH Chan School of Public Health , The National Center for Biotechnology Information , nescafe.com ภาพจาก : AFP |