จดหมายข่าวภาษีสำนักกฎหมายธรรมนิติ ฉบับที่ 127 เดือนกุมภาพันธ์ 2565 กฎหมายใหม่ล่าสุด 1. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าซื้อและติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ข่าวภาษี คำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ กฎหมายใหม่ล่าสุด 1. หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าซื้อและติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด 2. หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าซื้อหรือจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3. ยกเว้นภาษีเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” 4. ลักษณะและเงื่อนไขค่าตอบแทนที่ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษีตามมาตรา 79 (4) แห่งประมวลรัษฎากร 5. กำหนดวิธีการและผู้ยื่นรายการแจ้งข้อความตามรายงานข้อมูลรายประเทศ (Country-by-Country Report)
6. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริจาคทรัพย์สินให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 7. กำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินสำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ 8. กำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินตามแบบ อ.ส.9 ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสำหรับตราสารบางลักษณะ 9. เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ที่ถือว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ยื่น Disclosure Form แล้ว 10. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลดอัตราภาษีเงินได้ของกิจการที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ข่าวภาษี 1. กำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีสิทธิขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 2.
มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินและประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับจากโครงการของภาครัฐ 3. กรมสรรพากรออกคู่มือการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล คำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ ประเด็นข้อพิพาท : ฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินลดทุนเฉพาะที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกันตามมาตรา 40 (4) (ง) คำนวณอย่างไร ข้อเท็จจริง : โจทก์ประกอบกิจการลงทุนในบริษัทในเครือ มีทุนจดทะเบียน 435,000,000 บาท และมีทุนสำรองตามกฎหมาย 43,500,000 บาท ต่อมาโจทก์ได้จดทะเบียนลดทุนลง 325,250,000 บาท คงเหลือทุนจดทะเบียน 108,750,000 บาท และลดทุนสำรองตามกฎหมายลง 32,625,000 บาท คงเหลือทุนสำรองตามกฎหมาย 10,875,000 บาท จากนั้นโจทก์โอนทุนสำรองตามกฎหมายที่ลดลงไปเป็นกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร ทำให้มีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร 43,972,139.42 บาท แล้วจ่ายเป็นเงินปันผล 43,935,000 บาท และหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่าย เป็นเงิน 4,393,499.99 บาท ต่อมาโจทก์ได้จ่ายเงินลดทุนคืนให้แก่ผู้ถือหุ้น และหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่าย เป็นเงิน 2,448,641.81 บาท โดยคำนวณจากเงินลดทุนส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่าทุนสำรองตามกฎหมาย 10,875,000 บาท และกำไรสะสม 37,139.42 บาท แต่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยเห็นว่า ฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินลดทุนของโจทก์เฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกันตามมาตรา 40 (4) (ง) แห่งประมวลรัษฎากร คือ ทุนสำรองตามกฎหมาย 43,500,000 บาท และกำไรสะสม 11,347,139.42 บาท รวมทั้งสิ้น 54,847,139.42 บาท ซึ่งปรากฏตามงบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 โจทก์จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 18,068,441.60 บาท โจทก์ไม่เห็นด้วยกับการประเมินภาษีดังกล่าว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลย ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยได้มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ โจทก์จึงฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนหนังสือแจ้งการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย คำพิพากษา : ศาลฎีกาเห็นว่า การจ่ายเงินปันผลตามมาตรา 40 (4) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นการจ่ายจากกำไรของกิจการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ส่วนการจ่ายเงินลดทุนตามมาตรา 40 (4) (ง) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นการจ่ายเงินได้ที่ทำให้ส่วนของเจ้าของลดลงไป ไม่เข้าลักษณะเป็นการจ่ายเงินปันผลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของโจทก์เห็นชอบให้โอนทุนสำรองตามกฎหมาย 32,625,000 บาท ไปเป็นกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร เป็นการจ่ายเงินได้ที่ทำให้ส่วนหนึ่งของเจ้าของลดลง จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของกำไรตามมาตรา 40 (4) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่องบแสดงฐานะการเงินของโจทก์ของรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ก่อนจ่ายเงินลดทุน โจทก์มีกำไรสุทธิจัดสรรไว้เป็นทุนสำรองตามกฎหมาย 43,500,000 บาท และมีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร 11,347,139.42 บาท โจทก์จึงต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย จากฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจำนวน 54,847,139.42 บาท และไม่อาจเอาทุนสำรองตามกฎหมายไปเป็นเงินกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรอันเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ข) แห่งประมวลรัษฎากรด้วย หนังสือแจ้งการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไม่ขัดต่อหลักการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามเกณฑ์เงินสดตามมาตรา 39 และมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไรก็ดี เนื่องจากจำเลยไม่ได้นำเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย 4,393,999.99 บาท มาถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีให้กับโจทก์ จำเลยจึงต้องนำเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายดังกล่าวมาถือเป็นเครดิตในการคำนวณก่อนคิดเงินเพิ่มตามกฎหมาย ความเห็น : ผู้เขียนเห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ว่า การจ่ายเงินลดทุนตามมาตรา 40 (4) (ง) แห่งประมวลรัษฎากร ไม่เข้าลักษณะเป็นการจ่ายเงินปันผลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลฎีกา ผู้เขียนยังมีความเห็นแตกต่างกับคำวินิจฉัยของศาลฎีกาใน 2 ประเด็นที่มีนัยสำคัญ ดังนี้
นางสาววรรณนิภา สงวนราษฎร์ หากท่านมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติมใด
ๆ เกี่ยวกับกฎหมายภาษีอากร สามารถติดต่อได้ที่ |