น้ำมูก คือ เมือกที่ผลิตจากต่อมสร้างน้ำมูกในเยื่อบุจมูก มีหน้าที่ช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับโพรงจมูกและไซนัส ทั้งยังช่วยดักจับและป้องกันไม่ให้เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละออง แบคทีเรีย ไวรัส เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจผ่านทางโพรงจมูกได้ หากภายในจมูกแห้งอาจทำให้ร่างกายเสี่ยงติดเชื้อได้มากขึ้น ร่างกายสามารถผลิตน้ำมูกได้วันละประมาณ 2 ลิตร และน้ำมูกที่ไหลออกมาส่วนใหญ่มักมีลักษณะเป็น น้ำมูกใส ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากไข้หวัด หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม การทราบสาเหตุที่ทำให้มีน้ำมูกใส อาจช่วยให้สามารถหาวิธีลดน้ำมูก และบรรเทาอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น Show น้ำมูกใส เกิดจากอะไรน้ำมูกที่สีใส มักประกอบด้วยน้ำ แอนติบอดี โปรตีน และเกลือ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหวัด เพราะเมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกายผ่านทางโพรงจมูก อาจกระตุ้นให้เยื่อบุจมูกอักเสบ จนมีน้ำมูกใส ๆ ไหลออกมา แต่น้ำมูกใสก็อาจเป็นสัญญาณของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ได้เช่นกัน เนื่องจากเมื่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร เข้าสู่โพรงจมูก อาจไปกระตุ้นให้มีการหลั่งสารเคมีที่ชื่อว่า ฮิสตามีน (Histamine) ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ เช่น มีผื่นคัน เยื่อตาอักเสบ เยื่อบุจมูกอักเสบ จาม คัดจมูก รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมสร้างน้ำมูกผลิตน้ำมูกใส ๆ ออกมาด้วย น้ำมูกใส อาจเกิดจากภาวะหรือปัจจัยเหล่านี้ได้เช่นกัน
วิธีบรรเทาอาการน้ำมูกไหลโดยปกติแล้ว ร่างกายจะผลิตน้ำมูกวันละประมาณ 2 ลิต และส่วนใหญ่น้ำมูกใสจะไหลลงคอ หรือถูกกลืนลงกระเพาะอาหาร แต่ในบางครั้ง ก็อาจมีน้ำมูกใสไหลออกมามากเกินไป จนต้องคอยเช็ด หรือสั่งน้ำมูกออก เพื่อไม่ให้เลอะ หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม วิธีเหล่านี้ อาจช่วยลดน้ำมูก หรือบรรเทาอาการน้ำมูกไหลได้
ควรไปพบคุณหมอเมื่อใดแม้น้ำมูกใสอาจไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย และสามารถจัดการได้ด้วยยาหรือวิธีดูแลตัวเองที่เหมาะสม แต่หากมีน้ำมูก มีเสมหะ หรือมีภาวะดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบคุณหมอทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าได้
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด อาการของโรคภูมิแพ้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 มีสิ่งที่คล้ายกันคือ ลักษณะอาการ เพราะเป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ มีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง การทำความรู้จักอาการของโรคทั้งหมดจะช่วยให้แยกอาการแตกต่างของโรคออกจากกันได้ เพื่อลดความวิตกกังวลและเฝ้าระวังโรคแบบตระหนักรู้และไม่ตื่นตระหนกเกินไป โรคภูมิแพ้โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับอวัยวะที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันและความรุนแรงไม่เท่ากัน เพราะชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคลต่างกัน อาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะเกิดตามอวัยวะที่มีการอักเสบจากการกระตุ้นของสารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ ผื่นคัน คันจมูก จาม มีน้ำมูก คัดจมูก ไปจนถึงไอ หอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่คล่อง เป็นต้น ในคนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว หากถามว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าปกติหรือไม่ต้องบอกว่าไม่ได้มีความเสี่ยงมากกว่าปกติ แต่หากดูแลป้องกันตัวเองไม่ดีพอก็มีโอกาสติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ อาการของโรคภูมิแพ้ ประกอบด้วย
การรักษาควรดูแลตัวเอง หลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ใช้ยาตามแพทย์สั่ง อาจล้างจมูก พ่นยาจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบได้ แต่หากเป็นภูมิแพ้และสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อปรึกษาความเสี่ยง โรคไข้หวัดไข้หวัดเป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อย เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งมีหลายสายพันธุ์ มักพบในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง ความรุนแรงของโรคไม่มาก และสามารถหายเองได้ภายในไม่กี่วัน สามารถติดต่อผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะ โดยการหายใจเอาเชื้อที่กระจายจากการไอ จาม หรือมือที่เปื้อนเชื้อโรคสัมผัสจมูกหรือตา อาการของโรคหวัด ได้แก่
ในผู้ใหญ่อาการจะน้อยมากอาจมีแค่คัดจมูกและน้ำมูกไหล (ยกเว้นผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคทางการหายใจ) อาการของโรคมักเป็นไม่เกิน 2 – 5 วัน แต่อาจมีน้ำมูกไหลนาน 10 – 14 วัน กล่าวคือ ติดต่อโดยการหายใจเอาละอองน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วยที่ไอ หรือ จาม และการสัมผัสมือ หรือการใช้สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ร่วมกับผู้ป่วย โรคไข้หวัดใหญ่ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) แบ่งเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบกันมานานแล้ว อาการมักจะไม่รุนแรง และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบปะปนกับสายพันธุ์ต่าง ๆ ทั่วไป อาการสำคัญของไข้หวัดใหญ่ คือ
***อาการจะคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ค่อนข้างมาก แต่ที่แตกต่างคือมักจะไม่มีอาการทางเดินหายใจส่วนล่าง คือ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก เมื่ออาการมีความคล้ายคลึงกัน ในระยะเริ่มต้นของอาการป่วยลักษณะนี้ เวลาที่ไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการส่งตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่ก่อนอันดับแรก เพื่อตัดประเด็นความคล้ายคลึงกันของอาการออกไป โรคโควิด-19การติดเชื้อโควิด-19 บางคนอาจมีอาการรุนแรงไม่มาก มีลักษณะเหมือนไข้หวัดทั่วไป ขณะที่บางคนมีอาการรุนแรงมาก ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ อาการของผู้ป่วยโรคโควิด-19 จะเริ่มจาก
ทั้งนี้โรคนี้สามารถหายได้เอง รูปแบบการรักษาเป็นไปตามอาการที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล การทำความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้จะช่วยให้ดูแลสุขภาพ สุขอนามัย และสามารถป้องกันตนเองได้อย่างถูกวิธี
การป้องกันโรคที่ดีที่สุดของทั้งภูมิแพ้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 คือ ล้างมือบ่อย ๆ ไม่เอามือไปสัมผัสหน้าตา หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนแออัดในช่วงที่มีการระบาด เว้นระยะห่าง (Social Distancing) ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ในผู้สูงอายุละเด็กควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ห่างไกลโรค |