����������� ���ླ� �Ѳ����� ���¸��� >> Show ��ºح����� �蹻�Сͺ ��� �ç���¹��ҹ��� ����觻������ͧ�ŧ��鹺�ҹ�ŧ��鹺�ҹ�Ҥ��ҧ �ա�����͡�� 4 �ѡɳФ�� 1.�ŧ��������ͧ����� ���� �ŧ�ͧ �ŧ�ú�� �ŧ���� �ŧ�Ҵ�����ŧ�ͷҹ �ŧ���� �ŧ�ç����ͧ �ӵѴ �ŧ�кӺ�ҹ�� �ŧ�������ҫ� �ŧ�ͷҹ�ŧ���� �ŧ���Ҥ 2.�ŧ�����������ȡ�� ���� �ŧ�Ǫ�Ҥ �ŧ���ҧ��� �ŧ��Ҽ� �ŧ�ѡ���� �ŧ���� �ŧ��������� �ŧ���ͧ��ҧ �ŧ����� �ŧ������˧�� �ŧ�кӪ������ŧ�ǧ����� �ŧ��ɰҹ 3.�ŧ����������˹������Ǣ��� �Ǵ���� ���� �ŧ����Ǣ��� �ŧʧ�ҧ �ŧ�͡ �ŧ�鹡������� �ŧ�ҹ�ҧ �ŧʧ���Ӿǹ ����ŧ�ѡ��дҹ 4. �ŧ���������㹹� ���� �ŧ���� �ŧ˹���� �ŧ���觷� �ŧ���¾��������Ѻ��Ҥ��ҧ�Ҩ����Ǵ���� ������觷���Ңͧ�ŧ��鹺�ҹ��ѧ��� �ŧ˹�ҹ�� ��Թ ��һ�� 1.�ŧ���� �ѧ��Ѵ��ҧ�ͧ �ѧ��Ѵ��ظ�� �ѧ��Ѵ�ԧ����� �ѧ��Ѵ�ؾ�ó���� �ŧ˹���������йǴ���� 1.�ŧ�鹡� �ѧ��Ѵ��ҧ�ͧ �ѧ��Ѵ�ؾ�ó���� �ѧ��Ѵ������ä� ˹��ʧ��ҹ�� 1.�ŧ�ǧ����� �ѧ��Ѵྪú��� �ѧ��Ѵ��û�� �ѧ��Ѵ�ҭ������ ��蹷���� ���ӡѴ�ȡ�� 1.�ŧ����Ѻ�� ������ҧ�ŧ�� �Ӻźҧ���§ ��������ͧ �ѧ��Ѵ�����ҹ� �١��� �����ʹ������ ���� �������� �� ���� ����ѡ����� �������� ������ҧ�ŧ�ͷҹ ���� ��� ��� �� . �Ժ���ǻ�й�����è�� �١�ѹ����� �����ô �ô�����Դ��ѹ��¹�� �١�ѹ����� �֧���ô �ô�����Դ ��ѹ ��� ��¹�酶���١��訹���������¹ �١�������´��¹�س�����й�� ��������������Һ���Ҥ�������¹ ��Ҩ���ԧ�֧������ ����҅ ����ҷӺح�����ѹ����٭���� ���º����˹�����ҹ���ǡѹŧ���е�ͧ���ǧ�ǧ����� �͡������������ ��������������з����� ���еѴ���������ҧ�� ��ҷ�ҹ����ô�١���ͧ���õ �з��ء���آ���㹾�������ô�õ������١���������������ѹ���. ���� ��� ���� ��ԧ��� ���� ��� ���� ��ԧ��� ������ҧ�ŧ���Ҥ �ҡ�ҧ��ҧ��ͧ������� (���� � � � ) ����� ���� ��Ҥ�кǪ ����ʶ� �е�ͧ�ҷ����� (�Ҵ�ҩ�) ������� �е�᷹ͧ�س �����ô� ��ҹ�������ط� (�Ҵ�ҩ�) �ҹ���� �Ǫ᷹�س �����ô� ��������§�Ҥ�� (�Ѻ ) ��˭� �����ա� ���ա� ���Ҥ���� (�Ѻ) �ҹ���� ��ͧ�����ҧ��ѧ����ͧ���㨤�� ���ҧ��觤Դ��Ͷ�� (�Ѻ)��ҧ�� ���˹��� ��˹��� �������ͤ�� (�Ѻ) �Ҥ��� �������Թ�� ����Թ��ǧ ��� � ˹�ǧ � ���������Ҿٴ�١�� ��ͧ��������� ������ �þٴ����ö١�� ��ͧ��������� ������ ����������� ���¡ѹ��� �ش�ѡ ���ѡ����� �ش�ѡ���ѡ����� �١������˹��� �˹�� �١������˹����˹�� ) เพลงพื้นบ้านภาคกลางส่วนใหญ่เป็นเพลงโต้ตอบหรือเพลงปฏิพากย์ เป็นเพลงที่หนุ่มสาวใช้ร้องโต้ตอบเกี้ยวพาราสีกัน มักร้องกันเป็นกลุ่มหรือเป็นวง ประกอบด้วย ผู้ร้องนำเพลงฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่เรียกว่า พ่อเพลง แม่เพลง ส่วนคนอื่นๆ เป็นลูกคู่ร้องรับ ให้จังหวะด้วยการปรบมือ หรือใช้เครื่องดนตรีประกอบจังหวะ เช่น กรับ ฉิ่ง เพลงโต้ตอบนี้ ชาวบ้านภาคกลางนำมาร้องเล่นในโอกาสต่างๆ ตามเทศกาล หรือในเวลาที่มารวมกลุ่มกัน เพื่อทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือบางเพลงก็ใช้ร้องเล่นไม่จำกัดเทศกาล แบ่งได้ ๕ กลุ่ม คือ ๑. เพลงที่นิยมร้องเล่นในฤดูน้ำหลาก เทศกาลกฐินและผ้าป่า ในช่วงเทศกาลออกพรรษา ได้แก่
ศิลปินพื้นบ้านสาธิตการร้องเล่นเพลงสงฟาง ที่นำมาร้องในเวลาลงแขกเกี่ยวข้าว และนวดข้าว เพลงพื้นบ้านภาคกลางที่แพร่หลายได้ยินทั่วๆ ไป และมีพ่อเพลงแม่เพลงที่ยังจดจำร้องกันได้ ๘ เพลง คือ ๑. เพลงเรือ เพลงเรือ เพลงเรือเป็นเพลงที่ร้องเล่นในฤดูน้ำหลาก นิยมเล่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และลพบุรี ช่วงเทศกาลกฐิน ผ้าป่า หรืองานนมัสการ งานบุญประจำปีของวัด ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก ชาวนาว่างเว้นจากการทำนา รอน้ำลด และรวงข้าวสุก ก็จะพากันพายเรือมาทำบุญไหว้พระและเล่นเพลง เรือที่ใช้มีเรือมาดสี่แจว เรือพายม้าทุกลำจุดตะเกียงเจ้าพายุ หรือตะเกียงลานไว้กลางลำเรือ ธรรมเนียมในการเล่นมีเรือฝ่ายชายและฝ่ายหญิง จำนวนผู้เล่นขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมาณ ๙ - ๑๐ คน มีพ่อเพลง แม่เพลง ส่วนที่เหลือเป็นลูกคู่ ใช้กลอนลงสระเสียงเดียวกันไปเรื่อยๆ ที่เรียกว่า "กลอนหัวเดียว" นิยมร้องกลอนลา และกลอนไล เพราะคิดหาคำได้ง่ายกว่าสระเสียงอื่น มีเครื่องประกอบจังหวะ ได้แก่ ฉิ่ง และกรับ พ่อเพลงที่นั่งกลางลำเรือ จะเป็นคนตีฉิ่งดังฉับๆ ไปเรื่อยๆ ที่เหลือก็เป็นลูกคู่คอยร้องรับหรือร้องยั่วด้วยคำว่า "ฮ้า ไฮ้" และคอยกระทุ้งว่า "ชะ ชะ" ตามความคะนองปากเป็นจังหวะๆ เมื่อชาวเพลงพายเรือมาถึงที่หมาย โดยทั่วไปก็จะมองหาเรือจับคู่ว่าเพลงกันแล้ว ฝ่ายชายจะพายเรือไปเทียบจนชิดเรือฝ่ายหญิงและเก็บพายขึ้น ในเรือแต่ละลำจะนั่งเป็นคู่ๆ นอกจากช่วงหัวเรือท้ายเรือจะนั่งคนเดียวเพราะที่แคบ เรือฝ่ายชายจะเริ่มว่าเพลงก่อน เรียกว่า "เพลงปลอบ" เพื่อขอเล่นเพลงกับฝ่ายหญิงตามมารยาท เมื่อว่าไปสัก ๒ - ๓ บท หากฝ่ายหญิงนิ่งไม่ตอบ ก็แสดงว่า ไม่สมัครใจเล่นเพลงด้วย หรือมีคู่นัดหมายอยู่แล้ว เรือฝ่ายชายต้องไปหาคู่ใหม่ แต่ถ้าฝ่ายหญิงเอื้อนเสียงตอบ แสดงว่า ตกลงปลงใจเล่นเพลงด้วย ก็เริ่มว่า "เพลงประ" โต้ตอบกันในเชิงเกี้ยวพาราสีอย่างสนุกสนาน เมื่อว่าเพลงกันสมควรแก่เวลาแล้ว เรือฝ่ายชายจะพายไปส่งเรือฝ่ายหญิง ในระหว่างนั้นก็ว่า "เพลงจาก"เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยอาวรณ์ ตัวอย่าง เพลงเรือ ชายเกริ่น : เอย เลียบเรือเรียง เข้าเคียงใกล้ หวังจะฝากน้ำใจ (ฮ้า ไฮ้) ของข้า (ชะ ชะ) เพลงเต้นกำ เพลงเต้นกำมีอยู่ทั่วไปแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา นิยมเล่นในจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และนครนายก ส่วนมากจะร้องเล่นระหว่างช่วงหยุดพักเมื่อเกี่ยวข้าวไปถึงอีกคันนาหนึ่ง หรือมักเล่นตอนเย็นหลังเลิกเกี่ยวข้าวแล้ว ผู้เล่นจะยืนล้อมเป็นวงกลม หรืออาจยืนเป็นแถวหน้ากระดาน หันหน้าเข้าหากัน มือซ้ายถือรวงข้าว มือขวาถือเคียว พ่อเพลงแม่เพลงอาจมีหลายคนช่วยกันร้องแก้ หรือร้องโต้ตอบฝ่ายตรงข้าม ส่วนคนอื่นๆ เป็นลูกคู่รับว่า "เฮ้ เอ้า เฮ้ เฮ้" การร้องเพลงเต้นกำของภาคกลาง ตัวอย่าง บทเกริ่น ไหว้ครูสำเร็จเสร็จสก ขยายยกเป็นเพลงปลอบ (เฮ้ เอ้า เฮ้ เฮ้) เพลงพิษฐาน เพลงพิษฐานนิยมเล่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเล่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี นครสวรรค์ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และสุโขทัย เมื่อหนุ่มสาวทำบุญตักบาตรที่วัดแล้ว ก็จะพากันเก็บดอกไม้เข้าไปไหว้พระในโบสถ์ หญิงและชายนั่งคนละข้าง มือถือพานดอกไม้ เพลงขึ้นต้นด้วยคำว่า "พิษฐาน" มาจากคำว่า อธิษฐาน เพื่อขอพรพระ ฝ่ายชายเริ่มว่าเพลงก่อน ฝ่ายหญิงร้องแก้ เมื่อฝ่ายใดร้อง ลูกคู่ฝ่ายนั้นร้องรับ ไม่ต้องปรบมือ เกี้ยวพาราสีกันไปในเนื้อเพลงซึ่งเป็นกลอนสั้นๆ เพียง ๔ วรรค และมักยกเอาชื่อหมู่บ้านมาสัมผัสกับชื่อดอกไม้ ตัวอย่าง เพลงพิษฐาน จากชาวบ้านตำบลสระทะเล อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ชาย : พิษฐานเอย มือหนึ่งถือพาน พานเอาดอกพิกุล ตัวอย่าง เพลงพิษฐาน ของ ชาวบ้านอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ชาย : พิษฐานเอย มือหนึ่งถือพาน ถือพานดอกจอก เพลงพิษฐานนี้ จุดประสงค์นอกจากเพื่อการขอพรแล้ว แก่นของเพลง คือ การทำให้ผู้อธิษฐาน ซึ่งเป็นหนุ่มสาว จะได้มีความสุขสนุกสนาน ได้แสดงออกเกี้ยวพาราสี กระเซ้าเย้าแหย่ ส่วนมากจะไม่ถือโกรธกัน ถ้าร้องเกินเลยไป เช่น ชาย : พิษฐานเอย มือหนึ่งถือพาน พานแต่ดอกบัว เพลงระบำบ้านไร่ เพลงระบำมีอยู่ ๓ แบบ คือ เพลง ระบำบ้านไร่ เพลงระบำบ้านนา และเพลงระบำ ภาพจากปกหนังสือแสดงการร้องเล่นเพลงระบำชาวบ้านไร่ ซึ่งเป็นเพลงที่ร้องโต้ตอบระหว่างชายหญิงเพลงระบำบ้านไร่ เล่นในงานเทศกาลสงกรานต์ และงานนักขัตฤกษ์ต่างๆ เป็นเพลงร้องโต้ตอบระหว่างชายหญิง เนื้อเพลงเกี่ยวเนื่องกับการเกี้ยวพาราสี นิยมเล่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ และอุทัยธานี โดยชายและหญิงจะยืนล้อมวง ปรบมือเป็นจังหวะ และผลัดกันเป็นต้นเพลง ส่วนที่เหลือจะเป็นลูกคู่ร้องรับว่า "ดงไหนเอย ลำไย หอมหวนอยู่ในดงเอย กร่าง : ระบำไหนเอย แม่ชื่นใจเอ๋ยชาวบ้านไร่ ส่วน เพลงระบำบ้านนา และเพลงระบำ จะแตกต่างกันที่การร้องรับของลูกคู่คือ เพลงระบำบ้านนา ลูกคู่ร้องรับว่า "แถวรำเจ้าเอย รำแน่ะๆ ไม้ลาย เขารำงามเอย" สำหรับเพลงระบำ มักขึ้นต้นวรรคว่า "ระบำทางไหนเล่าเอย" แล้วตามด้วยชื่อสถานที่ เช่น ระบำทางไหนเล่าเอย ระบำวัดแจ้ง เพลงอีแซว เพลงอีแซวเป็นเพลงพื้นบ้านจังหวัดสุพรรณบุรี เล่นในงานเทศกาลสงกรานต์ หรืองานบุญกุศล เดิมเป็นเพลงร้องโต้ตอบกันสั้นๆ แบบกลอนหัวเดียว ต่อมา ได้ยืมกลอนเพลงฉ่อยไปร้องให้ยาวมากขึ้น ร้องด้วยจังหวะเร็วๆ เดินจังหวะด้วยฉิ่ง กรับ พ่อเพลงแม่เพลงแต่ละฝ่ายมีลูกคู่ ๔ - ๕ คน ร้องโต้ตอบเชิงเกี้ยวพาราสีแฝงคำสองแง่สองง่าม เพื่อสร้างความครึกครื้นให้แก่ผู้ฟัง ส่วนผู้ร้องต้องมีความสามารถในการเลือกถ้อยคำมาร้อยเรียง ที่เรียกกันว่า "ด้นเพลง" ให้ทันจังหวะที่เร็วกว่าเพลงประเภทอื่นๆ ต่อมา เพลงอีแซวได้พัฒนาเป็นวงอาชีพรับจ้างแสดงตามงานต่างๆ และเป็นที่นิยมร้องกันแพร่หลายในจังหวัดใกล้เคียงด้วย ตัวอย่าง เพลงอีแซว ของ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ โอ้มาเถิดหนากระไรแม่มา สาวน้อยเจ้าอย่าช้าๆ ร่ำไร (ดนตรี) เพลงพวงมาลัย เพลงพวงมาลัยเป็นเพลงร้องโต้ตอบระหว่างชายและหญิง นิยมเล่นกันแถบภาคกลางทั่วไปแทบทุกจังหวัด ในงานเทศกาลต่างๆ เช่น วันสงกรานต์ งานโกนจุก งานบวชนาค งานมงคลต่างๆ โดยเลือกสถานที่เล่นเพลง เป็นลานกว้างๆ ยืนล้อมเป็นวงกลม แบ่งเป็นฝ่ายชายครึ่งวงฝ่ายหญิงครึ่งวง มีพ่อเพลง แม่เพลงผลัดกันร้อง ส่วนที่เหลือจะเป็นลูกคู่ปรบมือเป็นจังหวะ และร้องรับฝ่ายของตน การร้องเล่นเพลงพวงมาลัย ถ้านำมาเล่นในวันสงกรานต์ จะร้องประกอบการเล่นลูกช่วง ตัวอย่าง เพลงพวงมาลัย ชาวบ้านอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี แม่เพลง : เออระเหยลอยมา ลอยมาก็ลอยไป เพลงนี้ถ้านำมาเล่นในวันสงกรานต์ จะร้องประกอบการเล่นลูกช่วง ฝ่ายใดแพ้ก็ต้องมารำ เพลงพวงมาลัยนั้น เป็นเพลงที่ร้องง่ายและฟังสนุก จึงเหมาะกับการร้องรำมาก เพลงเหย่อย เพลงเหย่อยเป็นเพลงพื้นบ้านจังหวัดกาญจนบุรี นิยมเล่นในงานเทศกาล และงานมงคลต่างๆ มักมีกลองยาวมาตีเรียกชาวบ้านก่อน กลองยาวกับเพลงเหย่อยจึงเป็นของคู่กัน แบ่งเป็นฝ่ายชายและฝ่ายหญิง จำนวนฝ่ายละ ๘ - ๑๐ คน มีผ้าคล้องคอคนละผืน ฝ่ายชายเริ่มรำออกไปก่อน สองมือถือผ้าออกไปด้วย จะค่อยๆ รำเข้าไปหาฝ่ายหญิง ซึ่งอยู่ในแถวตรงข้าม แล้วส่งผ้าหรือคล้องผ้าให้ ฝ่ายหญิงที่ได้รับผ้าก็ต้องออกมารำคู่ พลางร้องโต้ตอบเนื้อหาในเชิงเกี้ยวพาราสี เมื่อรำคู่พอสมควรแล้วก็ต้องให้คนอื่นรำบ้าง โดยฝ่ายหญิงเอาผ้าไปคล้องให้ฝ่ายชายคนอื่นๆ ส่วนฝ่ายชายคนเดิมก็ต้องค่อยๆ รำแยกออกมากลับไปยังที่เดิม รำสลับอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนจบเพลง อาจฟ้อนรำกันไปจนดึกด้วยความเพลิดเพลินตลอดทั้งคืน ตัวอย่าง เพลงเหย่อย (ลูกคู่จะปรบมือ และร้องรับเมื่อต้น ชาย : มาเถิดหนาแม่มา มาเล่นพาดผ้ากันเอย เพลงฉ่อย เพลงวง เพลงฉ่า หรือเพลงเป๋ เพลงฉ่อยเป็นเพลงที่เล่นกันทั่วไปทุกจังหวัดในภาคกลาง โดยนิยมเล่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และวันนักขัตฤกษ์อื่นๆ ภายหลังมีการตั้งวงเป็นอาชีพรับจ้างแสดงทั่วไป คณะลำตัดหวังเต๊ะนิยมนำเพลงฉ่อยมาร้องแทรกกับการเล่นเพลงลำตัดเสมอๆ เพลงฉ่อยเป็นเพลงโต้ตอบระหว่างชายหญิง มีเอกลักษณ์ตรงที่ลูกคู่จะร้องรับว่า "เอ่ชา เอ๊ชา ชา ฉาด ชา" บางคณะต่อด้วย "หน่อยแม่" ไม่ต้องมีดนตรีประกอบ ลูกคู่จะปรบมือเท่านั้น การร้องเล่นเพลงฉ่อย ไม่ต้องมีดนตรีประกอบ ใช้การปรบมือของลูกคู่ ตัวอย่าง เพลงฉ่อย คณะแม่ต่วน ฉ่า ฉ่า ชะชา เอิงเออเออเอิงเงย เพลงฉ่อยมีชื่อเรียกหลายชื่อ บางครั้งเรียกว่า เพลงวง มาจากลักษณะที่ยืนร้องเป็นวงกลม หรือเรียกว่า เพลงฉ่า มาจากบทรับของลูกคู่ ซึ่งบางแห่งรับว่า ฉ่า ชา...และที่เรียกว่า เพลงเป๋ เพราะมีพ่อเพลงฉ่อยที่มีชื่อเสียงมากชื่อ เป๋ จึงเรียกตามชื่อพ่อเพลงผู้นั้น เพลงพื้นบ้านภาคกลางเป็นเพลงลักษณะใดเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ส่วนใหญ่เป็นเพลงโต้ตอบหรือเพลงปฏิพากย์ เป็นเพลงที่หนุ่มสาวใช้ร้องโต้ตอบเกี้ยวพาราสีกัน มักร้องกันเป็นกลุ่มหรือเป็นวง ประกอบด้วย ผู้ร้องนำเพลงฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่เรียกว่า พ่อเพลง แม่เพลง ส่วนคนอื่นๆ เป็นลูกคู่ร้องรับ ให้จังหวะด้วยการปรบมือ หรือใช้เครื่องดนตรีประกอบจังหวะ เช่น กรับ ฉิ่ง เพลงโต้ตอบนี้ ...
ลักษณะเนื้อร้องในบทเพลงของภาคกลางเป็นอย่างไรเป็นคำร้อง ง่าย ๆ ที่เป็นเรื่องราวใกล้ตัวในท้องถิ่นนั้น ๆ จึงทำให้เพลงพื้นบ้านเป็นสมบัติอันมีค่าที่บรรพบุรุษ สั่งสมเพื่อเป็นมรดกที่ลูกหลานไทยต้องดูแล อุปกรณ์การแสดงก็ไม่ยุ่งยาก หาได้ตามชนบททั่วไป เช่น กลอง ฉิ่ง ฉาบ กรับ ฯลฯ เพลงพื้นบ้านภาคกลาง มีอิทธิพลมาจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ การประกอบอาชีพวิถีการดำเนินชีวิต
เพลงพื้นบ้าน(ฉ่อย)มีลักษณะอย่างไรฉ่อย เป็นเพลงพื้นเมืองที่มีการแสดงท่าทาง และการร้องคล้ายกับลำตัด โดยมีผู้แสดงประกอบด้วย ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ฝ่ายละประมาณ 2-3 คน ในขณะที่พ่อเพลงแม่เพลงร้องโต้ตอบกันผู้เล่นคนอื่นๆ จะทำหน้าที่เป็นลูกคู่ เนื้อหาที่ร้องส่วนใหญ่มีทั้งเรื่อง ทางโลก ทางธรรม ชิงชู้ และมักจะมีถ้อยคำ ที่มีความหมายสองแง่สองง่าม การแสดงเพลงฉ่อยจะ ...
เพลงพื้นบ้านมีลักษณะเป็นอย่างไรเพลงพื้นบ้าน คือ เพลงของชาวบ้านที่จดจำสืบทอดกันมาแบบปากเปล่า ใช้ ร้องเล่น เพื่อความสนุกสนานรื่นเริง ใช้คำที่ง่าย ๆ เน้นเสียงสัมผัสและจังหวะการ ร้องเป็นสำคัญ ใช้เครื่องประกอบจังหวะง่าย ๆ ที่สำคัญต้องมีเสียงร้องรับของลูกคู่ ทำให้เกิดความสนุกสนานมากขึ้น
|