สวัสดีครับชาว NBS เคยคิดไหมว่าโน๊ตบุ๊กหรือเน็ตบุ๊กตัวเก่งของเรา ทำไมดูช้าไปทันใดเมื่อเทียบกับเครื่องใหม่ ๆ ในปัจจุบันที่มีการพัฒนากันไปไกลจนเกือบจะตามกันไม่ค่อยทันกันแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็มีมาตรฐานของ CPU เริ่มจะขยับขึ้นมาเป็นแบบ 4 หัวกันหมดแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า CPU ตัวเก่าทุกตัวจะด้อยกว่า CPU ตัวใหม่ ๆ เสียทั้งหมด ถ้าหากเราไปดู CPU รุ่นสูง ๆ กันจะเห็นได้ว่า บางตัวมีความสามารถเหนือกว่า CPU รุ่นใหม่ ๆ เสียอีก แต่ด้วยราคาที่สูงเกินกว่าจะใส่ในโน้ตบุ๊กมาวางขายในตอนนั้นได้ จึงจำเป็นต้องแสวงหาตาม aftermarket กันเอาเอง ประกอบกับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ ออกแบบมาให้สามารถถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ใช่แล้วครับวันนี้เราจะมาพูดถึงการเปลี่ยน CPU กัน แต่เราจำเป็นต้องรู้พื้นฐานไว้ก่อน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเปลี่ยน CPU 1. การรองรับของชิปเซ็ต (chipset) เราสามารถรู้ได้โดยการตรวจสอบด้วยโปรแกรม 2. ความถูกต้องของ CPU Socket ส่วนนี้สำคัญมาก เพราะ CPU บางตัวไม่ได้มีเพียง socket แบบเดียว ทำให้ใส่ CPU ลงไปไม่พอดีและไม่สามารถใช้งานได้ 3. การใช้พลังงาน โดยจะมีตัวแปรสำคัญคือ adapter ซึ่งเปรียบเสมือนภาคจ่ายไฟ หากเรามาดูโน้ตบุ๊กสำหรับเล่นเกมในปัจจุบัน จะมีการออกแบบมารองรับการจ่ายไฟได้มาก ทั้งยังรองรับไปถึงการอัพเกรดในอนาคตอีกด้วย ดังนั้นหากเครื่องไหนที่มี adapter ใหญ่ ๆ ให้คิดเอาไว้ก่อนว่าสามารถอัพเกรดได้มากกว่าเดิมแน่นอน ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เราจะเห็นได้ว่าปัจจุบันโน้ตบุ๊กมีราคาถูกลงบางครั้งอาจจะโดนลดต้นทุนอุปกรณ์บางอย่าง เช่น adapter สังเกตุได้ว่ามีขนาดเล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป การใช้พลังงานมีความพอดีกับอุปกรณ์ที่ติดมาพร้อมเครื่องอยู่แล้ว ทำให้ไม่สามารถอัพเกรดไปใช้ CPU หรือ VGA รุ่นสูงกว่าเดิมได้ 1. จ่ายไฟไม่พอ ในส่วนนี้อาจเกิดในกรณีนี้ใส่ CPU จำพวก High Voltage พร้อมกับการ์ดจอระดับสูงที่กินไฟมาก ๆ ทำให้ adapter จ่ายไฟไม่ทันและแน่นอนหากยังฝืนใช้งานโดยที่ไฟไม่พอ อาจส่งผลให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เสียหายได้ เช่น ฮาร์ดดิสก์ วิธีแก้คือ อาจเปลี่ยน adapter ที่จ่ายไฟได้มากกว่าที่สามารถเข้ากันได้กับโน้ตบุ๊กตัวเดิม 2. เปิดเครื่องไม่ติด อาจเกิดจากความไม่เข้ากันของ bios หรือ bios ไม่รู้จัก CPU ตัวประสิทธิภาพสูงกว่า อาจแก้ปัญหาโดยเข้าไปแก้ไข bios ให้รู้จัก CPU แต่ต้องแน่ใจว่าชิปเซ็ตรองรับและมีภาคจ่ายไฟเพียงพอ ซึ่งในบทความนี้จะไม่ได้กล่าวถึงการแก้ไข bios CPU คืออะไร CPU ย่อมาจาก Central Processing Unit หมายถึง หน่วยประมวลผลกลาง แปลตามตัวคือหน่วยที่มีหน้าที่คำนวณเพียงอย่างเดียว การทำงานหลัก ๆ คือการคำนวณค่าต่าง ๆ ที่ถูกส่งเข้ามา CPU รุ่นใหม่ ๆ จะถูกเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ เช่น สามารถทำงานได้เร็วขึ้น สามารถขัดจังหวะการคำนวณได้ มีระบบแยกแยะการคำนวณแปลกปลอมที่ส่งเข้ามา มีระบบจำลองหน่วยประมวลผลเสมือน (Hyper threading) รองรับการทำงานเฉพาะทางด้านแปลงวิดีโอมากขึ้น เป็นต้น ลักษณะทางกายภาพของ CPU CPU มีลักษณะเป็นแผ่นชิปบาง ๆ มักเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านหลังจะมีขาหลายร้อยขา (pin) สำหรับเสียบลงช่องต่อบนเมนบอร์ดเรียกว่า ซ็อกเก็ต (socket) ประเภทของ CPU จำแนกตามลักษณะต่าง ๆ ได้ดังนี้ 1. กำลังไฟ CPU จะมีการใช้กำลังไฟแตกต่างกันไป เราสามารถรู้ได้คร่าว ๆ จากกำลังไฟว่า CPU ตัวไหนใช้กำลังไฟมาก มักจะมีความสามารถสูงเมื่อเทียบกับ CPU อื่น ๆ ในสถาปัตยกรรมเดียวกัน โดยจะพูดถึงสถาปัตยกรรมแบบ 65 นาโนเมตรลงไป แบ่งประเภทได้ดังนี้ – High Voltage จะใช้กำลังไฟอยู่ราว 45-55 วัตต์ มักจะเป็น CPU ที่เป็น 4 หัว และ 2 หัวรุ่นสูงจำพวก Extreme – Standard Voltage กำลังไฟอยู่ในช่วง 32-35 วัตต์ ส่วนใหญ่จะเป็น CPU 2 และ 1 หัว – Medium Voltage กำลังไฟประมาณ 25 วัตต์ ส่วนใหญ่เป็น CPU 2 หัว ประสิทธิภาพจะใกล้เคียงกันกับ standard voltage แต่มี bus สูงกว่า มักจะเป็น CPU ที่สถาปัตยกรรมเล็กกว่า – Low Voltage กำลังไฟประมาณ 15-18 วัตต์ เป็น CPU 1 และ 2 หัว เป็น CPU ประหยัดพลังงานนิยมใช้ในเครื่องขนาดเล็ก – Ultra-low Voltage กำลังไฟ 5.5-10 วัตต์ ส่วนมากเป็น CPU 1 หัวแต่ 2 หัวก็มี นิยมใช้ในเน็ตบุ๊ก 2. จำนวนหน่วยประมวลผล เป็นอีกประเภทหนึ่งที่สำคัญ ถ้าหาก Chipset รองรับไม่ถึงก็จะไม่สามารถใช้งานได้ แบ่งประเภทดังนี้ – Single Core คือ 1 หน่วยประมวลผล หากเป็น CPU 1 หัว 2 thread หรือแม้กระทั่ง CPU 2 หัวที่ถูกปิดหน่วยประมวลผลไป 1 หัว (Core Solo) ก็จัดอยู่ในประเภทนี้เช่นกัน – Dual Core คือ 2 หน่วยประมวลผล CPU 2 หัว 4 thread ก็จัดอยู่ในประเภทนี้เช่นกัน – Triple Core คือ 3 หน่วยประมวลผล พบเจอได้จากผู้ผลิตค่าย AMD – Quad Core คือ 4 หน่วยประมวลผล มีทั้ง 4 หัวแท้ และ 4 หัว 8 thread CPU Socket CPU Socket หรือ CPU Slot เป็นช่องที่ใช้สำหรับวาง CPU ลงไป จะมีลักษณะเป็นรูหลายร้อยตำแหน่ง เพื่อรองรับกับขาของ CPU จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเลือก CPU ให้มีขาที่พอดี(หรือน้อยกว่า) กับจำนวนรู ซึ่งในแต่ละ Socket ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ถ้าตำแหน่งรู pin นั้น ๆ ไม่ตรงกับขาของ CPU หรือมีจำนวนรูน้อยกว่าขา ก็ไม่สามารถที่จะวาง CPU ลงไปได้ สามารถดูรายชื่อว่า CPU ใดบ้างเป็น socket ชนิดใด ได้จากลิงค์นี้ http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Intel_Core_2_microprocessors#Dual-Core_Notebook_processors CPU Socket บนเมนบอร์ดของโน้ตบุ๊กและเน็ตบุ๊ก มีด้วยกันดังนี้ 1. Socket 441 รองรับ CPU Intel Atom และรุ่นอื่นที่ประหยัดพลังงาน มีหน้าสัมผัสทั้งหมด 441 จุด 2. Socket 479 (mPGA479M) รองรับ CPU Intel Pentium M และ Celeron M สามารถเจอ socket นี้บน Mobile Intel 855GM/GME/PM Chipset และ Mobile Intel 915GM/GMS/PM Express Chipset มีหน้าสัมผัสที่เป็นรู pin ทั้งหมด 479 จุด แต่ CPU ที่ใส่บน socket นี้จะมีขาเพียง 478 pin 3. Socket 495 รองรับ CPU Intel Celeron มีหน้าสัมผัสที่เป็นรู pin ทั้งหมด 495 จุด 4. Socket M (mPGA478MT) มีหน้าสัมผัสที่เป็นรู pin ทั้งหมด 478 จุด รองรับ CPU Intel Core ที่เป็น Penryn มี bus speed 533-800 MT/s ได้แก่ – Core Solo : T1300, T1350, T1400 – Core Duo : T2xx0 – Core 2 Duo : T5xx0, T7200, T7400, T7500, T7600 – Intel Celeron M – Intel Celeron 5. Socket P (mPGA478MN) มีหน้าสัมผัสที่เป็นรู pin ทั้งหมด 478 จุดเช่นกัน แต่ตำแหน่งจะแตกต่างกับ socket M ตามรูป เป็น socket ที่ออกแบบมาเพื่อ Intel Core 2 สามารถใส่ CPU ที่เป็นแพลตฟอร์ม Santa Rosa ได้ คือ Merom และ Penryn ที่มีบัสอยู่ระหว่าง 400-1066 MT/s ได้แก่ – Core 2 Duo : T5xx0*, T6xx0, T7xx0*, T8x00, T9xx0 โดยที่ * หมายถึง CPU บางตัว – Core 2 Quad : Q9x00 – Pentium Dual-Core : T23x0, T2410, T3x00, T4x00 – Celeron M 6. Socket G1 (rPGA989) มีหน้าสัมผัสที่เป็นรู pin ทั้งหมด 989 จุด socket นี้ออกแบบมาเพื่อรองรับ CPU Intel Core i ที่เป็นชื่อรหัส Arrandale, Clarksfield และ Pentium, Celeron ที่เป็นชื่อรหัส Arrandale บางครั้งเราอาจจะเห็น rPGA988A หรือ rPGA988B แต่ไม่เป็นไรเพราะ rPGA989 สามารถใส่ได้ครอบคลุมทั้ง 2 socket อยู่แล้ว (รูมากกว่า) ชิปเซ็ต(chipset) คืออะไร ชิปเซ็ต คือ กลุ่มของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการออกแบบสำหรับควบคุมการทำงานต่างๆ ของเมนบอร์ด ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นผู้จัดการของ CPU และเป็นหัวใจในการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมด ชิปเซ็ตแบ่งการทำงานเป็นแผงวงจร 2 แผง เรียกว่า northbridge และ southbridge โดยที่ – northbridge คอยควบคุมอุปกรณ์ต่อพ่วงความเร็วสูง ได้แก่ CPU, RAM, VGA – southbridge ควบคุมอุปกรณ์ต่อพ่วงความเร็วต่ำอื่น ๆ ได้แก่ IDE/SATA/USB, Ethernet, PCI Express x1, Audio Codec แหล่งที่มา มาดูวิธีเปลี่ยน CPU notebookกันแบบเต็ม ผมเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายเกียวกับโนตบุ๊ค หลังจากที่ผมได้หาขอมูลเกียวกับการเปลี่ยน CPU Notebook ในเน็ตมานาน ก็เลยอยากจะลองเปลี่ยนดูมัง หลังจาที่ได้สั่งชื้อ CPU จาก Ebay เครื่องที่ผมใช้เปลี่ยนCPU คือ Lenovo Y450 เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้เปลี่ยนง่ายมากไม่ต้องถอกอะไรมากมาย เครื่องรุ่นนี้ใช้ Chipset Intel GM45/GM47 ชึง Cpu ที่จะนำมาเปลี่ยนควรเป็นตัวที่รองรับกับ Chipset ตัวนี้ด้วย 2010-6-6 16:30 สำรับ Cpu
ที่ผมเหลือกเป็น Core2 Duo T9600 (2.8 GHz/ L2 Cache 6MB/ FSB 1066MHz) ซึงใช้งานกับ Chipset รุ่นนี้อยู่แล้ว 2010-6-6 16:31 ถอดน๊อตฝาเครื่อง 3 ตัวออกก็จะได้ดังรูป 2010-6-6 16:32 ต่อมาก็ถอดน๊อตฝาพัดลม 2 ตัว พร้อมทังค่อยๆดึงสายไฟพัดลมออก 2010-6-6 16:37 ต่อมาก็ถอดน๊อตซิ้งระบายความร้อน 2010-6-6 16:37 การถอดน๊อตซิ้งระบายความร้อนให้ถอดตามตัวเลข
1,2,3,.. หรือถ้าไม่มีตัวเลขให้ถอดแบบทแยงมุมโดยให้หมุนน๊อตผังละนิดค่อยๆหมุนอยาหมุนให้ออกทีเดียว 2010-6-6 16:37 หลังจากถอดซิ้งระบายความร้อนแล้ว ก็ตามด้วยหมุนปดล๊อกCPU แล้วก็เอาตัวใหม่ใส่เขาไป 2010-6-6 16:37 ใส่ตัวใหม่เรียบร้อยก็หมุนล๊อกCpuให้เรียบร้อย 2010-6-6 16:37 หลังจากนันก็ทาซิลิโคนนิดหนึงไม่ต้องแยอะมากแล้วก็ประกอบ
ซิ้ง และ พัดลม กับเป็นอัรเสร็จ 2010-6-6 16:37 หลังจากประกอบเป็นที่เรีบบร้อยก็ได้เวลาเปิดเครื่องรุ้นแล้วครับ เปิดปุบติดปับไม่มีติดขัดอะไร 2010-6-6 16:37 เสร็จแล้วครับ หวังว่าคงเป็นแน้วทางให้หลายๆท่านได้นะครับ หมายเหตุ ควรถอดแบตเตอรีออกด้วยนะครับ พอดีผมลืม 5555 สำรับหรับท่านี่จะcopyไปเผยแพร่ก็ไม่ว่ากันครับ แต่รบกวนทำลิ้งกับมาเพื่อเป็นกำใจบ้างนะครับแหล่งที่มา http://www.meetips.com/webboard/viewthread.php?tid=39 |