สงกรานต์ที่ผ่านมาหนุ่มๆ หลายคนคงผ่านประสบการณ์เปียก แฉะ อับชื้น กันไม่มากก็น้อย วันนี้ Sanook! Men เลยขอนำวิธีดูน้องชาย จาก Sarikahappymen เพจให้ความรู้เรื่องสุขภาพทางเพศ บอกเลยว่าคราวนี้ผู้ชายอย่างเราจะได้ดูแลกันได้อย่างถูกต้องซะที Show
1.เลือกใช้สบู่อ่อนๆ ควรเลือกใช้สบู่อ่อนๆ นะครับ จู๋ไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว ผิวมันบาง ไม่ต้องรุนแรงมาก จะใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์กับแอนตี้แบคทีเรียหรือไม่ก็ได้ หรือถ้าหาไม่ได้ก็สบู่เด็กพอครับ 2.เช็กน้องชายน้ำว่าสกปรกหรือไม่ เวลาอาบน้ำทุกครั้ง ควรดูให้แน่ใจว่ามีสิ่งสกปรกใด ๆ ที่น้องเราหรือไม่ สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ยังมีหมวกคลุม ก็ต้องเช็กว่ามีขี้เปียกหมักหมมใต้หมวกหรือไม่ เพราะหากมี จะทำให้น้องชายมีกลิ่นเหม็นและมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งจู๋ ถ้าเปิดหมวกได้ไม่ดีหรืออักเสบบ่อย ก็ไปให้คุณหมอขริบให้ ยอมเจ็บซักนิดเพื่อสุขอนามัยที่ดีของเราและคนที่เรารักครับ 3.ทำให้แห้งอยู่เสมอ เนื่องจากความชื้น มันจะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี ฉะนั้นควรดูแลบริเวณสำคัญให้แห้งอยู่เสมอ หลังอาบน้ำควรใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ หรือจะผ้านาโนไรก็ได้เช็ดน้องชายให้แห้งสนิทก่อนสวมชั้นใน เช็ดให้แห้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความชื้นสะสม ซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้ครับ 4.เล็มขนรอบๆ น้องชายบ้าง การเล็มขนที่อยู่บริเวณนั้นให้สั้น จะช่วยลดกลิ่นเหม็นและอาการระคายเคืองได้ เพราะขนบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งสะสมของเหงื่อ เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่าโกนอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้คันและมีขนคุดอักเสบได้ 5.ให้น้องชายได้สูดอากาศบ้าง เนื่องจากปกติปืนฉีดน้ำเราอยู่ในกางเกงชั้นในและกางเกงชั้นนอกตลอดทั้งวัน นอกจากจะมีเหงื่อสะสมแล้ว ยังก่อให้เกิดเชื้อราบริเวณโดยรอบได้ ถ้าเป็นไปได้ควรปล่อยน้องชายเป็นอิสระอย่างน้อยวันละ 2-3 ชั่วโมงขณะอยู่บ้าน(แค่ใส่บ๊อกเซอร์นะ ไม่ใช่แก้ผ้า) เพื่อระบายความอับชื้นนั่นเอง ไม่ก็นอนโดยไม่ใส่ชั้นในก็ได้ครับ แต่อาจจะต้องมัดมือคนข้างๆไว้ ไม่งั้นเค้าอาจมารบกวนเวลาพักของเราได้ 6.เลือกใส่กางเกงในบางๆ การเลือกใส่ชั้นในที่ทำจากผ้าเนื้อบาง จะช่วยระบายความร้อนและลดเหงื่อได้ดีกว่าการใส่ชั้นในหนาๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการระคายเคืองที่ง่ามขา อย่าเลือกพวกที่ทำมาจากผ้ายีนส์หรือลูกฟูกนะ 7.ใส่แล้วก็ซักด้วย กางเกงชั้นในเป็นสิ่งที่ห่อหุ้มน้องเราตลอดทั้งวัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดสิ่งสกปรกสะสม ดังนั้นควรเปลี่ยนกางเกงในทุกวัน ไม่ใส่ซ้ำ หรือกลับนอกกลับใน และควรซักกางเกงชั้นในให้สะอาดอยู่เสมอครับ ไม่ค่อยปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะอาจมีเชื้อราได้ ได้ทราบวิธีดูแลน้องชายแบบถูกต้องไปแล้ว คราวนี้รับรองว่าไม่มีกลิ่นอับและหมักหมมแน่นอน ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วยรังไข่ ท่อนำไข่ มดลูก ปากมดลูก และช่องคลอด ซึ่งมีหน้าที่เฉพาะแตกต่างกันออกไป การดูแลสุขภาพของระบบสืบพันธุ์เพศหญิงอาจทำได้โดยการเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอย่างโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก มะเร็งท่อนำไข่ เป็นต้น ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง คืออะไรระบบสืบพันธุ์เพศหญิง คือ ส่วนสำคัญของกระบวนการสืบพันธุ์ ที่มีส่วนประกอบหลายอย่าง เช่น รังไข่ ท่อนำไข่ มดลูก โดยมีต่อมใต้สมองที่คอยสร้างฮอร์โมนเพศที่ช่วยกระตุ้นให้รังไข่เกิดการตกไข่ในแต่ละรอบเดือน และนำส่งไปยังท่อนำไข่ เพื่อรอการปฏิสนธิกับอสุจิจากฝ่ายชาย จนกลายเป็นตัวอ่อนฝังตัวที่เยื่องบุโพรงมดลูก และเกิดเป็นการตั้งครรภ์ แต่หากไม่มีการปฏิสนธิ เยื่อบุโพรงมดลูกจะหลุดลอกและไหลออกมาเป็นประจำเดือน ส่วนประกอบของระบบสืบพันธุ์เพศหญิงส่วนประกอบของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง มีดังนี้ ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงภายนอก
ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงภายใน
โรคที่พบบ่อยในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงโรคที่พบบ่อยในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง มีดังต่อไปนี้
การดูแลระบบสืบพันธุ์เพศหญิงการดูแลระบบสืบพันธุ์เพศหญิง อาจทำได้ดังนี้ วิธีการดูแลรักษาระบบสืบพันธุ์มีอะไรบ้าง1. ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายให้ดีโดยในการอาบน้ำควรทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยสบู่ หลังอาบน้ำควรเช็ดให้แห้ง 2. ไม่ควรกลั้นปัสสาวะนาน ๆ 3.ควรใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ โดยเฉพาะผู้หญิง
วิธีการสร้างเสริมและดูแลรักษาระบบสืบพันธุ์อย่างไรการสร้างเสริมและดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบสืบพันธุ์ 1.การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาและดุแลสุขอนามัยทางเพศ 2.ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ 3.พบแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์
Reproductive System มีอะไรบ้างอวัยวะสืบพันธุ์ภายใน ประกอบด้วย 1. ช่องคลอดหรือวาไจน่า (Vagina) 2. มดลูกหรือยูเตอร์ส (Uterus) 3. ท่อนำไข่หรือปีกมดลูกหรือยูเตอรีน ทิวส์ (Uterine Tubes) 4. รังไข่หรือโอวารี (Ovary) Page 5 Urinary bladder PE 244 Vesicouterine nouch. Pubic symphysis. PE 244 Urethra. Paraurethral glands Glans of clitoris.
ข้อใดเป็นการดูแลสุขภาพทางเพศที่เหมาะสมการออกกำลังกายและตรวจสุขภาพประจำปี การพักผ่อนและรักษาความสะอาดของร่างกาน การับประทานอาหารที่ดีและแต่งกายที่ดี การหลีกเลี่ยงสารเสพติด
|