ในปัจจุบันพวกเราคงเคยได้ยินคำว่า “ยาแก้อักเสบ” และ “ยาฆ่าเชื้อ” กันบ่อยมาก บางคนก็คิดว่ามันเหมือนกัน ใช้รักษาได้เหมือนกัน บางคนก็คิดว่าคนละอย่างกัน ไม่สามารถใช้แทนกันได้ แล้วความจริงเป็นอย่างไรกันแน่? วันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกคนหายสงสัยกัน Show อาการ "อักเสบ" คืออะไรอักเสบ คือ ปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกายที่เกิดจากการหลั่งสารเคมีบางอย่าง ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน ขึ้นมา โดยสาเหตุของการอักเสบนั้นแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ ยาแก้อักเสบเป็นยาบรรเทาอาการอักเสบและบวม สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา คนทั่วไปมักเรียกชื่อผิด และเข้าใจว่าเป็นยาต้านจุลชีพ ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อ โดยหลายคนก็ซื้อยามารับประทานเองทั้งที่ไม่ทราบวิธีใช้อย่างถูกต้อง ทำให้เสี่ยงรับประทานยาเกินขนาดหรือใช้ยาอย่างผิดวัตถุประสงค์ จึงเป็นเรื่องสำคัญในการทำความเข้าใจ เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้ยาแก้อักเสบ ยาแก้อักเสบเป็นอย่างไร ? ยาแก้อักเสบเป็นยาในกลุ่มช่วยลดการอักเสบ ซึ่งมักช่วยบรรเทาอาการปวดและบวมจากการอักเสบได้ด้วย โดยยาแก้อักเสบที่ใช้กันบ่อยเป็นยาแก้อักเสบแบบไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs) หรือที่เรียกกันว่าเอ็นเสด มีทั้งชนิดที่หาซื้อได้เองหรือต้องใช้ตามคำสั่งแพทย์ โดยกลไกการออกฤทธิ์ของยาค่อนข้างเร็วและมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาแก้อักเสบชนิดมีสเตียรอยด์ จึงถูกนำมาใช้รักษาการอักเสบอย่างแพร่หลาย ตัวอย่างยาแก้อักเสบที่คนคุ้นเคย ได้แก่ ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน ยานาพรอกเซน ยาไดโคลฟีแนค ยาเมเฟนามิคแอซิด ยาเซเลโคซิบ เป็นต้น ซึ่งยาแต่ละชนิดมีข้อบ่งใช้และมีสรรพคุณรักษาโรคแตกต่างกันออกไป ก่อนใช้ยาควรอ่านฉลากยาและปฏิบัติตามคำแนะนำเสมอ หากพบข้อสงสัยใด ๆ ควรสอบถามแพทย์และเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา เมื่อไรต้องใช้ยาแก้อักเสบ ? ยาแก้อักเสบโดยทั่วไปจะใช้บรรเทาอาการปวดในระยะสั้นจากภาวะต่าง ๆ เช่นเดียวกับยาแก้ปวดในกลุ่มพาราเซตามอล เช่น ลดไข้ ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน บรรเทาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อหรือเคล็ดขัดยอก ปวดประจำเดือน และปวดหลังการผ่าตัด เป็นต้น ซึ่งมักเป็นยาชนิดรับประทานที่ใช้ติดต่อกันไม่นาน อีกกรณีหนึ่ง คือ ใช้ยาแก้อักเสบเพื่อลดการอักเสบโดยตรง โดยครอบคลุมไปถึงอาการปวด บวมแดง อาการฝืดแข็ง หรือขยับร่างกายลำบากจากภาวะอักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยอาจต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์กว่าจะเห็นผล อย่างไรก็ตาม ยังเกิดความสับสนในการเรียกชื่อและการใช้ยาแก้อักเสบสลับกับยาปฏิชีวนะอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากคนเชื่อว่ามีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยาปฏิชีวนะจะช่วยกำจัดเชื้อโรค ทำให้อาการบวมแดงจากการติดเชื้อดีขึ้นได้ ส่วนยาแก้อักเสบจะออกฤทธิ์ยับยั้งสารที่ถูกสร้างขึ้นในบริเวณที่บาดเจ็บหรือได้รับความเสียหายจนเกิดภาวะอักเสบ แต่ไม่ได้รักษาอาการที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ จึงอาจช่วยระงับอาการปวดและอักเสบได้ แต่หากใช้ยาผิดประเภทก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายมากกว่าเกิดผลดี คำแนะนำในการใช้ยาแก้อักเสบ
ผลข้างเคียงจากยาแก้อักเสบ แม้ยาแก้อักเสบช่วยลดอาการปวด ลดไข้ หรือบรรเทาภาวะอักเสบได้ แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้ โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยมักจะเป็นการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนไม่สบาย ปวดท้อง มีเลือดออกหรือเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เกิดแผลตรงส่วนใดส่วนหนึ่งในระบบทางเดินอาหาร ค่าเอนไซม์ตับสูงขึ้น ท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ ปวดหัว หรืออาการบวมน้ำ ทั้งนี้ ควรหยุดใช้ยาและรีบไปพบแพทย์ทันทีหากพบว่ามีอาการ เช่น หายใจลำบาก มีอุจจาระสีดำ อาเจียนออกมาเป็นเลือด เป็นสีดำ หรือสีคล้ายกาแฟ แน่นหน้าอก กล้ามเนื้ออ่อนแรง พูดไม่ชัด บวมตามใบหน้าและลำคอ ดวงตาและผิวหนังดูเหลืองผิดปกติ เกิดผื่นหรือแผลตามผิวหนัง เป็นต้น กินยาแก้อักเสบติดต่อกันได้กี่วันระยะเวลาสำหรับในการใช้ยาแก้อักเสบขึ้นอยู่กับประเภทของยา จุดประสงค์ของการดูแลรักษา แล้วก็ภาวการณ์สุขภาพของผู้เจ็บป่วย ถ้าเกิดเป็นไข้ ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อนานเกิน 3 วันและไม่ควรที่จะใช้ยาแก้อักเสบเพื่อทุเลาลักษณะของการปวดเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินกว่า 10 วัน ยกเว้นเป็นคำสั่งจากหมอ เนื่องจากว่าการใช้ยาแก้อักเสบติดต่อนาน ...
ยาแก้อักเสบกินกี่เวลาโดยยาที่ออกฤทธิ์เร็วนั้นมักต้องรับประทานทุก 4-6 สัปดาห์ ซึ่งมักแนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อบาดเจ็บเฉียบพลัน ส่วนผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานานอาจแนะนำให้รับประทานวันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
กินยาแก้อักเสบ อันตรายไหมแม้ยาแก้อักเสบช่วยลดอาการปวด ลดไข้ หรือบรรเทาภาวะอักเสบได้ แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้ โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยมักจะเป็นการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนไม่สบาย ปวดท้อง มีเลือดออกหรือเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เกิดแผลตรงส่วนใดส่วนหนึ่งในระบบทางเดินอาหาร ค่าเอนไซม์ตับ ...
กินยาแก้อักเสบ กินตอนไหน“ยาแก้อักเสบ” มักระคายเคืองทางเดินอาหาร ควรรับประทานยาหลังอาหารทันทีและดื่มน้ำตามมากๆ
|