เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับสินสมรสและสินส่วนตัว ที่เราเข้าใจอยู่ มันใช่หรือเปล่า??วันนี้ขอนำเรื่องสินสมรสและสินส่วนตัว มาพูดคุยกันในภาษาชาวบ้าน ฉบับฟังกันง่ายๆนะคะ เพื่อทำความเข้าใจในประเด็นสำคัญที่ควรทราบ ให้กับทุกท่านประกอบการวางแผนการเงินส่วนบุคคลค่ะ เนื่องจากผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาการเงิน ไม่ได้เป็นนักกฏหมายโดยตรง ผิดพลาดประการใด กรุณาแนะนำกันได้ค่ะ รายละเอียดอ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติม อยู่ที่ link ด้านล่างนะคะ เรามาเริ่มกันเลยค่ะ โดยทั่วไปทุกท่านทราบดีแล้วว่า ทรัพย์สินก่อนสมรส เป็นสินส่วนตัวของแต่ละคน แต่เมื่อจดทะเบียนสมรสแล้ว ทรัพย์สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรสจะเป็นเป็นสินสมรส แต่บางอย่างยังเป็นข้อสงสัยสำหรับใครหลายคนอยู่ เช่น ดอกผลของสินส่วนตัว เช่น ค่าเช่า ดอกเบี้ย และ รายได้ที่เราหามาได้ระหว่างสมรสหล่ะ เป็นของใคร? หากเราได้รับมรดกมาระหว่างสมรส จะกลายเป็นสินสมรสไหม?? เพื่อความเป็นธรรม กฏหมายเปิดโอกาสให้กับคู่สมรสสามารถทำสัญญาก่อนสมรส พร้อมกับการจดทะเบียนสมรส เพื่อระบุรายการทรัพย์สินส่วนตัวและเงื่อนไขการจัดการทรัพย์สินหลังสมรสไว้ก่อนได้ ตัวอย่างเช่น บ้านที่ซื้อร่วมกันระหว่างสมรส ยกให้เป็นของภรรยาแต่เพียงผู้เดียว หรือ ค่าเช่าบ้านที่เป็นสินส่วนตัวของภรรยาเมื่อสมรสแล้ว ขอให้ค่าเช่านี้ยังเป็นสินส่วนตัวของภรรยา ไม่เป็นสินสมรส ก็สามารถทำได้ โดยระบุลงในสัญญาก่อนสมรส ซึ่งต้องทำให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายด้วย อะไรก็ตามที่เป็นทรัพย์สินที่สร้างขึ้นด้วยกันระหว่างสมรส ถือเป็นสินสมรสแน่นอน แต่สินสมรสบางรายการที่คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นสินส่วนตัว หรือสินส่วนตัวที่เข้าใจว่าคือสินสมรส มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
ซึ่งการตรวจสอบ และจำแนกสินสมรสกับสินส่วนตัวไว้อย่างชัดเจนนั้น มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการวางแผนการเงิน เนื่องจากเมื่อมีเหตุที่เราไม่อยากให้เกิด ได้แก่ การหย่าร้าง การชดใช้หนี้สินกับเจ้าหนี้ และ การส่งมอบทรัพย์มรดกหลังจากเสียชีวิต จะได้จัดสรรได้อย่างยุติธรรมและไม่สร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่าย กรณีคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปก่อหนี้ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้ร่วมด้วย การบังคับชำระหนี้นั้น คู่สมรสไม่ต้องร่วมรับผิดชอบ ฟังๆดูอาจจะดูเหมือนไม่กระทบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ต้องกระทบแน่นอน หากสินส่วนตัวของฝ่ายที่เป็นหนี้ไม่พอชำระ จะต้องมีการมาแบ่งสินสมรส ครึ่งหนึ่งไปชำระหนี้ด้วย ซึ่งสินสมรสนั้น บางครั้งไม่ได้แบ่งง่ายๆ เพราะไม่ใช่เงินสดเสมอไป อาจจะเป็นบ้านที่ทุกคนในครอบครัวอยู่ และ ต้องถูกบังคับขายบ้าน เพื่อนำเงินสดมาแบ่งชำระหนี้ จึงเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง ควรรีบพูดคุยกันก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย ตัวอย่างกรณี ของคุณหนุ่ม ศรราม และ คุณติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ หนี้ในส่วนที่เกิดขึ้นระหว่างสมรส หากไม่เข้าข่ายหนี้ 4 ประเภทนี้แล้ว คุณศรราม ก็ไม่ต้องร่วมชดใช้หนี้กับคุณติ๊ก ได้แก่ 1.หนี้สินที่เกี่ยวกับสินสมรส 2.หนี้สินที่เกี่ยวกับการจัดการบ้านเรือนและสิ่งจำเป็นในครอบครัว 3.หนี้สินจากอาชีพการงานที่ทำร่วมกันระหว่างคู่สมรส 4.หนี้สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อขึ้น เพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายได้ให้สัตยาบัน ซึ่งการให้สัตยาบันจะทำให้หนี้ดังกล่าวกลายเป็นหนี้ร่วมที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องรับผิดชอบร่วมกัน เช่น ภรรยาทำสัญญาขอสินเชื่อ และ สามีเป็นพยาน ไม่ว่าทางวาจาหรือการทำหนังสือ สินเชื่อดังกล่าวจะเป็นหนี้ร่วมของสามีและภรรยา กรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตจากไปก่อน การส่งมอบทรัพย์มรดกจะเป็นดังนี้ 1.แบ่งทรัพย์สินทรัพย์ออกเป็น สินส่วนตัว และ สินสมรส 2.แบ่งสินสมรสออกเป็น 50:50 แยกคืนให้คู่สมรส 50% 3.นำสินสมรส 50% ของเจ้ามรดก มารวมกับสินส่วนตัว และ ส่งมอบตามพินัยกรรม หากไม่มีพินัยกรรม ก็จัดสรรส่งมอบให้กับทายาทโดยธรรมตามลำดับ 4.คู่สมรส จะเป็นหนึ่งในทายาทโดยธรรมด้วย ส่วนจะรับกี่ % นั้น รายละเอียดจะพูดคุยกันในบทความต่อไปค่ะ วันนี้เราก็ได้ทราบแล้วนะคะ ว่าแนวทางการจำแนกสินส่วนตัวและสินสมรส เป็นอย่างไร เราควรจะวางแผนจัดสรรล่วงหน้าไว้ให้ดี อย่างรอบคอบ เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ จะดีกว่าค่ะ
วางแผนเกษียณ
Visitors: 26,610
|