6.1.1 วิธีการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินค้าคงเหลือ สินค้าคงเหลือในที่นี้ หมายถึง สินค้าคงเหลือของกิจการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อสินค้ามาเพื่อขายหรือธุรกิจที่ซื้อมาขายไป หากธุรกิจประสบปัญหาสินค้าคงเหลือมากในปีใดก็ตาม จะไปมีผลกระทบต่อการคำนวณต้นทุนขายและกำไรสุทธิของกิจการด้วย ถ้าการตีราคาสินค้าคงเหลือผิดพลาดรายงานทางการเงินก็จะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงทั้งหมด สินค้าคงเหลือเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีสภาพคล่องในการเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เร็ว กิจการต้องวางระบบควบคุมดูแล ป้องกันการทุจริต การสูญหายทั้งจากบุคคลภายในและลูกค้าภายนอก ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินค้าให้เหมาะสมกับลักษณะและประเภทของสินค้าสำหรับวิธีการทางบัญชีที่นิยมกันโดยทั่วไปมี 2 วิธีคือ 1. วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด (Periodic Inventory System) วิธีนี้นิยมใช้กับกิจการที่ทำการซื้อขายสินค้าที่มีจำนวนมากและมีราคาหรือมูลค่าไม่สูงนักเพราะการบันทึกบัญชีแบบนี้จะไม่มีการบันทึกบัญชีสินค้าเมื่อมีการซื้อขายในระหว่างงวด แต่จะให้ความสำคัญกับการตรวจนับสินค้าคงเหลือในวันสิ้นงวดเท่านั้น กิจการที่นิยมบันทึกบัญชีแบบนี้ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านขายเสื้อผ้า 2. วิธีการบันทึกบัญชีแบบตรวจนับสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง (Perpetual Inventory System) วิธีนี้จะมีการบันทึกบัญชีทุกครั้งที่ทำการซื้อและขายสินค้า โดยจะมีทะเบียนคุมสินค้าทุกประเภทที่จำหน่าย ทำให้สามารถทราบยอดคงเหลือของสินค้าจากบัญชีเหล่านั้น กิจการที่นิยมใช้การบันทึกบัญชีแบบนี้เป็นกิจการที่มีสินค้าจำหน่ายไม่ และสินค้าที่ต้นทุนต่อหน่วยราคาค่องข้างสูง มีความจำเป็นต้องควบคุมและตรวจสอบอย่างละเอียด เช่น กิจการจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องจักร รถยนต์ เป็นต้น ในวิชาการบัญชีเบื้องต้น 2 จะอธิบายโดยใช้หลักการบันทึกบัญชีตามระบบ Periodic Inventory System ฉะนั้นสินค้าในวันสิ้นงวดต้องทำการตรวจนับสินค้าคงเหลือและตีราคาสินค้า ซึ่งจะนำไปคำนวณต้นทุนขายและกำไรขาดทุนประจำงวด การตีราคาสินค้าคงเหลือด้วยราคาทุนเป็นวิธีที่นิยมเนื่องจากมีหลักฐานในการซื้อขายอย่างชัดเจน การตีราคาด้วยราคาทุน มีหลายวิธีดังนี้
ตัวอย่างที่ 2
1. วิธีเข้าก่อน – ออกก่อน (First in, First out = FIFO) แนวคิดวิธีนี้คือ การขายสินค้าจะขายสินค้าที่ซื้อมาก่อนไปก่อน โดยเฉพาะสินค้าตามสมัยนิยม ถ้าเก็บไว้นานเกินไปสินค้าจะล้าสมัยหรือเสื่อมสภาพ ดังนั้นสินค้าคงเหลือจะเป็นสินค้าที่ซื้อมาในครั้งหลัง ตามตัวอย่างสินค้าคงเหลือ 480 หน่วย จะตีราคาดังนี้
2. วิธีถัวเฉลี่ยหน่วยหรือถัวเฉลี่ยอย่างง่าย(Simple Average Method) แนวคิดวิธีนี้ถือว่าสินค้าประเภทหรือชนิดเดียวกันกันควรมีมูลค่าหรือราคาเท่ากัน ดังนั้นต้นทุนต่อหน่วยของสินค้าจึงควรมีราคาเท่ากันด้วย วิธีการคำนวณจะนำราคาสินค้าต่อหน่วยทั้งหมดนั้นมาบวกกันแล้วหารด้วยจำนวนครั้งทั้งหมดที่ซื้อมาจะได้ราคาถัวเฉลี่ยต่อหน่วยของสินค้าคงเหลือ ดังนี้ ราคาถัวเฉลี่ยต่อหน่วย = 25+27+24+26 = 25.50 บาท 4 สินค้าคงเหลือปลายปี 480 หน่วย = 480 X 25.50 = 12,240 บาท 3. วิธีถัวเฉลี่ยของราคาทั้งสิ้นหรือถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก(Weighted Average Method) แนวคิดวิธีนี้จะลดปัญหาความบกพร่องของวิธีถัวเฉลี่ยต่อหน่วยเนื่องจากไม่ได้คำนึงถึงปริมาณของสินค้าคงเหลือ จึงนำราคาและปริมาณของสินค้าคงเหลือทั้งหมดมาคูณกันก่อนแล้วนำมาบวกกัน และหารด้วยจำนวนหน่วยทั้งหมดที่ซื้อจะได้ราคาถัวเฉลี่ยของราคาทั้งสิ้น ดังนี้
ราคาต้นทุนต่อหน่วย = 32,050 = 25.64 บาท 1,250 สินค้าคงเหลือปลายปี 480 หน่วย = 480 X 25.64 = 12,307.20 บาท 4. วิธีตีราคาที่ซื้อจริงหรือวิธีเฉพาะเจาะจง (Specific Identification) แนวคิดวิธีนี้จะระบุราคาของสินค้าที่ซื้อมาจริงและที่ขายไปจริงทั้งหมด เหมาะกับสินค้าที่มีลักษณะแตกต่างกันมาก ราคาต่อหน่วยสูง กิจการค้าต้องทราบราคาสินค้าคงเหลือที่แท้จริงจึงเรียกว่าวิธี “ราคาเจาะจง” เช่น ถ้าสินค้าคงเหลือจากการซื้อครั้งที่ 1 จำนวน 200 หน่วย คงเหลือจากการซื้อครั้งที่ 2 จำนวน 200 หน่วย และคงเหลือจากการซื้อครั้งที่ 3 จำนวน 80 หน่วย จะคำนวณ ดังนี้
การคำนวณต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold) ต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold) เป็นราคาทุนของสินค้าที่มีการจำหน่ายออกไปซึ่งเกี่ยวข้องกับบัญชีสินค้าคงเหลือต้นปี บวกกับซื้อสุทธิระหว่างปีและหักสินค้าคงเหลือปลายปี ซึ่งอาจนำมาแสดงในรูปแบบงบต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold Statement)ซื้อสุทธิ (Net Purchases) หมายถึง ต้นทุนของสินค้าที่กิจการซื้อมาเพื่อขายในงวดบัญชีและจะเพิ่มขึ้นถ้ากิจการจ่ายค่าขนส่งเข้าและลดลงถ้ากิจการส่งคืนสินค้าที่ชำรุดและได้รับส่วนลดรับจากการชำระหนี้ หรือ ซื้อสุทธิ = ซื้อระหว่างงวด + ค่าขนส่งเข้า - ส่งคืนสินค้า – ส่วนลดรับ
หรือ
ตัวอย่างที่ 3
6.1.2 การปิดบัญชีเกี่ยวกับสินค้า (Closing entry) เมื่อถึงวันสิ้นงวดบัญชีกิจการจะทำรายการปิดบัญชีเพื่อหาผลการดำเนินงานของกิจการ วิธีการปิดบัญชีคือการทำให้บัญชีรายได้และค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นบัญชีชั่วคราวหมดไปหรือมียอดคงเหลือเป็นศูนย์ โดยจะปิดบัญชีผ่านสมุดรายวันทั่วไปเข้าบัญชีกำไรขาดทุน ส่วนบัญชีสินค้าคงเหลือต้นปีและสินค้าคงเหลือปลายปีให้ปิดบัญชีไปบัญชีต่นทุนขาย สรุปการปิดบัญชีรายได้และค่าใช้จ่ายและบัญชีที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนขาย ดังนี้ ขั้นที่ 1 ปิดบัญชีขายสินค้าและรายได้ต่างๆ เข้าบัญชีกำไรขาดทุน เดบิต ขายสินค้า.........................................XX เครดิต กำไรขาดทุน.....................................XX ขั้นที่ 2 บัญชีสินค้าคงเหลือต้นปี ซื้อสินค้าและค่าขนส่งเข้า ปิดเข้าบัญชีต้นทุนขาย เดบิต ต้นทุนขาย.............................XX เครดิต สินค้าต้นปี.....................................XX ซื้อสินค้า.........................................XX ขั้นที่ 3 บันทึกสินค้าคงเหลือปลายปี ปิดบัญชีส่งคืนและส่วนลดรับเข้าบัญชีต้นทุนขาย เดบิต สินค้าปลายปี...........................XX ส่งคืนสินค้า..............................XX เครดิต ต้นทุนขาย.....................................XX ขั้นที่ 4 ปิดบัญชีต้นทุนขาย (ขั้นที่ 1 - ขั้นที่ 2) รับคืน ส่วนลดจ่าย และค่าใช้จ่ายต่างๆ เข้าบัญชีกำไรขาดทุน เดบิต กำไรขาดทุน.........................................XX เครดิต ต้นทุนขาย.....................................XX ขั้นที่ 5 ปิดบัญชีกำไรขาดทุน (กำไรสุทธิ หรือ ขาดทุนสุทธิ) เข้าบัญชีทุน เดบิต กำไรขาดทุน........................................XX เครดิต ทุน..................................................XX
เดบิต ทุน.......................................................XXเครดิต กำไรขาดทุน.....................................XX ขั้นที่ 6 ปิดบัญชีถอนใช้ส่วนตัวเข้าบัญชีทุน เดบิต ทุน.......................................................XX เครดิต ถอนใช้ส่วนตัว.....................................XX ตัวอย่างที่ 4 การปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป การหายอดคงเหลือยกไป (Balancing the Accounts) การหายอดคงเหลือยกไปจะจัดทำขึ้นเมื่อบันทึกรายการปิดบัญชี สำหรับบัญชีสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ จะมียอดคงเหลือยกไปในงวดบัญชีหน้า วิธีการหายอดยกไปจะทำโดยการหายอดรวมในบัญชียกประเภทด้านเดบิตและด้สนเครดิตของบัญชีแยกประเภทแต่ละบัญชีแล้วหาผลต่างระหว่างด้านเดบิตและด้านเครดิต จากนั้นให้เขียนผลต่างนี้ไว้เป็นยอดยกไปทางด้านที่มีจำนวนเงินน้อยกว่า แล้วรวมยอดทั้ง 2 ด้านให้เท่ากัน หลังจากนั้นนำยอดยกไปมาเป็นยอดยกมาทางด้านที่มากกว่าเพื่อนำไปเปิดบัญชีในงวดบัญชีใหม่ต่อไป โดยเขียนปี พ.ศ. ของวดบัญชีใหม่และเขียนเดือนวันที่ 1 ของเดือนแรกไว้ด้วย ดังตัวอย่าง งบทดลองหลังปิดบัญชี เมื่อกิจการปิดบัญชีรายได้และค่าใช้จ่ายไปบัญชีกำไรขาดทุนในสมุดรายวันทั่วไปและผ่านไปบัญชีแยกประเภท และปิดบัญชีกำไรขาดทุนไปบัญชีทุนแล้วหายอดคงเหลือยกไปยกมาในบัญชีสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของกิจการควรจัดทำงบทดลองอีกครั้งหนึ่งเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของการปิดบัญชี เราเรียกว่า "งบทดลองหลัง รายการปิดบัญชี" ในงบทดลองหลังรายการปิดบัญชีจะมีเฉพาะบัญชีสินทรัพย์ หนี้สินและส่วนของเจ้าของเท่านั้น ตัวอย่างงบทดลองหลังปิดบัญชี
|