นักเล่าเรื่องตาบอดกับมาเฟียนิทรา pdf

นักเล่าเรื่องตาบอดกับมาเฟียนิทรา pdf

คิดอยู่นานมากว่าจะรีวิวเรื่องนี้ดีไหม เพราะนักเขียนลบเรื่องนี้บนเว็บไปหมดแล้ว อีบุ๊กก็ไม่มีขายแล้วเช่นกัน (มีดราม่าค่อนข้างใหญ่เลยละ เราก็เข้าใจเหตุผลของนักเขียนนะ แอบเสียดายที่ต้องลบทิ้ง) สุดท้ายคิดว่ารีวิวดีกว่า อยากแชร์ในมุมคนอ่าน

นายเอก ‘อันหลิง’ พิการตาบอดเติบโตมากับหลวงพ่อที่โบสถ์เล็กๆ ในฮ่องกง โลกของนายเอกมีแต่ความดีงามอันบริสุทธิ์ จนกระทั่งได้มารู้จักกับพระเอก ‘เอเนล’ มาเฟียที่แปดเปื้อนไปด้วยบาปทุกประการ ก่อนจะปลิดชีวิตคนจะชวนเล่นเกม ตั้งคำถามว่าตัวเองเกิดมาทำไม ถ้าใครตอบถูกใจก็จะไว้ชีวิต แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำได้ ยกเว้นนายเอก (ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอบอะไร) พระเอกพาตัวนายเอกมาเลี้ยงไว้เหมือนสัตว์ตัวหนึ่ง (ไม่ได้เหมือนเรื่องอื่นที่หลงรักอะไรอย่างนั้นนะ ขังคือขังจริงๆ) เฝ้าดูชีวิตพิกลพิการเหมือนเต่าตัวนี้อย่างไม่ทันรู้ตัว สงสัยว่าทำไมนายเอกถึงยังเป็นคนดีบริสุทธิ์ในโลกที่มันช่างโสมม พระเอกเลวโดยสันดานและเนื้อแท้ พอรู้ปูมหลังก็ไม่แปลกใจ พระเอกเป็นลูกโสเภณีทาส ตอนเด็กนิสัยเลวจนเข้าตาเศรษฐีที่ซื้อแม่มาก็เลยรับเป็นลูก ไม่เคยได้รับความรัก โตมาแบบโหดๆ ต้องแข็งแกร่งเพื่อให้อยู่รอด

ส่วนนายเอกตอนเสียตัวให้พระเอกครั้งแรก ก็เอาแต่ร้องไห้รู้สึกว่าตัวเองช่างสกปรกเหลือเกิน รับไม่ได้ที่ต้องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน เจอความโหดร้ายของพระเอกนานๆ เข้าก็ดีใจที่ตัวเองตาบอด จะได้ไม่ต้องมารู้มาเห็นสิ่งชั่วร้ายพวกนี้ ความสัมพันธ์ของพระนายบิดๆ เบี้ยวๆ แต่ก็เหมือนเติมเต็มให้กัน อีกคนเหมือนมาจากโลกมืด ส่วนอีกคนเป็นด้านสว่างมากๆ นายเอกมีความบันเทิงเดียวที่ทำให้พระเอกเคลิ้มได้ นั่นก็คือการเล่านิทานแฝงคติสะกิดใจชวนให้คิด จนพระเอกอยากให้นายเอกกลับมามองเห็น หาดวงตามาเปลี่ยนสำเร็จ แต่ก็มีเหตุการณ์ทำให้นายเอกกลับไปตาบอดอีกครั้ง คราวนี้บอดข้างเห็นข้าง แต่นายเอกชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ไม่ขอผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาอีกแล้ว พระเอกเปรียบดวงตาข้างที่บอดเป็นด้านมืดที่ตัวเองแตะต้องนายเอกได้ ในขณะอีกข้างก็เปรียบเหมือนด้านสว่าง บทสรุปนายเอกใช้ชีวิตที่ฮ่องกง พระเอกก็อยู่ตปท.จะมาหากันทุกเดือนตามที่ตกลงไว้ แต่สุดท้ายก็โดนพระเอกลากไปอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บ้านเดียวกัน คือต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป นายเอกเป็นนักบุญ พระเอกเป็นซาตานหาเงินไปให้นายเอกทำกุศล แต่วันไหนที่พระเอกต้องการนายเอกก็จะมาหา เป็นความสัมพันธ์ที่ขาดกันไม่ได้แล้ว

รีวิวเท่าที่ยังพอจำได้จริงๆ ชอบพล็อตความดีที่ต้องมาอยู่ร่วมกับความเลวมาก ดูเล่นกับความเป็นมนุษย์ดี

  • แชร์
  • รายงาน

ํYaoi 16

​181.Anel and Storyteller นักเล่าเรื่องตาบอดกับมาเฟียนิทรา end 

182.Hide and Seek เล่น ซ่อน รัก end

183.Naughty Love ป่วนรัก End

184.สองชาติภพ ภาค1-2 end 

185.อสรพิษที่รัก end 

186.Indispensable ขาดไม่ได้ (แนวOmega verse) end 

187.You are mine (แนว Omega verse) end

188.Please [Boompeak ft. Ohm] end

189.My Neighborhood รักนายเด็กผู้ชายข้างบ้าน [Boompeak] end

นักเล่าเรื่องตาบอดกับมาเฟียนิทรา pdf

สวัสดีทุกท่านที่หลงเข้ามานะ

เราจะมาแนะนำนิยายที่เราเคยอ่านมา จำได้เป็นบางเรื่อง(แฮ่ๆ) 

มาแบ่งปันนิยายกันเนอะ  

นักเล่าเรื่องตาบอดกับมาเฟียนิทรา pdf

แสดงเพิ่มเติม

แจ้งนิยายไม่เหมาะสม

คำหยาบ

รูปภาพอนาจาร

ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ ฉาก NC ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

นักเล่าเรื่องตาบอดกับมาเฟียนิทรา pdf

Anel and Storyteller

Chapter 5: Stop the violence

โลกนี้โสมมเต็มไปด้วยความชั่วร้ายหรือเพราะมุมมองของเจ้าของความคิดนั้น อ่อนแอเกินไป

ถ้าจะมองในแง่ดีว่านี่คือการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนให้คนอ่อนแอกลายเป็นคนเข้มแข็ง มันคงเป็นการเรียนรู้ที่โหดร้ายเกินไป


ไม่ใช่หรอกไม่ใช่ ผู้ชายคนหนึ่งพยายามยัดเยียดให้เขาเป็นสัตว์ ปฏิบัติต่อเขาในมุมมองของตัวเอง ผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือกว่าทุกคนทั้งที่ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน


ไม่ต่างกันหรอกว่าอันหลิงจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์สำหรับใคร เพราะจะแบบไหนเขาก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแออยู่ดี


น่าจะจริงที่ว่า คนดีคือคนอ่อนแอ คนชั่วคือคนแข็งแกร่ง


สิ่งมีชีวิตอ่อนแอที่ถูกหยอกล้อด้วยวิธีเลวร้าย


ทว่าอีกคนคงมองว่ามันคือการเลี้ยงดูแบบหนึ่งของสัตว์เลี้ยง คนที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของอย่างถือสิทธิ์


ร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความกลัวจนขาดสติไปแล้ว ผิวกายเนียนขาวรับรู้ถึงสัมผัสหยาบโลนผ่านมือสากลูบไล้ไปทั่วกาย แววตาหื่นกระหายมองกายใต้ร่าง ขาเรียวไล้เนื้อผ้าปิดบังหลังจากถูกกระชากกางเกงออกไปก่อนหน้าแยกออกตามด้วยเรือนกายใหญ่แทรกกลางกั้นไว้ โคนขาและสะโพกถูกบีบเค้นด้วยความสนุกมือจนขึ้นรอยแดงของนิ้วมือเป็นจ้ำริ้วบนกายขาว ชายเสื้อผ้าฝ้ายถูกเลิกขึ้นไปกองบนแผ่นอกเผยให้เห็นส่วนเย้ายวนตายิ่งขึ้นไปอีก


เดนมนุษย์ชั้นแรงงานอย่างเขาเกิดคำถามในใจ รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าของเรือนกายที่ปลุกความกระหายของเขาได้อย่างท่วมท้นเป็นผู้ชาย ไม่ต่างจากเขา แต่ทำไมมันถึงได้ดึงดูดแทบถอนตัวไม่ขึ้นได้ขนาดนี้


ขาวขาวมากและขาวสะอาด


หน้าท้องแบนราบ เอวบางคอดจนแลดูเป็นคนบอบบาง แตะแรงเพียงนิดร่างกายนี้คงฉีกขาดแหลกลานแน่ๆ มือหนากร้านตะปบเข้าที่บั้นเอวไล้วนหน้าท้องสัมผัสด้วยแววตาลุกโชนกระหายและไม่เบามือ เขาแทบอยากถอดอาภรณ์ทุกชิ้นบนร่างกายขาวโพลนออกไปให้พ้นร่างด้วยหัวใจสั่นรัว ลมหายใจหอบแรง เลียรอบริมฝีปากแห้ง ตอนนี้กายบางเหลือเพียงเสื้อที่สวมใส่บนร่างกายท่อนบนและชั้นในที่ร่างกายท่อนล่าง เขากำลังตัดสินใจด้วยปลายลิ้นที่ไล้เลียอยู่รอบริมฝีปาก ดวงตาหื่นกระหายกวาดสำรวจทั่วเรือนกายอีกครั้งแล้วมองสลับขึ้นลงระหว่างเสื้อกับชั้นใน


ชายผู้โชคดีไม่ได้ปลดปล่อยกับเรื่องแบบนี้มานาน อาจจะมีบ้างแต่ไม่บ่อย พอคิดได้อย่างนั้นเขาเลือกแล้วว่าจะถอดชิ้นไหนก่อนและลงมือด้วยความอยากกระหายทันที


การกระทำที่ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานชั้นต่ำ กระทั่งคนถูกสัมผัสหยาบโลนยังร้องไห้แทบขาดใจ ส่ายหน้าพรืดรับไม่ได้กับสัมผัสอุบาทว์เต็มไปด้วยราคะความใคร่


น่าเวทนาถ้าคนดีจะต้องแปดเปื้อนความอัปยศในครั้งนี้เพราะเศษมนุษย์ต่ำช้าและผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของการกระทำเหล่านี้ด้วย


ดวงตากลมแดงก่ำบวมช้ำด้วยร้องไห้อย่างหนักและคงหยุดได้ยาก เปรอะเปื้อนผสมผสานไปกับน้ำมูก ของเหลวเหนียวใสมากมาย ยิ่งดูไม่ชวนมองนัก ถึงอย่างนั้นชายผู้โชคดีก็ยังคงถือว่าเขาได้รับชิ้นเนื้อมีค่าที่ต้องรีบกินอย่างตระกุกตระกรามเสียก่อนใครจะมาแย่ง ไม่ใยดีพวกพ้องสองคนที่ร้องโอดโอยจากบาดแผลก่อนหน้านี้


“พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดได้โปรดช่วยผมให้หลุดพ้น” อันหลิงขาดสติไปแล้วจริงๆ ร่างบางเอาแต่ร้องห้ามพูดย้ำๆเหมือนเสียงท่องแผ่วเบาและหวีดร้องสลับกันจนน่ารำคาญหูคนฟัง จนตอนนี้เปลี่ยนมาภาวนาวอนขอต่อพระเจ้าให้ช่วยเหลือเขา ให้หลุดพ้นจากเรื่องเลวร้ายที่กำลังจะเกิด


หากแต่ความเป็นจริง


ไม่มีพระเจ้าอย่างที่วอนขอ


มีเพียงปีศาจในคราบมนุษย์ชั่วร้ายยืนหยัดเต็มความสูง อยู่หน้าห้องขังที่ประตูเหล็กหนาสีทึมเปิดกว้างเหมือนยินดีกับการมาเยือนของผู้ชายคนนี้ สายตาเยือกเย็นตวัดมองมาที่อันหลิงกับชายร่างหนาบนเตียง


เอเนล


พวกพ้องสองคนที่บาดเจ็บก่อนหน้า เห็นการปรากฏตัวของเจ้านายใหญ่มองด้วยแววตาตื่นตระหนก เรียวนิ้วชี้ยกแตะริมฝีปากซีดเป็นเชิงให้เงียบปาก ถึงจะทำเหมือนเตือนแต่มันเป็นกิริยาของการหยอกล้อ ลูกน้องราวสามสี่คนที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามาภายในห้องขัง ผ่านร่างสูงผู้เป็นนายอย่างรู้งาน ย่างกรายเข้าหาชายผู้โชคร้ายสองคนตรงมุมห้องด้วยท่าทีคล่องแคล่ว พร้อมกับอาวุธปืนในมือ


“บะบอส!บอส” พวกเขาระร่ำระลักเรียกตำแหน่งสูงสุดของผู้นำนั้นไม่เต็มเสียงเต็มคำ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้คนบนเตียงหยุดชะงักการกระทำแล้วหันใบหน้ากลับไปมองด้านหลังของตน


คนที่พระเจ้าส่งมาช่วยให้อันหลิงหลุดพ้นจากความอัปยศเลวร้ายคือคนๆเดียวกับที่มอบความหวาดกลัวไม่รู้จบให้อันหลิง


เขามาทำไมกัน!คงจะมาดูให้เห็นกับตาว่าอันหลิงทรมานเจียนตายกับการถูกหยอกล้อเยี่ยงสัตว์เลี้ยงที่ถูกเจ้านายเล่นด้วยมันสนุกมากแค่ไหน!


มองด้วยแววตาสนุกสนาน


มองด้วยความเย้ยหยัน


อันหลิงคิดแบบนั้นในความคิดของตัวเองท่ามกลางความมืดบอดของดวงตาแดงก่ำ


หากแต่สิ่งที่คนตาดีเห็น


ร่างสูงผู้เป็นเจ้านายใหญ่อยู่ในชุดดำทั้งชุดกระทั่งถุงมือสีดำที่สวมอยู่บนมือหนานั่นก็ด้วย


มีบางอย่างในแววตาเยือกเย็นนิ่งสงบจนแทบไร้ความรู้สึก แต่สัมผัสได้ถึงความโกรธจัดคุกรุ่นที่แผ่ขยายจนเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม เอเนลลดสายตาลงมองที่พื้น เขาจ้องมองปลอกคอที่ควรจะประดับอยู่บนเพทตัวใหม่ของเขา แต่กลับถูกมือสกปรกต่ำช้าของเศษเดนมนุษย์ต่ำๆคนหนึ่งบังอาจกระชากปลดออกอย่างถือดี และแน่นอนว่าโทษของความถือดีนั้น


จบลงที่ความตาย


กรุ๊งกริ๊งๆๆ!


มือหนาภายใต้ถุงมือสีดำหยิบของสำคัญเจ้าปัญหาที่ทำให้เขาต้องถ่อลงมาถึงที่นี่ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่อัดแน่นอยู่ภายในกาย เสียงของกระดิ่งที่ติดอยู่กับปลอกคอแบบเชือกหนังส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ ถึงแม้จะเป็นแค่แหล่งเสียงเล็กๆแต่ก็เรียกความสนใจจากทุกสายตาให้มองมาที่มันเป็นสายตาเดียวกัน


ชายสามคนถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจยามที่ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิท เพราะเห็นถุงมือที่สวมอยู่บนมือของเจ้านายและเริ่มตื่นตระหนกภายใต้แววตาหวาดกลัว พวกเขารับรู้ถึงชะตากรรมชีวิตของตัวเองได้ในทันที!


เอเนลสวมถุงมือประจำตัวของเขาเวลาลงมือฆ่าคนเองกับมือ เขามองว่านั่นคือเกียรติของคนตายที่ถูกเขาปลิดชีพ


“ตัวอย่างแบบที่หนึ่ง” เอเนลพูดเสียงเรียบ หลังจากโยนปลอกคอใส่ร่างหนาของชายที่อยู่บนเตียง ร่างสูงยังเผื่อแผ่สายตามองสภาพเจ้าสัตว์เลี้ยงพิการในท่าคู้ตัวส่งเสียงร้องไห้สะอื้นดังเป็นระยะๆให้ได้ยิน นัยต์ตาดำแผ่ประกายเยือกเย็นตวัดมองไอ้ชั้นต่ำผู้โอหังถือดีดึงปลอกคอนั่นออก


สิ้นเสียงคนพูด ร่างของชายที่บาดเจ็บเพราะถูกไม้เท้าฝาดจนหัวแตกจากฝีมือของอันหลิง ถูกรวบตัวเอามือไพล่หลังและถีบข้อพับขาจนทรุดเข่าลงกับพื้น


ปัง!


วิถีกระสุนเจาะเข้าที่หัวใจอวัยวะสำคัญของร่างกายด้วยฝีมือแม่นยำไร้การคาดคะเนสายตาก่อน ไม่ยอมมองเป้าหมายให้เสียเวลาด้วยซ้ำ


“บอส!บอสได้โปรด….ได้โปรด ผมยังไม่อยากตาย ไม่อยากตาย ขอร้องอย่าฆ่าผมนะครับ..นะครับ!” ผู้ชายคนที่สองต่อให้ไม่ถูกเอเนลยิงตาย อีกไม่นานเขาก็ต้องตายเพราะถูกอันหลิงแทงที่จุดสำคัญ น้ำเสียงอ้อนวอนอย่างลนลานชวนให้คนถูกวอนขอชีวิตรำคาญได้ง่ายๆผสมกับอารมณ์โกรธเกรี้ยวที่เขานั้นพกพามันมาด้วย จึงจบลงด้วย


“ตัวอย่างแบบที่สอง”  เอเนลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆโทนเดียวกับประโยคเมื่อครู่  ร่างสูงเดินอย่างสามขุมเข้าใกล้ชายที่อยู่บนเตียง สายตาเหลือกโลนนั้นเบิกกว้างนิ่งค้างจ้องมองไปที่ร่างไร้วิญญาณของตัวอย่างแบบแรก


ชายที่บาดเจ็บด้วยแผลถูกแทง ถูกดันร่างกายให้ตรึงกับผนัง เขาพยายามดิ้นรนหนีความตายด้วยอาการสั่นเทิ้มหน้าขาวซีด ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เกิดประโยชน์


ปัง!


เรียวนิ้วเกี่ยวรั้งไกปืน วิถีกระสุนพุ่งเจาะศีรษะด้านหลังทะลุหน้าผากจนเลือดสาดกระเซ็นติดผนัง ร่างกายไร้วิญญาณทรุดลงกับพื้นพร้อมคราบเลือดที่ลากต่ำลงเป็นทางยาว


“แกชอบแบบไหน? ฉันให้เลือก” เอเนลยกปลายกระบอกปืนจ่อติดไปที่กึ่งกลางหน้าผากก่อนจะเคลื่อนไปหยุดที่หัวใจอย่างจำลองท่าทาง เขาจ้องแววตาหวาดกลัวเหลือกโลนของอีกฝ่ายนั้นด้วยแววตาเรียบนิ่งเยือกเย็นเลิกคิ้วส่งท้ายรอคำตอบ


ให้เลือก


“ขอร้องไปคนชั่วอย่างแกคงไม่ละเว้นฉันหรอก ทั้งๆที่แกเป็นคนสั่งให้ฉันมาทำแบบนี้ จิตใจแกมันโหดเหี้ยมเกิน” เขารู้ว่ายังไงจุดจบก็คือความตาย จึงขอพูดอะไรออกมาด้วยความคับแค้นใจ


“จิตใจโหดเหี้ยมหึ รู้สึกจะเข้าถึงเรื่องจิตใจได้ดี งั้นฉันขอฝากกระสุนไว้ที่หัวใจของแกหน่อยนะ แกจะได้เข้าถึงมันอย่างดีเลยล่ะ” เอเนลพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบมุมปากเหยียดยิ้ม


เขาให้ชายผู้โชคร้ายคนสุดท้ายได้เลือกรูปแบบการตาย ทว่าอีกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกลับอยากเลือกขึ้นมาบ้าง


ไกปืนถูกเรียวนิ้วชี้เกี่ยวรั้งอีกครั้ง


อันหลิงคิดว่าช่วงนี้คือโอกาสเหมาะที่จะหลุดพ้นจากความเลวร้ายจนเกินรับไหว กายบางตัดสินใจแล้วว่า


ปัง!!!!


ทุกคนรู้ดีว่าเอเนลแม่นปืน นัดเดียวดับชีวิตและเป้าหมายของเขาก็คือร่างของมนุษย์ชั้นต่ำที่หลับตาลงยินยอมรับความตายจากเขา แต่ใครจะนึกล่ะว่าจะมีอีกคนที่ยินยอมและยินดีทำเรื่องโง่เง่าขึ้นมาให้เขาเดือดดาลและมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เหนือสิ่งอื่นใด เขาโกรธมากมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก!


“โง่….โง่สิ้นดี!” เอเนลครางเสียงเบาก่อนจะตวาดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดกับสภาพเป้าหมายตรงหน้า ก่อนที่เขาจะสบถลั่นด้วยความเดือดดาล ครั้งแรกที่เขารู้จักกับความรู้สึกร้อนรน!


คนถูกยิงเข้าจุดสำคัญคืออันหลิง!


พลั่ก!


กายบางทรุดตัวลงข้างเตียง เลือดแดงฉานซึมผ่านเนื้อผ้าขาวขุ่นบริเวณหน้าอกด้านซ้าย


ก่อนหน้าจะเกิดความผิดพลาดชนิดที่คนยิงเองก็ไม่คาดคิด เจ้าสัตว์เลี้ยงหน้าโง่รวบแรงเฮือกสุดท้ายผลักเดนมนุษย์คนนั้นให้หลบวิถีกระสุนและเอาตัวเองรับกระสุนนั้นไว้แทน


“พระผู้เป็นเจ้าผมผมกำลังอึกหลุดพ้นความเลวร้าย..


มือบางยกขึ้นสัมผัสเลือดสีสดตอกย้ำความต้องการของตัวเองด้วยรอยยิ้มจาง อันหลิงมองไม่เห็นถึงสีเลือดแดงเข้มของตัวเองรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวของมันและความเหนียวเหนอะบนฝ่ามือและเนื้อผ้า


คนตาบอดประสาทการได้ยินมักดีกว่าคนทั่วไป อันหลิงได้ยินกระทั่งเสียงของน้ำหนักมือที่กำลังรวบรวมแรงไปกำแน่นที่ด้ามจับและเสียงของไกปืนที่ถูกรั้งเข้า พอจับจังหวะได้คนที่ยินดีรับความตายอย่างอันหลิงคาดการณ์จังหวะด้วยเสียงและรีบหยัดตัวเองขึ้นจากเตียงผลักชายที่เอเนลหมายหัวเป็นเป้าหมายแล้วเอาตัวเองรับกระสุน


เป็นการคาดการณ์ที่ดีเยี่ยม อันหลิงรับความเจ็บปวดยามที่กระสุนแทรกฝังในร่างกายตรงบริเวณหน้าอกด้านซ้าย


เขายินดีและน้อมรับความตาย


ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาปะปนกับของเหลวใสใต้จมูก แหงนเชิดรับแสงจากดวงไฟบนเพดาน น่าเสียดายที่แสงไฟเจิดจ้าเพียงดวงเดียวในห้องนั้นกลับไม่ช่วยฝ่าความมืดบอดของดวงตาไปได้ เปลือกตาพับปิดด้วยความเหนื่อยอ่อน


เอเนลเห็นภาพนั้นเต็มสองตา


เขาหงุดหงิด!


เขาโกรธเกรี้ยว!


ทำไมถึงมีความสุขที่จะตายขนาดนั้น!?


และแน่นอนว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น


พระเจ้าไม่สามารถพาอันหลิงไปจากเขาได้สมความต้องการแน่ๆ เขาจะทำทุกวิถีทางแย่งลมหายใจนั้นกลับมาต่อให้ต้องใช้วีธีชั่วร้ายเหมือนซาตานก็ตาม


ปัง!ปัง!ปัง!


เขาท้าทายความดีงามตรงหน้านั้นด้วยปลายกระบอกปืนที่รัวยิงใส่ผู้เคราะห์ร้ายคนสุดท้าย กระสุนเจาะสมองและขมับ ตามจุดสำคัญของร่างกายทั้งที่เหยื่อพยายามจะใช้สองเท้ากระเสือกกระสนหนีความตายตามสัญชาตญาณแล้วก็ตาม สุดท้ายลมหายใจเหล่านั้นก็ดับลงสมความตั้งใจคนทำ


ไม่อยากตายกลับได้ตาย นั่นเพราะไม่ควรคู่


อยากตายกลับไม่ได้ตายนั่นเพราะควรคู่


“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก ต่อให้เป็นความตาย ฉันจะลากนายกลับมา  พระเจ้าช่วยนายไม่ได้ อันหลิง”

ชายในชุดกราวด์สีขาวถูกเรียกตัวกะทันหัน ทั้งที่เขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เร่งรีบและรออะไรไม่ได้สำหรับคนไข้ด่วน หลังจากได้รับรายงานจากห้องฉุกเฉิน คนไข้ถูกพาเข้าห้องไอซียูทันที ขณะที่เขากำลังเปลี่ยนชุดสำหรับความพร้อมในการรักษา สวมหมวกคลุมสีเขียวเสื้อและกางเกงสีเดียวกับหมวก ผ้าปิดปากถูกคาดเกี่ยวรั้งรอบใบหูเพราะยังไม่ถูกใช้งานทันทีจึงติดอยู่ตรงใต้คาง ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำหน้าที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน การรักษาจะเริ่มต้นทันทีที่เขาไปถึง


แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้


ที่น่ากดดันยิ่งกว่าคือสายตาเรียบนิ่งจากเจ้าของดวงตาคมกริบ ดูปราดเดียวเขาก็รู้ว่าชายคนนี้ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป เขาสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยอันตรายบางอย่างในตัว เพียงแค่มอง อยู่ใกล้หรือสบตา ภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายมีอิทธิพลต่อคนมองจนยากปฏิเสธในความรู้สึกว่า เขานั้นเกิดความรู้สึกหวั่นเกรง กดดันและหวั่นกลัว น้อยคนนักที่จะทำให้คนรอบข้างมีปฏิกิริยาเหล่านี้ได้


“คุณเป็นหมอที่ดีที่สุดในฮ่องกง ผมรู้มาอย่างนั้น” บทสนทนาถูกเปิดฉากขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ถ้อยคำที่เหมือนเยินยออีกนัยคล้ายคำถามว่าสิ่งที่เขารู้มานั่นใช่เรื่องจริงอย่างที่เขาเข้าใจหรือเปล่า


“หมอที่ไหนก็ดีที่สุดได้ถ้าเขามีจรรยาบรรณในการรักษาคนไข้ด้วยใจ”


เอเนลเหยียดยิ้มมุมปากคล้ายพอใจกับคำตอบ “หวังว่าคุณจะรักษาคนของผมด้วยใจ”


ทั้งที่คำพูดดูเหมือนคาดหวัง แต่ทำไมคนถูกคาดหวังกลับรู้สึกว่ากำลังถูกข่มขู่ก็ไม่ปราน เพราะสายตาดุจเหยี่ยวของชายตรงหน้าแน่ๆมันกำลังคุกคามเขาเงียบๆคืบคลานเกาะกินความกลัวในใจของเขา


ถูกต้องแล้วล่ะ หมออย่างเขากำลังถูกข่มขู่


“คุณกำลังข่มขู่หมออย่างผม” ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นใครมีอิทธิพลมากจากไหน การถูกใครไม่รู้มาทำกิริยาแบบนี้ใส่ แน่นอนว่าเขามีสิทธิ์ที่จะแสดงความไม่พอใจ


“ผมกำลังขอความช่วยเหลือต่างหากคุณหมอ คุณต้องช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ ที่สุดของสติปัญญา ไม่อย่างนั้นผมไม่รับรองว่าหลังการผ่าตัดอันล้มเหลวของคุณ สมองซีกไหนของคุณจะถูกมันเจาะทะลุก้อนไขมันโง่เง่าเบาปัญญาก่อนกัน”


เอเนลพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาแสยะยิ้มร้ายขณะที่ปั้นแววตาเหมือนคนวอนขอความช่วยเหลือจากใครซักคนที่สามารถให้ความช่วยเขาได้ ซึ่งคนโชคร้ายคนนั้นก็คือหมอที่ถูกเอเนลเอ่ยขอความช่วยเหลือ พร้อมกับคำพูดที่มาพร้อมคำขู่จริงจังอาวุธปืนในมือถูกวางลงมาที่กลางโต๊ะ


นี่เรียกว่าขอความช่วยเหลือจากคนอื่นงั้นเหรอ!


“ถ้าไม่รอดล่ะ พยาบาลแจ้งผมมาว่าคนไข้ถูกยิงเข้าที่บริเวณหัวใจ” หมอลองหยั่งเชิงด้วยใบหน้าตึงเครียดทันทีที่เห็นอาวุธปืนตรงหน้า เขารู้ดีว่าเจ้าของมันไม่ได้มีท่าทีล้อเล่นแน่ๆ


“อันหลิงต้องรอด ไม่มีคำว่าถ้าและคำว่าไม่รอด” เอเนลย้ำเสียงเข้มเน้นชัดทุกถ้อยคำ


“ผมจะพยายาม” หมอบอกอย่างจำยอม


“ต้องพยายาม” เอเนลบังคับและกดดันด้วยน้ำเสียงต่ำ


” ครั้งแรกตั้งแต่ยึดอาชีพหมอมาหลายปี จนกลายเป็นหมอผ่าตัดที่โด่งดัง มีคนไข้อาการหลายรายผ่านมือของเขา ความกดดันเวลาผ่าตัดคนไข้อาการล่อแล่เปอร์เซ็นต์รอดต่ำ ยังไม่เท่ากับแรงกดดันที่เขามีต่อผู้ชายตรงหน้าซึ่งร่างกายปกติดีทุกอย่าง


“เพื่อให้คุณดูมีความพยายามมากขึ้นไปอีก ผมส่งคนไปเฝ้าภรรยาที่น่ารักของคุณถึงบ้าน ขณะที่เธอกำลังกล่อมลูกสาวสองคนของคุณเข้านอน อ้อ!นี่ยังไม่นับภรรยารองที่คุณซุกซ่อนไว้พ้นสายตาครอบครัวอีกนะ เห็นว่าเป็นพยาบาลของที่นี่ด้วยนี่ จุ๊ๆเอาเป็นว่าผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น”


รูปถ่ายมากมายกระจายอยู่บนโต๊ะหลังจากที่มือหนาโยนด้วยความไม่ใส่ใจ เป็นสิ่งยืนยันอีกทีว่าเอเนลอยู่เหนือหมอทุกอย่างในตอนนี้


“คนไข้จะไม่ตาย เขาจะต้องรอด”


“ชีวิตของอันหลิงไม่ใช่คุณกำหนด แต่ผมเป็นคนกำหนด แต่ชีวิตของคุณอันหลิงเป็นคนกำหนด ถ้าเขาตายคุณก็ตาย เอาล่ะหมดธุระของผมแล้ว กรุณารับคำขอร้องจากญาติคนไข้อย่างผมด้วย”


จนตอนนี้ หมอก็ยังไม่คิดว่านั่นคือคำขอร้อง




แสงสว่างจ้ากลิ่นอายบางอย่างที่คุ้นเคย


ชั้นหนังสือเกือบครึ่งร้อยเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ แสงสาดแดดอ่อนๆสาดส่องผ่านกระจกกรุลายสลักสวยงาม ท่ามกลางพื้นไม้มันวาว ร่างเล็กของเด็กชายคู่หนึ่งยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าประตูไม้ครึ่งบนเป็นกระจกกรุลายฝังไว้


“ถ้าอันหลิงมองไม่เห็น ฉันจะเป็นตาให้อันหลิง ถ้าอันหลิงไม่มีโลกทั้งใบของตัวเอง ฉันจะเป็นโลกทั้งใบให้อันหลิง”


“เว่ยเจี้ยน นายพาฉันมาที่ไหนเนี่ยแล้วที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไงกัน?” มือบางคลำปัดป่ายไปตามทาง คิ้วสวยได้รูปโคลงหน้าอ่อนเยาว์บ่งบอกว่าเจ้าของเครื่องหน้าหวานยังเป็นแค่เด็กชายตัวเล็กๆนัยน์ตากวางคู่สวยเคยสดใสบัดนี้อับแสงและเหม่อลอย ถึงอย่างนั้นปากอิ่มก็ยังคงเจือยิ้มสดใสทั้งที่โลกทั้งใบมืดบอด


“ได้กลิ่นมั้ยนายสามารถสัมผัสกับมันได้ด้วยกลิ่น” คนที่จูงมือเล็กอยู่ตลอดอย่างเว่ยเจี้ยนหันกลับมาพูดกับเพื่อนชายตัวเล็กข้างกาย หลังจากที่เขากวาดมองห้องสมุดประจำโบสถ์ด้วยตาคมรุกวาวเหมือนเด็กเจอของเล่น เขานึกอยากให้คนข้างกายได้เห็นอย่างที่เขาเห็นในตอนนี้


โลกของพวกเขาอยู่ที่นี่


ถึงอย่างนั้นเว่ยเจี้ยนก็อยากเข้าใจความรู้สึกของอันหลิงอย่างถ่องแท้ด้วย ยามที่ใบหน้าหวานเล็กเชิดขึ้นหลับตาพริ้มใช้ประสาทการรับรู้ในแบบอื่นตามที่เว่ยเจี้ยนแนะนำ คนแนะนำเองก็ทำตามเหมือนกัน


เด็กชายสองคนยืนจำมือกันตรงหน้าประตูทางเข้า ใบหน้าทั้งสองเชิดขึ้น เปลือกตาพับปิด สูดกลิ่นอายเฉพาะตัวของห้องสมุด สัมผัสโลกของพวกเขาที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่นานนี้ด้วยความรู้สึกชื่นมื่น


“กลิ่นไม้..กลิ่นฝุ่นแล้วก็” อันหลิงพูดทั้งที่ยังคงหลับตา ริมฝีปากเจือรอยยิ้มจาง


“กลิ่นหนังสือ!” เด็กชายทั้งสองพูดพร้อมกันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


แต่ฉันมองไม่เห็นจะอ่านมันได้ยังไง” น้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมกับท่าทีของอันหลิงห่อเหี่ยวล่อแทบจะทันที นัยน์ตากวางหม่นลง จะมีประโยชน์อะไรถ้ามีหนังสือนับร้อบนับพันตรงหน้า แต่ดวงตานั้นมืดบอด


“ฉันบอกแล้วใช่มั้ย ถ้าอันหลิงมองไม่เห็น ฉันจะเป็นตาให้อันหลิง ถ้าอันหลิงไม่มีโลกทั้งใบของตัวเอง ฉันจะเป็นโลกทั้งใบให้อันหลิง” เว่ยเจี้ยนรีบพูดปลอบใจคนข้างกายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขามุ่งมั่นที่จะเป็นทุกอย่างให้อันหลิงอย่างที่พูดจริงๆ


“ฟังๆดู เหมือนเว่ยเจี้ยนเป็นของฉันเลย” อันหลิงเป็นพวกเศร้าได้ไม่นาน แปปเดียวก็มีรอยยิ้มให้เห็น


น่าเสียดายที่นัยน์ตาอับแสงพลาดที่จะเห็นใบหน้าขาวของเด็กชายอีกคนขึ้นสีแดงระเรื่อรามถึงใบหูเล็กๆทั้งสองข้างด้วย


“ก็ก็ทำนองนั้นล่ะ” เว่ยเจี้ยนรับคำพูดอีกฝ่ายกลายๆขณะที่อันหลิงหัวเราะคิกคักในลำคอ


“เว่ยเจี้ยนเป็นของฉัน ถ้าอย่างนั้นนายก็เป็นสมบัติชิ้นแรกในชีวิตของฉันเลยนะ เป็นชิ้นที่มีค่าที่สุดและสำคัญที่สุดด้วย” อันหลิงยิ้มกว้างดีใจ


“อันหลิงก็เป็นสมบัติชิ้นแรกในชีวิตของฉันเหมือนกัน” เว่ยเจี้ยนยิ้มละไม มือเล็กอวบวางบนศรีษะมองสมบัติมีค่าชิ้นแรกของตัวเองด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู


 

เสียงเครื่องช่วยหายใจดังขึ้นเป็นจังหวะเบาๆ แทรกตัวอยู่ภายในความเงียบของห้องสีขาวสะอาดตา รอบเตียงถูกโอบรอบโดยม่านสีฟ้ายึดติดด้วยราวเหล็กของผนังด้านบน แสดงถึงพื้นที่ความเป็นส่วนตัวและพื้นที่ปลอดเชื้อ

มือหนาของผู้เยี่ยมเยียนสวมถุงมือยางสีขาวยื่นแตะขอบม่านแหวกออก ปลายเท้าก้าวผ่านด้วยชายชุดคลุมสีฟ้าปลอดเชื้อ ก่อนจะปล่อยขอบม่านปิดลงดังเดิม ส่วนตัวเขานั้นเดินมาหยุดยืนข้างเตียงที่เจ้าของเรือนกายบางนอนหลับใหลไม่ได้สติจากการรักษา

ใบหน้าซีดเซียวถูกบดบังปิดทับไปเสียงครึ่งด้วยอุปกรณ์ช่วยหายใจ แขนเรียวข้างหนึ่งถูกเจาะปลายเข็มยึดติดอยู่บริเวณหลังมือ ต่อสายยางเส้นเล็กยาวระโยงระยางไปถึงถุงน้ำเกลือที่ผสมตัวยาบางอย่างจนเจือสีอ่อนอยู่ด้านในถุง ของเหลวที่มากด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกายบางถ่ายเทจากสายยางตรงเข้าสู่เส้นเลือด เขามองเห็นร่องรอยช้ำแดงและรอยถลอกบนผิวขาวมากมาย คงเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องขังก่อนเขาจะเข้าไปจัดการพวกสวะชั้นต่ำ

ถึงอย่างนั้นทั้งหมดนี้มันเกิดจากคำสั่งและการกระทำของเขาล้วนๆ

ภายใต้เปลือกตาที่พับปิดคือหยาดน้ำสีใสไหลซึมผ่านหางตา ขณะที่คนมองขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าเจ้าของนัยน์กลมที่มักฉายแววความหนักแน่นเด็ดเดี่ยวเจือความน่าสงสารให้เห็นอยู่บ่อยครั้งผ่านความมืดบอดของสายตา เจ้าตัวกำลังนึกถึงอะไรในความฝันนั้น

“เสียใจด้วย นายไม่ตายอันหลิง นายยังอยู่ยังมีชีวิต ฉันโคตรยินดีที่จะเห็นสัตว์เลี้ยงแสนอาภัพอย่างนาย อยู่ให้ฉันหยอกล้อไปอีกนาน”

ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าหาใบหน้าซีดเซียวภายใต้เครื่องช่วยหายใจที่บดบังไปเกือบครึ่ง มุมปากเหยียดยิ้มหยันราวผู้ชนะกระซิบถ้อยคำยินดีข้างใบหูเล็ก นัยน์ตาคมกริบวาววับคล้ายสนุก แค่นหัวเราะในลำคอก่อนผละใบหน้าออกห่างเพียงนิด ใช้แววตาสมเพชแกมสงสารเลิกคิ้วมองเจ้าของเรือนกายบางบนเตียง เขาหวังดีใช้นิ้วแกร่งเกลี่ยน้ำใสๆที่หางตาออกให้

“เห็นมั้ย?ลมหายใจของนายเป็นของฉัน พระเจ้าก็ยื่นมือมาช่วยนายไปไม่ได้ จำไว้ล่ะจะอยู่หรือจะตายฉันเป็นคนกำหนด ไม่ใช่นายว่ะ หึ” เอเนลพูดด้วยน้ำเสียงสะใจ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น แววตาเริ่มขุ่นมัว

ทำไมยิ่งเกลี่ยของเหลวใสข้างแก้มอิ่มไร้เลือดฝาด มันกลับยิ่งไหลหยดซึมผ่านเปลือกตาปิดสนิทออกมาไม่หยุดหย่อน เขากัดฟันกรอดลงปลายนิ้วเกลี่ยเช็ดเหมือนต้องการเอาชนะ แต่เช็ดเท่าไหร่น้ำใสๆกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ความเย็นชื้นจากก้อนน้ำตามันทำให้เอเนลรู้สึกเหมือนว่าเขาเอาปลายนิ้วจุ่มแตะน้ำร้อนๆที่กำลังลวกผิวมือ ถึงอย่างนั้นเขายิ่งอยากเอาชนะ ใช้ปลายนิ้วโป้งปาดไล้ไม่หยุดหย่อนแข่งกับก้อนน้ำตาก้อนแล้วก้อนเหล่า

ความรู้สึกของร่างสูงที่ร่างกายปกติดีเริ่มเกิดความเกรี้ยวกราดพร้อมๆกับตะกอนความรู้สึกบางอย่างที่ก่อเกิดขึ้นในความรู้สึก นัยน์ตาคมกริบฉายแววความสับสนพอๆกับความขุ่นมัว

เขากำลังหงุดหงิดตัวเอง

เอเนลไม่อยากยอมรับว่าเขากำลังพ่ายแพ้ต่อน้ำตามากมายของร่างบางบนเตียง ตะกอนความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นในใจคือความรู้สึกผิด

ไม่!!!!มันไม่ใช่กับคนอย่างเอเนล

รู้สึกผิดงั้นเหรอไม่ใช่!

นตอนนั้นอันหลิงเอาตัวมารับกระสุนไว้เอง

เจ้าคนโง่!อันหลิงโง่เง่า!

“รู้ตัวมั้ยไม่ว่าคนอย่างนายจะอยู่หรือจะตาย มันก็ทำให้ฉันหงุดหงิดไปซะหมด คนดีมันโง่แบบนี้กันหมดรึเปล่าวะ!” เอเนลถามออกไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอันหลิงจัดอยู่ในคนประเภทไหนและเขามันคนประเภทไหน

นี่สินะข้อแตกต่างระหว่างคนสารเลวและคนดีจัด ดีจนซื่อซื่อจนบริสุทธิ์ ไปทั้งร่างกาย จิตใจและความคิด

เรียวนิ้วแกร่งเคาะโต๊ะกระจกเป็นจังหวะ เจ้าของแหล่งเสียงเล็กๆจากปลายนิ้วกำลังขมวดคิ้วเข้ม นัยน์ตาคมกำลังจ้องเขม็งอยู่บนหน้าจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่แต่มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องนี้มาร่วมชั่วโมงได้

ภาพเคลื่อนไหวบนจอยาวไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แต่เขากลับวนดูแล้วดูอีก

บางอย่างในภาพมันคุ้นเคย คุ้นตา จนเขาไม่สามารถละเลยและเพิกเฉยต่อมวลความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ภายในใจ ทั้งที่ดูกี่ทีๆก็ยังไม่สามารถสรรค์หาคำตอบจากความคุ้นเคยนั้นได้

“พวกอินเตอร์โปลเป็นแบบนี้ทุกคนรึเปล่า” น้ำเสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามเจือน้ำเสียงขบขัน บ่งบอกว่าคนพูดจัดอยู่ในพวกหนุ่มอัธยาศัยดีขี้เล่น

นัยน์ตาคมไม่เสียสมาธิทั้งที่เขาไม่ได้อยู่ในห้องประชุมใหญ่เพียงคนเดียวอีกต่อไป ถึงจะถูกเพื่อนร่วมงานคนสนิทรบกวนความตั้งใจในการดูภาพบนจอ แต่สมาธิของเขาก็ยังคงดีเยี่ยม

“หรือนายไม่ใช่?” เห็นอีกฝ่ายดูจะร่าเริงเป็นพิเศษ เขาก็อดตอกกลับไปไม่ได้

“ฉันไม่เห็นเป็นอย่างนาย มิสเตอร์เอิร์ล” น้ำเสียงร่าเริงไม่ปฏิเสธคำถามกลายๆของอีกฝ่าย

“ขอเถอะ นายเป็นคู่หูฉันมากี่ปีแล้วแพทริก น่าจะรู้ว่าฉันไม่ชอบถูกเรียกแบบนี้”

“โอเค้ได้เอิร์ล อุ๊บส์โทษที เอริค หันมาคุยกับฉันได้แล้วพวก”

ถึงแพทริกจะเป็นหนุ่มอารมณ์ดีแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ชื่นชอบบทสนทนาที่คู่สนทนาเมินการสบตาหรือมองหน้าเขาหรอกนะ และเขาเองก็ใช้ความเป็นคู่หูคนสนิทฉวยเอารีโมทคอนโทลกดปุ่มหยุดการทำงานของภาพบนจอ เขารู้ว่าทำแบบนั้นแล้วจะได้สายตาขุ่นมัวจากเพื่อนสนิท

และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

อริคหันขวับมองแพทริกด้วยสายตาไม่พอใจ คนถูกมองแค่ยักไหล่และนั่งลงบนขอบโต๊ะกระจกข้างกายเพื่อนคู่หู โยนรีโมทในมือลงบนตักเอริค

“เลือกสิคู่หู นายจะฟังข่าวจากฉันหรือจะเอาเวลาไปหมดกับการดูคลิปของมาเฟียยุโรปคนหนึ่งเดินเข้าโบสถ์ในฮ่องกง หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นสีดำ” แพทริกเบ้ปากคว่ำเหมือนสิ่งที่เพื่อนของเขาทำอยู่มันช่างไม่ชวนทำและเสียเวลา

“ฉันไม่ได้สนใจเอเนล แต่ที่ๆมันอยู่ ฉันรู้สึกคุ้นตาบอกไม่ถูก” เอริคบอกออกไป เขารู้ว่าการโยนรีโมทคอลโทลกลับมาเหมือนให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างการนั่งดูคลิปกับการฟังข่าวสารที่เพื่อนสนิทจะมาบอก

สุดท้ายเขาก็ตัดใจเลือกปัจจุบัน

“อารมณ์ว่าเดจาวูเหรอพวก ฮ่าๆๆฉันว่านะ ไม่มีอะไรเจ๋งเท่ากับการที่นายจะได้ไปเหยียบสถานที่จริงหรอกว่ามั้ย” แพทริกหัวเราะขำ ก่อนจะทำหน้าจริงจังในแบบของเขา “ถ้ามันยังไม่เหลือแต่ภาพให้มองน่ะนะ”

“หมายความว่าไง?” เอริคขมวดคิ้วถาม

“เราถูกย้ายจากลอนดอนไปกินเป็ดปักกิ่ง” แพทริกแสร้งยกมือปิดปากเหมือนรับไม่ได้ เขาเลียนแบบจริตมารยาแบบผู้หญิงในลอนดอนที่เขาเห็นเมื่อเช้านี้ ตอนบอกเลิกกับแฟนคนที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้

“อย่าทำท่าทางแบบนั้นได้มั้ย ทุเรศตามาก รู้มั้ยฉันเห็นอะไร?ไอ้ยักษ์บึกบึนลูกครึ่งอเมริกันแสดงละครเป็นเจ้าหญิงในวอลดิสนีย์คลั่งรักหาสามีตั้งแต่วัยไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ”

เอริคพ่นลมหายใจกลอกตาไปมา ก่อนจะฉวยแฟ้มในมือเพื่อนสนิทเหมือนอย่างที่แพทริกทำกับรีโมทคอลโทลก่อนหน้านี้ เขาพลิกแฟ้มสีดำในมือเปิดอ่าน

“อินเตอร์โปลชอบเสี่ยงและไม่อยู่กับที่ สงสัยพวกเขาเห็นคุณภาพในตัวเรามั้ง ฉันต้องคลั่งตายแน่ๆพริซซี่ยังไม่โดนฉันฟาดเลย อนาเซียเธอพยายามควงฉันไปงานพร็อมที่ไฮสคูล และให้ตายพวก สัปดาห์หน้าวันเกิดริต้า ฉันตั้งใจจะมอบร่างกายตัวเองให้เป็นของขวัญกับเธอ พังหมดแล้วทัวร์สวรรค์ของฉัน”

แรกก็ๆจริงจัง พอพูดไปพูดมาแพทริกก็พร่ำเรื่องความเสียดายของตัวเอง

“เอกสารด่วนด้วย แน่ล่ะเอเนลจะเทกโอเวอร์บริษัททัวร์ในฮ่องกง ไหนจะมองหาแหล่งลงทุนใหม่ๆในเอชีย มันต้องอยู่ที่นั่นซักพักใหญ่เลยล่ะ เราตามสืบมันมาสี่เดือนในลอนดอนแน่นอนว่าในสำนักงานต้องมีหนอนตัวใหญ่คอยส่งข่าว เราถึงพลาดและมันรอดตัวไปได้ทุกครั้ง”

เอริคอ่านข้อมูลในมือและประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านมาคร่าวๆ อินเตอร์โปลอย่างเอริคกับเอเนลไม่ต่างจากคู่ไม้เบื่อไม้เมาในลอนดอนเลยก็ว่าได้ ที่ไหนมีอาชญากรที่นั่นย่อมมีตำรวจ น่าเสียดายที่ตำรวจมักชอบมาตอนจบทุกครั้ง ถึงต้องคาดการณ์ไว้ว่าในองค์กรตำรวจสากลต้องมีหนอนบ่อนไส้

“แต่ถ้านอกพื้นที่ บางทีอำนาจก็ไปไม่ถึง” แพทริกยิ้มกว้างนัยน์ตาพราว มันน่าจะถึงทีของพวกเขาเผด็จศึกมาเฟียใหญ่แห่งทศวรรษนี้เลยก็ว่าได้ คราวนี้ล่ะพวกสาวๆแห่มาให้เขาฟาดเพียบ

ในความคิดของเอริคต่อให้ไม่ใช่พวกเขาตามล่าเอเนลในฐานะอินเตอร์โปลขององค์กรตำรวจสากล พวกมาเฟียก็ล่ากันเองเพื่อช่วงชิงอำนาจและชื่อเสียงได้

บางทีเขาก็หวังลึกๆว่าให้เอเนลถูกพวกบ้าอำนาจมืดฆ่าตายไปซะ อะไรมันจะได้ง่ายดายขึ้น

แย่ตรงที่มันไม่เป็นอย่างนั้นเลยน่ะสิ

เอริคมองแฟ้มในมือก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองภาพที่หยุดนิ่งบนจอโปรเจคเตอร์ คลิปกล้องวงจรปิดที่ได้มาเมื่อสองวันก่อน ก่อนที่กล้องและคลิปบางส่วนจะถูกทำลาย

นอกเหนือจากบุคคลในภาพ สถานที่มันทำให้เขาสนใจได้อย่างน่าประหลาด บางทีการที่ถูกย้ายไปประจำการที่ฮ่องกงเขาอาจค้นพบเรื่องราวของตัวเองมากกว่านี้ก็ได้

เอริค มัวร์

ไม่ใช่ชื่อของเขา


=============================================

[เจ้านิ้วดำ]

อัพต่อเป็นเจ็ดสิบจ้า ^^

=============================

ฮาโล่ววววว ดีจ้า มาช้าเนอะ =_= เอาน่าๆก็ยังมา

ขอเกริ่นซักติสนะค้า สำหรับคนที่ไม่ได้ไลค์เพจหรือติดตามเพจ ดำจะบอกอย่างเท่าเทียมกัน

ทั้งสองทางเลย  เคยบอกที่หน้าบทความว่า

เรื่องนี้อิงพลอตมาจาก พันหนึ่งราตรี ft.กับ Hunter x Hunter [Chimera ant]

เพราะงั้นตั้งแต่ตอนต่อไปนี้ คือการแฝงเรื่องเล่า หมายถึงอันหลิงจะเล่าเรื่องแล้ว

เรื่องบางเรื่อง นิทานปรำปรา ตำนาน มันเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่สำหรับเอเนลเขาไม่รู้อะไรค่ะ

เวลาอ่านก็ช่วยเข้าใจเอเนลด้วย พระเอกเรื่องนี้ฉลาดทุกอย่าง ยกเว้นพวกเรื่องเล่า เข้าขั้นง่าวทีเดียว

เอเนลจะมองว่ามันน่าฟัง น่าหลงไหล น่าอัศจรรย์  และเขาก็จะ...หลับ =_=zZ

ถ้าใครรู้สึกว่า ไอ่หยา นี่มันไม่ใช่นิยายในทางของฉันแล้ว อ่านแล้วชวนง่วง

ดำเข้าใจค่ะ ถ้าจะโบกมือบ๊ายบาย มันอาจจะชวนหลับในก็เป็นได้ ดำเข้าจายยยจ้า

นักเล่าเรื่องตาบอดกับมาเฟียนิทรา pdf
เจอกันจ้า เด๋วมาต่อให้
นักเล่าเรื่องตาบอดกับมาเฟียนิทรา pdf