บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จํากัด มหาชน ที่อยู่

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน)

ประเภทบริษัทมหาชน

การซื้อขาย

(SET:ASK)
อุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน
เงินทุนและหลักทรัพย์
ก่อตั้งพ.ศ. 2527 (38 ปี)
สำนักงานใหญ่อาคารสาธรซิตี้ทาวเวอร์ ชั้น 24, 175 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร

บุคลากรหลัก

อำนวย วีรวรรณ (ประธานกิตติมศักดิ์)
ซือ ถิง หยาง (ประธานกรรมการ)
รายได้
บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จํากัด มหาชน ที่อยู่
3,345.86 ล้านบาท (2562)[1]
สินทรัพย์
บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จํากัด มหาชน ที่อยู่
41,815.01 ล้านบาท (2562)[1]
ส่วนของผู้ถือหุ้น
บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จํากัด มหาชน ที่อยู่
5,423.96 ล้านบาท (2562)[1]
อันดับความน่าเชื่อถือTRIS: BBB+[2]
เว็บไซต์www.ask.co.th

บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: ASIA SERMKIJ LEASING PUBLIC COMPANY LIMITED ชื่อย่อ:ASK) [3] บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2527 โดยกลุ่มธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ทุกประเภท โดยเป็นการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ทั้งหมดแก่ลูกค้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต่อมาภายหลังบริษัทได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์

บริษัทมีบริษัทย่อย 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทุกประเภท ทั้งรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้ว ซึ่งได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถตู้ รถบรรทุก รถแท็กซี่ โดยให้สินเชื่อเช่าซื้อแก่ลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดาเป็นหลัก ในปี พ.ศ. 2555 บริษัทมีสัดส่วนการให้สินเชื่อรถยนต์ใหม่ต่อรถยนต์ใช้แล้วคิดเป็นประมาณร้อยละ 75.85 และ 24.15 ของจำนวนสินเชื่อเช่าซื้อทั้งหมด โดยบริษัทมีสัดส่วนการให้สินเชื่อแก่บุคคลธรรมดาคิดเป็นร้อยละ 72.45 ของยอดการให้สินเชื่อทั้งหมดของปี พ.ศ. 2555 และให้สินเชื่อแก่นิติบุคคล คิดเป็นร้อยละ 27.55 ของยอดการให้สินเชื่อทั้งหมดในปี พ.ศ. 2555

นอกจากนี้บริษัทยังเสนอบริการสินเชื่อส่วนบุคคลแก่กลุ่มลูกค้าเดิม โดยอาศัยฐานข้อมูลและระบบปฏิบัติงานที่มีอยู่ในการคัดเลือกลูกค้าเช่าซื้อที่มีประวัติการผ่อนชำระดี นอกจากนี้ บริษัทได้ให้บริการสินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการจัดหารถยนต์เพื่อนำมาจำหน่ายอีกด้วย ปัจจุบันบริษัทมีสาขา 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดพิษณุโลก ปัจจุบันบริษัทเป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยและบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau Co., Ltd.)[4]

การดำเนินธุรกิจของบริษัท แบ่งเป็น 4 ประเภท [5]

  • สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (automobile hire purchase)
  • สินเชื่อส่วนบุคคล (personal loan)
  • สินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ (floor plan financing)
  • บริการอื่น ๆ

ประวัติ[แก้]

พ.ศ. 2527[แก้]

  • จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 10 ล้านบาท โดยการอ อกหุ้นสามัญจำนวน 0.1 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท และเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2531[แก้]

  • เพิ่มทุนโดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 0.4 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท และเรียกชำระมูลค่า 20 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียน เท่ากับ 50 ล้านบาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วเท่ากับ 30 ล้านบาท[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2527[แก้]

  • เปิดสาขาแห่งแรกที่จังหวัดระยองเพื่อขยายฐานการดำเนินธุรกิจ โดยให้บริการลูกค้าทั้งในจังหวัดระยองและจังหวัดใกล้เคียง[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2535[แก้]

  • เรียกชำระมูลค่าหุ้นอีก 20 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วเท่ากับ 50 ล้านบาท
  • บริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 โดยมีผู้ถือหุ้นหลัก คือ กลุ่มธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มไชลีสจากไต้หวัน ดำเนินธุรกิจการให้สินเชื่อลีสซิ่ง สินเชื่อแฟคตอริ่ง และสินเชื่อ เช่าซื้อ ได้เข้า ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ร้อยละ 99.99[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2536[แก้]

  • เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจากเดิม 50 ล้านบาทเป็น 60 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มจำนวน 0.1 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2537[แก้]

  • ขยายสาขาไปยังจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัด สมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียง[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2538[แก้]

  • เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจากเดิม 60 ล้านบาทเป็น 160 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มจำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เพื่อนำเงินมาใช้ในการขยายการให้บริการสินเชื่อและพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานและบริการ[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2541[แก้]

  • เริ่มให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2542[แก้]

  • เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจากเดิม 160 ล้านบาทเป็น 460 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยการออกหุ้นสามัญ จำนวน 3 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2543[แก้]

  • ร่วมก่อตั้งสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย (Thai Hire Purchase Association) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2543[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2545[แก้]

  • เริ่มให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแก่ลูกค้าที่ทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัท โดยเสนอบริการเฉพาะกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระดี
  • ได้รับ ประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้ประกอบธุรกิจ ที่รักษาสิทธิผู้บริโภคด้านสัญญาโดย ใช้สัญญาที่เป็น ธรรมต่อผู้บริโภค[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2546[แก้]

  • แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546
  • เริ่มให้บริการสินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2547[แก้]

  • เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 80 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 428 ล้านบาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 80 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 428 ล้านบาท
  • เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 100 บาท เป็นราคาหุ้นละ 5 บาท ทำให้บริษัทมีหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้ว ทั้งสิ้น 85.60 ล้านหุ้น รวมเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว 428 ล้านบาท
  • ปรับโครงสร้างการถือหุ้นทั้งหมดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 โดยบริษัทเข้าถือหุ้นร้อยละ 99.99 ในบริษัท กรุงเทพ แกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) ทำให้บริษัท กรุงเทพ แกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) กลายเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
  • ขยายสาขาไปยังจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 147 ล้านบาท ทำให้มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 575 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 428 ล้านบาท
  • วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรม การกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการเสนอขายหุ้นสามัญแก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน จำนวน 6.4 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5.50 บาทและได้มี การเสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าว ในวันที่ 26 - 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ซึ่งทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 460 ล้าน[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2548[แก้]

  • บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น โดยบริษัท แกรนด์ แปซิฟิค เคมีคอล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถือหุ้นของบริษัทจำนวน 33.80 ล้านหุ้น (คิดเป็นร้อยละ 36.74 ของทุนชำระแล้ว ณ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2548) ขายหุ้นทั้งหมดของบริษัทให้แก่บริษัท เอเค เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มคูด้วยกัน
  • บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในการเสนอขายหุ้นสามัญ แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 23 ล้านหุ้น ในราคา 8.90 บาท และได้เสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าว ในวันที่ 16–18 สิงหาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นจาก 460 ล้านบาทเป็น 575 ล้านบาท และในวันที 25 สิงหาคม พ.ศ. 2548 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรับหุ้นสามัญของบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และทำการ ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2549[แก้]

  • บริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัท ตามสัดส่วนการ ถือหุ้น (rights offering) โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 115 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท และให้สิทธิในการจองซื้อ 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ (1:1) ในราคาเสนอขายต่อหุ้น 5.50 บาท และเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 1,150 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2549 และนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2553[แก้]

  • บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้อายุ 3 ปี ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ จำนวน 500,000 หน่วย มูลค่า ที่ตราไว้ราคาหน่วยละ (par value) 1,000 บาท เสนอขายในราคาหน่วยละ 1,000 บาท มูลค่าการเสนอขายรวมทั้งสิ้นจำนวน 500 ล้านบาท โดยบริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวใน วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2555[แก้]

  • บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น โดยบริษัท เอเคเอ็นเตอไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถือหุ้นของบริษัทจำนวน 80.45 ล้านหุ้น (คิดเป็นร้อยละ 34.98 ของทุนชำระแล้ว ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555) ขายหุ้นจำนวน 22.00 ล้านหุ้น (คิดเป็นร้อยละ 9.57 ของทุน ชำระแล้ว ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555) ให้แก่ Chailease International (Malaysia) Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มคูด้วยกัน เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่มคู
  • บริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน ดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 115.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท และให้สิทธิในการจองซื้อ 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้น สามัญใหม่ (2:1) ในราคาเสนอขายต่อหุ้น 10.00 บาทและเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 1,725.00 ล้าน บาทเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 และนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2556[แก้]

  • ในปี พ.ศ. 2556 ขยายสาขาอีก 3 สาขา ในจังหวัดเชียงราย จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียง[ต้องการอ้างอิง]

พ.ศ. 2557[แก้]

  • บริษัทมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 1,725,000,000 บาท เป็น 1,759,500,000 บาท โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 34,500,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญจำนวน 6,900,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลในปี พ.ศ. 2557
  • ขยายสาขาอีก 3 สาขา ในจังหวัดลำปาง จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอุดรธานี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียง[ต้องการอ้างอิง]

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่[แก้]

ข้อมูล ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564[6]
ลำดับที่รายชื่อผู้ถือหุ้นจำนวนหุ้นสามัญสัดส่วนการถือหุ้น
1 CHAILEASE FINANCE CO., LTD. 128,837,659 36.61%
2 CHAILEASE INTERNATIONAL COMPANY (MALAYSIA) LIMITED 40,698,000 11.57%
3 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 25,856,326 7.35%
4 กองทุนเปิด บัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล 12,014,820 3.41%
5 นาย ชาตรี โสภณพนิช 11,436,607 3.25%
6 กองทุนเปิด บัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาลเพื่อการเลี้ยงชีพ 10,240,984 2.91%
7 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 10,240,905 2.91%
8 นาย อนันต์ ระวีแสงสูรย์ 7,280,000 2.07%
9 บริษัท ไชยลีส เจแอลเค แคปปิตอล จำกัด 5,275,700 1.50%
10 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) 3,494,548 0.99%

อ้างอิง[แก้]

  1. ↑ 1.0 1.1 1.2 งบการเงิน/ผลประกอบการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  2. อันดับเครดิต ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  3. สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  4. ลักษณะการประกอบธุรกิจแบบรายงาน56-1 เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ประจำปี :2555
  5. การประกอบธุรกิจของแต่ละสายผลิตภัณฑ์แบบรายงาน56-1 เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ประจำปี :2555
  6. ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย