มอยเจอร์ไรเซอร์ กับ เซรั่ม เหมือนกันไหม

8 วิธีใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ ให้ได้ผลดีที่สุด

Show

มอยเจอร์ไรเซอร์ กับ เซรั่ม เหมือนกันไหม
       

       ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกับมอยซ์เจอไรเซอร์นั้นนับว่าเป็นของคู่กัน เพราะผิวแบบเรานั้นต้องการความชุ่มชื้นมากกว่าผิวประเภทอื่นเป็นพิเศษ แต่เคยรู้สึกกันไหมคะว่า ทำไมปัญหาผิวแห้งของเราถึงยังไม่หายไปเสียที? ทั้งๆที่เราก็ตั้งใจ บำรุงมันอย่างสุดกำลัง ตัวไหนที่เขาว่าดี ตัวไหนที่เขาว่าเด็ดก็จัดมาหมด แต่สุดท้าย... ก็ไม่ดีอย่างที่หวังไว้ วันนี้ Sophist Medic จะขอเผยทริคใน "การใช้มอยซ์เจอไรเซอร์อย่างไร ให้ได้ผลดีที่สุดผิว" มาฝากทุกๆท่านกัน รับรองว่าทำตามได้ง่ายๆ และเห็นผลอย่างแน่นอน

8 วิธีใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ ให้ได้ผลดีที่สุด

  1. เช็คสภาพผิวหน้าของตัวเองให้ชัวร์ก่อนเลือกใช้

    เพราะสภาพผิวของเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ช่วงก่อน-หลังมีประจำเดือน ช่วงที่กำลังรักษาสิว หรือในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าใดๆก็ตาม เราจึงควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวในช่วงนั้นๆด้วย วิธีการง่ายๆในการเช็คสภาพผิวของเรา คือ ล้างหน้าและซับให้แห้ง จากนั้นรอ 10-20 นาที หากผิวยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน แสดงว่าเป็นผิวธรรมดา ถ้าเริ่มมีน้ำมันออกมาเคลือบผิว (ทั่วหน้า/ส่วนใดส่วนหนึ่ง) แปลว่าผิวมัน หรือมีอาการหิวแห้งตึง ลอก หรือแสบ แสดงว่าคุณมีผิวแห้ง แพ้ง่ายนั่นเองค่ะ 
    • ผู้มีปัญหาผิวมัน

      เหมาะกับการใช้มอยซ์เจอร์ไรเซอร์รูปแบบเจล เซรั่ม หรือเนื้อแบบบางเบา หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม (Oil-free) หรือสะดวกขึ้นมาอีกหน่อย ก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำมาเพื่อผิวมันโดยเฉพาะได้เลยค่ะ
    • ผู้มีปัญหาผิวแห้ง

      เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้น อย่างครีม (Cream) หรือน้ำมัน (Oil) ยิ่งถ้าอาการผิวหน้าแห้ง ลอกเป็นขุยอย่างมาก สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทวาสลีน หรือขี้ผึ้ง ได้เลยค่ะ
    • ผิวธรรมดา

      เหมาะกับเนื้อครีม หรือเนื้อโลชั่นแบบบางเบา ก็สามารถช่วยรักษาความชุ่มชื้นบนผิวหน้าได้เพียงพอแล้วค่ะ

มอยเจอร์ไรเซอร์ กับ เซรั่ม เหมือนกันไหม

  1. ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนบำรุงผิว

    ครีมจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าหากมือของเราไม่สะอาดก็เหมือนการเอาเชื้อโรค หรือแบคทีเรียต่างๆ เกลี่ยไปทั่วผิวหน้าแทน 
  2. ลงมอยซ์เจอไรเซอร์ภายใน 3 นาที

    หลังล้างหน้า ซับหน้าให้พอหมาด แล้วบำรุงผิวภายใน 3 นาทีนี้จะดีกว่า เพราะเป็นช่วงที่ผิวของเราอุ้มน้ำและมีความชุ่มชื้นบนใบหน้าหลงเหลืออยู่ เมื่อเราทามอยซ์เจอไรเซอร์ลงบนผิวในช่วงเวลานี้ จะทำให้ครีมซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับตอนที่เราทาตอนผิวแห้งสนิท

มอยเจอร์ไรเซอร์ กับ เซรั่ม เหมือนกันไหม

  1. ใช้นิ้วกลางหรือนิ้วนาง ในการลงครีม

    เพราะเป็นนิ้วมือที่มีแรงกดน้อย จึงทำให้ผิวถูกเสียดสีในขณะลงครีมได้น้อยกว่า  โดยค่อยๆใช้นิ้วกดหรือเกลี่ยเนื้อครีมเบาๆไปทั่วใบหน้าและลำคอ โดยจุดสำคัญคือทาครีมในทิศทางเดียวกันจากล่างขึ้นบน ไม่ใช้นิ้วมือวนหรือเกลี่ยเป็นวงกลม เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้
  2. เรียงลำดับการใช้ผลิตภัณฑ์จากเนื้อเหลว ไปจบที่เนื้อหนัก

    ไม่ควรทาครีมเนื้อหนักเป็นลำดับแรกๆ เพราะเนื้อครีมที่มีความข้นจะไปขัดขวางการดูดซึมของชั้นผิว เมื่อเราทาผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆตามลงไปก็แทบจะไม่เกิดผลอะไรเพราะไม่สามารถดูดซึมเข้าผิวได้แล้ว อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดขุยบนใบหน้าได้อีกด้วย อย่าลืมเว้นระยะในการลงผลิตภัณฑ์แต่ละตัว โดยให้รอจนรู้สึกว่าผิวแห้งดีประมาณหนึ่ง จึงค่อยลงตัวถัดไป
  3. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์มากเกินไปในครั้งเดียว

    ความจริงแล้วนั้นผิวหนังของเรานั้นสามารถรับสารบำรุงจากภายนอกได้ในปริมาณหนึ่งเท่านั้น และไม่สามารถซึมลึกสู่ชั้นหนังแท้ได้ทั้งหมด ยิ่งถ้าเราใช้ผลิตภัณฑ์มากจนเกินไปในครั้งเดียว สกินแคร์บางตัวอาจไปขัดขวางการดูดซึมของอีกหลายๆตัว หนักข้อหน่อยคือทำให้รูขุมขนอุดตัน ปัญหาสิวผด สิวอักเสบก็จะตามมาแบบไม่รู้จบ!!
  4. ไม่ควรทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่

    ในช่วงที่ผิวของเราอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ เช่น ช่วงก่อนมีประจำเดือน ช่วงที่ผิวหน้าอักเสบ หรือมีผดผื่น เพราะจะเป็นช่วงที่ผิวแปรปรวน อาจเกิดอาารแพ้ได้ง่าย เพราะฉะนั้นในช่วงดังกล่าวนี้ให้เว้นจากการทดลองของใหม่ และใช้ของเดิมที่ดีอยู่แล้วไปก่อนจะดีกว่าค่ะ 
  5. ทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้จริงเพื่อดูว่าผิวของเราแพ้หรือไม่

    โดยการลองใช้ผลิตภัณฑ์ ในปริมาณเท่าๆกับเหรียญ 10 บาท ทาลงบริเวณท้องแขน (หรือบริเวณหลังใบหู) ในตอนเช้าและเย็น หลังจากนั้นรอดูว่ามีอาการผิดปกติใดๆเกิดขึ้นไหม หากไม่มีอาการแพ้ก็สามารถใช้ต่อไปได้ค่ะ  

มอยเจอร์ไรเซอร์ กับ เซรั่ม เหมือนกันไหม


Tips น่ารู้ :

  • หากเรามีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อผิวได้ดีแล้วก็สามารถใช้ต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่ควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้บ่อยจนเกินไป เพราะจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างความระคายเคืองให้กับผิว ทำให้ผิวอ่อนแอลง อาจกลายเป็นผิวแพ้ง่ายไปได้
  • ถ้าหากมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเยอะมากๆ ให้แบ่งใช้แทน โดยอาจจะแบ่งออกเป็นกลุ่มๆตามเนื้อผลิตภัณฑ์ (แบบออยล์ เจล น้ำ น้ำมัน หรือแบบครีม)  แล้วปรับใช้ให้เหมาะในแต่ละวัน วนกันไปเรื่อยๆ แทนการใช้ทุกๆตัวในครั้งเดียว

สรุปเคล็ดลับการใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ให้ได้ผลดี
       หมดปัญหาผิวแห้งคอยกวนใจอีกต่อไป โดยการใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ให้ถูกวิธี เริ่มต้นด้วยการใช้เนื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว (เนื้อเจล ออยล์ น้ำ หรือครีม) ทำความสะอาดผิวหน้าและนิ้วมือให้สะอาดก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ ใช้นิ้วกลาง หรือนิ้วนางที่มีแรงกดน้อยที่สุดในการเกลี่ย โดยเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อเหลวไปจนถึงเนื้อข้น ทั้งนี้ให้เลือกใช้เท่าที่จำเป็น อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่มีในครั้งเดียว ผิวอาจจะดูชุ่มชื้นขึ้นมาก็จริง แต่อาจจะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้ค่ะ... อย่าลืมเอาเคล็ดลับนี้ไปลองทำตามดูนะคะ ขอให้ผิวหน้าของทุกท่านเนียนใส ไม่แห้งเสียค่ะ 

ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แทนเซรั่มได้ไหม

ต้องรู้เอาไว้ก่อนว่า Serum และ Essence บำรุงผิวหน้าไม่ได้ช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ เพราะฉะนั้นไม่สามารถใช้แทนผลิตภัณฑ์ประเภทมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ทุกชนิด เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดจะต้องเลือกให้ตรงปัญหาผิวของเรา เช่น จัดการปัญหาริ้วรอย, จุดด่างดำ, ปัญหาสิว, ผิวอุดตัน, ความหมองคล้ำ, ช่วยฟื้นฟูยกกระชับ หรือ อื่นๆ ...

มอยเจอร์ไรเซอร์กับเซรั่มแตกต่างกันอย่างไร

Moisturizer VS Serum เหมือนหรือต่างกันอย่างไร? เซรั่ม จะมีเนื้อครีมที่เบาบางกว่าอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีสรรพคุณบำรุงผิวแบบเฉพาะจุดและมีส่วนผสมที่เข้มข้น และเหมาะกับการใช้กับปัญหาผิวหน้าเฉพาะจุด ส่วนอยส์เจอร์ไรเซอร์จะมีเนื้อครีมที่หนา ส่วนใหญ่แล้วเรามักใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว แก้ปัญหาผิวขาดน้ำ #AnAnswerWithIra.

มอยเจอร์ไรเซอร์กับเซรั่มใช้ตัวไหนก่อน

แต่ถ้าจะให้การฟื้นบำรุงผิวได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจริงๆ แล้วล่ะก็ สาวๆ ก็ควรใช้ทั้งเซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์นะคะ เพราะว่าทั้งสองตัวนี้ต่างก็ช่วยแก้ปัญหากันคนละด้าน สาวๆ ควรใช้เซรั่มเพื่อรักษาผิวภายในก่อน จากนั้นจึงใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นประสิทธิภาพการฟื้นบำรุงเป็นสองเท่า ยิ่งใช้ควบคู่กันก็ ...

เซรั่มดีกว่าครีมยังไง

สามารถฟื้นฟูบำรุงผิวได้ล้ำลึกและเข้มข้นกว่าครีมบำรุงทั่วไป เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมลงสู่ผิวได้ดี เซรั่มแก้ไขปัญหาผิวได้ถึงชั้นโครงสร้างของผิว แต่หากเป็นครีมจะช่วยให้ความชุ่มชื้นได้เพียงชั้นบนของผิวเท่านั้น ไม่ทำให้ผิวมัน แต่ไม่ช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น