ยาทาแก้คัน ผิวหนังอักเสบ pantip

เป็นผิวหนังอักเสบ ใช้ยาทาอะไรดีครับ ?

ต้องย้อนไปช่วงเกือบๆ ปลายปี ประมาณกันยายน
ขาผมเริ่มมีตุ่มแดงๆ ขึ้น เหมือนตุ่มยุงกัดเลย ตอนแรกก็เข้าใจผิดว่าอย่างนั้น
เลยไม่ได้รักษาอะไร แต่เอ๊ะ มันเริ่มนานผิดปกติแล้ว

ผมเลยไปร้านขายยา เค้าก็ให้ยาตัวนี้มา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อาการดีขึ้นเร็วมาก แต่พอทาไปจนหายเป็นปกติ ไม่คันไม่เป็นผื่นแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ ก็กลับมาขึ้นใหม่

จนผมทนไม่ไหว ไปคลินิคผิวหนังแถวบ้าน
หมอก็ไม่แน่ใจว่ามันคือเชื้อรา หรือ อาการแพ้ หรือ ผิวหนังอักเสบ
แกเลยลองหายาทาแก้ผิวหนังอักเสบมา สรุปคือดีขึ้นครับ ยุบลงเหมือนตอนที่ใช้ Dermahue

แต่หลังๆ เริ่มไม่ว่างไปหา บวกกับครั้งนึงเสีย 200 กว่าบาท
เลยซื้อ Dermahue มาทาเหมือนเดิม อาการก็วนลูปครับ พอหายสักพักมันก็ขึ้นอีก

หน้าตาของผื่นครับ
อาการคือมันจะคันบางช่วง และยิ่งเวลาอาบน้ำเสร็จจะคันมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หมอเคยวินิจฉัยว่าผิวหนังอักเสบ ไม่ก็แพ้อะไรสักอย่าง ทุกวันนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้ครับ
แต่มีช่วงนึงผมอาบน้ำด้วยน้ำอุ่น (อุ่นแบบเปิดร้อนสุด) เดากว่าน่าจะเกี่ยวกัน
และส่วนตัวก็เป็นภูมิแพ้อยู่ด้วยครับ เป็นแพ้อากาศ ซึ่งผมว่ามันน่าจะเกี่ยวข้อง

การใช้ชีวิตผมคือ ตั้งแต่เริ่มทำงานหลังเรียนจบ (ปีที่แล้ว) นอนดึกมาตลอดเลย ไม่เคยเร็วกว่าตี 2
และงานหนัก ความเครียดก็สูง ซึ่งผมว่าน่าจะเกี่ยวข้องเหมือนกัน ตอนนี้กำลังปรับตัวเองหลายๆ อย่าง
นอนเร็วขึ้น เครียดให้น้อยลง

ใครมียาทาดีๆ ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ ไม่อยากใช้พวกสเตียรอยแล้ว เห็นว่าใช้นานๆ ไม่ค่อยดี

เราเคยใช้ตัวนึงชื่อมีโปรเดิร์ม เราเป็นผื่นคันแสบร้อน เราไปปรึกษาเภสัชที่ร้านขายยามาเขาแนะนำตัวนี้ ลองใช้แล้วก็เห็นผลดีนะ ทำให้ผื่นคันที่เรารู้สึกแสบๆร้อนๆรู้สึกดีขึ้น รู้สึกตรงที่ผื่นเย็นลง ปกติเราเป็นคนแพ้ง่าย พอใช้ตัวนี้แล้วรู้สึกไม้แพ้ เพราะเขาเคลมว่าไม่ผสมสารสเตียรอยด์ เราเลยลองซื้อมาใช้ดู

ผื่นผิวหนังอักเสบ เชื่อเหอะว่าชีวิตนี้ต้องเคยเป็น

ยาทาแก้คัน ผิวหนังอักเสบ pantip
#ผื่นผิวหนังอักเสบ #เชื่อเหอะว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเคยเป็น
โพสนี้ยาวนะคะ แต่ว่าหมอตั้งใจสรุปให้กระชับ และเข้าใจง่ายที่สุด
ถ้าอ่านจบ #จะได้รู้ว่า 📚
-  โรคน้ำเหลืองไม่ดี ไม่มีอยู่จริง
- ผื่นผิวหนังอักเสบ เชื่อเหอะชีวิตนี้ต้องเคยเป็น 
- ลองเช็ค อาการว่าเราเข้าข่ายเป็นผื่นผิวหนังอักเสบด้วยมั้ย
- สาเหตุของผื่นผิวหนังอักเสบ
- จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นผื่นผิวหนังอักเสบ การตรวจเลือดจำเป็นมั้ย 
- โรคนี้หายได้ ถ้าเข้าใจค่ะ 
มาทำความเข้าใจกันก่อนนะคะ ว่า #โรคน้ำเหลืองไม่ดี เนี่ย #ไม่มีในวงการแพทย์ค่ะ 😮
จากที่หาข้อมูลน่าจะมาจาก อาการของผื่นที่มีน้ำเหลืองซึมๆออกมาด้านบน ซึ่งน่าจะตรงกับ
 1. โรคผิวหนังอักเสบแบบเฉียบพลัน 
หรือ
 2. อีกโรคที่มีผื่นและน้ำเหลืองเยิ้ม คือโรคติดเชื้อที่ผิวหนัง (impetigo) 
ซึ่งทั้ง 2 โรคนี้ #ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับระบบน้ำเหลือเลยค่ะ 
🚩ผิวหนังอักเสบเป็นอีกโรคผิวหนังที่เจอบ่อยที่สุด เป็นคำที่มีความหมายกว้างมาก
คนไข้ส่วนใหญ่เกิน 80-90% ไม่รู้จักหรือไม่เข้าใจว่า จริงๆแล้วโรคผิวหนังอักเสบคืออะไรกันแน่ 
แต่ถ้าลองพูดคำว่า นำ้เหลืองไม่ดี คนไข้จะดูอินกว่า 😓 
โรคผื่นผิวหนังอักเสบ (แบบทั่วไปที่พบบ่อย) ชื่อภาษาทางการแพทย์เก๋ๆ ว่า eczema อ่านว่า เอ็ก-เซ-ม่า, เอ็ก-ซี-ม่า หรืออีกชื่อหนึ่งที่มีความหมายเดียวกันคือ dermatitis อ่านว่า เดอ-มา-ไต-ติส (ตรงนี้เผื่อใครจำไปพูดกับหมอ คุณจะดูไฮโซมากค่ะ) 
เป็นกลุ่มโรคที่มีการอักเสบของผิวหนัง พบได้บ่อยมากๆ และสามารถรักษาได้ค่ะ  
📣❌ ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ไม่ได้เกิดจากความสกปรก ไม่ติดต่อ และ ไม่ใช่เกิดจากน้ำเหลืองไม่ดี ห้ามไปพ่นน้ำมนต์ ห้ามเป่าด้วยเหล้าขาว ห้ามพอกยา นะคะ ❌📣   
                                         ————————————————
📌 อาการเด่นๆ คือ คัน อาจจะคันมากหรือน้อย 
หรือบางคนอาจจะมีผื่นอย่างเดียว โดยที่ไม่คันก็ได้ค่ะ 
ผื่น #เป็นตรงไหนของร่างกายก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ ใบหน้า ลำตัว แขน ขา มือ เท้า ข้อพับ ศอก เข่า หรือแม้แต่ หนังศีรษะ ก็เป็นได้หมดค่ะ จะเป็นผื่นเดียว หรือหลายๆผื่นพร้อมกันก็ได้
ส่วนใหญ่ผื่นจะเป็นสีแดง มีขุย หรือเป็นตุ่มแดงๆ หรือ ถ้าเกาแล้วผิวอักเสบมากอาจจะมีตุ่มน้ำ หรือน้ำเหลือซึมๆที่แผลด้วยก็ได้ค่ะ 
                                        ——————————————————
แล้วโรคนี้เกิดจากอะไร (คำถามคลาสสิก)
📌 3 สาเหตุใหญ่ ที่ทำให้เกิดผิวหนังอักเสบ อันนี้น่ารู้ 
สาเหตุที่ 1 #จากภายนอกร่างกาย (exogenous eczema) 
     1.1 ทำให้เกิดผื่นจากการระคายเคือง ตัวอย่างที่เจอบ่อย คือ ผิวอักเสบจากยาทาสิว ผิวอักเสบจากยาทาฝ้า ผิวอักเสบจากแมลงก้นกระดก ผื่นที่มือจากการล้างมือบ่อยๆ 
     1.2 ทำให้เกิดผื่นแพ้สัมผัส ตัวอย่างที่เจอบ่อย คือ ผื่นแพ้เครื่องสำอางค์ แพ้ยาย้อมผม แพ้นิกเกิ้ล(ต่างหู หัวเข็มขัด โลหะชุบ) แพ้พลาสเตอร์ เป็นต้น 
     1.3 โรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้แสงแดด ซึ่งในคนไทยยังเจอได้น้อย
สาเหตุที่ 2 #จากภายในร่างกาย (endogenous eczema) อันนี้มักเกิดจากการที่ผิวหนังชั้นบนสุดไม่สามารถปกป้องผิวได้ดีตามปกติ (skin barrier defect) คนไข้ในกลุ่มนี้จะมีผิวที่แห้งและบอบบางกว่าคนปกติ ตัวอย่างที่พบบ่อย เช่น 
    2.1 โรคภูมิแพ้ที่ผิวหนังชนิด Atopic dermatitis (อ่านว่า อะโทปิก เดอมาไตติส) ซึ่งเจอในเด็กบ่อยกว่าผู้ใหญ่ กลุ่มนี้มักมีประวัติภูมิแพ้หรือหอบหืดด้วย (แต่ไม่มีก็ได้) 
    2.2 โรคเซ็บเดิม หรือผื่นแพ้ต่อมน้ำมัน (seborrheic dermatitis) หมอเคยเขียนไว้แล้ว
    2.3 โรคผื่นผิวหนังอักเสบแบบนัมมูล่า (nummular dermatitis) จะเป็นผื่นรูปกลมๆคล้ายเหรียญ (nummular แปลว่าเหรียญ) มักสัมพันธ์กับการแพ้นิกเกิ้ลด้วย (พวกโลหะชุบ หรือเครื่องประดับราคาถูก และอาหารกระป๋อง ) 
    2.4 โรคผิวหนังอักเสบชนิดดิสไฮโดรสิส (dyshidrotic eczema) จะมีตุ่มน้ำเล็กๆหลายๆตุ่ม มักเป็นที่นิ้วมือ มักจะคันมาก สัมพันธ์กับภูมิแพ้ ความเครียด
สาเหตุที่ 3 คือ #ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน เป็นขึ้นมาได้เอง 
                                     —————————————————
📌 หน้าตาของผื่นผิวหนังอักเสบ จะมี 3 แบบ
แบ่งตามลักษณะของผื่น 
(ตรงนี้อ่านคร่าวให้พอรู้นะคะ คนทั่วไปที่ไม่ใช่หมอไม่จำเป็นต้องแยกระยะของผื่นได้ ตรงนี้คุณหมอผิวหนังจะช่วยดูแลให้ค่ะ) 
สำหรับคุณหมอสาขาอื่นที่สนใจความรู้ทางผิวหนัง อันนี้น่าสนใจค่ะ
1. ผิวหนังอักเสบแบบเฉียบพลัน
   ผื่นจะแดงค่อนข้างมาก ผื่นดูบวมๆ หรือมีตุ่มน้ำใสๆ มีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม ถ้าน้ำเหลืองเริ่มแห้งไปจะกลายเป็นคราบสะเก็ดเกาะบนผื่น ตรงนี้น่าจะเป็นที่มาของ คำว่าน้ำเหลืองไม่ดี (ในตำนาน) นั่นเองค่ะ 😅 ผื่นในระยะนี้มักจะคันมาก 
2. ผิวหนังอักเสบแบบกึ่งเฉียบพลัน
   ผื่นจะดูน่ากลัวน้อยกว่าแบบแรก ประกอบด้วยตุ่มหรือผื่นแดง ผิวจะค่อนข้างแห้งเป็นขุย
ซึ่งในระยะนี้ บางครั้งผื่นอาจจะหน้าตาคล้ายกับโรคกลาก (เชื้อราที่ผิวหนัง)
3. ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง
   ผื่นจะหนา เห็นลายของผิวหนังชัดเจน ผื่นมักกลายเป็นสีแดงคล้ำ หรือเป็นรอยดำหนาๆได้ 
** แต่ผื่นไม่จำเป็นต้องเรียงจากระยะแรกไประยะเรื้อรัง หมายความว่าจะเริ่มเป็นที่ระยะไหนก่อนก็ได้ ข้ามระยะได้ ไม่ต้องเรียงจาก 1 ไป 2 ไป 3 **
                                   —————————————————
📌 จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้ 🔎
โดยทั่วไป #แพทย์ผิวหนังสามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้เลยจากการดูผื่น (อาศัยความชำนาญและประสบการณ์) *** ไม่จำเป็นต้องเจาะเลือด หรือตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ *** 
การตรวจเพิ่มเติมทำในบางกรณีที่สงสัยหรือไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษา 
เช่น การขูดสะเก็ดผิวด้านบนเพื่อตรวจหาเชื้อราเพิ่มเติม หรือเป็นมานาน รักษาเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น อาจจะขอตัดชื้นเนื้อ (skin biopsy) หรือ สงสัยว่าเกิดจากการแพ้สารบางตัวอาจจะทำการทดสอบผื่นแพ้สัมผัส (patch test) เพื่อช่วยในการวินิจฉัยและวางแผนรักษาต่อไป ซึ่งตรงนี้คุณหมอที่ทำการรักษาจะเป็นคนแนะนำเอง คนไข้ไม่ต้องกังวลไปก่อนนะคะ 
                                    —————————————————
📌 #การรักษาและการป้องกัน ✍🏻
1. #พยายามสังเกตสาเหตุที่ทำให้ผื่นแย่ลง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้ผื่นแย่ลง       
    เช่น ไม่ถู/ขูด/ขัด/เกาผิวหนัง ไม่การล้างมือหรืออาบน้ำบ่อยเกินไป, ไม่อาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน, ให้ใช้   สบู่เหลวอาบน้ำแทนสบู่ก้อน
2. #ถ้ามีน้ำเหลืองเยิ้มและแฉะให้ประคบผื่น โดยใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือแปะทิ้งไว้ 10 นาที และเอาออก ทำวันละ 2-4 ครั้ง ขึ้นกับปริมาณน้ำเหลืองหรือความแฉะของผื่น และทำก่อนเริ่มทายา เพราะถ้ามีน้ำเหลืองเคลือบบนผื่นหรือแผล ยาทาจะไม่สามารถซึมเข้าถึงผื่นได้ค่ะ (ทายาไม่ติด)
3. การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (สเตียรอยด์) จะช่วยลดอาการอักเสบของผื่น 
ซึ่งเป็นวิธีหลักที่ได้ผลการรักษาดี แต่ตรงนี้หมอขอแนะนำว่าให้คุณหมอที่รักษาจ่ายยาให้จะดีและชัวร์ที่สุด เพราะสเตียรอยด์มีหลายรูปแบบ (เช่น ทา กิน ฉีดเข้าที่ผื่น) และความแรงก็ต่างกัน ตั้งแต่แบบอ่อนที่สุดเหมาะสำหรับทาผื่นที่เปลือกตา จนแรงสุดที่ใช้ทาฝ่ามือฝ่าเท้า สำหรับยาทาให้ทาเฉพาะที่ผื่นเท่านั้นนะคะ ไม่ควรทาตรงผิวที่ปกติอยู่แล้วเพราะจะทำให้เปลืองและผิวปกติยังได้รับยาโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะมีผลเสียมากกว่า 
4. รับประทานยาแก้แพ้ (ยาต้านฮีสตามีน) เพื่อลดอาการคัน 
  เช่น zyrtec (cetirizine), telfast (fexofenadine), xyzal (levocetirizine), aerius (desloratadine), loratadine เป็นต้น เลือกเพียงตัวใดตัวหนึ่งนะคะ ยี่ห้อไหนก็ได้ **ระวังอย่ากินยาในกลุ่มเดียวกันซ้ำกัน** 
  
ยาทาแก้คัน ผิวหนังอักเสบ pantip
กตัวอย่างยา เพื่อให้เข้าใจง่าย ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใดนะคะ
5. ถ้ามีการติดเชื้อแทรกซ้อน (มักมาจากการแกะเกา หรือเป่าน้ำมนต์หรือพอกยา) 
   แพทย์จะพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะแบบกินหรือแบบทายา
6. #ทาครีมบำรุงผิวสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ผิวแห้ง และที่สำคัญการทาครีมบำรุงจะ #ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นผื่นผิวหนังอักเสบซ้ำอีกด้วยค่ะ แต่ข้อนี้คนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยรู้ว่าต้องทาครีม
   สม่ำเสมอด้วย บางคนจะทายาเพียงอย่างเดียว พอหาย แล้วไม่บำรุงผิวต่อ ก็เป็นผื่นซ้ำอีก
                                    —————————————————
📌 #ทำไมรักษาแล้วก็ยังเป็นบ่อยไม่ค่อยหาย เพราะ 
      - #รักษาไม่ตรงจุด บางครั้งซื้อยาฆ่าเชื้อราหรือทายาปฎิชีวนะ(ฆ่าแบคทีเรีย) มาทาเอง 
        ก็ไม่ตรงโรค เพราะผิวหนังอักเสบ ตัวผื่นไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ทายาฆ่าเชื้อก็ไม่หาย
      - #ไม่แก้สาเหตุ (ในส่วนที่แก้ได้) เช่น แพ้ต่างหูแต่ยังใส่ แพ้ยาย้อมผมแต่ยังย้อมต่อไป 
      - #ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง
⛔️ ตัวอย่างพฤติกรรม #ที่ทำให้ผิวเสียสมดุล เช่น 
อาบน้ำร้อนน้ำอุ่นเป็นประจำ ♨️
ล้างมือบ่อยๆ 
ใช้สบู่ที่มีความเป็นด่างสูง (alkaline soap) ใช้แล้วจะรู้สึกผิวแห้งตึง 
ไม่ชอบหรือไม่เคยทาครีมบำรุงผิวเลย
#ผลเสียของพฤติกรรมพวกนี้ คือ
         - ทำให้ผิวไม่แข็งแรง 
         - น้ำมันที่เคลือบปกป้องผิวชั้นนอกสุดจะถูกทำลาย 
         - ผิวสูญเสียน้ำง่ายน้ำ เกิดความแห้ง ระคายเคือง  
         - ทำให้สารก่อภูมิแพ้ต่างๆเข้าสู่ผิวได้ง่าย 
⛔️ ตัวอย่างพฤติกรรมที่ทำให้ #ผื่นเป็นเรื้อรังหรือหนาตัวขึ้น เช่น
 การเกา แกะ ขัดถูที่ผื่น (ขัดด้วยผ้า/ใยบวบ/หินขัดผิว) 
                                    —————————————————
Link #โพสอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
📌 ผิวระคายเคืองจากยาทารักษาสิว
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=140296307371394&id=107616793972679
📌 ผื่นผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม 
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=125376222196736&id=107616793972679
📌 ผื่นผิวหนังอักเสบจากแมลงก้นกระดก
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=119590636108628&id=107616793972679
📌 ผื่นผิวหนังอักเสบรอบปาก
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=130151188385906&id=107616793972679
📌 โครงสร้างผิวชั้นนอก ปราการพิทักษ์ผิว
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=112742826793409&id=107616793972679
ภาพประกอบบทความจาก internet และ textbook fitzpatrick color atlas and synopsis

Dr. Yui คุยทุกเรื่องผิว ❤️