ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล Show
| 07 ส.ค. 2565 เวลา 13:00 น. 3.4kสายการบิน"เอมิเรตส์" เปิดรับสมัครทีมลูกเรือหน้าใหม่ รอบ INVITE ONLY ในประเทศไทย วันที่ 20 สิงหาคมนี้ ที่ กรุงเทพฯ เผยสวัสดิการณ์ดีมากเอมิเรตส์ สายการบินระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังมองหาผู้สนใจสมัครเข้าทำงานกับทีมลูกเรือนานาชาติ โดยมีแผนเปิดการประเมินรอบ INVITE ONLY ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย สายการบินเอมิเรตส์ กำลังมองหาบุคคลที่มีความหลงใหลในงานบริการที่เรียบง่าย แต่มีความเป็นส่วนตัว และไร้ที่ติ พร้อมทั้งมีใจบริการที่ปรารถณาจะสร้างช่วงเวลาอันน่าจดจำให้แก่ลูกค้า โดยบุคคลต้นแบบที่เรามองหาจะต้องมีความมั่นใจ และสามารถควบคุมทุกองค์ประกอบได้
ไม่ว่าจะเป็นการบริการบนเครื่องบิน การรักษาความปลอดภัย และการปฏิบัติตามขั้นตอนด้านความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่เอมิเรตส์ให้ความสำคัญสูงสุด นอกจากนี้ ลูกเรือของเอมิเรตส์ทุกคนจะได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ระดับโลกจากศูนย์ฝึกอบรมที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในดูไบ
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจจะต้องส่งใบสมัครทางออนไลน์ แนบประวัติการทำงานภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งรูปถ่ายปัจจุบัน แบบหน้าตรงและแบบเต็มตัว เพื่อนำมาใช้เป็นเอกสารประกอบการสมัครงานในครั้งนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่ ผู้สมัครจะต้องมาเตรียมตัวรับการประเมินเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม ซึ่งการประเมินนี้จะเปิดรับเฉพาะผู้ที่ผ่านการสมัครทางออนไลน์ และได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมการประเมิน (INVITE ONLY) เท่านั้น ลูกเรือนานาชาติของสายการบินเอมิเรตส์เป็นเสมือนตัวแทนจาก 160 สัญชาติทั่วโลก ที่สะท้อนถึงความหลากหลายของกลุ่มลูกค้า และประสิทธิภาพการดำเนินงานระหว่างประเทศในกว่า 130 เมือง จาก 6 ทวีป บนเครื่องบินที่กว้างขวางและทันสมัย ทั้งหมดกว่า 200 ลำ ยิ่งไปกว่านั้น เอมิเรตส์ยังเป็นสายการบินที่ให้บริการเครื่องบินโบอิ้ง 777 และเครื่องบินแอร์บัส A380 มากที่สุดในโลกอีกด้วย เอมิเรตส์จะส่งมอบโอกาสเติบโตในสายอาชีพ พร้อมการฝึกอบรมที่ยอดเยี่ยม และโปรแกรมพัฒนาที่หลากหลายสำหรับพนักงาน โดยลูกเรือของเอมิเรตส์ทุกคนจะได้อาศัยอยู่ในเมืองดูไบที่เต็มไปด้วยความทันสมัย และเพลิดเพลินไปกับแพ็คเกจการจ้างงานที่น่าดึงดูด ซึ่งรวมถึงสิทธิประโยชน์หลากหลาย เช่น เงินเดือนจำนวนเต็มแบบปลอดภาษี ที่พักฟรีที่บริษัทจัดหาให้ บริการรับส่งไป-กลับจากที่ทำงาน ค่ารักษาพยาบาล ตลอดจนส่วนลดพิเศษสำหรับการชอปปิ้ง และท่องเที่ยวในดูไบ ทั้งนี้ เครือข่ายพันธมิตรของเอมิเรตส์ทั่วโลก พร้อมส่งมอบโอกาสในการเดินทางครอบคลุมทั้ง 6 ทวีปทั่วโลกให้แก่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเอมิเรตส์ ตลอดจนครอบครัวและเพื่อนสนิท โดยทุกคนจะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ในการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางทั้งหมดของสายการบิน เอมิเรตส์เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 32 ปี โดยปัจจุบันมีการบริการเที่ยวบิน 21 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จาก กรุงเทพฯ สู่ ดูไบ และ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์จาก ภูเก็ต สู่ ดูไบ เพื่อเชื่อมต่อสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลก อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า “สจ๊วต และแอร์โฮสเตส” คือหนึ่งในอาชีพในฝันลำดับต้นๆ ของหนุ่ม-สาวทุกคน ด้วยภาพลักษณ์และบุคลิกที่ดูสวยงาม ประกอบกับได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก (ขาเที่ยวจะใฝ่ฝันมากสุด) และที่สำคัญค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูง
เมื่อเทียบกับตำแหน่งงานทั่วไป การแข่งขันเข้าสู่อาชีพนี้จึงค่อนข้างสูงมาก ซึ่งก็ล้อไปตามมาตรฐานที่แต่ละสายการบินได้กำหนดคุณสมบัติลูกเรือไว้ด้วยเช่นกัน “เงินเดือนเท่าไหร่?” เป็นคำถามจากหลายๆ คน (รวมทั้งบุพการีกระผมเอง) ที่อยากรู้ว่า อาชีพบนฟากฟ้าของแอร์ – สจ๊วตนี่ได้เงินเดือนกันคนละเท่าไหร่หนอ มันตอบยากครับ เพราะข้อแรกสำคัญมากคือ บริษัทให้เก็บเป็นความลับ เปิดเผยไม่ได้เนื่องจากทุกคนมีรายได้ไม่เท่ากันจริงๆ (ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น การทำงานดีหรือไม่ดี จากการประเมินของหัวหน้าทีม ผู้จัดการ ผู้โดยสารในไฟลท์ต่างๆ ก็จะมีการเพิ่ม/ลดได้ แม้จะไม่มากก็ตาม) ส่วนข้ออื่นๆ ตอบเฉพาะที่เหลือต่อเดือนได้ไหม แหะๆ… รายได้ต่อเดือนได้จากอะไรบ้าง?ค่าตอบแทนพนักงานต้อนรับน้องใหม่ป้ายแดงคร่าวๆ จากการสอบถามลูกเรือ 16 สายการบิน ระบุว่ารายรับหลักจะมาจาก 1. เงินเดือน (Basic Salary) ซึ่งแต่ละสายการบินได้รับไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับวิธีการคิดและการจัดการของแต่ละสายการบิน บางบริษัทอาจให้เงินเดือนสูง แต่รายได้กับสวัสดิการด้านอื่นลดลง บางบริษัทให้เงินเดือนต่ำแต่ได้ค่าชั่วโมงบินมากก็มี 2. ค่าบินคิดตามรายชั่วโมง (Flying Hours) (ในแต่ละเดือนแต่ละคนอาจได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับตารางบิน ปกติตามกฎนิรภัยการบินจะทำงานไม่เกินเดือนละ 100 ชั่วโมง) ต่อเดือนใครจะได้มากได้น้อยนี่ก็แล้วแต่ดวงล้วนๆ แต่ ณ เวลานี้ สายการบินก็มีกฏให้สามารถ bid เพื่อ Request ไฟลท์ได้ เช่น ขอกรุงเทพ ขอนิวยอร์ค ซึ่งเริ่มมาไม่นานแต่ก็ดีมากๆ เพราะทำให้คนที่อยากกลับบ้าน มีโอกาสได้กลับบ้านมากขึ้น คนที่ไม่เคยไปที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน ก็สามารถได้ไป อย่างผมตอนหลังๆ ก็มักจะขอไป NRT (นาริตะ ญี่ปุ่น) เพราะชอบ แล้วก็ขอกลับบ้านบ้างอะไรบ้าง ซึ่งนับว่ากฏนี้เป็นกฎที่ดีมากๆ เลย หวังว่าสายการบินจะไม่ยกเลิกการ bid ไปนะ รวมทั้งลูกเรือยังสามารถแลกเปลี่ยนไฟลท์กันได้ แต่ต้องแจ้งให้บริษัทรับทราบ รวมทั้งจะต้องไม่รบกวนการหยุดพักผ่อนร่างกายของลูกเรือด้วย (ต้องพักผ่อนอย่างน้อย 10 ชั่วโมง ก่อนขึ้นบิน ถ้าใครแอบบิกลับบ้านแล้วกลับมาบินทันที จะถูกลงโทษ ร้ายแรงถึงขั้นให้ออกได้ทีเดียว) สนามบินนาริตะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 3. ค่าพักค้างต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ (Meal Allowance) ค่าเบี้ยเลี้ยง (อาหาร) ที่จะได้รับต่างกันทุก destination ส่วนมากขึ้นอยู่กับค่าครองชีพของเมืองนั้นๆ เป็นปัจจัยสำคัญ และค่าอาหารที่โรงแรมที่พักด้วย สมมติว่าพักที่ ปารีส แน่นอนก็ได้รับค่าอาหารแพงด้วย เพราะออกไปไหนแต่ละทีแพงมาก แล้วค่าอาหารจะจ่ายเป็นมื้อ เช้า กลางวัน หรือเย็น จะได้คำนวณถูกว่า แลนด์กี่โมง ออกกี่โมง ถ้าบินมากรุงเทพนี่ได้ค่าอาหารน้อยมาก น้อยสุดๆ คือวันละประมาณพันถึงสองพันกว่าบาท แถมใช้เยอะด้วย (เพราะมาที shopping กันกระจาย ลูกเรือต่างชาติจะบ่นกันมากด้วยโดน แพลตินั่ม ประตูน้ำ มาบุญครอง สูบเงินกันมาก ก็เพราะมีชุดเสื้อผ้าสวยๆ ราคาถูกเยอะเลยเหมาๆ กันหนักไปหน่อย) และ 4. ค่าสวัสดิการ(benefits) เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าซักรีด ค่าภาษา (ซึ่งคนที่มีความสามารถหลายภาษาจะได้เพิ่มในส่วนนี้ด้วย) ฉะนั้น รายได้ของลูกเรือป้ายแดงแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับตารางบิน บินมากได้มาก บินน้อยได้น้อย ตารางดีได้เงินมาก ตารางไม่ดีอาจได้เงินน้อยกว่า เช่น ชั่วโมงบินเยอะแต่บินระยะใกล้ (Turn over) ไม่ได้พักค้างคืน (บินไป-กลับ) ก็จะได้เงินน้อยกว่าบินไปแบบพักค้างคืน ถ้าขยันบินหรือตารางบินหลายชั่วโมง ก็จะได้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้นเป็นลำดับ บินกันเป็นยุงร่างกายก็แทบจะสลายเช่นเดียวกันครับ จากการรวบรวมข้อมูล จากพนักงานต้อนรับที่ทำงานกับสายการบิน สรุปเป็นได้ตัวเลขรายได้คร่าวๆ ดังนี้
ทั้ง 16 สายการบิน ส่วนใหญ่ลูกเรือจะทำงานโดยมีสถานีเบสที่ในประเทศไทย ยกเว้น Singapore Airline เบสจะอยู่ที่สิงคโปร์, Thai Viet Jet มีเบสทั้งไทยและเวียดนาม, EVA Air เบสอยู่ที่ไต้หวัน, Kuwait เบสที่คูเวต, Oman เบสที่โอมาน, Qatar เบสที่โดฮา, Emirates เบสที่ดูไบ, Etihad เบสที่อาบูดาบี ข้อดีของสายการบินที่มีเบสในประเทศไทย คือลูกเรือได้อยู่ใกล้กับครอบครัว คนรัก เงินเดือนอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เมื่อเทียบกับงานสำหรับเด็กจบใหม่หรือเพิ่งเริ่มงาน ความก้าวหน้าขึ้นอยู่กับว่าทำสายการบินไหน บางสายการบินได้ปรับตำแหน่งเร็ว บางสายการบินอาจปรับเลื่อนตำแหน่งช้าหน่อย (บางกอกแอร์เวย์ค่าตอบแทนจะพอๆ กับสายการบินตะวันออกกลางครับ นานๆ รับทีด้วย) สายการบินการ์ตาร์ หนึ่งในสายการบินตะวันออกกลาง ส่วนข้อดีของสายการบินในตะวันออกกลาง คือได้ทำงานกับชาวต่างชาติ มีเส้นทางการบินมากมายกระจายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นลูกเรือเข้าใหม่ หรือทำมานานแล้ว ก็จะได้บินไปทั่วโลกเช่นกัน เงินได้ไม่ต้องเสียภาษี เงินเดือนดีมาก ก้าวหน้าในอาชีพเร็วกว่า จากลูกเรือชั้นประหยัดไปชั้นธุรกิจหรือชั้นหนึ่งในเวลาไม่นาน สามารถขึ้นสู่ระดับผู้บริหารได้ในเวลาไม่นานนัก หากมีความสามารถและกระตือรือล้นในการทำงาน สวัสดิการอื่นๆ มีอีกไหม?สำหรับผลประโยชน์อื่นๆ เกี่ยวกับตั๋วก็คือ ลูกเรือสามารถซื้อตั๋วได้ในราคา 10% ของราคาตั๋วเต็ม คือจ่าย 10 % เท่านั้น จะซื้อกี่ครั้งก็ได้ แล้วก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นตั๋วของสายการบินที่เราทำงานอยู่อย่างเดียว สามารถซื้อตั๋วสายการบินอื่นได้ด้วยที่เป็นโคชแชร์กับเรา เช่น ซื้อตั๋วการบินไทยได้ ANA ได้ United ได้ แต่ว่าก็ต้องรอให้ผู้โดยสารเขาไปก่อน เราไปทีหลัง เพราะ priority เราต่ำกว่าเขา บินกรุงเทพ-ดูไบ-กรุงเทพ ก็ประมาณ 3,500 บาท เรียกว่ามีวันหยุดก็กลับบ้านกันกระจาย นอกจากนั้นก็จะมีตั๋ว Annual Leaveคือในปีหนึ่งจะได้ตั๋วฟรี เป็นตั๋วจากไหนไปไหนก็ได้ บินกับสายการบินของตัวเอง สำหรับคนในครอบครัวที่เราสามารถซื้อตั๋วให้เขาแบบจ่าย 10 % ได้ก็คือ พ่อ แม่ พี่น้อง เท่านั้นครับ (ปกติ ตอนทำสัญญาเข้าทำงานครั้งแรก บริษัทจะให้ระบุชื่อไว้ด้วยแล้ว) แฟน กิ๊ก หรือ คุณลุง คุณป้านี่ไม่ได้นะครับ แล้วก็ได้ปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น สำหรับที่พัก ได้พักฟรีครับเขาจัดให้ แล้วก็แชร์ห้องกับเพื่อนๆ ซึ่งเราเลือกเองไม่ได้ เขาจัดให้ บางที่ก็พักแฟลตห้องละสองคน (แยกห้องนอน ห้องน้ำ แต่ห้องครัว โถงรับแขกร่วมกัน) แต่ที่พักก็โอเคนะ คือที่ตะวันออกกลางที่พักแพงมาก เขาให้พักแบบนี้ก็ถือว่าอย่างดีแล้ว ส่วนค่าน้ำค่าไฟฟรี จ่ายเฉพาะค่าอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ เวลาไปทำงานก็มีรถบัสมารับตรงเวลา-ออกตรงเวลาเป๊ะๆ สำหรับเวลาไปบิน ตาม destination นี่ก็พักโรงแรมดีๆ ทั้งนั้น ถ้ายุโรปส่วนมากจะพักโรงแรม Hilton, Marriott และอื่นๆ คือ 4-5 ดาว จะมีหลุดห่วยๆ มาก็มีบ้าง (ในกรณีมีภัยพิบัติฉุกเฉิน การก่อการร้าย) และที่สำคัญดีมากตรงที่ได้ห้องเดี่ยวไม่ต้องไปแชร์กับใครครับ เพราะสืบทราบมาว่ามีบางสายการบินให้แอร์แชร์ห้องกันอยู่ซึ่งไม่เวิร์คเท่าไหร่ ลูกเรือสาวสายการบิน Etihad สายการบินหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่มีฐานการบินที่กรุงอาบูดาบี ทำไมได้เงินเยอะจัง?แต่ถามว่าทำไมได้เงินเยอะจัง? ก็ต้องตอบว่าเราก็ต้องแลกมาด้วยปัจจัยต่างๆ อันได้แก่
สำหรับสายการบินที่ผมทำงานอยู่นี้ ลูกเรือเข้าใหม่ทุกคนจะต้องเริ่มทำงานจาก GR2 ใน Economy Class โดยมีช่วงเวลาทดลองงาน 6 เดือน หรือที่เรียกว่า Probation Period ครับ เมื่อมีประสบการณ์ในการทำงานมากขึ้นก็จะสามารถสอบเลื่อนเกรดได้ โดยสายการบินเอมิเรสต์ระยะเวลาจาก GR2 เลื่อนไปเป็น Purser สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาเพียง 5 ปีก็มี ซึ่งถ้าเทียบกับสายการบินอื่น การเลื่อนขั้นจนไปถึงระดับ Purser เช่น Singapore Airline (SIA) อาจจะใช้เวลามากถึง 15 ปีเลยก็ได้ หรือแม้แต่สายการบินแห่งชาติ (TG) ของเราเอง การขึ้นต่ำแหน่ง in charge ก็ใช้เวลานานมากกกกกกกก…เหมือน SIA ครับ นอกจากนี้ Emirates ยังเปืดโอกาสให้ลูกเรือที่อยากก้าวหน้าไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น สามารถสมัคร เป็น Senior Flight Purser, Trainer หรือ Cabin Crew Manager ได้ครับ คือถ้าคุณมีความสามารถ โอกาสก็เปิดให้คุณเสมอ (ตอนนี้ผมผ่านมาหลายระดับล่ะ จากลูกเรือ Economy, Business, First class จนถึง Senior Flight Steward เป้าหมาย Purser อยู่ข้างหน้าไม่ไกลต้องพยายามต่อไป…) ขอบคุณพี่สาวที่แสนดี หัวหน้าที่คอยสอนให้น้องได้พบกับความก้าวหน้าในอาชีพนี้ ถ้าสนใจในอาชีพนี้ก็อ่าน วิธีการเตรียมตัว การสมัคร และสอบสัมภาษณ์ ย้อนหลังในบทความตอนต่างๆ ได้ รวมทั้งดูคลิปวีดิโอต่างๆ ที่ผมได้รวบรวมไว้ให้ได้เลยครับ ขอบคุณที่ติดตามบล็อกนี้ครับ 🙂 😀 😛 4,733 total views, 7 views today About Post AuthorContinue Reading |