ชีวิตคนไทยตอนนี้ออกจากบ้านแต่ละรอบไม่ต่างจากการเอาชีวิตรอดเลยค่ะ! ทั้งเรื่องอากาศที่ร้อนแล้วร้อนอีก และสถานการณ์โควิด 19 ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น วันนี้ ShopBack Blog ขอชวนดูหนังแนวเอาชีวิตรอด 6 เรื่องที่สร้างจากเรื่องจริง! จะมีเรื่องไหนเข้าลิสต์บ้าง มาตามดูกันเลยค่ะ Show คลิกสมัครใช้ ShopBack รับข่าวสารเงินคืน แชร์โปร เก็บดีล ShopBack ชวนฟัง : “Blog เล่า” ช่องที่จะพาคุณฟัง เรื่อง Unseen ครอบจักรวาล ที่คุณควรจะรู้ แต่ยังไม่รู้! ชวนดูหนังแนวเอาชีวิตรอด 6 เรื่องที่สร้างจากเรื่องจริง
มาดูหนังแนวเอาชีวิตรอดเรื่องแรกกับ Sanctum ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของ “แอนดริว ไวท์” กับทีมงานอีก 14 คน ทีมนักประดาน้ำที่เข้าไปสำรวจถ้ำแห่งหนึ่งในประเทศปาปัวนิวกินี และไปติดพายุอยู่ในถ้ำใต้น้ำเป็นระยะเวลากว่าสองวัน ก่อนที่จะมีคนมาช่วยเหลือ เรื่องราวใกล้เคียงกันมากๆ ทั้งส่วนของสถานที่ และจำนวนผู้ประสบเหตุ อย่างไรก็ตาม เรื่องราวในหนังนั้นถูกปรับเปลี่ยนให้ต้องลุ้นระทึกเข้าไปอีก เพราะแทนที่จะมีคนมาช่วยเหลือ พวกเขากลับต้องหาทางเอาตัวรอดกันเอง ด้วยพายุฝนที่โหมกระหน่ำนั้นทำให้ระดับน้ำในถ้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ทางออก (ซึ่งเป็นทางเดียวกับทางเข้า) ถูกปิดตายลงไป บอกเลยว่าเต็มอรรถรสแน่นอนสำหรับการผจญภัยไปในใต้น้ำ ที่มีทั้งความงามและความลึกลับน่ากลัว ตลอดจนบรรยากาศความกดดันกับสภาวะใต้น้ำ ไหนจะความกดดันภายในจิตใจของการดิ้นรนเอาตัวรอดและหาทางออกไปให้ได้! ShopBack Tips : ใครที่เครียดสถานการณ์โควิดช่วงนี้แนะนำให้ลองหาหนังออนไลน์แฟนตาซีดูเลยค่ะ จะช่วยให้เรารู้สึกหลุดออกไปจากโลกความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายได้บ้าง ระหว่างดูฟินเพิ่มขึ้นอีกหากสั่งอาหารมากินด้วย สั่งซื้ออาหารได้ที่ foodpanda อย่าลืมสั่งผ่าน ShopBack เพื่อรับเงินคืนนะคะ สั่ง foodpanda ผ่าน ShopBack คลิก!
อีกหนังน่าดูหนังแนวเอาชีวิตรอด กับวินาทีชีวิตบน “จุดสูงสุดของโลก” เรื่องราวจากเหตุการณ์จริงในปี 1996 (เหตุการณ์ 1996 Mount Everest disaster) เมื่อสองกลุ่มนักปีนเขาที่กำลังเดินทางเพื่อพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกอย่าง “เอเวอเรสต์” ต้องเจอกับพายุหิมะครั้งร้ายแรงที่สุด สำหรับคนไทยอย่างเรา แค่พิชิตดอยต่างๆในประเทศก็ว่าเหนื่อยแล้ว แต่การจะพิชิตเอเวอเรสต์ได้นั้น บอกเลยว่าหนักกว่ามาก เพราะร่างกายของมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อใช้ชีวิตอยู่บนระดับความสูงกว่า 2 หมื่นฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ที่ที่อุณหภูมิติดลบถึง 40 องศาเซลเซียส ออกซิเจนแทบไม่มี ทุกก้าวที่เดินจึงเป็นเหมือนการย่างกรายเข้าสู่ความตายอย่างช้าๆ เมื่อพิชิตยอดเอเวอเรสต์สำเร็จแล้ว ก็ต้องรีบพาตัวเองกลับลงมาให้ได้ก่อนที่จะตาย แต่แล้วก็ดันมาเกิดพายุหิมะเข้าอีก เรื่องจริงในครั้งนี้นับว่าเป็นการปีนเขาที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเอเวอร์เรสต์เลยทีเดียวค่ะ
ชวนดูหนังแนวเอาชีวิตรอด เรื่องที่ 3 กับหนังสร้างจากเรื่องจริงของอันสุดแสนจะทรหดของเหตุการณ์เครื่องบินสัญชาติอุรุกวัยตกบนเทือกเขาแอนดีส เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 1972 มีผู้รอดชีวิตเพียง 16 คน จากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 45 คน แต่แค่รอดจากเครื่องบินตกก็ใช่ว่าจะรอดตาย ช่วงเวลา 2 เดือนแห่งการเอาชีวิตรอดที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น พวกเขาต้องเอาชีวิตรอดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจ ทั้งสภาพอากาศอันหนาวเหน็บที่อุณหภูมิติดลบ 30-40 องศาเซลเซียส ทั้งหิมะบนภูเขาที่หนากว่า 15 เมตร ซ้ำร้ายยังไม่มีทั้งน้ำ อาหาร หรือเครื่องมือปฐมพยาบาลอื่นใด เรื่องราวโดยภาพรวมนั้นอาจดูไม่ต่างจากหนังเอาตัวรอดทั่วไป แต่ลงลึกไปในรายละเอียดต้องบอกว่าสะเทือนอารมณ์สุดๆค่ะ โดยเฉพาะการถกเถียงกันว่า ควรจะกินซากศพคนที่ตายไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอดหรือไม่? บอกเลยว่าไม่มีคำว่า “อี๋” แบบในหนังผีแน่นอนค่ะ มันมีแต่ความบีบคั้นหัวใจขั้นสุดจริงๆ ShopBack Tips : มีข่าวแว่วมาๆ มา Disney+ สตรีมมิ่งของทาง Disney+ จะเปิดให้บริการในไทยปลายเดือน มิถุนายน 2564 ใครที่เป็นสายหนังเทพนิยายแฟนตาซีต้องไม่พลาดเลยค่ะ ดูเพลินเน็ตไม่มีสะดุด อย่าลืมซื้อแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตได้ที่ AIS Online Store อย่าลืมสั่งผ่าน ShopBack เพื่อรับเงินคืนด้วยนะ ช้อป AIS Online Store ผ่าน ShopBack คลิก!
อย่าสับสนกับชื่อของยาน Apollo 11 นะคะ เพราะนี่คือ Apollo 13 โครงการต่อเนื่องจากความสำเร็จของ Apollo 11 การส่งมนุษย์ไปสำรวจดวงจันทร์ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ทว่ามันกลับล้มเหลวเนื่องจากความผิดพลาดของตัวยาน ทำให้ลงจอดยังดวงจันทร์ไม่ได้ จึงต้องหาทางกลับโลก ซึ่งก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกัน หากแต่ภายใต้ข้อจำกัดอีกมากมาย เพราะอย่าลืมว่า นี่มันในอวกาศ! ทุกปัญหาที่เกิดล้วนแล้วแต่เคร่งเครียด ดังนั้น ในการแก้ไขแต่ละสถานการณ์ให้ผ่านพ้นได้จึงต้องอาศัยความรู้ความสามารถและทักษะการเอาตัวรอดอันดีเยี่ยมมากมาย แถมทั้งหมดนี้ยังเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆอีกด้วย ได้ดูแล้วจะทึ่งในความสามารถและการทำงานรวมกันเป็นทีมของชาว NASA ในปี 1970 เรียกว่าเก๋ามาตั้งแต่รุ่นปู่จริงๆ ค่ะ
ชวนดูหนังแนวเอาชีวิตรอดที่ได้รับรับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของ Slavomir Rawicz นายทหารยศร้อยโทของกองทัพโปแลนด์ และกลุ่มเชลยศึกที่หนีออกจากค่ายกักกันในไซบีเรีย คุกอันโหดร้ายที่มีปราการธรรมชาติเป็นดินแดนน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ พวกเขาตัดสินใจเดินทางด้วยเท้าไกลกว่า 4,000 ไมล์ (ประมาณ 6,400 กิโลเมตร) เพื่อมุ่งสู่อิสรภาพ กับหนทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทว่าเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายที่รออยู่ ทั้งแดดร้อนระอุตอนกลางวัน อากาศที่หนาวเหน็บตอนกลางคืน น้ำและอาหารที่ไม่เพียงพอ รวมถึงภัยจากยุงกระหายเลือดฝูงใหญ่ ฝ่าดงหิมะไปได้ ก็ต้องไปพบเจอกับทะเลทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาต่อ แถมยังต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากในตอนแรกเชลยกลุ่มนี้ต้องการจะหนีไปยังเมืองจีน แต่เมื่อไปถึงก็ได้พบว่า จีนนั้นได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับรัสเซียไปด้วย เมื่อไม่มีทางเลือกก็คงต้องเดินต่อไป โดยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปยัง “ประเทศอินเดีย” ประเทศที่จะไปให้ถึงได้ก็ต้องข้ามผ่านเทือกเขาหิมาลัย!!
ปิดท้ายด้วยการดูหนังแนวเอาชีวิตรอดที่โด่งดังสุดๆ ทุกสำนักเป็นต้องแนะนำเรื่องนี้กับ 127 hours หนังสร้างจากเรื่องจริงของพ่อหนุ่มนักปีนเขาวัย 26 ปี อารอน แรลส์ตัน (Aron Ralston) เมื่อครั้งที่เขาต้องประสบอุบัติเหตุจนแขนติดอยู่ในซอกหิน ที่อยู่ลึกลงไปในร่องของผาหินแคบที่ บลู จอห์น แคนยอน ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เขาไม่มีอุปกรณ์สื่อสาร แล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขามาที่นี่ เมื่อหวังพึ่งใครไม่ได้นอกจากตัวเอง อารอน จึงตัดสินใจเอาตัวรอดด้วยวิธีการอันสุดโหด เขาตัดสินใจ “ตัดแขนตัวเอง” และเดินหน้าลุย ต่อสู้กับผาสูงสุดทรหด 65 ฟุต และระยะทางกว่า 8 ไมล์ เพื่อเอาชีวิตรอด และท้งหมดนี้ก็คือ 127 ชั่วโมง อันยาวนานที่สุดในชีวิตของเขา ShopBack Tips : ใครที่ชอบเที่ยวหรือสายผจญภัย อยากดูหนังแฟนตาซีผจญภัยเพิ่มเติมก็เข้าไปอ่านได้ในลิงก์ที่เราแนบมาได้เลยค่ะ ดูเพลินๆ ในแท็บเล็ตจอใหญ่ สั่งซื้อแท็บเล็ตได้ที่ Banana IT อย่าลืมสั่งผ่าน ShopBack เพื่อรับเงินคืนด้วยนะคะ ช้อป Banana IT ผ่าน ShopBack คลิก! 6 หนังเอาตัวรอดที่สร้างจากเรื่องจริงในข้างต้นนี้ มีทั้งหนังเอาชีวิตรอด Netflix และบนแพลตฟอร์มอื่น และแต่ละเรื่องยังคงเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของเรื่องราวทั้งหมดที่ใครสักคนในหลายๆ มุมของโลกต้องเผชิญจริงๆ กับความโชคร้ายที่คงไม่มีใครอยากประสบ นอกจากความสนุกสนานและความบันเทิงที่จะได้รับแล้ว ShopBack ก็หวังว่าทุกคนคงจะได้เรียนรู้หลายๆ สิ่งจากในหนัง อย่างน้อยๆ ก็ขอให้เรื่องราวเหล่านี้คอยเตือนสติตัวเองอยู่เสมอว่า “จงใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท” รู้หรือไม่ ! : ถ้าคุณไม่อยากเห็นผี อย่าเข้าร่วมพิธีทางศาสนาที่คุณไม่มีความรู้จริง! เพราะคุณไทยเชื่อว่าคนที่เคยผ่านพิธีการครอบครู รับขันธ์ เพื่อเปิดตาที่ 3 ก็จะสามารถมองเห็นผีได้เช่นกัน เพราะเหมือนการเปิดให้ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ละเอียดกว่ากายหยาบได้ แต่คนเหล่านี้ต้องระวังเพราะเมื่อเปิดแล้วจะไม่สามารถปิดตาที่ 3 ได้ง่ายๆ อยากอ่านสาเหตุการเห็นผีเพิ่มเติม อ่านได้ที่ บทความ : คนเห็นผีมีบุญ หรือ ฟังเพลินๆ ที่ Youtube : ทำไมบางคนถึงเห็นผี Featured Image Credit : theloquitur.com ที่มาอ้างอิง : goodhousekeeping.com |