โรงเรียนต้นแบบแก้วิกฤตเด็กไทยรุ่นใหม่ “อ้วน-ผอม-เตี้ย”เผยแพร่: 27 พ.ย. 2560 16:17 โดย: MGR Onlineเนสท์เล่ เร่งส่งเสริมโภชนาการเด็กไทยอย่างยั่งยืน โดยขับเคลื่อนแนวคิด “อ่าน ปรับ ขยับ เปลี่ยน” ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมจากโรงเรียนสู่บ้านและชุมชน เนื่องจากเด็กไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่คงมีพฤติกรรมกินอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ ถึงแม้ว่าจะมีการรณรงค์เรื่องโภชนาการมาอย่างยาวนาน
แต่เด็กไทยส่วนใหญ่ยังคงมีพฤติกรรมการกินอาหารเลือกกินตามใจชอบ ไม่ทานผัก การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ซ้ำๆ ผลที่ตามมา คือ ภาวะ ‘ผอม’ ในเด็กที่ได้รับสารอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ภาวะ ‘เตี้ย’ ในเด็กที่ขาดสารอาหารเรื้อรัง และภาวะ ‘อ้วน’ ในเด็กที่ได้รับสารอาหารเกินความต้องการของร่างกาย คุณครูธิติยา ทักษิณภาค ครูอนามัยแห่งโรงเรียนบ้านทุ่งส่าย อ. ท่าตะเกียบ จ. ฉะเชิงเทรา สะท้อนปัญหาด้านโภชนาการของเด็กในโรงเรียนให้ฟังว่า “ในแต่ละปีจะพบนักเรียนจำนวนหนึ่งที่มีปัญหาด้านการเจริญเติบโต อ้วน เตี้ย ผอม แม้ว่าโรงเรียนจะช่วยแก้ปัญหาโภชนาการได้ในระดับหนึ่งในช่วงระหว่างเปิดภาคเรียน แต่เมื่อปิดภาคเรียนแล้ว ถ้าเด็กไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม เมื่อเปิดเทอมมาก็จะเจอปัญหาเดิมนี้อีก” ครูธิติยา เข้าร่วมโครงการเด็กไทยสุขภาพดีกับเนสท์เล่ตั้งแต่ปี 2554 จากการเป็นตัวแทนของโรงเรียนเพื่อเข้าร่วมการอบรมกับทางโครงการฯ และได้รับสื่อการสอนมาหนึ่งชุด ซึ่งเห็นว่าน่าสนใจจึงลองนำมาใช้กับเด็กในห้องเรียนของตนเองก่อน ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงร่วมกับนักเรียนแกนนำและครูท่านอื่นๆ ต่อยอดให้กับเด็กทั้งโรงเรียน พร้อมทั้งจัดทำสื่อการสอนชุด ‘สื่อสร้างสรรค์ ลดหวาน มัน เค็ม’ สำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โดยเฉพาะเด็กที่มีภาวะอ้วน เตี้ย ผอม โดยเน้นการบูรณาการความรู้ด้านโภชนาการของโครงการฯ เข้ากับกิจกรรมการเรียนการสอนภายในชั้นเรียน โดยเฉพาะหลัก 4 ประการเพื่อเด็กไทยสุขภาพดี ได้แก่ อ่าน- อ่านฉลากโภชนาการ ปรับ- หันมากินอาหารที่หลากหลาย เพิ่มผักผลไม้ ขยับ- กินเท่าไหร่ ต้องใช้ให้หมด เปลี่ยน- เปลี่ยนมากินอาหารที่มีความหวาน มัน เค็ม แต่พอดี โดยได้ผนวกแนวคิดดังกล่าวไว้ในหลายๆ วิชา อาทิ การเรียนรู้การอ่านฉลากโภชนาการ และฉลากผลิตภัณฑ์ ในชั้นเรียนต่างๆ นอกจากนี้ ยังได้จัดประชุมผู้ปกครองและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) พร้อมเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำในการส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพของเด็กในขณะอยู่บ้านและระหว่างปิดภาคเรียน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาภาวะทุพโภชนาการของเด็กอย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น “ก่อนหน้านี้ ทางโรงเรียนบ้านทุ่งส่ายพยายามแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพของเด็กมาโดยตลอด แต่เป็นการดำเนินการในแบบที่ไม่มีทิศทางและแผนการที่ชัดเจน จึงแก้ปัญหาได้แค่ในระยะสั้นๆ
เมื่อเด็กปิดเทอมและห่างจากโรงเรียนไป ปัญหาก็กลับมาอีก แต่เมื่อได้รู้จักกับโครงการเด็กไทยสุขภาพดีจากเนสท์เล่ ทางโครงการฯ ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องโภชนาการสำหรับเด็กวัยเรียน สาเหตุ วิธีการแก้ปัญหา รวมทั้งเทคนิคการจัดโครงการส่งเสริมสุขภาพภายในโรงเรียน ตลอดจนการจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชน ทำให้เรามีแรงบันดาลใจ เป้าหมายที่ชัดเจน และกระบวนการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม จึงสามารถแก้ปัญหาด้านโภชนาการของเด็กในโรงเรียนได้อย่างตรงจุด” จากประสบการณ์การสอนกว่า 40 ปี ในหลายท้องถิ่น ครูบุญเพ็งได้สัมผัสวัฒนธรรมการกินที่แตกต่างกันในแต่ละท้องที่ “หลายๆ จังหวัดในภาคอีสาน นอกจากจะมีวัฒนธรรมการกินอาหารสุกๆ ดิบๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเด็กแล้ว ปัจจุบัน เด็กยังมีพฤติกรรมนิยมบริโภคอาหารตามกระแสและโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมกรุบกรอบ น้ำหวาน น้ำอัดลม ซึ่งอาหารเหล่านี้ล้วนมีน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูงเกินความต้องการของร่างกาย พฤติกรรมการกินเช่นนี้เป็นปัญหาใหม่ของยุคปัจจุบัน และยังไม่มีหลักสูตรที่สอนให้เด็กได้เรียนรู้ถึงโทษอย่างชัดเจน การที่เนสท์เล่นำโครงการเด็กไทยสุขภาพดีเข้ามา จึงช่วยจุดประกายให้โรงเรียนได้จัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพของนักเรียนอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม โดยนำสื่อการสอน แนวทางการจัดกิจกรรม และคำแนะนำต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญและเว็บไซต์ของโครงการฯ www.dekthaidd.com มาปรับใช้ให้เข้ากับนักเรียนและบริบทของโรงเรียน ทำให้รู้สึกว่าการดำเนินกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพของเด็กในโรงเรียนไม่ได้ยากอย่างที่คิด” นอกจากการบูรณาการสื่อการสอนของโครงการเด็กไทยสุขภาพดีไว้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ของครูทุกคนในโรงเรียนแล้ว โรงเรียนบ้านง่อนหนองพะเนาว์ยังจัดกิจกรรมพิเศษเพิ่มเติมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและปลูกฝังค่านิยมด้านโภชนาการที่ถูกต้องภายใต้แนวคิด ‘อ่าน-ปรับ-ขยับ-เปลี่ยน’ ให้แก่นักเรียน อาทิ การอบรมเชิงวิชาการด้านโภชนาการสำหรับนักเรียนและบุคลากรทั้งโรงเรียน และโครงการลดน้ำหนักภายในโรงเรียน ซึ่งให้นักเรียนจับคู่กัน เพื่อสังเกตพฤติกรรม ออกกำลังกาย พร้อมดูแลด้านอาหารและโภชนาการของกันและกัน โดยตั้งเป้าให้เด็กที่มีภาวะเริ่มอ้วนหรืออ้วนจำนวน 30 คน ลดน้ำหนักให้ได้รวม 60 กิโลกรัม ภายใน 120 วัน ปรากฏว่านักเรียนสามารถลดน้ำหนักได้รวมกัน 80 กิโลกรัม โดยทุกคนสามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าที่วางไว้อย่างน้อยคนละ 2 กิโลกรัม และมีบางคนสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 6 กิโลกรัม นอกจากนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมการลดหวานภายในโรงเรียนพบว่า จากปกติในหนึ่งเดือนนักเรียนจะบริโภคน้ำตาล 4 กระสอบเล็ก ปัจจุบันการบริโภคน้ำตาลเหลือเพียง 2 กระสอบเล็กเท่านั้น ครูบุญเพ็ง กล่าวทิ้งท้ายว่า “โรงเรียนเพียงแห่งเดียวคงไม่สามารถส่งเสริมโภชนาการและปรับพฤติกรรมการทานอาหารของเด็กได้อย่างยั่งยืน เราจึงต้องสร้างเครือข่ายเด็กนักเรียนแกนนำเพื่อช่วยต่อยอดสู่ชุมชน โครงการเด็กไทยสุขภาพดีได้ช่วยปลูกฝังและสร้างต้นแบบด้านโภชนาการให้กับนักเรียนที่นี่ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้มีความกล้าที่จะแสดงออก สามารถเรียนรู้ที่จะสืบค้นข้อมูล คิดวิเคราะห์ และสร้างสื่อใหม่ๆ ขึ้นเองเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อให้กับเพื่อนนักเรียนชั้นอื่นๆ ตลอดจนผู้ปกครอง ชุมชน รวมถึงในโรงเรียนที่เด็กได้ย้ายไปศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยม เป็นต้นกล้าด้านโภชนาการที่จะไปหว่านความรู้ให้กับที่อื่นๆ ต่อไป หากโครงการเด็กไทยสุขภาพดีสามารถสร้างต้นกล้าเหล่านี้ได้จำนวนมาก เชื่อว่าปัญหาภาวะโภชนาการของเด็กไทยคงไม่ยากเกินแก้” ผู้สนใจ สามารถดาวน์โหลดสื่อโครงการเด็กไทยสุขภาพดีได้ฟรีที่ www.dekthaidd.com เพื่อใช้ประกอบการสอนให้เข้าใจง่าย และจัดกิจกรรมที่สนุกสนานในการส่งเสริมด้านโภชนาการและการออกกำลังกายสำหรับเด็กวัยเรียน |