อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ

หลายคนมีอาการใจสั่น แล้วเกิดข้อสงสัยว่าเกิดจากสาเหตุอะไร บางคนมีความรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมาก จะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า ศูนย์หัวใจวิชัยเวช 24 ชั่วโมง รพ.วิชัยเวชฯ​หนองแขม ไขข้อสงสัยเรื่องนี้แบบเข้าใจง่าย ๆ

ทำความรู้จักหัวใจของคนเราก่อน
หัวใจของคนเราจะมีขนาดเท่ากำปั้น อยู่บริเวณช่องอก เยื้องไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย มีหน้าที่ในการบีบตัว สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

อัตราการการเต้นของหัวใจ

  • หัวใจเต้น 60-100 ครั้งต่อนาที  : ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • หัวใจเต้นเกิน 100 ครั้งต่อนาที : มีภาวะหัวใจเต้นเร็ว
  • หัวใจเต้นเกิน 150 ครั้งต่อนาที : มีภาวะหัวใจเต้นเร็วมากเข้าขั้นอันตราย

สาเหตุของอาการใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็ว แบ่งออกเป็น

1. หัวใจเต้นเร็วเพราะหัวใจถูกกระตุ้น ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของไฟฟ้าหัวใจ เช่น อยู่ในภาวะตกใจ หรือไปออกกำลังกาย เสียเลือดมากจนซีด ขาดน้ำ ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือเกิดภาวะไทรอยด์เป็นพิษ การดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งก็จะส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วได้

2. หัวใจเต้นเร็วเพราะระบบไฟฟ้าในหัวใจผิดปกติ แบ่งออกได้เป็น

  • จุดกำเนิดหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะที่หัวใจห้องบน Supraventricular Tachycardia หรือที่เรียกว่า SVT เกิดจากทางเดินของกระแสไฟฟ้าหัวใจเพิ่มขึ้นจากปกติ ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรและไปกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วจากภาวะปกติ
  • จุดกำเนิดหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะที่หัวใจห้องล่าง Ventricular Tachycardia หรือที่เรียกว่า VT เกิดจากการมีจุดกำเนิดที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นในหัวใจห้องล่าง

ทำความรู้จักหัวใจเต้นเร็ว

หัวใจเต้นเร็วรูปแบบนี้จะมีลักษณะจำเพาะ โดยที่หัวใจจะเต้นเร็วขึ้นมาอย่างฉับพลันจากภาวะปกติ เช่น จากที่หัวใจเต้น 80 ครั้งต่อนาทีอยู่ดี ๆ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 140 ครั้งต่อนาที ภายในเวลาชั่วพริบตา ทำให้รู้สึกถึงอาการใจสั่น และก็จะสามารถลดลงกลับมาอยู่ในภาวะปกติได้อย่างทันที ซึ่งระยะเวลาที่หัวใจเปลี่ยนจังหวะการเต้นอย่างฉับพลันขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ของแต่ละบุคคล

อาการหัวใจเต้นเร็ว แบ่งออกเป็น
1. อาการไม่รุนแรง อาการที่สามารถพบได้

  • ใจสั่นแบบทันทีทันใด
  • ใจหวิว
  • มึนงง
  • อาจมีอาการแน่นหน้าอก หรือจุกบริเวณลำคอ
  • มีอาการเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีและสามารถหายได้เอง

2. อาการแบบรุนแรง มีอาการหัวใจเต้นเร็วนานหลายนาที หรือหลายชั่วโมง บางรายมีอาการหน้ามืด เป็นลม หมดสติ หัวใจวาย หรือเสียชีวิตทันที


การวินิจฉัยสำหรับผู้มีอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

  • สำหรับผู้ที่มีอาการหัวใจเต้นเร็วเป็นครั้งคราว การวินิจฉัยอาจจะทำได้ยาก เนื่องจากอาการอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นขณะเข้ารับการตรวจหรืออยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งการวินิจฉัยอาจจะต้องใช้เครื่องติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง หรือ Holter Monitoring เป็นเครื่องขนาดเล็ก สามารถพกพาติดตัวไปได้ โดยเครื่องจะทำการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ถึง 48 ชั่วโมง หลังจากที่ได้ข้อมูลการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอด 48 ชั่วโมง ทำให้แพทย์สามารถวิเคราะห์อัตราการเต้นของหัวใจ และจังหวะการเต้นของหัวใจได้ โดยพิจารณาอาการร่วมที่เกิดขึ้นขณะที่คนไข้ติดเครื่อง Holter Monitoring
  • การตรวจด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ (Electrophysiology Study) เป็นการตรวจการทำงานของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อหาจุดกำเนิดของภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ โดยจะทำการตรวจให้ห้องสวนหัวใจ

แนวทางการรักษา

  1. การใช้ยารับประทาน ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถควบคุมอาการได้
  2. การผ่าตัด เป็นการรักษาที่ได้ผลดี และสามารถรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางประเภทให้หายขาดได้ แต่เป็นการผ่าตัดใหญ่ ผู้ป่วยต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลหลังการผ่าตัด
  3. การรักษาด้วยไฟฟ้าความถี่สูงผ่านสายสวน (Radiofrequency Catheter Ablation : RFCA) เป็นการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยแพทย์จะใช้สายสวนชนิดพิเศษใส่ไปในตำแหน่งที่มีการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ และชักระแสไฟฟ้าที่มีความถี่สูงเท่ากับคลื่นวิทยุจี้ยังตำแหน่งที่มีความผิดปกติ ขณะทำการรักษาผู้ป่วยจะได้รับยาระงับความรู้สึก ยาระงับประสาท เพื่อให้ผู้ป่วยนิ่งตลอดระยะเวลาการรักษา โดยใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 1-4 ชั่วโมง การรักษาด้วยวิธีนี้มีผลของความสำเร็จถึง 90-95% แต่ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษาได้ เช่น เกิดภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติหลังการรักษา แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก

 บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

  • ใจสั่นหวิวเป็นเรื่องธรรมดา หรือโรคหัวใจถามหา
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะอันตราย

ฉุกเฉินโรคหัวใจ
เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ หมดสติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ติดต่อศูนย์หัวใจวิชัยเวช 24 ชั่วโมง
02-441-6999 ต่อ 5555
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ  Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา

อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ

หัวใจเต้นเร็ว อาจไม่ใช่สัญญาณของโรคหัวใจเสมอไป

หัวใจเต้นเร็ว คืออัตราการเต้นของหัวใจที่สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของคนทั่วไป ทำให้รู้สึกเหนื่อยหอบ หายใจไม่สะดวก ใจเต้นแรง และอื่น ๆ เป็นสัญญาณหนึ่งของโรคหัวใจ แต่ถึงอย่างนั้นภาวะหัวใจเต้นเร็ว อาจไม่ใช่สัญญาณของโรคหัวใจเสมอไป แต่อาจหมายถึงโรคอื่น ๆ ได้ด้วย โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ทำให้ เมื่อ มีอาการหัวใจเต้นเร็วจึงเข้าใจว่าตนเองป่วยเป็นโรคหัวใจเท่านั้น

อัตราการเต้นของหัวใจ

อัตราการเต้นของหัวใจที่ปกติ ขณะพักจะอยู่ที่ 60-100 ครั้งต่อนาที กรณีที่หัวใจเต้นเร็วคือ สูงกว่า 100 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป

ปัจจัยที่ทำให้หัวใจเต้นเร็ว

  • การเคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลังกาย/เล่นกีฬา
  • ภาวะซีดหรือภาวะโรคเลือดอื่น ๆ
  • โรคไทรอยด์
  • โรคหัวใจ
  • ความเครียด วิตกกังวล
  • เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ ชา
  • ยาบางชนิด เช่น ยาลดอาการคัดจมูก

กลุ่มเสี่ยงของคนที่มีโอกาสเกิดโรคหัวใจ

  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
  • ผู้ที่สูบบุหรี่
  • ผู้ป่วยเบาหวาน
  • ผู้ที่มีความดันสูง
  • ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง

หัวใจเต้นเร็วที่ไม่ใช่โรคหัวใจ

ในคนที่อายุยังน้อย และไม่มีปัจจัยเสี่ยงใด ๆ อาทิ ไม่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคหัวใจ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ไม่มีภาวะความดันสูง ไขมันสูง เป็นไปได้ว่าภาวะหัวใจเต้นเร็วที่เกิดขึ้นอาจไม่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ หรือมีโอกาสเกิดโรคหัวใจได้น้อยมาก แต่อาจเกี่ยวข้องกับภาวะอื่น เช่น ภาวะซีดหรือมีภาวะโรคเลือดอื่น ๆ หรือโรคไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งหากรักษาจนกลับมาอยู่ในภาวะปกติ อาการหัวใจเต้นเร็วก็จะดีขึ้นตามลำดับ

หากมีภาวะซีดที่ไม่รุนแรงและไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ แต่พบว่ามีอาการหัวใจเต้นเร็ว ก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาจออกกำลังกายสม่ำเสมอร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ปอดและหัวใจทำงานได้ดีขึ้น และอาจช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง

การออกกาลังกายที่เหมาะสม

  • คนที่มีร่างกายแข็งแรงสามารถออกกาลังกายได้ตามปกติ ความถี่ที่เหมาะสม คือครั้งละ 30-40 นาที สัปดาห์ละ 3-4 วัน
  • ในคนที่สุขภาพดี ควรสังเกตตนเองเวลาออกกำลังกายเสมอ หากเหนื่อยหอบ หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก ทั้งที่เพิ่งออกกำลังกายไปได้ไม่นาน หรือออกกำลังกายไม่หนักมาก ควรได้รับการตรวจว่าตนเองมีความผิดปกติหรือไม่ เพราะอาจเป็นโรคหัวใจโดยที่ตนเองไม่รู้ตัวมาก่อนได้
  • ที่ผ่านมาเคยมีผู้เสียชีวิตขณะเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย ซึ่งเมื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดมักพบว่ามีโรคหัวใจซ่อนเร้นโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว
  • ในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน ต้องได้รับความคิดเห็นจากแพทย์ประจำตัวก่อน เพื่อประเมินว่าสามารถออกกาลังกายได้ ในระดับไหน ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  • คนที่ต้องระมัดระวังเรื่องการออกกาลังกาย ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยโรคหัวใจ

ความดันต่ำออกกำลังกายได้หรือไม่

ภาวะความดันต่ำเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป โดยจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ระดับความดันต่ำที่อยู่ในเกณฑ์ ปกติไม่เป็นอันตรายคือ ต้องเกิน 90 ขึ้นไปจนถึง 100 มม.ปรอทเป็นระดับที่เพียงพอต่อการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมองและอวัยวะต่าง ๆ หากต่ำกว่า 90 มักมีอาการหน้ามืด เป็นลม หกล้มบาดเจ็บ และถ้าหากพบว่าตนเองมีความดันต่ำควรดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนออกกาลังกายและพกน้ำดื่มติดตัว รวมถึงเครื่องดื่มเกลือแร่ให้พร้อม

ข้อมูลโดย
รศ. นพ.ทศพล ลิ้มพิจารณ์กิจ
สาขาวิชาโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “โรคหัวใจ : พบหมอรามา ช่วง ลัดคิวหมอ” ได้ที่นี่

หัวใจเต้น120ปกติไหม

หัวใจปกติจะเต้นอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความเร็วที่เปลี่ยนไปตามกิจกรรมของร่างกาย โดยในขณะพักหัวใจจะเต้นประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที ในขณะเดินหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นประมาณ 100-120 ครั้งต่อนาทีและมากกว่า 120 ครั้งต่อนาทีในขณะวิ่ง อย่างไรก็ตามนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำ อาจมีชีพจรในขณะพักระหว่าง 50-60 ครั้งต่อนาที

หัวใจเต้นแรง แค่ ไหน อันตราย

หัวใจเต้น 60-100 ครั้งต่อนาที : ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ หัวใจเต้นเกิน 100 ครั้งต่อนาที : มีภาวะหัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นเกิน 150 ครั้งต่อนาที : มีภาวะหัวใจเต้นเร็วมากเข้าขั้นอันตราย

หัวใจเต้นแรงผิดปกติ เกิดจากอะไร

สาเหตุของหัวใจเต้นเร็ว ภาวะที่ทำให้หัวใจทำงานหนัก และเนื้อเยื่อหัวใจถูกทำลายจากโรคหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart Disease) ภาวะโลหิตจาง (Anemia) ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism)

หัวใจเต้น 110 ปกติไหม

อัตราการเต้นของหัวใจที่ปกติ ขณะพักจะอยู่ที่ 60-100 ครั้งต่อนาที กรณีที่หัวใจเต้นเร็วคือ สูงกว่า 100 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป