Stethoscope ฟังเสียงหัวใจทารก

การได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจของลูกเป็นครั้งแรกนั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์และน่าตื่นเต้น การฟังเสียงเต้นของหัวใจสามารถให้ข้อมูลที่สำคัญแก่แพทย์เกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อยของคุณ ในฐานะว่าที่แม่หรือพ่อ การได้ยินเสียงเต้นของหัวใจสามารถมอบความเชื่อมั่นว่าทารกกำลังเติบโตขึ้นตามที่ควร วิธีการฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์นั้นมีอยู่หลายวิธี บางวิธีคุณสามารถทำได้ที่บ้าน บางวิธีต้องปฏิบัติในห้องทำงานหมอ อย่างไรก็ตาม ควรแน่ใจว่าได้สอบถามกับแพทย์ของคุณแล้วก่อนลองใช้วิธีที่ทำได้ในบ้าน

1. 

   1

   ใช้หูฟังแพทย์. หูฟังแพทย์เบื้องต้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ที่บ้าน เมื่อคุณตั้งครรภ์ได้ 18 ถึง 20 สัปดาห์ การเต้นของหัวใจน่าจะแข็งแกร่งพอให้คุณฟังเสียงได้ด้วยวิธีนี้ ให้แนบหูฟังแพทย์บนท้องของคุณและฟังเสียง คุณอาจต้องเลื่อนหูฟังไปมาสักเล็กน้อยเพื่อค้นหาเสียงเต้นของหัวใจ จงอดทน [1]

   • คุณภาพก็มีความสำคัญ ควรซื้อหูฟังแพทย์จากผู้จำหน่ายที่ได้มาตรฐาน คุณจะเจอยี่ห้อต่างๆ มากมายที่ร้านขายยาใกล้บ้านคุณและกระทั่งที่ร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องใช้สำนักงาน หรือหากคุณทำได้ ให้ขอยืมหูฟังแพทย์จากเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในวงการแพทย์

2. 

   2

   ดาวน์โหลดแอป. เทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถทำให้การฟังเสียงเต้นของหัวใจของลูกนั้นเป็นไปอย่างง่ายดายไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม มีแอปต่างๆ มากมายที่คุณสามารถเลือกซื้อและดาวน์โหลดลงในสมาร์ทโฟนของคุณเพื่อใช้ฟังเสียงเต้นของหัวใจ บางแอปก็ถึงกับทำให้คุณสามารถบันทึกเสียงเต้นของหัวใจได้ เพื่อให้คุณสามารถเล่นเสียงให้เพื่อนและครอบครัวของคุณฟัง[2]

   • แอปเหล่านี้จะใช้ได้ผลมากที่สุดในช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์

3. 

   3

   ซื้อเครื่องตรวจสอบทารกในครรภ์. คุณสามารถซื้อเครื่องตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ได้ในราคาไม่แพงนักเพื่อนำมาใช้ที่บ้าน อุปกรณ์นี้อาจเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมหากคุณมีแนวโน้มที่จะเกิดความเครียดและรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้ฟังเสียงหัวใจระหว่างช่วงรอไปพบแพทย์ อย่างไรก็ตาม คุณควรทราบว่าเครื่องตรวจเหล่านี้ไม่ได้รับสัญญาณได้ดีเท่าเครื่องที่แพทย์ของคุณใช้ ฉะนั้น อย่าคาดหวังว่าอุปกรณ์จะสามารถจับเสียงเต้นของหัวใจได้จนกว่าคุณจะอยู่ในระยะตั้งครรภ์อย่างน้อย 5 เดือน[3]

   • ควรปรึกษากับแพทย์ของคุณก่อนซื้อเครื่องตรวจสำหรับใช้ที่บ้าน เมื่อคุณได้เครื่องมาใช้แล้ว ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างรอบคอบ

4. 

   4

   รู้จักปัจจัยที่ส่งผลต่อการได้ยินเสียง. แม้ว่าคุณจะใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้คุณไม่สามารถตรวจจับการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ได้ด้วยตนเอง ควรทราบว่าปัจจัยต่างๆ เช่น ตำแหน่งของทารก และน้ำหนักของคุณ อาจส่งผลต่อการที่คุณจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจได้อย่างชัดเจนหรือไม่ หากคุณรู้สึกเริ่มเป็นกังวล ให้ติดต่อผู้ให้บริการทางการแพทย์ของคุณทันที[4]

   โฆษณา

1. 

   1

   พูดคุยกับแพทย์ของคุณ. ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและแพทย์หรือผู้ผดุงครรภ์ของคุณนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อคุณกำลังตั้งครรภ์ ควรแน่ใจว่าคุณกำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพที่คุณวางใจ พูดคุยกับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับพัฒนาการของทารก และวิธีการที่ดีที่สุดที่คุณสามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจได้ ทั้งจากที่บ้านและในห้องทำงานของแพทย์ ควรเลือกแพทย์ที่ตอบทุกคำถามของคุณอย่างถี่ถ้วนและไม่รีบร้อน[5]

2. 

   2

   เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการนัดพบ. ถามกับแพทย์ของคุณว่าคุณจะสามารถคาดหวังว่าจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเป็นครั้งแรกได้เมื่อใด แพทย์ส่วนใหญ่จะนัดตรวจครรภ์ก่อนคลอดในระยะตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 9 หรือ 10 ก่อนที่คุณจะไปพบแพทย์ ควรเตรียมรายการคำถามที่ต้องการสอบถามแพทย์ของคุณ ช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงเวลาที่พิเศษยิ่งกว่าเดิมหากคุณเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและควรคาดหวังอะไร[6]

   • การพบแพทย์ในครั้งนี้จะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและสะเทือนอารมณ์ บอกให้คู่ครองหรือเพื่อนสนิทหรือสมาชิกในครอบครัวของคุณมากับคุณด้วยตอนนัดพบแพทย์เพื่อแบ่งปันความตื่นเต้นของคุณร่วมกัน

3. 

   3

   ลองใช้เครื่องรับสัญญาณความถี่จากทารกในครรภ์. พูดคุยกับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับประเภทการทดสอบที่เขาจะใช้เพื่อให้ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ โดยทั่วไปแล้ว คุณจะได้ยินเสียงเป็นครั้งแรกเมื่อหมอหรือผู้เชี่ยวชาญใช้เครื่องมือรับสัญญาณความถี่จากทารกในครรภ์ ซึ่งจะใช้คลื่นเสียงเพื่อขยายความถี่ของการเต้นของหัวใจ คุณจะต้องนอนลงบนเตียงตรวจโรค แล้วแพทย์จะเคลื่อนเครื่องมือตรวจขนาดเล็กไปบนผิวหน้าท้องของคุณ วิธีการนี้จะไม่ทำให้เจ็บปวด[7]

   • แม้ว่าตามปกติแล้วหมอจะสามารถตรวจจับการเต้นของหัวใจของทารกเมื่อตั้งครรภ์ได้ 9 ถึง 10 สัปดาห์ แต่บางครั้งอาจต้องผ่าน 12 สัปดาห์ไปแล้วถึงจะตรวจจับเสียงได้อย่างง่ายดาย

4. 

   4

   ตรวจอัลตราซาวด์. ถ้าแพทย์ของคุณนัดให้คุณมาตรวจอัลตราซาวด์ในระยะแรกๆ คุณอาจสามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจผ่านการทำอัลตราซาวด์ได้ทันทีที่คุณตั้งครรภ์ได้ 8 สัปดาห์ โดยทั่วไปแล้วการตรวจอัลตราซาวด์จะทำตั้งแต่ระยะแรกๆ หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงสูงในการตั้งครรภ์ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ตามปกติแล้วแพทย์จะรอจนกว่าคุณจะตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 10-12 สัปดาห์[8]

5. 

   5

   รู้จักเครื่องมือชนิดต่างๆ. พึงระลึกไว้ว่าแพทย์ของคุณอาจสามารถใช้หูฟังแพทย์เพื่อฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยของคุณได้ อย่างไรก็ตาม เครื่องมือนี้มีประสิทธิภาพไม่มากเท่าเครื่องมือชนิดอื่น ฉะนั้น แพทย์อาจไม่ทำเช่นนี้จนกว่าคุณจะเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ แพทย์หรือผู้ผดุงครรภ์ของคุณอาจใช้หูฟังสำหรับตรวจทารกในครรภ์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ฟังเสียงการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์โดยเฉพาะ[9]

   โฆษณา

1. 

   1

   เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของทารกในครรภ์. เมื่อคุณกำลังตั้งครรภ์ การทราบถึงพัฒนาการของลูกน้อยของคุณในแต่ละขั้นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณจะทราบว่าเมื่อใดที่คุณสามารถคาดหวังได้อย่างสมเหตุสมผลว่าจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ อีกทั้งคุณยังสามารถเทียบเคียงข้อมูลนี้ควบคู่ไปกับความคืบหน้าทางด้านพัฒนาการอื่นๆ ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น ควรทราบว่าคุณสามารถคาดหวังว่าตามปกติแล้วแพทย์จะสามารถตรวจจับการเต้นของหัวใจของทารกได้เมื่ออยู่ในสัปดาห์ที่ 8, 9 หรือ 10[10]

   • จำไว้ว่าวันที่มีการปฏิสนธินั้นไม่ได้แม่นยำเสมอไป อย่าตื่นตระหนกทันทีหากคุณคิดว่าลูกน้อยของคุณพัฒนาได้ไม่เร็วพอ วันที่คุณมีการปฏิสนธิอาจคาดเคลื่อนไปหนึ่งหรือสองสัปดาห์

2. 

   2

   ดูแลหัวใจให้มีสุขภาพดี. สิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยให้หัวใจของลูกน้อยของคุณเติบโตได้อย่างแข็งแรงและมีสุขภาพดีนั้นมีอยู่มากมาย ระหว่างที่คุณตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และสารเสพติดเพื่อผ่อนคลาย คุณควรกินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของกรดโฟลิกเป็นประจำเพื่อช่วยให้ลูกน้อยของคุณมีพัฒนาการ[11]

   • กินอาหารบำรุงสุขภาพและหลีกเลี่ยงคาเฟอีน

3. 

   3

   ทราบถึงความเสี่ยง. แม้ว่าคุณจะรู้สึกกระวนกระวายใจที่จะได้ยินเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ แต่คุณก็ควรทราบถึงความเสี่ยงที่เข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อใช้เครื่องตรวจสอบหัวใจของทารกที่บ้าน ข้อเสียเปรียบใหญ่ๆ ก็คือว่า การได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่มีสุขภาพดีอาจนำไปสู่การเกิดความรู้สึกผิดๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยในแม่ที่ตั้งครรภ์ ตัวอย่างเช่น หากคุณรู้สึกไม่ดี แต่ยังสามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอยู่ คุณอาจผัดผ่อนการไปพบแพทย์ได้ ควรรับฟังร่างกายของคุณและติดต่อแพทย์ของคุณทันทีเมื่อพบสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่ามีอะไรผิดปกติ อย่าอาศัยเครื่องตรวจสำหรับใช้ที่บ้านมากเกินไป[12] ในความเป็นจริงแล้ว การมีเครื่องมือตรวจอาจไปเพิ่มระดับความเครียดของคุณแทน

4. 

   4

   สานสัมพันธ์กับลูกน้อยของคุณ. ถ้าแพทย์ของคุณยินยอม ให้พยายามปรับอารมณ์ให้เข้ากับการเต้นของหัวใจของทารกจนเป็นนิสัย ประสบการณ์เช่นนี้อาจเป็นแนวทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณในการสานสัมพันธ์กับลูกในท้อง สำหรับการทำตัวให้รู้สึกผ่อนคลาย ให้ลองแช่ตัวในน้ำอุ่นแล้วพูดกับทารกในครรภ์ของคุณ เมื่อคุณเริ่มคืบหน้าในระยะการตั้งครรภ์ของคุณ ทารกจะเริ่มตอบสนองต่อเสียงและอารมณ์ของคุณ ทั้งนี้ ลูกของคุณจะเริ่มได้ยินเสียงเมื่อตั้งครรภ์ได้ราวๆ 23 สัปดาห์[13]

   โฆษณา

เคล็ดลับ

• แบ่งปันประสบการณ์นี้ร่วมกันกับคู่ครองของคุณ ช่วงเวลานี้ควรเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับคุณ
• ลองใช้วิธีการต่างๆ หลายๆ วิธีเพื่อค้นหาวิธีที่คุณรู้สึกสบายใจมากที่สุด

โฆษณา

คำเตือน

• ปรึกษาแพทย์ประจำตัวของคุณก่อนพยายามฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์

โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 21,493 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม