การยศาสตร์ (Ergonomics) มาจากภาษากรีก คือ คาว่า “ergon” หมายถึง งาน (Work) และคาว่า “nomos” เป็ นคาว่า Ergonomics แปลว่า กฎของงาน การยศาสตร์ เก่ียวกบั การออกแบบงานหรือสภาพแวดล้อมในการ 61 การยศาสตรเ์ ป็นเร่ืองของการศึกษาสภาพการทางานที่มีความสมั พนั ธ์ 62 การยศาสตรเ์ ป็นการนาเอาศาสตรจ์ ากวิชาแขนงต่างๆ มาประยกุ ต์ใช้ 63 ตัง้ แต่ในสมัยอดีตกาล มนุษย์มีประดิษฐ์เคร่ืองมือเคร่ืองใช้สาหรบั ทา 64 ปัจจบุ นั ประเทศท่ีพฒั นาแล้วอย่างสหรฐั อเมริกา และกลุ่มประเทศ ขอบข่ายของการยศาสตร์ การยศาสตรเ์ กี่ยวข้องกบั แนวความคิด 66 ประโยชน์ของการยศาสตร์ การนาหลกั การยศาสตรเ์ ข้ามาใช้ในการจดั 1. ช่วยลดอบุ ตั ิเหตทุ ี่อาจเกิดขึน้ ระหว่างทางาน ผปู้ ฏิบตั ิงาน อย่างเหมาะสม ช่วยให้สามารถทางานได้มากขึน้ ในระยะเวลาเท่าเดิม จึงทาให้ 67 ตวั แปรท่ีเก่ียวข้องกบั การยศาสตร์ มีดงั นี้ 68 ข ณ ะ ท า ง า น ร่ า ง ก า ย ข อ ง ค น 69 ลกั ษณะท่าทางที่เหมาะสมกบั งาน มีดงั นี้ 1. งานยืนอยู่บนพื้นท่ีไม่มีความมนั่ คง จะทาให้เกิดความวิตกกงั วล และต้อง 2. ลกั ษณะท่าทางในการทางานท่ีเหมาะสมช่วยให้สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ลกั ษณะท่าทางในการทางานที่ดีจะไม่ก่อให้เกิดการขดั ขวางกระบวนการทางาน 4. ลกั ษณะการทางานท่ีดีและเหมาะสมช่วยให้ระบบการแลกเปลี่ยนระหว่างความ 5. ลกั ษณะท่าทางของการทางานต้องสมั พนั ธก์ บั การมองเหน็ หมายถงึ ท่าทางการ ทางานท่ีมนั่ คงจะต้องให้มีการมองเห็นของสายตาอยู่ในระดบั พอดี ไม่ทาให้เกิดการ เม่อื ยล้าคอและหลงั 70 ลกั ษณะท่าทางในการยนื ทางาน ควรปฏิบตั ิดงั นี้ 2. ควรจดั ให้มีท่ีวางพกั เท้า เพื่อให้ผปู้ ฏิบตั ิงานได้ปรบั เปลี่ยนอิริยาบถ หรือ 3. ควรจดั ให้มีแผน่ รองปพู ืน้ ท่ีเป็นวสั ดทุ ่ีมีความยดื หยนุ่ สะอาด และเหมาะสม 4. ควรจดั ให้มีพืน้ ท่ีเพียงพอสาหรบั การเคลอ่ื นเท้าไปข้างหน้าหรือขา้ งหลงั โดย 5. ไม่ควรจดั ให้ผปู้ ฏิบตั ิงานต้องเอนตวั ไปด้านหน้า ด้านหลงั หมนุ ตวั หรือเอียง 71 6. ไม่ควรให้ผ้ปู ฏิบตั ิงานต้องเอื้อมมือสูงกว่าระดบั ความสูงของไหล่ 7. จดั เก้าอี้ให้ผปู้ ฏิบตั ิงานนัง่ พกั ระหว่างการทางาน 72 8. ให้ผู้ปฏิบตั ิงานสวมรองเท้าที่เหมาะสมพอดีกบั ขนาดของเท้า การออกแบบโต๊ะทางานสาหรบั ผ้ทู ่ียืนปฏิบตั ิงาน ควรให้มี 73 การจดั ท่าทางการทางานสาหรับการนั่งเก้าอที้ างาน โตะ๊ ที่ใชส้ ำหรับนง่ั อ่ำนหนงั สือ ตอ้ งสำมำรถวำงแขนและขอ้ ศอก 15 การออกแบบเครอื่ งมือและอปุ กรณ์ ควรปฏิบตั ิดงั นี้ 74 การออกแบบอปุ กรณ์ควบคมุ ควรปฏิบตั ิดงั นี้ 75 การทางานที่ต้องใช้แรงมาก มีความเสี่ยงต่อการเกิด แรงมากสลบั กบั งานที่เบาแรงบ้าง และต้องจดั เวลาพกั ให้ หากลกั ษณะงานที่ทาเป็นงานท่ีต้องออกแรงมาก เช่น งานที่เก่ียวข้องกบั การเคล่ือนย้ายวสั ดุ สิ่งของที่มีน้าหนักมาก เป็นต้น อาจมีการออกแบบลกั ษณะงานเพื่อให้มีการออกแรง น้อยลง เช่น การนาสิ่งของท่ีต้องเคลื่อนย้ายมาแบง่ บรรจุ เพ่ือ ให้มีขนาดและน้าหนักลดลง การทาให้วสั ดมุ ีการเคล่ือนย้ายที่ง่ายขึน้ การจดั เกบ็ วสั ดใุ ห้สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย การหาวิธีลดระยะทางในการเคล่ือนย้าย และที่ สาคญั ควรหลีกเล่ียงการทางานที่ผิดท่าทางท่ีผิดปกติ 76 19 เสียง (Noise) 77 1. เสียง (Noise) เสียงรบกวนท่ีเกิดข้ึนขณะปฏิบตั ิงำน เช่น เสียงเคร่ืองจกั ร เสียง กำรจดั กำรเก่ียวกบั เสียงตำมหลกั กำรยศำสตร์ กระทำได้ 3 แนวทำง ดงั น้ี 21 2. แสงสว่าง (illumination) หำกแสงสวำ่ งนอ้ ยเกินไปทำใหเ้ กิดอำกำรเมื่อยตำปวดศีรษะ กำรจดั กำรเก่ียวกบั แสงสวำ่ งตำมกลกั กำรยศำสตร์ สำมำรถกระทำไดโ้ ดย 22 การใช้แสงเพ่ือไมใ่ ห้เกิดอาการพรา่ ตา กระทาได้ดงั นี้ 23 3. อณุ หภมู ิ (Temperature) อุณหภูมิที่ไม่เหมำะสมจะส่งผลต่อประสิทธิภำพในกำรทำงำน เช่น 24 แนวทางการแก้ปัญหาความร้อนในสถานท่ีทางาน มีดงั นี้ 1. ใช้เคร่ืองจกั รทางานแทนคนในบริเวณที่ทางานท่ีมีความร้อนสงู 2. เพิ่มความเรว็ ลมและจดั ให้มีการหมนุ เวียนถา่ ยเทเพ่ือให้อากาศดีขึน้ 3. ทาฉากกนั้ ระหว่างแหล่งกาเนิดความร้อนกบั ผปู้ ฏิบตั ิงาน 7. จดั หาน้าด่ืมบริเวณท่ีทางาน ขณะทางานควรด่ืมน้าอ่นุ และหลงั ควรด่ืมน้าเยน็ 8. คดั เลือกบคุ คลท่ีเหมาะสมกบั งาน รา่ งกายสมบรู ณ์ ทางานในท่ีอากาศร้อนได้ 9. ลดเวลาทางานท่ีต้องสมั ผสั อากาศรอ้ นให้น้อยลง 25 แนวทางการแก้ปัญหาความเยน็ ในสถานที่ทางาน มีดงั นี้ 1. ใชฉ้ ำก หรือกำบงั ป้องกนั เพ่ือลดควำมเร็วของลมท่ีจะมำปะทะตวั ผปู้ ฏิบตั ิงำน 26 |